“พวกเจ้ามีใครกล้าให้พระชายาคารวะตนเองอีกหรือไม่?” ฮองเฮาตรัสอย่างเย็นชา
“พวกหม่อมฉันมิกล้าเพคะ/พะย่ะค่ะ” พระสนมที่เหลือพร้อมบุตรชายรีบกล่าว
“ฮึ! หลังจากนี้ถ้าใครกล้ารังแกลูกสะใภ้ข้า ข้าจะลงโทษให้หนัก”
“เอาล่ะ ๆ ฮองเฮาก็อย่ากริ้วนักเลย เรื่องเล็กน้อยจะทำให้เจ้าเสียสุขภาพเปล่า ๆ”
“เพคะ ฝ่าบาท ขอบพระทัยที่เตือน”
“พระยาชาอู๋อ๋อง อยู่ตำหนักอ๋องคืนแรกเป็นอย่างไรบ้างเล่า” ฮ่องเต้หันไปถาม
“หม่อมฉันสบายดีเพคะ จวนอ๋องกว้างขวางและเงียบสงบ เหมาะสำหรับดูแลท่านอ๋องมากเพคะ”
“ฮึ! ไม่ทราบพระชายาดูแลท่านอ๋องอย่างไร เป็นเพียงหญิงสาวตัวเล็กแค่นี้ จะดูแลท่านอ๋องดีได้อย่างไรกัน” พระสนมเสียนเฟยกล่าวอย่างดูถูก
“ถึงแม้หม่อมฉันจะตัวเล็ก แต่เรี่ยวแรงมากพอที่จะดูแลท่านอ๋
ขบวนของไท่จื่อมาถึงหน้าพระราชวังในเวลาต่อมา ก่อนที่พระองค์จะอุ้มไท่จื่อน้อยและจับมือไท่จื่อเฟยเดินเข้างานไปพร้อมขันที นางกำนัลอีกสี่คนที่มาคอยรับใช้ไท่จื่อน้อยติดตามเข้าไปด้วยระหว่างทางเดินไปยังที่นั่งด้านหน้า ขุนนางและครอบครัวต่างทำความเคารพไท่จื่อและไท่จื่อเฟยเสียงดังไปทั่วงานเลี้ยง ถึงแม้บุตรีขุนนางจะยังมีความคิดอยากเข้าจวนไท่จื่ออยู่หลายคน แต่พวกนางเองก็ไม่กล้าแสดงออกมากไปนัก ทุกคนต่างรู้ดีว่าในสายพระเนตรของไท่จื่อนั้นมีเพียงไท่จื่อเฟย พวกนางจึงต้องเก็บงำความคิดไม่ดีเอาไว้ ไม่เช่นนั้นหากเกิดเรื่องอันใดขึ้น พวกนางคงลากครอบครัวลงน้ำไปด้วยเป็นแน่ ใครไม่รู้บ้างว่าฝ่าบาทรักไท่จื่อมากเพียงใด“พวกท่านตามสบายเถอะ งานเลี้ยงครั้งนี้เสด็จพ่อเพียงแค่อยากร่วมสนุกกับทุกคนเท่านั้น พวกท่านอย่าได้กังวลเกินไป” หยางชิงหลงตรัสพร้อมรอยยิ้มบาง“ขอบพระทัยไท่จื่อพะย่ะค่ะ/เพคะ” ทุกคนรีบกล่าวพร้อมกัน“น้องหญิง เจ้ารีบไปนั่งพักก่อนเถอะ ประเดี๋ยว
สามเดือนต่อมาอาการป่วยหนักของชาวเมืองตงหยางที่เคยเป็นมาก่อนหน้านี้กลับกลายเป็นผู้ที่เคยป่วยมีสุขภาพดีไม่ต่างจากคนทั่วไปแล้ว ถึงแม้อาการจะไม่หายขาดแต่ก็ทำให้พวกเขาอ้วนท้วนมากขึ้นและอาการไอไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยเหมือนเมื่อก่อน ส่วนการพัฒนาเมืองหลังจากนี้นั้น จื้อไฉ่เจ้าเมืองตงหยางก็ถวายแผนงานให้ไท่จื่อรับทราบและเริ่มปฏิบัติมาได้เดือนกว่าแล้วหยางชิงหลงเห็นว่าเมืองตงหยางในตอนนี้สามารถอยู่ได้อย่างปกติสุข พระองค์จึงกำหนดวันเดินทางไปยังเมืองอื่นเพื่อดูแลสภาพความเป็นอยู่ของราษฎรต่อไป แน่นอนว่าซินเมี่ยวและไท่จื่อน้อยก็จะติดตามพระองค์ไปด้วยเช่นกัน พวกเขาสามพ่อแม่ลูกไม่มีทางที่จะแยกกันเดินทางจนกว่าภารกิจจะเสร็จสิ้นหนึ่งปีต่อมาขบวนเดินทางของไท่จื่อ ไท่จื่อเฟยและไท่จื่อน้อยกลับถึงเมืองหลวงอย่างยิ่งใหญ่พร้อมความสำเร็จในการช่วยเหลือราษฎรตามเมืองต่าง ๆ ชื่อเสียงของทั้งสองพระองค์เลื่องลือไปทั่วแคว้น จากพระเมตตาที่มีให้แก่ราษฎร
ช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หมอหลวงออกตามหาสมุนไพรที่จำเป็นพร้อมทหารตามภูเขาใกล้เคียงเมืองตงหยางแทบจะวันเว้นวัน ไท่จื่อยังส่งทหารส่วนหนึ่งไปตามหายังภูเขาห่างออกไป กว่าที่พวกเขาจะพบสมุนไพรที่จำเป็นก็ใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือน ส่วนอาการของผู้ป่วยที่มาทดลองรักษาทั้ง 10 คนนั้น หลังจากฝังเข็มเพื่อไล่พิษจากปอดรอยาสมุนไพรอยู่ก็มีอาการดีขึ้น พวกเขาไม่ไอบ่อยเท่าที่เคยเป็นและนอนหลับสนิทมากขึ้นจึงทำให้ระบบภายในร่างกายที่ไม่ค่อยได้พักผ่อนเนื่องจากอาการไอนั้นเริ่มกลับมาทำงานได้ดีขึ้นมากซินเมี่ยวที่เลี้ยงลูกในกระโจมมาตลอดหนึ่งเดือน ตอนนี้นางสามารถออกนอกกระโจมได้แล้ว นางจึงเริ่มไปตรวจสอบดูสมุนไพรที่หมอหลวงและทหารไปช่วยกันหามาว่าถูกชนิดหรือไม่ จากนั้นจึงปรุงยาให้ผู้ป่วยลองกินดูในแต่ละวันซินเมี่ยวจะตรวจชีพจรเพื่อติดตามผลว่าปอดของผู้ป่วยอาการดีขึ้นหรือไม่ เมื่อเห็นว่ายาทั้งสามที่นางคิดค้นขึ้นช่วยบรรเทาอาการและเสริมความแข็งแกร่งให้ปอดที่เสียหายได้ ซินเมี่ยวจึงสั่งให้ทหารออกไปตามหาสมุนไพรมาเพิ่มเพื่อที่จะได้ให้หมอหลวงเข้าไปรักษาผู้ป่
สายวันต่อมา หยางชิงหลงได้รับแจ้งจากทหารว่าเจ้าเมืองตงหยางกับฮูหยินขอเข้าเฝ้า พระองค์ที่กำลังกล่อมไท่จื่อน้อยให้หลับหลังดื่มนมอยู่พยักหน้าอนุญาต ให้พวกเขาเข้ามาพบได้ อย่างไรวันนี้พระองค์ก็ยังไม่อยากเข้าเมืองไปสอบถามเรื่องราวการแก้ไขปัญหาของราษฎรในช่วงที่บุตรชายเพิ่งคลอดสักเท่าไหร่นัก“ถวายบังคมไท่จื่อ ไท่จื่อเฟยพะย่ะค่ะ/เพคะ” จื้อไฉ่กับฮูหยินค้อมกายคำนับทั้งสองพระองค์ที่นั่งรออยู่พร้อมไท่จื่อน้อยในอ้อมแขนไท่จื่ออย่างนอบน้อม“พวกท่านตามสบายเถิด เชิญนั่งก่อน” หยางชิงหลงตรัสพร้อมรอยยิ้มบาง“กระหม่อมนำของรับขวัญไท่จื่อน้อยมามอบให้พะย่ะค่ะ ขอแสดงความยินดีกับไท่จื่อและไท่จื่อเฟยด้วยพะย่ะค่ะ” จื้อไฉ่ยื่นกล่องของขวัญให้ซุนเหยาที่อยู่ในกระโจมเพื่อนำไปมอบให้ไท่จื่อเฟยดูแทนไท่จื่อที่กำลังกล่อมไท่จื่อน้อยอยู่“ขอบใจพวกเจ้ามาก เรื่องเมืองตงหยางที่มีปัญหาสุขภาพ เราให้หมอหลวงช่วยกันหาวิธีรักษาอยู่ ท่านเจ้าเมืองพาราษฎรที่ป่วยหนั
รุ่งเช้าวันต่อมา เหล่าหมอหลวงมาขอพบไท่จื่อเฟยเพื่อพูดคุยเรื่องขั้นตอนการรักษาชาวเมืองอย่างเคร่งเครียด จนกระทั่งเที่ยงวัน พวกเขาจึงแยกย้ายกันไปทานอาหารและปล่อยให้ซินเมี่ยวกินข้าวกับหยางชิงหลงในกระโจม“น้องหญิงอย่าหักโหมงานมากนะ อีกไม่กี่วันเจ้าก็จะคลอดแล้ว พี่ไม่อยากให้เจ้าเครียดเกินไปนัก” หยางชิงหลงตรัสระหว่างคีบอาหารให้ซินเมี่ยว“ทราบแล้วเพคะ เสด็จพี่อย่ากังวลเลย น้องรู้ดีว่าต้องพักผ่อนให้มากเพคะ”หลังอาหารเที่ยง หยางชิงหลงเดินไปยังกระโจมของเหล่าหมอหลวงเพื่อสอบถามถึงขั้นตอนการรักษาต่อ พระองค์จะได้สั่งให้องครักษ์เข้าไปแจ้งเจ้าเมืองให้เตรียมสมุนไพรที่จำเป็นต้องใช้เพิ่มเติม เพราะในขบวนของพระองค์ถึงจะมีสมุนไพรอยู่บ้าง แต่ก็ถูกใช้ไปมากแล้วก่อนหน้านี้ หากต้องไปหาซื้อยังเมืองอื่นก็คงต้องใช้เวลาเดินทางอีกมากซินเมี่ยวนั่งอ่านตำรารอให้อาหารย่อยเกือบครึ่งชั่วยาม ก่อนที่นางจะนอนพักผ่อนรอทานอาหารเย็นและออกไปเดินเล่นกับหยางชิงหลงเหมือนทุกวัน
สองวันต่อมา ต้วนฟางเหยาส่งรายงานสรุปปัญหาออกมาเป็นข้อ ๆ และแนวทางแก้ไขปัญหาที่เขาคิดขึ้นมา หยางชิงหลงและซินเมี่ยวนั่งอ่านรายงานอย่างละเอียดก็เห็นว่าไม่มีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง นับว่าต้วนฟางเหยาทำงานได้ดีสมกับที่ฝ่าบาทส่งมาช่วยเหลือราษฎรจริง ๆ“วิธีการแก้ไขปัญหาของเจ้าเหมาะสมแล้ว เราอนุญาตให้ดำเนินการได้ ส่วนสิ่งที่เจ้าต้องการก็สามารถเบิกได้กับองครักษ์ซุนเหยา” ไท่จื่อตรัส“ขอบพระทัยไท่จื่อพะย่ะค่ะ กระหม่อมจะทำเรื่องเบิกกับท่านซุนเหยาตามรับสั่ง”“เจ้าเมืองต้วน ที่ค่ายทหารนอกเมืองของเรามีต้นอ่อนสมุนไพรรักษาบาดแผล ท่านลองดูว่ามีหมู่บ้านใดที่เหมาะสมจะปลูกเป็นอาชีพและส่งออกไปยังเมืองอื่นด้วยก็แล้วกันนะ เราอยากให้พวกเขามีรายได้มากขึ้นนอกจากการทำเกษตร”“พะย่ะค่ะไท่จื่อเฟย เรื่องนี้กระหม่อมจะปรึกษากับผู้ใหญ่บ้านและมารายงานให้พระองค์ทราบอีกครั้ง”ทั้งสองพระองค์ต่างพยักหน้าอย่างพอใจกับการทำงาน