/ รักโบราณ / ท่านอ๋องข้าไม่อยากเป็นสตรีอันสูงศักดิ์ / ตอนที่ 3 ตลาดเมืองหลวง และขนมชั้นจากแดนไกล

공유

ตอนที่ 3 ตลาดเมืองหลวง และขนมชั้นจากแดนไกล

last update 최신 업데이트: 2025-07-21 10:09:14

ตอนที่ 3

ตลาดเมืองหลวง และขนมชั้นจากแดนไกล

แสงแดดยามสายลอดผ่านม่านขาดวิ่นเดิม ๆ ในตำหนักเย็น พลอยในร่างฮวาอิง ตื่นขึ้นด้วยความเคยชินกับโลกใบใหม่นี้แล้ว

ฮวาอิงเดินไปในห้องครัวเก่า ๆ หลังเรือน นั่งคุดคู้หน้าเตาอิฐเล็ก ๆ มองเปลวไฟจากฟืนแห้ง ที่กำลังต้มน้ำแกงแสนจืดชืดอย่างเคยที่ซูเม่ยกำลังทำ

“กินแบบนี้ทุกวันมีหวัง ขาดสารอาหารแย่” ฮวาอิงลุกขึ้นเดินไปมาคิดอยู่นาน ก่อนจะมีแผนการบางอย่างผุดขึ้นมาในความคิด อยากกินก็ต้องทำ

“ซูเม่ย เจ้าช่วยข้าแต่งตัวที ขอยืมชุดของเจ้าที่เก่าที่สุดเลยนะ”

ฮวาอิงเอ่ยต่อสาวใช้ของตน วันนี้นางให้ซูเม่ยช่วยแต่งตัวมอมแมมเป็นหญิงชาวบ้านผิวคล้ำหน่อย เสื้อผ้าสีซีดซอมซ่อ ดึงเชือกผ้าเส้นเล็กผูกปมหยาบ ๆ รวบผมบนศีรษะให้เรียบร้อย เพื่อให้กลมกลืนไปกับผู้คนในยุคนี้

“คุณหนูฮวาอิง แน่ใจหรือเจ้าคะ ว่าจะออกไปข้างนอกในสภาพนี้” ซูเม่ยเอ่ยเบา ๆ ขณะจัดชายผ้าคลุมสีซีดให้แน่นขึ้น

“เจ้าคิดว่าข้าแต่งชุดหญิงสาวในเรือนตำหนักเย็นเดินไปปากประตูแล้วทหารจะให้ข้าออกไปหรือไม่ล่ะ”

“ก็คงไม่เจ้าค่ะ” ซูเม่ยส่ายหน้าเบา ๆ

“ดังนั้นข้าก็เลยต้องปลอมเป็นบ่าวอย่างเจ้าไง” อิงฮวาตอบ พลางสวมผ้าคลุมหน้า

เธอหันไปหยิบถุงเงินเล็ก ๆ ที่ได้จากการรื้อค้นตำหนักวันก่อน เพราะอย่างไรเสียฮวาอิงก็เป็นสาวงามตัวแทนของเมืองซ่างผิงในการคัดเลือกชายาอ๋อง แม้จะไม่ถูกเลือกและผลักให้มาอยู่ในที่พำนักตำหนักเย็นแดนคนไร้ค่า แต่ก็มีเงินให้ใช้จ่ายทุกเดือน จนเธอยังเริ่มนึกสงสัยแล้วว่า เหตุใดทั้งที่มีเงินเก็บ อิงฮวาคนก่อนถึงยังมีร่างกายซูบผอมขาดสารอาหารเช่นนั้น

เธอจึงอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับอิงฮวาคนเก่ากันแน่ แต่จะเอ่ยปากถามซูเม่ยก็กลัวถูกระแคะระคายเพ่งเล็งอีก จึงทำตีเนียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไปก่อน แล้วอ้างว่าบุคลิกเธอเปลี่ยนไปเพราะอาการป่วยหนักที่ผ่านมา

“ซูเม่ย เจ้านำทางข้าไปที”

“เจ้าค่ะ คุณหนู”

ฮวาอิงเดินตาม สาวใช้ของตนออกไปยังประตูบานไม้เก่า ๆ ออกไปเงียบ ๆ ก่อนจะผ่านพ้นทหารยามที่ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเธอนัก อาจเป็นเพราะการแต่งตัวที่เนียนไปกับบ่าว และชาวบ้านที่เข้าออกกันไม่ขาดสาย

เสียงจอแจ ของผู้คนในตลาดเช้า ทำให้ฮวาอิงถึงกับชะงักเดิน เมืองหลวงหลานโจวพลุ่งพล่านและมีชีวิตชีวายิ่งกว่าที่นางจินตนาการไว้ ร้านขายสมุนไพรที่เคยอ่านพบในนิยายจีนโบราณ หาบเร่ของวัตถุดิบมากมาย เสียงล้อเกวียน เสียงของพ่อค้าแม่ค้าตะโกนเรียกลูกค้าดังลั่น ทุกอย่างหลอมรวมกันเป็นฉากหนึ่งที่มีเสน่ห์อย่างน่าเหลือเชื่อ

“เหมือนในนิยายเลย!” ฮวาอิงมองภาพเบื้องหน้าตาไม่กะพริบ

“นิยายคืออันใดเหรอเจ้าคะ คุณหนู” ซูเม่ยเอียงคอถามนายของตน

“เปล่าหรอก ไม่มีอันใด เรารีบเดินกันดีกว่าซูเม่ย” ฮวาอิงรีบผลักให้ซูเม่ยเดินนำกลบเกลื่อนสิ่งที่นางพึมพำออกมา

ฮวาอิงมองซ้ายมองขวา เดินผ่านแผงของสดใหม่ด้วยท่าทีตื่นเต้นไม่น้อย นางเดินช้า ๆ พยายามจดจำตำแหน่งของร้านค้าต่าง ๆ พลางมองหาวัตถุดิบที่ต้องการ

ขนมชั้น! ฉันอยากกินขนมชั้น

จะทำได้ต้องหาวัตถุดิบให้ครบก่อน แป้ง กะทิ น้ำตาล สีจากธรรมชาติ แล้วภาชนะไว้ใช้นึ่ง... นางพึมพำในใจ

“ซูเม่ย ที่นี่มีร้านขายแป้งหรือไม่” ฮวาอิงหันไปถามสาวใช้ของตนที่คงจะชำนาญพื้นที่มากกว่า

“มีเจ้าค่ะ คุณหนู”

“งั้นพาข้าไปที”

ซูเม่ยพาฮวาอิงมาถึงแผงขายแป้งของหญิงชราคนหนึ่งที่ขายแป้ง และปั้นแป้งสดขายเอง

ฮวาอิงเดินเข้าไปลองจับกองแป้งเหล่านั้นว่าแป้งไหนเป็นแป้งใด ซึ่งนางมีพื้นฐานการทำอาหารและขนมเป็นทุนเดิมจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะแยกออกเพียงสัมผัสจากปลายนิ้ว

“ข้า...ขอแป้งเจ้า แป้งมันอย่างละหนึ่งจินได้หรือไม่เจ้าคะ?” ฮวาอิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหวานพลางยื่นถุงผ้าออกไป หญิงชราพยักหน้าแล้วตักแป้งใส่ให้ด้วยรอยยิ้ม

“แม่หนูจะเอาทำอะไรหรือจ๊ะ?”

“ทำขนมนิดหน่อยเจ้าค่ะ ขนมจากบ้านเกิดข้า” ฮวาอิงตอบแบบความจริง แต่ไม่ใช่บ้านเกิดที่ชื่อเมืองซ่างผิงแต่อย่างใด กลับเป็นบ้านเกิดที่ไกลแสนไกลที่ใครก็คาดไม่ถึง

ไม่นานนัก นางก็ได้ของครบตามที่ต้องการ น้ำตาลทรายแดงละเอียดใช้เพิ่มความหวาน กะทิสดจากร้านมะพร้าวแห้ง และสีธรรมชาติจากดอกอัญชัญแห้งที่แม่ค้าใช้แต่งสี

(กลับถึงตำหนักเย็น)

ฮวาอิงเริ่มลงมือทำ ขนมชั้น ทันที โดยมีซูเม่ยคอยช่วยทำโดยผสมแป้งอีกกะละมัง

“นำแป้งเจ้า ผสมแป้งมัน เติมกะทิทีละนิด...คนให้เข้ากัน อย่าให้จับตัวเป็นก้อนนะซูเม่ย จากนั้นนำน้ำตาลละเอียดใส่ลงไปแล้วคนให้เข้ากันดี” ฮวาอิงเอ่ย พลางคนแป้งในกะละมังไม้กลม อีกใบ

“เจ้าใส่สีธรรมชาติที่เราคั้นไว้ลงไปเพื่อความสวยงาม เห็นไหมว่าเรามีแป้ง สองสีแล้ว”

“จ้าค่ะคุณหนู” ซูเม่ยพยักหน้า พร้อมด้วยดวงตาประกายกับขนมที่ได้ทำด้วยความตื่นเต้น ในขณะเดียวกันก็เกิดความสงสัย ว่าคุณหนูของตนผู้ไม่เคยเข้าครัวเลย เหตุใดถึงมีความรู้ในการทำขนมได้ แถมยังเป็นขนมที่ไม่เคยพบเห็น

“เอาล่ะ ต่อไปเราจะเอาแป้งที่เราเตรียมไว้นี้ไปนึ่งทีละชั้นนะซูเม่ย เจ้าดูดี ๆ ล่ะ” ฮวาอิงบรรจงรินแป้งทีละชั้น กลิ่นหอมของกะทิเริ่มลอยคลุ้งทันทีที่ชั้นแรกถูกเทลงในถาดไม้นึ่ง ฮวาอิงนับในใจระยะหนึ่ง จึงเทรอบสองด้วยสีที่ต่างกัน ทำวนอย่างนี้ซ้อนลงไปอย่างช้า ๆ ซูเม่ยที่ยืนข้าง ๆ มองดูด้วยความตื่นตา นับชั้นไปจนถึงชั้นที่เจ็ด

“เสร็จแล้ว…ขนมชั้นแบบฉบับฮวาอิงแห่งตำหนักเย็น” นางกล่าวด้วยรอยยิ้ม ภายใต้เหงื่อซึมหน้าผากและกลิ่นควันฟืนติดตัว

“แต่ว่าคุณหนูเจ้าคะ ทำเยอะเพียงนี้จะทานอย่างไรไหวกันเจ้าคะ” ซูเม่ยเอ่ยถามเมื่อมองขนมชั้นสองถาดที่ประเมินอย่างไรก็ไม่คิดว่าสองคนจะทานหมดได้

“งั้นเรามาทำให้มันสร้างเงินให้เราเถอะ ซูเม่ย”

(ย่านตลาดเมืองหลวงหลานโจว ยามเย็น)

ย่านนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอาหารทอด เครื่องแกงหลากหลาย และเสียงผู้คนจอแจ ถนนล้วนเต็มไปด้วยแผงค้าขาย เสียงตะโกนเรียกลูกค้ากันดังระงม

“เต้าหู้ทอดร้อน ๆ จ้า! กรอบนอกนุ่มละมุนลิ้นจ้า!”

“น้ำสมุนไพรเย็น ๆ จ้า หอมหวานชื่นใจ!”

ฮวาอิงเดินผ่านตลาดมาจนสุดซอย จนถึงหน้าโรงเตี้ยม ‘หงอวี้’ ซึ้งเต็มไปด้วยลูกค้าชายหนุ่มชนชั้นแรงงาน นักเดินทางรวมไปถึงชนชั้นขุนนางก็มี

ซูเม่ยหอบตะกร้าขนมวางบนพื้น ก่อนกางผ้าผืนเก่า ปูเป็นแผงเล็ก ๆ แล้วเรียงขนมชั้นสีอัญชัญอย่างบรรจง โดยแต่ละชิ้นถูกวางบนใบตอบอย่างสวยงาม สีสันสดใส ไล่แฉดสีชวนน้ำลายซอ โดยมีฮวาอิงคุมงานดูการจัดวางอีกครั้ง

“ขนมหวานจากแดนไกลเจ้าค่ะ! ขนมชั้นหอมอัญชัญ นุ่มเหนียว อร่อยนะเจ้าคะ!” เสียงหวาน ๆ ของฮวาอิงดังขึ้นในจังหวะที่กลุ่มนักดื่มกำลังเข้าออกจากโรงเตี้ยม ชายคนหนึ่งในกลุ่มเหลียวมองก่อนหัวเราะลั่น

“เฮ้ย! นังหนู นั่นมันขนมอันใดกัน สีหวานเหมือนของเด็กเล่นเลย!”

“ขนมไทยเจ้าค่ะ! ชื่อว่าขนมชั้น หากินยากในเมืองนี้นะเจ้าคะ ไม่สิหากินในเมืองหลวงนี้ไม่ได้แน่นอนเจ้าค่ะ รสชาติหอมหวานกำลังดี ราคาชิ้นล่ะสองอีแปะ ลองชิมก่อนสิเจ้าคะ ชิ้นแรกข้าให้ลองฟรีเลยเจ้าค่ะ!”

ฮวาอิงหยิบไม้จิ้มอันหนึ่งที่เธอทำไว้ ก่อนจะยื่นขนมชิ้นเล็กที่เตรียมไว้ให้ลูกค้าชิมก่อน แน่นอนว่ามันคือหลักการตลาดในการเชิญชวนให้ผู้คนได้รู้จักขนมแปลกตานี้ก่อน

ชายวัยกลางคนผิวคล้ำรับชิ้นหนึ่งมาลองกัดคำเล็ก ๆ แล้วเบิกตากว้าง

“โอ้ว...นุ่มลิ้นดีแท้ หวานกลมกล่อม หอมละมุนประหลาดอย่างที่นังหนูนี่เอ่ยเลยแฮะ...”

“กลิ่นจากอัญชัญเจ้าค่ะ” ฮวาอิงตอบพร้อมรอยยิ้มหวาน

“ข้าซื้อห้าชิ้นเลยนังหนู!”

“ห้าชิ้นสิบอีแปะเจ้าค่ะ แต่ท่านลุงเป็นลูกค้าคนแรกของข้า ข้าคิดแปดอีแปะเจ้าค่ะ!” ชายชรายื่นเงินจำนวนแปดอีแปะให้ฮวาอิง ก่อนที่นางจะยื่นขนมชั้นห่อใบต่อให้ชายชราไป

หลังจากนั้นไม่นาน ลูกค้าเริ่มทยอยมาเรื่อย ๆ เพราะชายวัยกลางคน ลูกค้าคนแรกตะโกนดังลั่น สร้างความสนใจและสงสัยในขนมแปลกใหม่ชิ้นนี้ ฮวาอิงยิ้มรับทุกคนอย่างมีมารยาท ตอบคำถามเรื่องวิธีทำ อย่างคล่องแคล่ว

เสียงผู้คนละแวกรอบข้างเริ่มพูดถึงขนมชั้นของฮวาอิง

“แม่หญิงคนนั้นขายขนมรูปร่างแปลก ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อสักครู่ข้าลองซื้อมาลองชิมหนึ่งชิ้น มันหวานแต่กลับไม่แสบคอเลย อร่อยมาก”

“ขนมของนางแปลก ข้าเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อนจริง ๆ”

“เห็นว่าเอาใบตองมาห่อด้วย เหมือนของชาวเมืองต่างถิ่นเลย”

จนยามชวี ขนมชั้นเหลือเพียงสองสามชิ้น ฮวาอิงนำมันห่อใบตองเพื่อเอากลับไปกินที่เรือน นางเก็บเหรียญใส่ถุงผ้าแน่นหนา ก่อนหันไปหานางคณิกาชราที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ซึ่งเป็นเจ้าของแผงที่ฮวาอิงเช่าอยู่

“ท่านป้าเจ้าคะ! ข้าขอเช่าขายตรงนี้อีกสักวันสองวันได้หรือไม่ ข้าอยากขายขนมต่อเจ้าค่ะ?”

“เอ็งดูมีมารยาท ไม่เหมือนพวกบ่าวไพร่จากจวนใหญ่อื่น ๆ ที่ข้าเคยเจอ เอ็งจะขายทุกวันก็ย่อมได้ ขอแค่แบ่งให้ข้าสักชิ้นสองชิ้นทุกครั้งที่ตั้งแผงก็พอ...ฮ่า...”

“ได้เลยเจ้าค่ะ ข้ายังมีขนมประหลาดอีกมากที่อยากทำขาย แน่นอนว่าข้าจะนำมาให้ท่านป้าทานก่อนคนแรกแน่นอนเจ้าค่ะ!” ฮวาอิงยิ้ม ยกมือไหว้ขอบคุณอย่างนอบน้อม ก่อนนั่งพักเหนื่อยหลังเก็บแผงขายขนมกับซูเม่ย

“นี่ซูเม่ย...แม้ร้านของข้าจะเล็กเพียงนี้ แต่ไม่นานนัก ข้าจักต้องมีร้านเป็นของตัวเองให้ได้คอยดู” ฮวาอิงกอดอกทอดสายตามองไปยังร้านค้าใหญ่ ๆ บนถนนเส้นหลักนี้ด้วยความหวัง

“ข้าเชื่อว่าคุณหนูที่เป็นอยู่ตอนนี้ ต้องทำได้แน่นอนเจ้าค่ะ”

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ท่านอ๋องข้าไม่อยากเป็นสตรีอันสูงศักดิ์   ตอนที่ 7-1 เสียงกระซิบในตำหนักเย็น

    ตอนที่ 7เสียงกระซิบในตำหนักเย็น เสียงฝีเท้าของฮวาอิงและซูเม่ยดังแผ่ว เมื่อทั้งคู่กลับมาถึงหน้าประตูตำหนักเย็นในมุมอับสายตาของคนในวังหลวง นางยังคงสวมชุดผ้าหยาบปลอมตัวเป็น หลินห‍ยาง แม่ค้าขนมชั้น แห่งตลาดในเมืองหลวง ขณะที่ในมือของซูเม่ยแบกตะกร้ากลับมาพร้อมผลกำไรเพียงเล็กน้อยในวันทว่ายังไม่ทันได้ก้าวพ้นประตูบานไม้เก่า กลิ่นความวุ่นวายกลับตลบตึงออกมาจากภายในตำหนักเสียงฝีเท้าผู้คนวิ่งพล่านในตำหนักเย็น ซึ่งปกติควรเงียบงันดั่งป่าช้า ฮวาอิงกับซูเม่ยชะงักฝีเท้า พลันสายตาเหลือบเห็นสาวใช้สองนางของตำหนักอื่นกำลังเปิดประตูห้องเรือนของนางโดยพลการ ค้นข้าวของอย่างไม่เกรงใจ“นั่นเจ้าทำอะไร!” ซูเม่ยร้องตวาด สีหน้าเผือดลงทันทีสาวใช้อีกคนหันกลับมาพร้อมห่อขนมชั้น นางชูขึ้นพลางยกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน“เจ้าขโมยของจากโรงครัวหลักตำหนักเย็นแล้วเอาไปทำสิ่งนี้ขายงั้นรือ?”เสียงของนางทำให้คนในตำหนักเย็นหลายคนทยอยกันมุงดู ไม่เว้นแม้แต่ คุณหนูหลี่ บุตรสาวจากเมืองต้าเหอ ซึ่งพำนักที่นี่เช่นกัน นางเป็นคนผิวขาวจัด ดวงตารรีเรียวราวกับงู พริบตาเดียวก็ก้าวเข้ามายืนตรงหน้าฮวาอิง พลางก้มหน้ามองแสยะยิ้มอย่าง

  • ท่านอ๋องข้าไม่อยากเป็นสตรีอันสูงศักดิ์   ตอนที่ 6-2 ศึกปะทะเชิง

    (ทางด้าน...ตำหนักเย็นเรือนของฮวาอิง)ทั้งสองลัดเลาะกลับเข้าตำหนักเย็น แสงอาทิตย์ลอดผ่านกิ่งไม้สูง กระทบผืนผ้าสีหม่นของชุดชาวบ้านที่สองนางสวมอยู่เสียงย่ำเท้าหนัก ๆ หยุดลงเมื่อถึงศาลาไม้หลังเรือนของตน ฮวาอิงยกชายแขนเสื้อเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก จากนั้นจึงกอดอกนั่งลงบนม้านั่งด้วยใบหน้าแสดงความกังวลออกมาชัดเจน“คุณหนู เราจะเอาอย่างไรต่อดีเจ้าคะ?” ซูเม่ยนั่งตาม ตาคิ้วขมวดแน่นฮวาอิงหลุบตาลงเล็กน้อย พลางหยิบพัดเก่า ๆ จากอกเสื้อออกมากางแล้วพัดเบา ๆ“ข้าก็กำลังคิดอยู่ ซูเม่ย หากเราปล่อยไว้เช่นนี้ ช่องทางทำมาค้าขายของเราก็พังกันพอดี”“คุณหนูเจ้าคะ หรือพวกเขาจะเป็นขุนนางจากวัง?” ซูเม่ยเอ่ยเสียงเบาลงฮวาอิงหรี่ตาลงก่อนจะพับพัดช้า ๆ วางลงตัก“เจ้าจำตอนที่ข้าเริ่มขายขนมได้หรือไม่? คนที่เฝ้ามองข้าไม่ใช่โจร ไม่ใช่พวกนักเลงตลาด แต่ดู...นิ่งเกินไป มีวินัยเกินไป เหมือนพวกที่ฝึกการสะกดรอยมาอย่างดี”“ทหาร? องครักษ์?” ซูเม่ยเบิกตากว้างฮวาอิงยิ้มบาง ๆ เงียบไปครู่ ซูเม่ยเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าหนักใจ“หากเขามาจากวัง...บางที พวกเขาอาจเป็นคนที่มีอำนาจมากก็ได้ คุณหนูหรือเราควรหนีไปให้ไกลดีเจ้าคะ?”ฮวา

  • ท่านอ๋องข้าไม่อยากเป็นสตรีอันสูงศักดิ์   ตอนที่ 6-1 ศึกปะทะเชิง

    ตอนที่ 6ศึกปะทะเชิงณ แผงขายขนมเล็ก ๆ ของฮวาอิง ที่สวมรอยเป็น หลินห‍ยาง ถูกตั้งขึ้นอย่างคล่องแคล่วเช่นเคย ขนมชั้นตอนนี้มีสีหลากหลาย เรียงรายอย่างประณีตในถาดหวายเล็ก ๆ มีผ้าลายดอกเหมยคลุมไว้กันแมลงตอม ดูสะอาดสะอ้านกว่าใคร“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณหนู...เอ่อ...คุณหลิน” ซูเม่ยกระซิบแผ่ว หลังจากจัดโต๊ะเสร็จเรียบร้อยฮวาอิงพยักหน้าเบา ๆ พลางปรับผ้าคลุมหน้าให้ปิดดวงตาอีกนิด วันนี้นางให้ซูเม่ยสวมเสื้อผ้าแบบเดียวกับตน พร้อมผ้าคลุมหน้าบางเบา เพื่อหลอกตาคนสะกดรอยให้สับสน“จำไว้นะซูเม่ย ถ้ามีใครจ้องมากกว่าหนึ่ง เราจักเก็บแผงแล้วอ้อมกลับไปโรงเตี้ยมร้างดั่งเคย” ฮวาอิงพูดเสียงต่ำ ขณะมือยังคีบขนมวางให้เรียบร้อย“เจ้าค่ะ”เพียงตั้งแผงได้ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ลูกค้าประจำเริ่มแวะเวียนมาอุดหนุน คนชรา เด็กน้อยร้านน้ำชา หรือแม่ค้าร้านใกล้เคียง ต่างยิ้มให้ ฮวาอิงอย่างคุ้นเคยขณะบรรยากาศคล้ายจะเป็นไปตามปกติ บุรุษแปลกหน้าผู้หนึ่งก็ก้าวมาหยุดยืนหน้าร้าน เขาสวมเสื้อผ้าอาภรณ์เนื้อดี แม้จะพยายามคลุมหมวก แต่ท่วงท่าการเดิน การยืน หรือแม้แต่ท่ายกมือกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายผู้มีฐานะชัดเจน“ขนมนี่...หน้าตาแปลกดีนะ” เขาย่อตัวล

  • ท่านอ๋องข้าไม่อยากเป็นสตรีอันสูงศักดิ์   ตอนที่ 5 เงาจางกลางตลาด

    ตอนที่ 5เงาจางกลางตลาด“คุณหนู! ระวังฝั่งขวาเจ้าค่ะ มีคนมองมาอีกแล้ว” เสียงกระซิบแผ่วเบาของซูเม่ยดังข้างหู ดวงตากลมโตของนางเหลือบไปยังชายสองคนในชุดชาวบ้านที่ยืนอยู่หน้าร้านยาจีน แม้แต่นางก็ดูออกว่าพวกเขาไม่ใช่ลูกค้าที่มาซื้อของจริง ๆฮวาอิงก้มหน้าลง แสร้งดูถาดขนมชั้นในมือราวกับไม่ได้สังเกตอะไร แต่ข้างในกลับตึงเครียดไปหมดพวกเขา...ตามมองแบบนี้อีกแล้วนี่ไม่ใช่วันแรกที่นางถูกติดตามแบบนี้ นับตั้งแต่วันที่ช่วยชายบาดเจ็บหลังพงหญ้าแถบหลังเมืองทางกลับตำหนักเย็น ทุกเช้าหลังตั้งแผงขายขนม ก็มักมีสายตากลุ่มคนจับจ้องมาเสมอ ราวกับเงาตามเงียบ ๆ ไม่ได้เข้าใกล้ แต่ก็ไม่ห่างหายไปไหนฮวาอิงไม่แน่ใจว่าการกระทำเช่นนี้ นับเป็นโจรหรือไม่ อยากปล้นขนมหรือเงินทอง แต่นางเป็นเพียงแม่ค้าขายขนมชิ้นละสองอีแปะ สู้ปล้นร้านอื่นคงจะดูคุ้มกว่าหรือไม่นางคิดไม่ตก จวบสิ่งหนึ่งที่ผุดขึ้นมา ทำให้นางเริ่มรู้สึกเสียวสันหลังวาบหรือคนผู้นั้นที่เราช่วยไว้ เขาส่งคนมาติดตาม

  • ท่านอ๋องข้าไม่อยากเป็นสตรีอันสูงศักดิ์   ตอนที่ 4 เงาของโชคชะตา

    ตอนที่ 4เงาของโชคชะตาหอระฆังสูงของเมืองหลวงตีระฆังก้องกังวานยามชวี เป็นสัญญาณบอกเวลาให้ชาวเมืองเริ่มเก็บร้านค้า หรือแผงตามตรอกข้างทางในย่านฮวาอิงและซูเม่ยก็ไม่เว้นเช่นกัน หลังจากที่ขนมชั้นหมดเกลี้ยงในเวลาไม่นาน เหลือเพียงส่วนที่จะเก็บไว้กินเอง ทั้งคู่ก็รีบเก็บแผงร้านของตน ภาชนะและผ้าห่อขมวดแบกไว้บนหลังซูเม่ยเพราะนางไม่ยอมให้คุณหนูของตนทำ“วันนี้พวกเราขายดีเกินคาดเลยเจ้าค่ะ! ไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณหนูจะทำขนมหวานได้เก่งถึงเพียงนี้ ข้าติดตามคุณหนูมาตั้งแต่ยังเล็ก ไม่เคยเห็นคุณหนูแตะต้องเตาไฟเลยด้วยซ้ำ ว่าแต่...คุณหนูไปร่ำเรียนตอนใดกันเจ้าคะ?” ซู่เม่ยเอ่ยด้วยดวงตาเปล่งประกาย มือทั้งสองจับหูหิ้วตะกร้าสานแบกหลัง“เอ่อ...ข้า...ก็เรียนที่สำนักศึกษาในเมืองซ่างผิงน่ะสิ”“อ่อ...ที่แท้สำนักศึกษามีเรียนนอกตำราด้วยสินะเจ้าคะ บ่าวเป็นเพียงไพร่ มิเข้าใจตำหรับตำราหรอกเจ้าค่ะ”“ฮ่ะ...ฮ่ะ...” ฮวาอิงหัวเราะกลบเกลื่อน“คุณหน

  • ท่านอ๋องข้าไม่อยากเป็นสตรีอันสูงศักดิ์   ตอนที่ 3 ตลาดเมืองหลวง และขนมชั้นจากแดนไกล

    ตอนที่ 3ตลาดเมืองหลวง และขนมชั้นจากแดนไกลแสงแดดยามสายลอดผ่านม่านขาดวิ่นเดิม ๆ ในตำหนักเย็น พลอยในร่างฮวาอิง ตื่นขึ้นด้วยความเคยชินกับโลกใบใหม่นี้แล้วฮวาอิงเดินไปในห้องครัวเก่า ๆ หลังเรือน นั่งคุดคู้หน้าเตาอิฐเล็ก ๆ มองเปลวไฟจากฟืนแห้ง ที่กำลังต้มน้ำแกงแสนจืดชืดอย่างเคยที่ซูเม่ยกำลังทำ“กินแบบนี้ทุกวันมีหวัง ขาดสารอาหารแย่” ฮวาอิงลุกขึ้นเดินไปมาคิดอยู่นาน ก่อนจะมีแผนการบางอย่างผุดขึ้นมาในความคิด อยากกินก็ต้องทำ“ซูเม่ย เจ้าช่วยข้าแต่งตัวที ขอยืมชุดของเจ้าที่เก่าที่สุดเลยนะ”ฮวาอิงเอ่ยต่อสาวใช้ของตน วันนี้นางให้ซูเม่ยช่วยแต่งตัวมอมแมมเป็นหญิงชาวบ้านผิวคล้ำหน่อย เสื้อผ้าสีซีดซอมซ่อ ดึงเชือกผ้าเส้นเล็กผูกปมหยาบ ๆ รวบผมบนศีรษะให้เรียบร้อย เพื่อให้กลมกลืนไปกับผู้คนในยุคนี้“คุณหนูฮวาอิง แน่ใจหรือเจ้าคะ ว่าจะออกไปข้างนอกในสภาพนี้” ซูเม่ยเอ่ยเบา ๆ ขณะจัดชายผ้าคลุมสีซีดให้แน่นขึ้น“เจ้าคิดว่าข้าแต่งชุดหญิงสาวในเรื

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status