/ รักโบราณ / ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ / บทที่8 เดินทางเข้าเมืองหลวง (ช่วงปลาย)

공유

บทที่8 เดินทางเข้าเมืองหลวง (ช่วงปลาย)

last update 최신 업데이트: 2025-11-06 23:40:55

          อีกด้านหนึ่ง

          “อาจารย์ ข้าว่าพักโรงเตี๊ยมนี้ดีกว่า”

          เซียวอันหนิงพูดขึ้นเมื่อเห็นที่เหมาะ ๆ อีกทั้งตอนนี้นางเมื่อยเต็มที อาจารย์พานางเดินไปทั่วเสียจนตอนนี้ขาจะหลุดออกมาอยู่แล้ว โชคดีที่เซียวเหวินเองก็เมื่อย ไม่อย่างนั้นตอนนี้คงได้เกิดการถกเถียงจริง ๆ

          เมื่อตกลงกันได้จึงพากันเข้าไปในโรงเตี๊ยม โรงเตี๊ยมแห่งนี้ถูกสร้างเป็นแบบสองชั้น มีห้องพักอยู่หลายรูปแบบ พักห้องละสองคน หรือพักด้วยกันห้องละสี่ถึงห้าคน แล้วยังมีห้องพักแบบคนเดียวเพื่อความเป็นส่วนตัวอีกด้วย ทั้งสองพากันมองซ้ายขวา ไม่นานจึงเห็นเถ้าแก่คนหนึ่งกำลังขีดเขียนลงกระดาษจึงได้เอ่ยออกไป

          เซียวอันหนิงร้องบอกเขา “เถ้าแก่ ข้าต้องการที่พักสองห้อง”

          “เอาห้องแบบไหนเล่าแม่นาง” เถ้าแก่ถามขึ้นขณะวางกระดาษในมือแล้วเดินมารับรองลูกค้าท่าทางสุภาพ เซียวอันหนิงตอบไปแทบทันที “เอาห้องพักแบบเดี่ยวสองห้อง”

          เถ้าแก่พยักหน้า คิดเงินเรียบร้อยจึงรีบเดินขึ้นไปเตรียมที่พักให้ทันที โชคดีว่าไม่ต้องรอนานนัก ทั้งคู่พากันเดินไปยังห้องพักส่วนตัวแล้วแยกย้ายกันไปจัดการธุระของตนเองทันที นางเข้ามาในห้อง ครุ่นคิดว่าหลังจากชำระร่างกายเรียบร้อยจะคุยเรื่องมิติวิเศษเสียให้เรียบร้อย ใจหนึ่งตื่นเต้นไปหมด ใจหนึ่งหวาดกลัวว่าจะถูกมองประหลาด

          นางรีบชำระร่างกายให้เรียบร้อย จึงเดินไปเคาะประตูห้องท่านอาจารย์ทันที มือกำกระโปรงตนแน่น ทั้งตื่นเต้นทั้งกลัวในเวลาเดียวกัน

          “ท่านอาจารย์ ข้าเข้าไปได้หรือไม่”

          “ได้ เข้ามาสิ”

          ชายชราก็ได้แต่สงสัยว่านางมีธุระอะไร ถึงได้ยังไม่พักผ่อนเสียที

          ประตูถูกเปิดออก เซียวอันหนิงยิ้มเจื่อน ๆ ให้เขาในขณะที่ชายชราขมวดคิ้วมองนางท่าทางสงสัยยิ่งนัก ไหนว่าเหนื่อยเสียนักหนาแต่ตอนนี้กลับมาเคาะประตูขอคุยด้วยเสียอย่างนั้น นางเห็นสายตาพลันร้อนรน รีบปิดประตูให้เรียบร้อยก่อนเดินฉับ ๆ ไปนั่งเก้าอี้เรียบเรียงคำพูด

          “เอ่อ...อาจารย์ ท่านยังจำได้หรือไม่ ตอนท่านเจอข้า ข้าได้บอกว่าเกิดอุบัติเหตุจนหมดสติไป”

          ชายชราพยักหน้า ยังไม่แน่ใจว่าศิษย์ผู้นี้ต้องการจะสื่อถึงสิ่งใด “อืม...จำได้สิ เจ้าบอกว่าหมดสติไปจนสมองเลอะเลือน”

          คนงามยิ้มค้าง พล่ามไปเสียมากแต่อาจารย์ดันจำได้เพียงเลอะเลือนเพียงเท่านั้นงั้นรึ?

          นางลูบผมท่าทางประหม่าก่อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงติดกังวล “คือว่า...หากข้าทำเรื่องประหลาดให้ท่านดู ท่านอย่าตกใจได้หรือไม่เจ้าคะ”

          เซียวเหวินมองนางด้วยแววตาสื่อความชัดเจนว่าไม่มีที่ใดของนางปกติมาตั้งแต่แรก จะมากังวลอันใดในเวลานี้

สุดท้ายเซียวอันหนิงได้หลับตา ตั้งจิตมั่นเพื่อเข้าไปในมิติ และเมื่อแบมือออกก็พบกับโสมสองต้นใหญ่อยู่ในสภาพสมบูรณ์

          ทางเซียวเหวินเห็นเช่นนั้นพลันตื่นตระหนกจนร่างแข็งค้าง ไม่คิดไม่ฝันว่าตนจะมีโอกาสเจอเรื่องพิศวงเช่นกับตา คนงามเห็นเช่นนั้นพลันรีบอธิบายก่อนถูกอาจารย์มองนางเป็นปีศาจไปเสียก่อน

          “ที่ข้าจะบอกอาจารย์ก็เรื่องนี้แหละ ยามนั้นข้าตกน้ำไป คิดว่าจะตายเสียแล้วแต่กลับมีเซียนคนหนึ่งมาหาบอกว่าข้ายังมิถึงที่ตาย จากนั้นจึงให้มิติซึ่งมีแต่ยาสมุนไพรมาให้ แล้วบอกว่าจงสร้างกุศลกับผู้อื่น รักษาผู้ตกยาก และจงอย่าบอกเล่าทุกเรื่องราวให้กับผู้ที่ไว้ใจมิได้ ท่านอาจารย์ ข้ารู้ว่าเรื่องนี้น่าเหลือเชื่อ ทว่าตัวข้ามีของเช่นนี้ไปแล้ว หวังว่าท่านจะไม่คิดว่าข้าเป็นปีศาจหรอกนะเจ้าคะ”

          นางทำทียิ้มเศร้าหมอง รู้ดีว่าชายชราจิตใจเปราะบางเป็นน้ำตาลเคลือบถังหูลู่ผู้นี้แพ้ทางสิ่งน่าสงสาร ไม่เช่นนั้นคงไม่ยอมเดินทางรอนแรมรักษาคนไปทั่วเช่นนี้ ซึ่งชายชราพอได้ยินเช่นนั้นมีหรือจะมองว่าศิษย์ตนเป็นมารไปได้ หากถึงขนาดเทพเซียนให้มิติอันเต็มไปด้วยยาซึ่งสรรพคุณรักษา คนเช่นนี้หรือจะเป็นมาร เขายิ้มให้ก่อนบอกน้ำเสียงนุ่มนวลระคนเป็นห่วง

          “เจ้าอย่าได้บอกเรื่องนี้กับผู้ใดเชียว มันจะเป็นอันตรายต่อตัวเจ้าเอง”

          “ข้าทราบเจ้าค่ะ ทว่าในเมื่อตอนนี้เป็นศิษย์ท่าน การเอาขาองพวกนี้ออกมาแล้วต้องหลบซ่อนย่อมทำให้ลำบากภายหลัง หากต้องหาข้ออ้างมาบอกท่านเสมอสู้บอกไปตามตรงเลยยังดีเสียกว่า อย่างไรเสียเจตนาของเทพเซียนผู้นั้นก็ให้มิติแก่ข้าเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นอยู่แล้ว”

          “เอาเถิด เจ้าเองก็ไปพักผ่อนได้แล้ว ข้าอยากเอนหลังเสียหน่อย”

          คืนนั้นเองระหว่างหลับใหล เซียวอันหนิงฝันถึงชายชุดดำที่นางกับอาจารย์ทำการช่วยเหลือไว้ ในฝันของนางเขาพุ่งมาโอบกอดนางแน่นเสียจนดิ้นไม่หลุด ยิ่งดิ้นอ้อมแขนแกร่งนั้นยิ่งรัดมากขึ้น จนในที่สุดหลังจากพยายามดิ้นรนเอาตัวรอด เปลือกตาพลันเปิดโพลงขึ้นมากะทันหัน หญิงสาวหอบหายใจ เหงื่อไหลโซมกาย เมื่อตั้งสติได้พลันมีโทสะปะทุขึ้นมา

          ‘น่าโมโหเสียจริง ข้ารึอุตส่าห์ช่วยเจ้าไว้แท้ ๆ ยังกล้าดีมาทำลามกในความฝันข้าเสียอย่างนั้น’

          มือเรียวลูบผมท่าทางหงุดหงิดงุ่นง่าน อีกไม่กี่ชั่วยามจะสว่างแล้ว นอนต่อไปก็มิหลับตาลงต่อได้ พอพบหน้าอาจารย์ก็ยังมีสภาพขอบตาแดงก่ำจากการอดนอน ใบหน้าสะลึมสะลือเล็กน้อยผิดจากปกติ ชายชราเลิกคิ้วมองท่าทางงุนงงกับใบหน้าเหมือนมิได้นอนดีๆ ไปเสียอย่างนั้น

          “เหตุใดดวงตาเจ้าถึงเป็นเช่นนั้นเล่า”

          คนงามเม้มปาก ไม่รู้ต้องอธิบายอย่างไรว่าเจ้าบุรุษชุดดำแปลงร่างเป็นงูหลามมารัดนางเสียจนกระดูกแทบแตก ขืนเอ่ยออกไปท่านอาจารย์คงคิดว่ามีความคิดอกุศลเป็นแน่

          “ข้าแค่แปลกที่เลยนอนมิค่อยหลับเจ้าค่ะ”

          นางเอ่ยออกไปส่ง ๆ ทางชายชราเองก็ทำเพียงพยักหน้ารับเท่านั้น เซียวอันหนิงรู้สึกว่าตอนนี้เป้าหมายการมาถึงเมืองหลวงได้ลุล่วงแล้ว ทว่าจะทำสิ่งใดต่อไปนั้นไม่รู้เลย

          “หลังจากนี้เราจะทำอย่างไรต่อไปหรือเจ้าคะ เพราะก็มาถึงเมืองหลวงแล้ว”

          “ข้าคิดเปิดโรงหมอ ช่วงเวลาที่เดินทางมาได้ยินข่าวว่ามีโรคประหลาด ในหมู่บ้าน ที่นั่นมิไกลจากเมืองหลวงนัก”

          เซียวอันหนิงมิคัดค้าน นางกับอาจารย์พากันเดินหาสถานที่เหมาะ ๆ สำหรับเปิดโรงหมอ ลองสอบถามดูว่ามีที่ใดพอให้เช่าได้บ้างซึ่งก็ได้มาที่หนึ่ง มันเป็นที่ที่ถูกเจ้าของทิ้งไว้ไม่ได้ทำประโยชน์ หากชายชราต้องการเปิดโรงหมอ เขาย่อมยินดีให้เช่าโดยง่าย อย่างไรก็เป็นพื้นที่สร้างกุศลแก่คนอื่น ๆ อยู่แล้ว

          ศิษย์อาจารย์และนายหน้าพากันมายังสถานที่ซึ่งกำลังคิดจะเช่า มองดูแล้วมีส่วนให้ต้องตกแต่งเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มลิ้นชัก ตู้สำหรับแยกสมุนไพร เนื้อที่โดยรวมมีขนาดราว ๆ สองผิง (1 ผิง เท่ากับ 3.3 เมตร) สามารถกั้นห้องแยกไว้สำหรับพักผ่อนและตรวจคนไข้ได้อย่างชัดเจน เทียบกับพื้นที่อื่น ๆ ซึ่งต้องลงทุนปรับแต่งพอสมควร สู้เอาที่นี่ไปเสียเลยยังดีเสียกว่า

          เซียวอันหนิงตกลงเช่าที่นี่พร้อมกับหาคนออกแบบ ช่างไม้ มาช่วยจัดการเกี่ยวกับสิ่งของอันจำเป็นภายในพื้นที่ มีการจัดจ้างคนงานมาจัดการพื้นที่ให้สะอาดหมดจด ส่วนนางกับท่านอาจารย์ได้เช่าโรงเตี๊ยมอาศัยอยู่ชั่วคราว เขาเริ่มปรุงยาโดยอาศัยสมุนไพรจากนางระหว่างรอการตกแต่งโรงหมอ การไม่ต้องออกไปหาสมุนไพรจนปวดหลังทำให้งานเตรียมยาดำเนินไปได้ค่อนข้างไว เพียงสิบวันหลังตกลงเช่าพื้นที่ โรงหมอก็พร้อมทำการ

          เริ่มแรกชาวบ้านไม่รู้จักจึงไม่ค่อยมีคนเข้ามารักษา อาศัยเวลาสักพักถึงเริ่มมีคนเข้ามาขอความช่วยเหลือ วันนี้ในขณะที่นางกำลังช่วยอาจารย์แยกสมุนไพร ตรงประตูมีหญิงชาวบ้านคนหนึ่งพยุงชายวัยกลางคนท่าทางทุลักทุเล ใบหน้ามีแต่น้ำตาจนมอมแมมไปเสียหมด

          “ท่านหมอ ฮึก ช่วยสามีข้าด้วยเจ้าค่ะ”

          เซียวเหวินเห็นท่าไม่ดีจึงรีบบอก เขาละจากกองสมุนไพรทันทีเพื่อเตรียมยาสำหรับรักษา “พาสามีเจ้าไปนั่งเก้าอี้ เล่าอาการให้ข้าฟังว่าเขาป่วยอันใดมา”

          หญิงชาวบ้านเล่าอาการของสามี เริ่มจากมีอาการท้องเสียรุนแรง ต่อมาถึงอาเจียน ตกกลางคืนมีไข้ขึ้นสูง รุ่งสางเห็นท่าไม่ดีรีบพามาโรงหมอ ชายชราฟังแล้วเริ่มวินิจฉัยอาการ คงต้องจัดยาไปตามอาการเสียก่อน เขาครุ่นคิดว่าอาการไม่ใช่การป่วยแบบที่เจออยู่บ่อย ๆ เป็นไปได้ว่าอาจเป็นโรคระบาดในช่วงนี้

          เขาบอกเซียวอันหนิงจัดยาต้มสองห่อ เมื่อได้รับยาจากนางพลันหันมาบอกหญิงชาวบ้านซึ่งประคองสามีไม่ห่าง

          “จงนำยาสองห่อนี้ต้มให้เขากินสามเวลา ดื่มน้ำให้มาก อาการจะทุเลาลง”

          หญิงชาวบ้านรับยามา ดวงตามีน้ำตาเอ่อคลอก่อนถามราคา น้ำเสียงไม่แน่ใจนักเนื่องจากรู้ดีว่าหากแพงเกินไปตนคงจ่ายไม่ไหว ทว่าเพราะอาการสามีแย่เกินกว่าจะรอได้จึงไม่ได้คิดเรื่องนี้ ชายชรามิได้คิดค่ายา ค่าหมอแพงแต่แรกจึงบอกไปด้วยน้ำเสียงเมตตา

          “คิดเพียง100อีแปะ ดูแลสามีให้ดีเล่า ช่วงนี้ร่างกายอ่อนแอไปสักหน่อยเพียงต้มยาตามที่ได้รับไปก็จะดีขึ้นเอง”

          ได้ยินเช่นนั้นก็อึ้งไป ไม่คิดว่าค่าหมอ ค่ายาจะถูกถึงเพียงนี้ ด้วยราคาเพียงเท่านี้นางจ่ายไหว ขอบคุณสวรรค์เสียจริงที่มาเจอโรงหมอแห่งนี้ ไม่ใช่จ้องแต่จะสูบเลือดสูบเนื้อเหมือนท่านหมออู๋ผู้มีชื่อเสียง ‘หากมีเบี้ยมิถึงหนึ่งตำลึงเงิน ก็อย่าหวังว่าจะมีหยูกยาติดมือไป’

          ขอบคุณสวรรค์!

이 책을.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ   บทที่45 คุณชายน้อยหลี่ฮ่าวเหวินกับคุณหนูหลี่จินฮวา (จบบริบูรณ์)

    ภายในจวนตระกูลหลี่ บัดนี้เกิดความวุ่นวาย บ่าวไพร่ในจวนวิ่งเข้าออกเรือนฮูหยินน้อย นางปวดท้องคลอดตั้งแต่ก่อนรุ่งสาง หมอทำคลอดถูกตามมาถึงสามคน พวกเขากำลังพยายามทำคลอดให้ฮูหยินน้อยด้วยความระมัดระวัง รู้ดีว่าห้ามเกิดความผิดพลาดโดยเด็ดขาด หากฮูหยินน้อยเป็นอะไรไป ทั้งสามชีวิตคงได้ปลิดปลิวตามไปด้วยอย่างแน่นอน “ฮูหยินท่านเบ่งอีกนิดเจ้าค่ะ” ร่างอุ้ยอ้ายกลั้นใจกดความเจ็บปวด เพิ่มลมหายใจเพื่อออกแรงจะคลอดให้ได้ ไม่คิดว่าการคลอดจะเจ็บปวดแทบขาดใจเช่นนี้ เหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้า เสียงหวานกรีดร้องด้วยความรู้สึกเจ็บปวดเป็นระลอกยามมีการบีบตัวของช่องท้องและช่องคลอดจึงต้องผ่อนลมหายใจเป็นระยะ บ่าวในจวนวิ่งยกน้ำ คอยเอายาต้มมาเปลี่ยน เตรียมยกน้ำแกงนกพิราบเพื่อให้ฮูหยินน้อยซดจะได้มีเรี่ยวแรง หลี่จิ้งหานเดินไปมาด้วยความกังวล เสียงภรรยาร้องด้วยความเจ็บปวดดังหลายชั่วยามทำให้เจ็บปวดใจ นึกโทษตัวเองอย่างมากว่าไม่น่าคิดมีบุตรเลย ถ้าย้อนเวลาไปได้จะไม่ให้ภรรยาตั้งครรภ์โดยเด็ดขาด หลี่ลี่ฮวาก็ไม่ต่างกัน นางเป็นห่วงสหาย ด้วยยุคนี้ความเจริญทางการแพทย์ต่ำมาก สตรีเสียชีวิตจากการตั้งครร

  • ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ   บทที่44 ว่าด้วยเรื่องเจ้าก้อนแป้ง

    ภายในเรือนตอนนี้มีร่างของฮูหยินน้อยนอนทอดกายซีดเซียวอยู่ ด้วยอาเจียนมาตลอดหลายวันจึงต้องตามหมอมาดูอาการว่าเจ็บป่วบหรือไม่ เซียวอันหนิงรู้สึกว่าอาจตั้งครรภ์ก็เป็นได้ ประจำเดือนขาดไปสองเดือนแล้ว นางไม่ได้คุมกำเนิดมาสักพักแล้วและสามีก็มิเคยว่างเว้นต่อเรื่องนั้นเลยสักวัน จึงมีโอกาสจะตั้งครรภ์ได้สูงทีเดียว “ขอแสดงความยินดีกับท่านราชครูด้วย ฮูหยินตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว” หมอชราประจำตระกูลจับชีพจรฮูหยินน้อย พบว่าเป็นชีพจรมงคลแต่ก็ยังไม่แน่ใจนักว่ามีหนึ่งหรือสองคน คงต้องตรวจอีกครั้งเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น ซึ่งหลี่จิ้งหานพอรู้แบบนั้นก็แทบถลาไปหาภรรยาด้วยความดีใจ “ให้รางวัลท่านหมอ ซุนจางส่งท่านหมอกลับจวน น้องหญิง เราจะมีเจ้าก้อนแป้งกันแล้วนะ” โซ่ทองคล้องใจที่จะทำให้นางอยู่กับเขาตลอดไป ในที่สุดก็มาเสียที “ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ ท่านพี่ดีใจมากหรือเจ้าคะ” “พี่ย่อมดีใจเพราะเป็นลูกของเราสองคน” เดิมทีหลี่จิ้งหานมิได้ต้องการมีบุตร แต่เมื่อยามนี้การมีบุตรคือพันธะอันทรงพลังเพียงอย่างเดียวซึ่งพอให้วางใจได้ว่านางจะไม่หนีหน้าหายไป เ

  • ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ   บทที่43 คำอ้อนวอน

    “ท่านพี่ ข้าว่าท่านอาจารย์ต้องรู้ว่าข้าไม่ใช่คนในยุคนี้ แล้วท่านอ้อนวอนอะไรหรือเจ้าคะ” หลี่จิ้งหานคิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่เกิดในความฝัน ภาพก่อนสิ้นใจในโลกก่อน มีจิตใจมุ่งมั่นแต่จะตามหาเซียวอันหนิงจึงนำพานางมาหาเขาซึ่งเป็นการย้อนเวลามานับพันปีเลยทีเดียว “พี่ฝันถึงเรื่องหนึ่ง ในโลกที่จากมาเหมือนกับว่าจะชื่อฮ่าวหยวน หลังจากเสียชีวิตในโลกก่อนถึงได้มาเกิดใหม่ที่นี่ รูปลักษณ์ก็ไม่เหมือนเดิม เจ้าจึงจำพี่มิได้” “ท่านพี่ คือ รุ่นพี่ฮ่าวหยวนหรืือเจ้าครุ่นพี่ฮ่าวหยวนหรือเจ้ “ใช่ หลังจากโดนชนพี่ก็อ้อนวอนต่อสวรรค์ว่าถ้าชาติหน้ามีจริงขอให้ได้เจอเจ้าอีกครั้ง” “แล้วท่านพี่จำข้าไม่ได้หรือ ในเมื่อท่านพี่คือฮ่าวหยวน เราทั้งคู่เคยเจอกันมาก่อน ไม่มีทางที่จะลืมไปได้ง่าย ๆ นะ” “ข้ามาเกิดใหม่ ไม่มีความทรงจำเดิมเหลืออยู่ แต่กลับรู้สึกรักเจ้าตั้งแรกเห็น หวงแหนจนแทบบ้า ก็เคยสงสัยว่าทำไมถึงมีความรู้สึกเช่นนี้กับเจ้า” “เป็นเช่นนั้น ท่าน- ท่านบอกว่าตามหาข้าหรือ” “ใช่ พี่ตามหาเจ้ามาตลอด ตั้งแต่เจ้าจากไปก็ตามหาทุกที่แต่ไม่เจอ จนส

  • ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ   บทที่42 กลับแคว้นเหลียง

    องค์ชายหม่าซานเปียวในนามพ่อค้ามารับของที่สั่งเอาไว้บริเวณหน้าร้านของเซียวอันหนิงเมื่อครบตามกำหนดสามวัน สินค้าทั้งหมดมีราว ๆ สองเกวียน มูลค่าถึงห้าพันตำลึงทองเลยทีเดียว “คุณชายนำสินค้ามากมายเหล่านี้ไปขายที่ใดหรือเจ้าคะ” เซียวอันหนิงถามเพราะสินค้าที่นำมามันเยอะจริง ๆ ด้วยเป็นสินค้าที่ขายให้เป็นสตรีเป็นส่วนใหญ่จึงยิ่งสงสัยอย่างสมุนไพรยังพอเข้าใจได้แต่พวกเครื่องหอมอื่นใดดูจะเกินความเข้าใจของนางไปมากทีเดียว “ข้ามีร้านค้ามากมาย สามารถเอาสินค้าไปลงได้ทุกที่ ถ้าสินค้าขายดีจะมาติดต่ออีกครั้ง” หม่าซานเปียวไม่ได้โกหก พระองค์มีร้านค้ามากมายในมือจริง ๆ ในแคว้นเหลียง สินค้าเพียงเท่านี้แจกจ่ายไปไม่นานก็มีที่ให้ขายแล้ว เซียวอันหนิงได้ยินเช่นนั้นมีหรือจะไม่ดีใจ นางรีบยิ้มให้เขาก่อนพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ข้ายินดีเสมอเจ้าค่ะ” องค์ชายหม่าซานเปียวเห็นแล้วยิ่งชอบมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่รู้ดีว่าไม่สามารถทำอะไรได้ ถ้าพระองค์ดึงดันคงเกิดการบาดหมางระหว่างสองแคว้น เมื่อสามีของนางเป็นราชครูที่แม้แต่ฮ่องเต้ยังต้องมองสีหน้า เสด็จพ่อก็คงไม่เห็นด้วยแน่นอนถึงนาง

  • ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ   บทที่41 คนแปลกหน้ามาเยือน

    หลังจากถูกแคว้นเหลียวปฏิเสธ องค์ชายครุ่นคิดถึงการไปเยือนแคว้นเหลียวอย่างเงียบ ๆ มีข่าวว่าสตรีผู้หนึ่งช่างเก่งกาจ สามารถรักษาคนป่วยได้ทุกโรค มีสมุนไพรมากมายเหมือนกับว่าใช้ไม่มีวันหมด นางแต่งงานกับท่านราชครูของแคว้นแต่ยังไม่มีบุตรธิดา ตอนนี้ร้านค้าที่นางเปิดก็รุ่งเรืองจนเป็นที่กล่าวขานจนสะพัดไกลถึงแคว้นเหลียง นั่นจึงยิ่งทำให้ต้องการรู้จักสตรีผู้นี้ยิ่งนักว่าจะเก่งกาจสมคำร่ำลือหรือไม่ เขาต้องการเห็นหน้านางสักครั้ง และการปฏิเสธครั้งนั้นก็เป็นความคิดของนางเช่นกัน ข้อความการต่อรองช่างฉลาดเสียจริง ยังไม่เคยมีผู้ใดกล้าขัดความต้องการขององค์ชายได้ สตรีผู้นี้ช่างเก่งกล้าเสียจริง ร่างบางไปร้านค้าเฉกเช่นทุกวัน วันนี้ได้มากับซิ่วอี้เพียงสองคนเพื่อมาดูว่ามีสิ่งใดขายหมดไปแล้ว ชาดที่นำออกมาขายก็ขายดีเข่นกัน นางสอนคนดูแลเสมอให้จดจำว่าสีไหนเหมาะสมกับใบหน้าสตรีแบบใด เมื่อทาชาดออกมาแล้วจะยิ่งส่งให้ใบหน้าสตรีผู้นั้นงดงามยิ่งขึ้น สิ่งเล็กน้อยเหล่านี้จะทำให้ลูกค้าประทับใจมากขึ้น ร่างสูงกำยำ ใบหน้าหล่อเหลาสมกับเป็นราชนิกูล แต่งกายเหมือนคุณชายทั่วไปในเมืองหลวงนั่นก็คืออง

  • ท่านราชครูปล่อยข้าไปเถอะ   บทที่40 ความฝันที่ยาวนาน

    “รุ่นพี่คะ เอ่อ น้ำค่ะ เหนื่อยไหมคะ” “เมื่อไหร่คุณถึงจะเลิกตามตอแยผมเสียที ผมบอกแล้วไงว่าไม่ชอบ” “รุ่นพี่โกรธเหรอคะ ขอโทษนะคะ ฉันแค่...เป็นห่วง” “ไม่ได้โกรธแต่รำคาญ เข้าใจไหม คุณมาตามตอแยผมสามปีแล้ว ถึงไม่มีใคร ผมก็ไม่มีทางชอบคุณ” ภาพในความฝันมีบุรุษและสตรียืนพูดคุยกัน แต่ชายผู้นั้นไม่ได้ชอบสตรีซึ่งคอยตามตอแย ภาพได้ตัดมาตอนสตรีผู้มีใบหน้าเหมือนกับภรรยาวิ่งร้องไห้ออกไปด้วยความเสียใจกับคำพูดทำลายน้ำใจ ต่อมาภาพตัดไปอีกครั้งกลายเป็นภาพของชายผู้นั้นเฝ้าตามหาสตรีนางนั้น ภาพเปลี่ยนไปอีกครั้งทว่าคราวนี้เขาถูกสิ่งที่วิ่งมาด้วยความเร็วพุ่งชนจนร่างกระเด็น ก่อนสิ้นใจได้เอ่ยชื่อ เซียวอันหนิง เหตุใดชายผู้นั้นถึงใฝ่หาสตรีที่ตนเองขับไล่ไสส่งไปเล่า ไม่เข้าใจเลย ทว่าภาพต่อมากลับน่าตกใจยิ่งกว่า ชายผู้นั้นได้มาเกิดเป็นคุณชายตระกูลหลี่ และภาพชีวิตในวัยเยาว์ของเขาก็ผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน ฉับพลันหลี่จิ้งหานสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเหงื่อโทรมกาย หากในฝันนั่นเป็นความจริง ก็หมายความว่าชายผู้นั้นคือเขาเอง และภรรยาในตอนนี้คือสตร

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status