เมื่อถูกตัดท่อน้ำเลี้ยง ขาดแคลนกำลังทรัพย์ พวกคนร้ายย่อมระส่ำระสาย นอกจากนี้มู่เลี่ยงหรงสั่งให้ซิ่นเฉิงส่งองครักษ์ฝีมือดีไปลอบสืบข่าวที่จวนเอี้ยนอ๋อง หากสิ่งที่เขาคาดเอาไว้ไม่ผิด อีกไม่นานย่อมต้องมีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นที่นั่นอย่างแน่นอน
เพื่อเป็นการชดเชยที่ก่อนหน้านี้เพียงพอนกับเจ้าจิ้งจอกบังอาจเห็นเขาเป็นตัวตลก ถึงแม้พระเชษฐาจะเป็นต้นคิด แต่เขาจะทำอันใดโอรสสวรรค์ได้ เช่นนั้นก็คงมีแต่ต้องให้ทั้งสองทำคุณไถ่โทษเสียแล้ว ส่วนถางซือเซียนหลังจากถูกเยี่ยนจิ้นหลิงช่วยเอาไว้ตอนงานชมงิ้ว นางก็เริ่มมีท่าทีที่แปลกไป หากนางฟ้าน้อยใจอ่อนกับเจ้าจิ้งจอกง่ายๆ เขาคงไม่ได้ชมความครึกครื้น เช่นนั้นคงต้องหาวิธีให้ความสัมพันธ์นี้สะดุดลงเสียก่อน
ล่วงเข้ายามซื่อ[1] อัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายกับถางซือเซียนก็เดินทางมาถึงจวนฉินอ๋อง ทั้งคู่คิดว่ามู่เลี่ยงหรงเพียงชวนพวกเขาพี่น้องมาสังสรรค์ กินอาหารกลางวันร่วมกันดังเช่นที่ผ่านมา หารู้ไม่ว่าอ๋องหนุ่มต้องการเอาเรื่องสหายตัวดีอยู่
สองพี่น้องตระกูลถางเดินมาตามระเบียงสู่ห้องหนังสือ พวกเขาประหลาดใจเมื่อพบเยี่ยนจิ้นหลิงยืนอยู่หน้าห้องอยู่ก่อนแล้ว ถางซือเซียนสาวเท้าเดินไปหาเขาพร้อมรอยยิ้ม แต่สิ่งที่นางเห็นคือใบหน้าหนักอกหนักใจ เขาเหลือบมองนางคราหนึ่งแล้วหันหนีไปทางอื่นทันที เมื่อถูกเมิน หัวใจของนางชาวูบ
“ท่านกุนซือ” ถางซือเซียนเอ่ยทักทายตามมารยาท
“...” เยี่ยนจิ้นหลิงไม่ตอบ อีกทั้งไม่มองถางซือเซียนแม้แต่นิดเดียว เขากำลังต้องการสมาธิ และนางคือคนที่ทำให้เขาวอกแวกได้มากที่สุด จิ้งจอกหนุ่มจึงเลือกที่จะไม่สนใจนางในตอนนี้
สาวน้อยรู้สึกเจ็บแปลบอย่างประหลาด นางทำอะไรผิดเขาจึงเบือนหน้าหนี ก่อนหน้านี้ถ้าเยี่ยนจิ้นหลิงมีโอกาสก็มักจะหาเรื่องเข้ามาเสวนากับนางเสมอ หนำซ้ำเมื่อตอนเกิดเรื่องที่โรงละคร กุนซือหนุ่มก็ปกป้องนางอย่างสุดกำลัง ความเก่งกาจของเขานั้นทำให้นางหวั่นไหวไม่น้อย แต่มาวันนี้อีกฝ่ายกลับมองเมินนางเสียอย่างนั้น
ถางซือเซียนหันกลับไปหาอัครเสนาบดี เห็นพี่ชายส่ายหน้าน้อยๆ นางจึงตัดสินใจเดินตรงไปเปิดประตูห้องหนังสือ แล้วเดินเข้าไปหามู่เลี่ยงหรงโดยไม่สนใจเยี่ยนเจิ้นหลิงอีก
เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำให้มู่เลี่ยงหรงละจากงานที่ทำอยู่ เขาแลเห็นถางซือเซียนถือตะกร้าใบหนึ่งเดินตรงเข้ามาหา
“เซียนเอ๋อร์ทำขนมมาให้ตามที่สั่งแล้วเพคะ”
“อืม…ทำมาเยอะพอใช่หรือไม่” ท่านอ๋องถามสาวน้อยพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น
“ทั้งหมดนี้ เซียนเอ๋อร์แยกกล่องไว้สำหรับเลี่ยงหรงเกอเกอ พี่เยว่ฉี และชายารองทั้งสามแล้วเพคะ”
“แล้วเหตุใดซือเซินไม่เข้ามาด้วยเล่า” มู่เลี่ยงหรงเหลือบมองไปทางประตูแล้วเอ่ยถาม
“พี่ใหญ่คงมีเรื่องสนทนากับท่านกุนซือก่อนเจ้าค่ะ” ถางซือเซียนไม่รู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว จึงตอบไปตามตรง
“แสดงว่าเจ้าพบเยี่ยนจิ้นหลิงแล้ว เขายังคงมีท่าทีสนอกสนใจเจ้าอยู่กระมัง” มู่เลี่ยงหรงโยนหินถามทาง นัยน์ตาคมดุจเหยี่ยวจับสังเกตสาวน้อยไม่วางตา
“พบแล้วเพคะ แต่ท่านกุนซือ...” ถางซือเซียนหลุบตาลง นางไม่อยากเล่าว่าเมื่อครู่ตนถูกจิ้งจอกหนุ่มเมินเฉย
“ข้าไม่อยากจะพูดอันใดให้มากความ หากเจ้าต้องการจะเปิดใจรับเขาก็เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ให้ดี”
“เลี่ยงหรงเกอเกอหมายความว่าอย่างไร”
“ข้าคิดว่าชายผู้นั้นไม่ใช่คนเลวอะไร แต่ก็ไม่ใช่คนที่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ดีไม่ดีอาจจะมากเพทุบายกว่าซือเซินเสียอีก เจ้าคิดว่าที่เขามาใกล้ชิดเพราะพึงใจในตัวเจ้าอย่างบริสุทธิ์ใจจริงๆ กระนั้นหรือ”
“มิได้ เซียนเอ๋อร์ยังไม่ได้คิดไปไกลถึงเพียงนั้น”
“อย่ามาโกหกกัน เจ้ากำลังหวั่นไหว แต่ข้าก็เข้าใจ เขาหล่อเหลาออกปานนั้น ซ้ำยังปกป้องเจ้าจากอันตราย จะประทับใจบ้างก็ไม่แปลกอันใด”
“เลี่ยงหรงเกอเกอไม่ห้ามเซียนเอ๋อร์แล้วหรือ” นางมองอ๋องหนุ่มอย่างระแวดระวัง ไม่แน่ใจว่าเขาหมายความตามที่พูดจริงหรือไม่
“ข้าไม่ห้าม แต่เจ้าจงระวังเอาไว้ เขาอาจจะเข้ามาใกล้ชิดเจ้าเพียงเพื่อผลประโยชน์เท่านั้น”
“เซียนเอ๋อร์เป็นเพียงสตรีธรรมดา ไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไร จะมีผลประโยชน์อันใดต่อเขาเล่า”
“เจ้าอย่าหลอกตัวเองดีกว่า มีหรือที่บุตรสาวซึ่งเกิดจากภรรยาเอกของเซวียนผิงโหวจะไม่สามารถมอบประโยชน์อะไรให้ใครได้ อย่างน้อยที่สุดเจ้าก็มีความสำคัญต่อข้ากับซือเซินอย่างไรเล่า” มู่เลี่ยงหรงหรี่นัยน์ตา กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเข้มครึม
“เลี่ยงหรงเกอเกอคิดว่าเขามีเจตนาไม่บริสุทธิ์หรือ” นัยน์ตาดุจดวงดาวสั่นไหว
“ข้าเพียงคาดเดาทุกสิ่งที่เป็นไปได้ หากเจ้าไม่คิดเช่นนั้นข้าก็ไม่ว่าอันใด เพียงแต่จงระวังตนเอาไว้ให้ดี อย่าได้เผลอไผลจนไม่อาจย้อนกลับได้ ขอให้นึกถึงหน้าท่านโหวให้มากๆ ก็แล้วกัน”
“เซียนเอ๋อร์จะจำใส่ใจไว้เพคะ”
ถางซือเซียนเริ่มหวาดหวั่นในใจ นางไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน หากเป็นดั่งที่มู่เลี่ยงหรงกล่าวคงมีแต่ต้องเจ็บปวด เช่นนั้นนางควรรักษาระยะห่างจากชายมากเล่ห์ผู้นั้นเอาไว้บ้าง
มู่เลี่ยงหรงลอบยิ้มในใจ คนเรายิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เช่นนั้นเขาจึงไม่ห้ามดรุณีน้อย เพราะรู้นิสัยของถางซือเซียนดี บัดนี้นางคงครุ่นคิดและเริ่มระวังตัวแล้ว
เมื่อ
“มัวแต่คุยเรื่องไร้สาระ เอาขนมของข้ามาเร็วเข้า” มู่เลี่ยงหรงเปลี่ยนเรื่องหน้าตาเฉย เขามองไปยังตะกร้าด้วยแววตาเป็นประกาย เพราะขนมดอกกุ้ยของถางซือเซียนอร่อยอย่างหาตัวจับได้ยาก หากนางเปิดร้านกิจการคงเจริญรุ่งเรืองเป็นแน่ “พี่เยว่ฉีของเจ้าอยู่ที่ศาลาใหญ่ตรงสระบัว เจ้าเอาขนมไปให้นางเถิด ส่วนของจื่อหรูกับเหมยหลิน เหมยหลัน เจ้าฝากนางกำนัลไปให้ก็ได้”
“เซียนเอ๋อร์ตั้งใจจะเอาขนมไปให้พี่จื่อหรูก่อนเพคะ จากนั้นค่อยไปพบพี่เยว่ฉี”
มู่เลี่ยงหรงรู้ดีว่าถางซือเซียนสนิทสนมกับเฉิงจื่อหรูมาก่อน จึงไม่แปลกใจที่นางอยากไปพบอีกฝ่าย
“ตามใจเจ้า แต่ออกไปแล้วก็บอกให้สองคนนั้นเข้ามาหาข้าด้วย”
[1] ยามชื่อ เวลาประมาณ 09.00-10.59 น.
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ตะวันเคลื่อนคล้อยจนทอแสงเป็นสีส้ม เยี่ยนเยว่ฉีทำถุงใส่เครื่องหอมให้มู่เลี่ยงหรงเสร็จพอดีจึงตั้งใจจะไปพบสามีที่ห้องหนังสือ นางลุกขึ้นเดินไปทางตำหนักใหญ่ ระหว่างทางก็เหลือบไปเห็นกล่องใส่ขนมใบหนึ่งถูกทิ้งเอาไว้ริมสระบัวภาพขนมดอกกุ้ยกระจัดกระจายอยู่บนพื้นหญ้า‘เกิดอันใดขึ้น ทำไมกล่องขนมจึงถูกทิ้งเล่า’เมื่อครู่ไม่ใช่ถางซือเซียนบอกกับนางว่าจะนำขนมดอกกุ้ยกล่องนี้ไปให้เยี่ยนจิ้นหลิงหรอหรือ แต่เหตุใดถึงมีสภาพเช่นนี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่าสาวน้อยอาจจะเผลอทำกล่องขนมหลุดมือ หรือเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับพี่ชายคนรองของนางกันระหว่างที่เยี่ยนเยว่ฉีกำลังครุ่นคิด มู่เลี่ยงหรงก็ออกมาจากห้องทำงานพอดี เขาก้าวเท้าเข้ามาหาพระชายาของตนทันที แต่พอเห็นนางสนใจสิ่งอื่นอยู่จึงมองตามสายตานั้นไป แล้วก็พบกับกล่องขนมนั่นด้วยเช่นกัน“เด็กๆ จงเก็บกล่องขนมนั้นขึ้นมา แล้วทำความสะอาดบริเวณนี้เสีย” มู่เลี่ยงหรงออกคำสั่ง ข้ารับใช้ที่อยู่ในบริเวณนั้นรีบทำตามประสงค์ของเขาในทันที“ช่างเถิด มันไม่ใช่เรื่องของเรา” มู่เลี่ยงหรงเอ่ยเสียงเรียบแต่ข้าสงสัยว่าเซียนเอ๋อร์อาจจะมีเรื่องบางอย่างกับพี่รอง” ในที่สุด
“เพคะ” ถางซือเซียนรับคำ แล้ววางกล่องขนมใบใหญ่ไว้บนโต๊ะทำงานของมู่เลี่ยงหรง จากนั้นนางก็เดินจากไปเมื่อออกมาที่หน้าประตู นางหันไปบอกพี่ชายให้เข้าไปพบมู่เลี่ยงหรงได้ นางปรายสายตามองบุรุษผมสีเงินชั่วขณะหนึ่ง แต่เขาก็ยังเสมองไปทางอื่นอยู่ดี ถางซือเซียนถอนหายใจ นางส่งตะกร้าให้เสี่ยวลี่ แล้วสาวเท้าไปตามทางเดินสู่เรือนพักของเฉิงจื่อหรูลมวสันต์พัดผ่านเหล่าบุปผานานาพันธุ์กระจายกลิ่นอันสดชื่นฟุ้งไปทั่วทั้งจวน ตำหนักจันทราถูกสร้างขึ้นใหม่อย่างสวยงาม ฉินอ๋องสร้างสะพานเชื่อมระหว่างตำหนักเพื่อความสะดวก อีกทั้งยังขุดสระบัวขนาดใหญ่พร้อมปลูกศาลาเอาไว้ให้พระชายาเอกนั่งเล่นพักผ่อน สิ่งเหล่านี้บ่งบอกถึงความรักและใส่ใจสตรีของตนได้เป็นอย่างดีเยี่ยนเยว่ฉีเพิ่งแต่งเข้าจวน มู่เลี่ยงหรงยังไม่ต้องการให้นางรับช่วงดูแลเรือนหลังในตอนนี้ อีกทั้งพระชายายังป่วยด้วยโรคลำดับเดือนของสตรี เขาจึงต้องการให้นางพักผ่อนให้มากที่สุดวังอ๋องอันใหญ่โตมีคนมากมายให้ต้องจัดการ เยี่ยนเยว่ฉีจึงคิดใช้โอกาสนี้สังเกตผู้คนไปก่อน เมื่อถึงเวลารับมอบหน้าที่ต่อจากเฉิงจื่อหรู นางจะได้จัดระบบใหม่ทั้งหมดหลังจากตื่นในตอนเช้า พระชายารองทั้งสาม
เมื่อถูกตัดท่อน้ำเลี้ยง ขาดแคลนกำลังทรัพย์ พวกคนร้ายย่อมระส่ำระสาย นอกจากนี้มู่เลี่ยงหรงสั่งให้ซิ่นเฉิงส่งองครักษ์ฝีมือดีไปลอบสืบข่าวที่จวนเอี้ยนอ๋อง หากสิ่งที่เขาคาดเอาไว้ไม่ผิด อีกไม่นานย่อมต้องมีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นที่นั่นอย่างแน่นอนเพื่อเป็นการชดเชยที่ก่อนหน้านี้เพียงพอนกับเจ้าจิ้งจอกบังอาจเห็นเขาเป็นตัวตลก ถึงแม้พระเชษฐาจะเป็นต้นคิด แต่เขาจะทำอันใดโอรสสวรรค์ได้ เช่นนั้นก็คงมีแต่ต้องให้ทั้งสองทำคุณไถ่โทษเสียแล้ว ส่วนถางซือเซียนหลังจากถูกเยี่ยนจิ้นหลิงช่วยเอาไว้ตอนงานชมงิ้ว นางก็เริ่มมีท่าทีที่แปลกไป หากนางฟ้าน้อยใจอ่อนกับเจ้าจิ้งจอกง่ายๆ เขาคงไม่ได้ชมความครึกครื้น เช่นนั้นคงต้องหาวิธีให้ความสัมพันธ์นี้สะดุดลงเสียก่อนล่วงเข้ายามซื่อ[1] อัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายกับถางซือเซียนก็เดินทางมาถึงจวนฉินอ๋อง ทั้งคู่คิดว่ามู่เลี่ยงหรงเพียงชวนพวกเขาพี่น้องมาสังสรรค์ กินอาหารกลางวันร่วมกันดังเช่นที่ผ่านมา หารู้ไม่ว่าอ๋องหนุ่มต้องการเอาเรื่องสหายตัวดีอยู่สองพี่น้องตระกูลถางเดินมาตามระเบียงสู่ห้องหนังสือ พวกเขาประหลาดใจเมื่อพบเยี่ยนจิ้นหลิงยืนอยู่หน้าห้องอยู่ก่อนแล้ว ถางซือเซียนสาวเท้าเดินไปหาเขาพ
“พี่รอง...เยว่ฉีรักท่านมากกว่าผู้ใด ก่อนทำอันใดลงไปย่อมต้องคิดถึงความปลอดภัยของศีรษะท่าน ส่วนใต้เท้าถาง ก็มีน้ำหนักในใจของท่านอ๋องอยู่มาก เขาคงไม่เป็นอะไรเช่นกัน ส่วนถางซือเซียนนั้น...น้องสาวไม่แน่ใจว่าท่านอ๋องจะเรียกนางมาด้วยเหตุใด”“เขาต้องการจะให้ข้าวิตกกังวลอย่างไรเล่า พรุ่งนี้ข้าคงต้องตามกลับไปด้วย”“นี่พี่รองจริงจังอย่างนั้นหรือ น้องสาวคิดว่าพี่รองแค่ทำเจ้าชู้ไปตามปกติเท่านั้น จึงไม่เคยสังเกต” เยี่ยนเยว่ฉีขมวดคิ้ว ปกติพี่ชายคนนี้มักมีสตรีเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่เสมอ แต่เขาไม่เคยจริงจัง และไม่มีผู้ใดจะทำให้จิ้งจอกเป็นกังวลได้“...” เยี่ยนจิ้นหลิงเม้มริมฝีปาก“ว่าอย่างไรเล่า นางคือคนที่ท่านหมายตา หรือว่าเป็นแค่เครื่องมือ”“น้องเล็ก เจ้าถามเหมือนเป็นห่วงนาง”“ถางซือเซียนเป็นเพียงหญิงสาวไร้เดียงสา หากท่านพี่จะหลอกลวงนางเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง ข้าก็อยากจะขอให้ท่านทบทวนดูใหม่”“ใช่ นางบริสุทธิ์ไร้เดียงสา แล้วอย่างไรเล่า”“หากท่านไม่บริสุทธิ์ใจก็ควรปล่อยนางไป”“เจ้าไม่มีสิทธิ์มาแทรกแซงเรื่องของข้า” เยี่ยนจิ้นหลิงโบกพัดตัดบท“พี่รอง ท่านอย่าได้ล้อเล่นกับหัวใจผู้อื่นให้มากนัก”“ฉีเอ๋อร์ หากข
“ทำไมข้าไม่รู้เรื่องนี้เลย” มู่เลี่ยงหรงตกใจมาก เพราะสามหัวหน้าห้องเครื่องของวังหลวงเป็นหน้าที่สำคัญอย่างยิ่ง พวกเขาไม่ได้มีหน้าที่ทำอาหารโดยตรงเสียด้วยซ้ำ แต่เป็นราชองครักษ์ใกล้ชิดผู้คอยควบคุมความปลอดภัยของอาหารที่จะถูกส่งไปให้ฮ่องเต้“เอ๋...ท่านอัครเสนาบดีไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ท่านพี่ฟังหรือ”“เกี่ยวอะไรกับซือเซิน”“ก็ท่านตาของข้าเป็นสหายกับเซวียนผิงโหวบิดาเขา เมื่อปีก่อนใต้เท้าถางยังไปเยี่ยมท่านแม่แทนท่านโหวกับท่านตาที่เมืองหานจีอยู่เลย”มู่เลี่ยงหรงโกรธถางซือเซินไม่น้อย แท้จริงแล้วพวกเขาสนิทชิดเชื้อกันถึงเพียงนี้ แต่เจ้าเพียงพอนตัวดีกลับเผยความจริงเพียงเสี้ยวเดียวเหมือนไม่เห็นเขาในสายตา“ครอบครัวของพวกเจ้าคงสนิทกันมากสินะ”“แน่นอนสิเพคะ จะว่าไปท่านอ๋องก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าใต้เท้าถางถือเป็นศิษย์พี่ของพี่รองด้วย”“อืม ซือเซินคงเห็นว่าไม่สำคัญจนต้องเล่ากระมัง” มู่เลี่ยงหรงรักษาท่าทีสงบเอาไว้ ทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวมาก่อน ทั้งที่ถางซือเซินสารภาพมาแล้วกึ่งหนึ่ง เพราะต้องการจะดูปฏิกิริยาของจิ้งจอกสีเงิน‘น้องเล็ก เจ้าต้องการสิ่งใดกัน’เยี่ยนจิ้นหลิงอยากจะห้ามน้องสาวก็ไม่ทันการณ์เสียแล้
“ทุกคนตามสบาย วันนี้ข้ามาในฐานะบุตรเขย ท่านพ่อตากับท่านแม่ยายไม่ต้องมากพิธี” มู่เลี่ยงหรงตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ“ท่านอ๋องพาพระชายากลับมาก่อนเวลา อาหารกลางวันจึงยังไม่เรียบร้อย ท่านตามพวกผู้ชายไปสนทนากันก่อน ส่วนหม่อมฉันขอพาหวางเฟยไปพูดคุยตามประสาแม่ลูกนะเพคะ” ไป๋หลันกล่าวพร้อมรอยยิ้ม“ย่อมได้” อ๋องหนุ่มพยักหน้าตอบรับไป๋หลันจึงจูงมือฉินหวางเฟยไปอีกทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว นางมีเรื่องมากมายอยากจะถามไถ่ ด้วยแท้จริงเป็นห่วงบุตรสาวที่ต้องดูแลจวนอ๋องอันใหญ่โต คงจะลำบากมากทีเดียว ส่วนพวกผู้ชายก็เชิญฉินอ๋องไปยังห้องรับรองซึ่งอยู่ไม่ไกลบรรยากาศไม่ค่อยอึมครึมแล้ว หลังจากมู่เลี่ยงหรงแกล้งเมามายพ่ายแพ้ในงานเลี้ยงแต่งงาน เยี่ยนหยางเจวี๋ยก็ดูจะพออกพอใจ ผู้เป็นอ๋องหวังว่าวันนี้พ่อตาจะไม่ทดสอบอะไรเขาอีกบุรุษทั้งสี่สนทนากันอย่างออกรส แม่ทัพใหญ่รู้สึกทึ่งบุตรเขยอยู่ไม่น้อย ฉินอ๋องมีความรู้กว้างขวาง แม้แต่เรื่องรบทัพจับศึกก็เชี่ยวชาญ ต่างจากที่ตนคิดเอาไว้อย่างมาก เขานึกว่าอ๋องผู้นี้คงดีแต่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ไปวันๆ ที่ได้ตำแหน่งสำคัญมาก็คงอาศัยพระบารมีของฮ่องเต้ แต่ดูเหมือนตนจะมองผิด