นางตั้งคำถามในใจ จนมาถึงด้านหน้าเรือน พบชายในเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนนอนแผ่หราบนพื้นหญ้า ไหสีน้ำตาลอยู่ในอ้อมกอดของเขาราวกับว่าไหใบเล็กกลมได้กลายเป็นสตรีผู้เป็นที่รักยิ่ง นางตกใจลนลาน เข้าไปแบกเขาขึ้นบันไดไม้อย่างทุลักทุเล ถึงไม่เหลือบ่ากว่าแรงมากนัก เมื่อท่านอาตัวไม่หนักเท่าไร นางเคยพบชายร่างสูงกำยำกว่านี้ในโรงงานถลุงแร่
บ่าวรับใช้ทั้งสองก็เข้ามาช่วยเหลือนาง อีกสองกำลังวิ่งวุ่นในเรือน หวังเฟยคงร่ำสุรามากไป เขาลุกขึ้นโวยวายหน้าแดงก่ำ ไล่ตะเพิดบ่าวให้ออกไปให้หมด ให้เหลือแค่เจียลี่ นางรีบนำชามาวางไว้บนโต๊ะข้างฟูกนอนเขา “โธ่... ท่านอา ท่านเมาเละเทะแล้ว” “อะไรกับข้านักเล่า... เจียลี่!” “ท่านโวยวาย เรียกข้า?” ปลายนิ้วชี้หน้าตนเองอย่างประหลาดใจ เจียลี่จำได้ว่าท่านอาเมามายเมื่อไรมักเรียกหาแต่ท่านอาหญิง ลี่จิ่น เจ้าไปไหน เจ้ากล้าทิ้งข้าเรอะ! นังแพศยา หญิงโฉดชั่ว โป้ปดลวงโลก อะไรสักอย่างนางก็ฟังไม่ถนัดหูนัก ลึก ๆ นางคงดีใจที่เขาเรียกหานาง ไม่ด่าทอนางเป็นหลานสาวนังแพศยา ไล่ตะเพิดนางไปพร้อมกับบ่าวชุดใหม่ทั้งสามคน “แปลว่าท่านยังไม่เมา ท่านเอาเหล้าอีกไหม? ข้าจะไปเอามาให้ท่านดื่ม” “เจ้า... กล้าประชดข้าหรือเจียลี่ กล้าอวดดีกับข้ารึ?” เจียลี่ฉีกยิ้มกว้างประชดประชัน หากทว่าเอ่ยน้ำเสียงอ่อนหวาน “ท่านอาเจ้าคะ เจียลี่จำได้ว่าท่านเคยหล่อล่ำบึกบึน อกผายไหล่ผึ่งดุจแม่ทัพกองหน้าผู้เกรียงไกร ไม่ว่าท่านจะก้าวขาเดินไปที่ใดหญิงสาวต่างลอบมองท่านด้วยแววตาหลงใหล ทุกวันนี้ท่านผ่ายผอม...” นางเงียบ เหลือบตามองเสื้อผ้าที่หลวมไปถนัดตา น้ำหนักของเขาอาจหายไปราว ๆ สิบกิโลกรัม นางอุตส่าห์ตั้งใจทำอาหารสุดฝีมือ หวังว่าเขาจะน้ำหนักขึ้นสักหน่อย เขาก็หันกลับไปร่ำสุรา “ขี้เมาอีกต่างหาก” “คำก็ขี้เมา สองคำก็ไอ้ขี้เมา” เขาเข่นเขี้ยวขู่นางจนมองเห็นไรฟันขาว เขี้ยวคมตรงมุมปากแลดูเป็นอสุรกายที่น่ากลัว นัยน์ตาแดงก่ำปรากฏโทสะราวกับว่าจะบีบคอนางเสีย พลันตะโกนใส่หน้านาง “ไปเอาเหล้ามา!” “เจ้าค่ะ!” -------------------------- เจียลี่คอยปรนนิบัติท่านอามาร่วมสามเดือน นางทำอาหารให้เขาวันละมื้อ แวะเวียนมาตรวจตราความเรียบร้อยในเรือนไม้กว้างขวาง ไม่ไกลจากตลาดในตัวเมืองทุกเย็นหลังจากที่นางเลิกงานขายผ้า ถึงแม้ว่านางจะยุ่งวุ่นวายสักเท่าไร ก็ไม่แปลกที่นางสามารถแยกแยะได้ว่าวันไหนเขาเมาเล็กน้อย อาจแค่มึนศีรษะ เพียงแต่ว่ายังไม่เมา วันไหนเขาเมาเละเทะ เมาหัวราน้ำ หรือว่าแสร้งเมา... หลายวันมานี้นางพบมิตรสหายของท่านอา แลเห็นว่าเขาแสร้งเมาเสียมากกว่าเมาเละเทะ เขาไม่นำสุราซึ่งนางยอมรับเงินของเขาไปเป็นธุระให้ มาแช่อาบ ทว่าดื่มกินอย่างละเมียดละไม รินใส่จอกเหล้า ขณะเจรจาเรื่องงานกับชายผู้สวมอาภรณ์ขุนนาง “มาแล้วหรือเจียลี่” เสียงเข้มถามทันทีที่พบร่างบางในอาภรณ์สีขาวสะอาด นางถือตะกร้าอาหาร วางห่อผ้าลงบนโต๊ะไม้สักในห้องรับรองแขก “วันนี้มีอะไรมาให้ข้ากิน?” “ผัดผัก แกงจืดผักกาดขาว ไก่ตุ๋น ขนมอีกหลายอย่างเจ้าค่ะท่านอา” ริมฝีปากอิ่มงามด้วยกระดาษชาดตอบอย่างสำรวม นางหันไปยกมือทำความเคารพแขกของท่านอาอย่างสุภาพนอบน้อม “ยินดีที่ได้พบแม่นางเจียลี่ สกุลเยี่ยใช่หรือไม่? ท่านหวังเฟยพูดถึงเจ้าอยู่” “เจ้าค่ะ” “ไม่ยักรู้ว่าท่าน... มีสาวงามมาคอยส่งข้าวปลาอาหารด้วย มิน่าเล่า พักนี้ถึงดูแลตัวเองดี” “พวกข้าขอตัวลาก่อนดีกว่า ไว้มาดื่มกันใหม่” ชายในอาภรณ์ขุนนางทั้งสี่กล่าวลาเจ้าของเรือน ถือไหสุราลุกขึ้นเดินออกจากห้องรับแขก แทนที่จะให้นางเป็นฝ่ายออกไปไม่รบกวนพวกเขา เจียลี่วางตัวไม่ถูกนัก เมื่อนางอยู่ในสถานะสตรีชนชั้นต่ำกว่า อายุวัยน้อยกว่าพวกเขามาก มิตรสหายของเขาลอบยิ้มกรุ้มกริ่มมองนางและเจ้าของบ้านก่อนจะขึ้นรถม้าไป หวังเฟยเรียกนางซึ่งยืนรอเขาอยู่ด้านหน้า ให้เข้ามานั่งด้วยกัน บรรดามิตรสหายคงรู้ว่าแม่ครัวคนนี้ทำให้น้ำหนักที่เคยลดฮวบของหวังเฟยคืนกลับมา แก้มที่เคยซูบตอบแลดูอิ่มเอิบ เคราครึ้มแซมเทาบนใบหน้าหล่อเหลาก็เกลี้ยงเกลา เรือนกายกำยำมีมัดกล้ามอย่างชายชาตินักรบผู้ทำงานกับโรงถลุงแร่และงานตีเหล็ก “เจ้ารู้ว่าข้าชอบกินอะไร พวกเขาเลยไม่รบกวนข้า ให้ข้าได้กินอาหารให้อิ่มเสียก่อน ร่ำสุราเมื่อใดก็ได้ ไม่ใช่ปัญหา” หวังเฟยไขข้อข้องใจให้นางเลิกสงสัย นางนั่งลงหน้าโต๊ะอาหารในห้องรับรองแขก ในฝั่งตรงข้ามกับท่านอา “ท่านอาชอบผัดผักใส่ไข่ อาหารไม่เค็มจัด ต่างจากผู้อื่น นิยมกินอาหารรสชาติเค็ม แต่อันที่จริงแล้ว... ข้าเห็นท่านกินทุกอย่าง” “ไท่เป่า ชื่นชมอาหารฝีมือเจ้า คงจะขอวานเจ้าเอามาให้ข้าอีก ข้ามีค่าจ้างให้เจ้าทำ” “ข้าไม่ชอบรับเงินจากท่านเท่าไร” “รับอย่างอื่นดีไหม?” เขาถามด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ขณะใบหน้าสวยหวานก้มลงมองอาหารบนโต๊ะ นางคีบอาหารเข้าปากอย่างระวังกิริยามารยาท อาหารคำเล็ก ๆ ในมือเรียว อยู่ในสายตาเอ็นดูของท่านอา เขากินข้าวชามใหญ่ ตักข้าวถึงสามถ้วย ไม่ใช่หวังเฟยผู้ซูบผอมเป็นโครงกระดูก หวังเฟยกำลังนึกถึงเรื่องที่นางพูดกับเขา มีปากเสียงกับนางเมื่อเดือนก่อนที่จะกลับมารับประทานอาหารให้มากขึ้น ‘ทีเจ้ายังไม่ชอบให้ใครมาดูแคลนเจ้าเรื่องขาของเจ้า ไยลับหลังข้า ได้ยินจากบ่าวว่าเจ้าพูด... ข้าเป็นไอ้ขี้เมา ผ่ายผอมเป็นยาจก’ ‘ข้าเป็นเช่นนี้มาแต่กำเนิด ผิดจากท่านที่เลือกได้ว่าจะผ่ายผอมหรือแข็งแรง ท่านสามารถเลือกได้ว่าจะออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์และงดสุรา’ คำพูดจาของเจียลี่คล้ายกับว่ากำลังสั่งสอนท่านอาทางอ้อม หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน เขาก็เริ่มไล่ตะเพิดบ่าวรับใช้ ขว้างปาถ้วยชามแตกกระจาย จึงไม่มีใครอยู่ทน บ่าววิ่งวุ่นกันไปหมด มาช่วยงานไม่กี่วันก็สลับเปลี่ยนผู้อื่นให้เข้ามา เพื่อที่ตนจะได้กลับไปทำงานหน้าเตาเผา คงสบายใจกว่ารองรับอารมณ์ร้อน ๆ ของผู้คุมโรงแร่ที่เกิดบ้าคลั่งเพราะฤทธิ์สุรา“ท่านว่าบ้านเมืองแตกแยกวุ่นวาย มีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ? ท่านอาพอจะบอกสตรีอย่างข้าได้หรือไม่ เผื่อว่าข้าอาจหาทางเอาตัวรอดได้ในยามคับขัน”“บ้านเมืองร้อนเป็นไฟ แตกแยกเป็นแคว้นเล็กแคว้นน้อย ราชวงศ์ไม่สามารถปกครองบ้านเมือง ราชสำนักก็อ่อนแอ ผู้ครองแคว้นไร้ซึ่งคุณธรรม ข้าควรได้อยู่กับเจ้า เป็นตายร้ายดี ขอให้ได้ฝังศพข้างเคียงกัน”“ข้าก็อยากอยู่กับท่านอาเจ้าค่ะ แม้ข้าจะเป็นหญิงต่ำต้อย ขาพิการ...”“เจ้ามีความคิดเช่นนั้นก็คงไม่แปลก พวกชั่วช้าคอยกรอกหูเจ้า รังแกเจ้าแต่เล็กจนโต ข้าเองก็ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือเจ้ามากนัก หากว่าข้าไม่ผ่านมาพบเจ้า”ต่อจากไปนี้จะไม่มี...หวังเฟยไม่ได้กล่าวคำนั้นกับนาง เพียงตั้งใจเป็นมั่นเหมาะว่าจะเฝ้าติดตามหญิงสาวข้อเท้าไม่ดีผู้นี้ไปเรื่อย ๆ ที่ใดมีเขา ก็มีนาง จนกว่าชีวิตจะหาไม่--------------------------หญิงร่างผอมบางเนื้อตัวมอมแมม นั่งโงนเงนบนหลังอานม้า นางบ่นพึมพำว่านางรอดตายแล้ว นางรู้สึกเหมือนกำลังนอนเล่นในเปลแกว่งไกวไปมาใต้ลมเยียบเย็นที่ลูบแก้มนางอย่างอ่อนโยน ไม่นานนักก็ผล็อยหลับไป หวังเฟยเฝ้ามองนางงีบหลับในอ้อมแขน น่าเอ็นดูนัก เขาลักลอบจูบแก้มนาง ขมับนาง บังคับม
“อยู่เล่นกับพวกข้าก่อน วันนี้ข้าไม่ได้เอาขี้วัวมาทาเจ้า ข้ารับปากว่าจะไม่ฝังหญิงพิการขาเสียไว้ในกับดักสัตว์ ให้เจ้าเน่าตายในหลุม ข้ามีของเล่นที่น่าสนใจกว่า...”“เป็นผู้ดีมีสกุลแท้ ๆ ไยพวกเจ้าไม่ได้รับการอบรมบ่มนิสัยให้เป็นคนดีได้” นางต่อว่าด้วยท่าทีก้าวร้าว พวกเขากลับหัวเราะเป็นเรื่องสนุก เด็กชายวัยสิบสามนับว่าตัวโตมากพอมีความคิดสรรหาวิธีรังแกนาง แถมมากันถึงแปดคน ล้อมรอบนางไม่ให้นางหนี เหลียงฟางซินได้เหล็กปลายแหลมมาหนึ่งอัน หยิบออกมาจากชายเสื้อที่ซุกซ่อนไว้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม“เจียลี่... วันนี้ข้าได้ลักลอบดูตำราเพศสตรี เพียงไม่เคยพบเห็นของจริง หอนางโลมข้าก็ยังเข้าไม่ได้ ท่านพ่อไม่ให้ข้าไปแน่ เจ้าคงไม่ใช่สตรีเหนียมอายใช่ไหม? ข้าล่ะนึกอยากรู้ว่าหญิงพิการจะมีรูเล็ก ๆ นั่นหรือไม่”สิ้นเสียงหัวเราะร่าเริง เด็กชายสองคนพลันล้มไปต่อหน้าต่อตา ชายเสื้อสีขาวสะอาดของผู้ดีร่างอวบถูกลากไปกับพื้นดิน แท่งเหล็กแหลมกระเด็นจากมือของเหลียงฟางซินไปอยู่ใต้เกือกอาชาสีน้ำตาล ตัวเขาก็ถูกลากไปกับเกือกม้านั้นด้วยชายร่างกำยำควบม้าถีบหน้าพวกเขาไม่สนว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร เด็กชายอันธพาลร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวด เม
เจียลี่นั่งหมอบอยู่บนพื้นหญ้า คารวะท่านปู่ท่านย่าเป็นใหญ่โตราวคำนับฮ่องเต้ นางก้มหน้าผากแนบพื้น สองมีแปะผืนหญ้าจนผู้ใหญ่ขอให้นางลุก โดยเฉพาะท่านย่า ได้ใจอ่อนกับหลานสาวไปเสียทุกที ถึงเจียลี่อาจไม่เป็นที่รักที่สุด พวกเขารู้แก่ใจดีว่าหากนางจะไม่ต้องออกเรือน ให้นางทำงานหามรุ่งหามค่ำก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด นางไม่ยินดีตบแต่งกับหนุ่มผู้ดีคนไหนในเมือง ขอแค่นางได้ทำงานเก็บเงินเที่ยวเตร็ดเตร่ไปวัน ๆบ่าวรับใช้บ้านท่านอาหวังเรียกขานนางว่า ‘นายหญิง’ หากเมื่อพบลี่จิ่นกลับเรียกแม่นางสกุลเยี่ยอย่างให้ความเคารพ เฉกเช่นผู้สูงศักดิ์ทั่วไปถึงพวกเขาจะเคารพนอบน้อมเท่าไร ก็ยังไม่เท่ากับที่พวกเขาเคารพนายหญิงเจียลี่น่าประหลาดใจนัก น้องสาวของนางได้พบบ่าวรับใช้บ้าน ก็ว่าแปลกกระนั้นเจียลี่ยังไม่เข้าใจบ่าวรับใช้ หลายครั้งหลายคราพวกเขาไม่ยอมบอกว่าตนคิดสิ่งใด นางเคยได้ยินว่าหากเป็นในวังหลวง อาจถึงขั้นต้องจับพวกเขาไปทรมานทีเดียว บ่าวถึงจะยอมแพร่งพรายความลับของเจ้านาย แต่จะว่าไปแล้ว บ่าวผู้รักศักดิ์ศรีไม่ยอมพูดก็มี พวกเขายินยอมการถูกทรมานจนตายไปกับความลับของเจ้านาย กระโดดบ่อน้ำฆ่าตัวตาย กัดลิ้นตายเองก็มี“ข้าจะไป
หัวใจของนางเต้นระส่ำระสาย เมื่อท่านอามอบสัจวาจาว่าจะมาสู่ขอนางให้เร็วที่สุด เขายังต่อว่านางไม่ให้พูดถึงท่านอาหญิงด้วยจุมพิตแสนหวาน กระชับกอดเอวนางอย่างหวงแหน ไม่ยอมให้นางออกจากเรือนง่ายดายนักมารดาและคนทางบ้านตำหนินางเรื่องเวลา ทำไมนางจึงมาทำงานช้า ถึงแม้ว่าจะมีบ่าวล่วงหน้าไปที่ร้านผ้าก่อน ก็นางเคยทำตัวเหลวไหลเสียเมื่อไร‘ท่านอานะท่านอา ข้าเกือบโดนทำโทษ แถมโดนหักหวนเฉียน[1]ไปตั้งเยอะ’ นางบ่นในใจ หากด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ความร้อนวูบวาบยังคงฝังติดบนเรือนกาย การถูไถประสาชายหญิงทำให้นางเพิ่งรู้ว่าท่อนแข็งขึงหน้าตาประหลาดนั่นทำอะไรได้ เขามอบความสุขสมให้นางเท่าไรมันยังแปลกที่เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ มาเป็นที่หนึ่งสำหรับนางเสมอ วันนี้นางโดนหักเงินกลับอารมณ์ดี ยิ้มแก้มปริ คนในบ้านทักนางอย่างสงสัยว่ามีเรื่องดีอะไรหรือเปล่า ขณะบ่าวรับใช้มารอรับนางพร้อมรถม้า บ่าวชายสองคนยังคงเป็นคนเดิม นางเข้าไปเจรจากับพวกเขาอย่างสุภาพ ขอให้อดทนอยู่กับเจ้านายเถิด ท่านหวังเฟยอารมณ์ดีบ้างร้ายบ้าง เดี๋ยวก็หาย เขาจะดีขึ้นอย่างแน่นอน ตราบใดที่ผู้คนรอบกายไม่ทอดทิ้งเขาให้โดดเดี่ยวเดียวดายกลับมาถึงเรือนไม้กว้างขวางในยามเซิน
เมื่อท่านอาหนุ่มแทรกมือเข้าบีบเคล้นเต้าเต่งตึง ไม่ยอมให้นางห้ามปรามเขาได้อีก ฝ่ามืออีกข้างจับมือของนางสอดประสานทุกปลายนิ้ว เขาก้มหน้าจูบนางซ้ำ ๆ ให้นางหลงใหลในวังวนเสน่หา นางไม่แม้จะเอ่ยห้ามปรามเขาด้วยความหวาดกลัว หากให้การต้อนรับท่านอาไม่ต่างจากนางบำเรอร่างสูงใหญ่กำยำ มิใช่ชายขี้เมา ไร้สตรีเหลียวแล ไร้เรี่ยวแรงเหมือนคนป่วยอย่างเมื่อหลายเดือนก่อน วัน ๆ เขาเฝ้ากอดแต่ไหเหล้า คนในบ้านสกุลเยี่ยหัวเราะเยาะเย้ยลับหลังว่าเขาจะยังใช้การได้หรือเปล่า ถึงส่งเจียลี่ไปดูแล นางงามเท่าไรก็คงไม่สามารถทำให้ความเป็นชายของเขาแข็งขึงขึ้นมาได้หวังเฟยลบคำสบประมาทเหล่านั้นโดยสิ้นเชิง เขาก้มหน้าลงดื่มด่ำยอดปทุมถัน ทั้งซ้ายขวาอย่างเท่าเทียม มือบีบเคล้นเนินอกเต่งตึง ด้วยความระมัดระวังเอาใจนาง ไม่ให้รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย กระทั่งสตรีร่างเล็กรับรู้ได้ถึงบางสิ่ง ผงาดรอนางอยู่เหนือหน้าท้อง น้ำเปียกฉ่ำไม่รู้ว่าเป็นน้ำในอ่างหรืออย่างไรแน่“ท่านอา... ร่างกายข้าฝืนทนไม่ไหวอีกแล้วเจ้าค่ะ ท่านไม่ควรรังแกข้า...” ริมฝีปากสีชาดที่เม้มสนิทคลายออก เพื่อเอ่ยคำขอร้องเขาอย่าได้กลั่นแกล้งนาง ให้นางต่อสู้กับความรู้สึกประหลาดมากมา
ที่ผ่านมาท่านอาไม่เคยแตะต้องนางแม้ปลายผม กระทั่งถ้อยคำรื่นหูของเขา หาใช่เสียงตะคอกโวยวายเพราะความเมา นางไม่เคยคิดว่าจะได้ยิน“เจ้าอย่าทิ้งข้าไปเลยนะเจียลี่ รอข้าสักหน่อย ข้าจะไปสู่ขอเจ้ามาอยู่กับท่านอาขี้เมาทุกวัน...”หวังเฟยรู้ว่าโรคทางใจได้รับการเยียวยารักษาเป็นอย่างดี เขาจึงมิใช่ท่านอาคนเดิมเห็นใบหน้าตกใจของนาง เรียวปากอิ่มสีชาดเม้มปิดสนิทแน่น พาให้เป็นสุขโดยไร้สาเหตุ นางลุกขึ้นไปเรียกบ่าวให้ต้มน้ำ เตรียมน้ำอุ่นให้เขาอาบ ถังไม้ลอยด้วยดอกไม้หอม เขาแสร้งทำโวยวายเรียกคนดูแลให้เข้ามา“มีอะไรเจ้าคะ ท่านอา... น้ำร้อนไปหรือ?”เจียลี่ไม่ทันได้ระวังตัว ร่างกำยำลุกขึ้นมาคว้าเอวนางกอดเข้าหมับ นางร้องวี้ดว้ายตกใจ ยันแผงอกกว้างไว้ด้วยแรงน้อยนิด หน้าตาตื่นตระหนกเงยขึ้นมองฝ่ายรุกเร้า เขาไม่ได้ถอดเสื้อผ้าแต่ยังอยู่ชุดที่เกือบจะหลุดก็ไม่ยอมหลุด“ข้าไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนแล้ว ท่านอาทำอะไรน่ะ” นางก็กลัวว่าจะเปียกไปด้วยกับเขาที่ลงไปแช่น้ำทั้งเสื้อผ้าไม่ยอมถอด ตาหลุบมองรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ“เจ้ามี ข้าเห็นว่าเจ้านำเสื้อผ้ามาเผื่อทุกครั้ง ข้าชอบทำเสื้อผ้าของเจ้าเลอะเทอะ”“วันนี้ข้าไม่ได้นำติดมือมา ตั้ง