รัชทายาทพุ่งดาบเข้ามา ท่านอ๋องดันนางหลบออกไปเพื่อที่เขาจะได้ต่อสู้ตัวต่อตัวกับพี่ชายตนเอง ท่านอ๋องมีวิชายุทธ์ที่เหนือกว่าถังเย่จวิน เขาเริ่มล่าถอย อันเฟยได้แต่กำจัดคนที่จะเข้ามาในวงล้อมของท่านอ๋องเพื่อไม่ให้โจมตีเขาได้“อันเฟยเจ้าหลบไปก่อน”“ไม่!! หากท่านเอาชนะเขาไม่ได้ ข้าจะไม่มีทางให้อภัยท่าน”“ได้ยินหรือไม่ถังเย่จวิน หากข้าไม่ชนะเจ้าในวันนี้พระชายาของข้าคงโกรธข้าเป็นแน่”“วันนี้จะเป็นวันตัดสิน เรื่องของเจ้ากับข้าเซียวฟู่เฉิน”ดาบที่ฟาดฟันกันทำเอาคนรอบข้างไม่มีผู้ใดกล้ายุ่งกับเขา แต่กองทัพของท่านอ๋องที่เริ่มสู้ไม่ไหวก็อ่อนแรงลง“ท่านแม่ทัพ เราจะไม่ไหวแล้วขอรับ ทำเช่นไรดีขอรับ”“พี่ใหญ่ รีบมาเร็ว ๆ เข้า!!”“เรียกข้างั้นหรือ!!”ฮั่วเทียนอี้มาพร้อมกับนักรบบนหลังม้าที่มีทวนยาวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของนักรบแดนใต้ พวกเขามาถึงในเวลาที่พอดี ชิงอันหันไปมองเห็นเขาและเริ่มยิ้มออกมา“พี่ใหญ่!!”“แม่ทัพฮั่วน้อยมาแล้ว!! พวกเรารอดแล้ว!!”“พวกเรามาทันเวลาพอดีสินะแม่ทัพลี่”“อย่ารอช้าเลย กำจัดพวกทรราชนี่ให้สิ้นแผ่นดินเถอะ!!"“แม่ทัพลี่หวง!!”“ใช่ เป็นข้าเองนึกไม่ถึงว่าจากองค์รัชทายาทจะกลายเป็นทรราช เจ้าส
ท่านอ๋องค่อย ๆ ฝ่าวงล้อมเข้าไปหาอันเฟยที่ยังต่อสู้นำทัพหน้าที่เป็นกองทัพโล่ที่คอยดึงข้าศึกเข้าไปจัดการในค่ายกลกระดองเต่าที่นางกับชิงอันคิดขึ้นมา“ท่านแม่ทัพ!! นั่นท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”อันเฟยหันไปมองผู้ที่ควบอาชามายังด้านหน้า ในรัศมีสองจั้ง (1 จั้ง = 3.3 เมตร) นางหยุดใช้กำลังภายในเมื่อเขาควบม้าทะยานเข้ามาจนถึงตัวนาง“ท่านอ๋องระวัง!!”เขาไม่ทันได้ดูด้านหลัง อาชาศึกสีดำพร้อมกับหอกยาวที่พุ่งมาทางด้านหลัง อันเฟยใช้ปราณเพื่อดันหอกนั้นกลับไปคืนสู่เจ้าของซึ่งกระเด็นตกจากหลังม้าไปในทันทีท่านอ๋องถึงกับอ้าปากค้าง ไม่ต่างกับเหล่าทหารในสนามรบที่คาดไม่ถึงว่าพระชายาอ๋องผู้นี้จะมีวรยุทธ์เก่งกาจและรุนแรงถึงเพียงนี้“กล้าทำร้ายผู้ชายของข้าย่อมมีราคาที่ต้องจ่าย ฟู่เฉินท่านหลีกไป!!”“อันเฟย!! อย่าวู่วามเหลือให้ข้าฆ่าพวกมันบ้าง!!”เขาหันม้ากลับไปช่วยนางที่พุ่งกายไปจัดการกองทัพที่เหลือขององค์รัชทายาท ไม่นานถังเย่จวินก็วิ่งเข้ามาพร้อมกับดาบในมือ เขาปะทะกับท่านอ๋องที่ฆ่ารองแม่ทัพคนสุดท้ายในกองทัพเขาได้“พระชายา องค์ชายแย่แล้วเพคะจะส่งกองทัพที่เหลือไปช่วยหรือไม่เพคะ”“ช่วยให้โง่น่ะสิหากเขาตายในที่นี้ก็ไม่เกี่ย
“เอาล่ะ เช่นนั้นเจ้าก็นอนพักเสียหน่อย พรุ่งนี้ข้าจะมาปลุกเจ้าแต่เช้า”“ขอบคุณพี่รอง”เสียงเหยี่ยวสาวร้องอยู่ด้านนอกก่อนที่อันเฟยจะล้มตัวลงนอน“เอี้ยนซือ พี่รอง!!”“ได้ ค่อย ๆ ลุก”อันเฟยเดินออกมาด้านหน้ากระโจมพร้อมกับความตกใจของเหล่าทหารที่ออกมามุงดูด้วยความสนใจ เหยี่ยวสีขาวที่ค่อย ๆ ร่อนลงมาหามือของอันเฟยเรียกความสนใจของเหล่านายทหารโดยรอบได้มากพอควร“เอี้ยนซือ”เหยี่ยวสาวค่อย ๆ เกาะที่แขนของชิงอันแทนเพราะมันเห็นว่าอันเฟยบาดเจ็บ ชิงอันเริ่มคุ้นเคยกับเอี้ยนซื้อแล้วเพราะพวกนางให้มันส่งข่าวไปที่สกุลฮั่วเป็นประจำมันย่อมจำนางได้“เหยี่ยวงั้นหรือ”“งดงามจริง ๆ”“เหยี่ยวขาวตัวโตนั่นน่ะหรือ”“เปล่า ท่านแม่ทัพน่ะ…โอ๊ย!! เจ้าตีข้าทำไมกัน”“นั่นท่านแม่ทัพ พระชายาท่านอ๋องเจ้านี่มันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง”“ข้าเพียงแค่ชื่นชมก็เท่านั้น นึกไม่ถึงว่าติดตามนางมาขนาดนี้เราแทบจะไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน กลยุทธ์การศึกของพระองค์ยอดเยี่ยมไม่ต่างกับท่านอ๋องเลย”“มิเช่นนั้นจะเป็นพระชายาท่านอ๋องได้งั้นหรือ ได้ข่าวว่าท่านอ๋องรักพระชายามาก แม้ในยามออกศึกยังพกผ้าเช็ดหน้าของพระชายาไว้ไม่ห่างกาย”“เฮ้อ พวกพระองค์ไม่ควรต
กองทัพกิเลนอัคคีเคลื่อนพลออกจากเมืองฉินโจวมุ่งหน้าไปยังชายแดนตันออกมาได้เกือบสองวัน ในที่สุดก็ถึงฐานที่ตั้งของกองทัพ พวกเขาตั้งค่ายห่างเมืองชุ่นอยู่ราว ๆ สามสิบลี้“ท่านแม่ทัพ มีข่าวมาจากกงหลี่พ่ะย่ะค่ะ”“ว่าอย่างไร”“ท่านอ๋องปะทะกับกองทัพกบฏนอกเมืองตอนนี้ปลอดภัยดี”“กบฏถูกจับหรือไม่”“แค่ส่วนเดียวพ่ะย่ะค่ะ”“คิดว่าน่าจะเป็นแผนของพวกมันเป็นแน่ ล่อท่านอ๋องไปติดกับ พวกมันรู้แล้วว่าพวกเราออกมา”“ทำเช่นไรดีเพคะท่านแม่ทัพ”“ส่งคนไปเฝ้าตามดูว่าศัตรูโดยรอบ แบ่งกำลังกิเลนไฟออกไปจากค่าย เหลือคนไว้ในค่ายเพียงแค่หนึ่งร้อยห้าสิบคนก็พอ”“แต่ว่า!!….”“ฟังให้จบ ที่เหลือกระจายออกไปตั้งค่ายนอกเมืองปะปนกับชาวบ้านเพื่อลอบส่งข่าวให้ท่านอ๋องทราบ”“อันเฟยมีกำลังพลในค่ายแค่ร้อยกว่าคนอันตรายเกินไป”“มันไม่กล้าบุกมาทำร้ายข้าถึงในนี้หรอก หากว่าท่านมีกำลังเพียงแค่ร้อยกว่าคน ท่านเป็นพวกมันจะคิดเช่นไร”“ข้า…จะคิดว่านี่คือแผนลวง”“แล้วท่านจะทำอย่างไรต่อ”“ข้าจะ…..ใช่แล้ว อันเฟยเจ้ายอดมาก”“มันจะส่งกำลังกระจายออกตามหาเพื่อตรวจสอบดูว่าพวกเราไปตั้งค่ายไว้ที่ใด หลังจากนั้นท่านก็แค่ลับ ลวง พรางว่าเรามีกองทัพเข้าไปเสริม
“อันเฟย เจ้ามั่นใจแล้วนะว่า….”“หมิงอี้ ก่อนที่เจ้าจะไปส่งข่าวให้กงหลี่ แวะเอาจดหมายนี่ไปที่หอต้าหรง บอกเขาว่าส่งคนลงใต้โดยด่วน”“พ่ะย่ะค่ะ”“อันเฟย แล้วเจ้า….”“พี่รอง…ข้าจะไปพร้อมกับท่านกับกองทัพกิเลนอัคคี”“ไม่ได้นะ!! ท่านแม่ต้องไม่ยอมแน่อันเฟย”“พี่สามท่านอยู่ที่นี่กับท่านแม่ อย่าให้นางต้องเป็นกังวล”“ไม่!! เจ้าสัญญากับข้าแล้วว่าจะไม่ออกไปเสี่ยงชีวิตเช่นนี้ ครอบครัวเกือบทั้งหมดออกไปเช่นนี้จะให้ข้าสบายใจอยู่ได้งั้นหรือ”“น้องสาม เจ้าใจเย็น ๆ เอาไว้ก่อน น้องสี่มีวรยุทธ์ นางเก่งกว่าข้าเสียอีกนะครั้งนี้เจ้าไม่ให้นางไปไม่ได้หรอก ท่านอ๋องเป็นตายเท่ากัน อุบายครั้งนี้หมายจะเอาชีวิตพระองค์”“แต่ว่า….แต่ว่าข้า…..”“พี่สาม ข้าสัญญาว่าจะกลับมากินขนมถั่วเขียวกับเปี๊ยะกุหลาบของท่าน รอข้าอยู่ที่นี่กับท่านแม่และคอยส่งข่าวให้พวกเรา ข้าจะให้เอี้ยนซือส่งข่าวมาให้เจ้า ข้าจะไม่ขาดการติดต่อ”หลินอีกัดฟันและดึงเสื้อของอันเฟยมาพร้อมกับใบหน้าที่บิดเบี้ยวเพราะกลั้นเสียงร้องไห้อยู่“เจ้าต้อง…พูดจริงนะ เจ้าจะส่งเหยี่ยวขาวนี้ ส่งข่าวมาให้ข้ารู้ทุกวัน เข้าใจหรือไม่มิเช่นนั้น …..ข้า….จะไม่ทำขนมให้เจ้า”“ข้ารับป
“เจ้าว่าอย่างไรนะ!!”อันเฟยยื่นจดหมายมาให้ชิงอันอ่าน แม้ว่าจะไม่ทราบว่ามาจากที่ใดแต่นางคิดว่านางเชื่อถือจดหมายฉบับนี้ได้“ท่านอ๋องถูกหลอกให้มาโดนล้อมโจมตีที่เมืองชุ่น ข้ากำลังเสริมทัพเพื่อฝ่าไปช่วยทางทิศประจิมพร้อมกับกองทัพของเรา เจ้าเร่งไปที่หอต้าหรงเพื่อนำทัพเสริมมาช่วยเซียวอ๋อง”“อันเฟย นี่คือ….”“จดหมายจากท่านเจ้าหอต้าหรงพี่ใหญ่ของข้าเอง พี่รองข้าต้องรีบไปที่หอต้าหรงโดยด่วน”“รีบไปเถอะ ข้าจะไปกับเจ้าเอง”พวกนางเร่งออกจากจวนไปยังหอต้าหรงในเมืองทันที เมื่อพบว่าอันเฟยมาพร้อมกับสตรีอีกสองคน เจ้าคุมหอถึงกับแปลกใจ แต่นางบอกว่าทั้งคู่เป็นผู้ใดเขาเลยไม่ห้ามพวกนางที่จะขึ้นไปยังชั้นสอง“ผู้คุมหอ จดหมายนี่ถูกส่งมาให้ข้า ท่านคงรู้ว่าต้องทำเช่นไร”อันเฟยส่งจดหมายนั้นไปให้ผู้คุมหอและดูแลบัญชีทันที เมื่อเขาเห็นลายมือและหมึกประทับบนกระดาษที่คนทั่วไปมิอาจได้ทันสังเกตก็ทราบทันทีว่ามาจากที่ใดและผู้ใดเป็นผู้เขียน เขาหันมามองนางราวกับพึ่งเห็นนางเป็นครั้งแรก“ทราบแล้ว….กระหม่อมจะรีบนำมันออกมาให้พ่ะย่ะค่ะ”ผู้คุมหอต้าหรงรีบลุกจากเก้าอี้ไปอย่างรวดเร็วจนชิงอันนึกแปลกใจว่าเขาเกรงกลัวสิ่งใดเหตุใดต้องลุกลี้ล