Share

คิดว่าต้องการทำหน้าที่ของบิดา

Author: l3oonm@
last update Huling Na-update: 2025-07-17 00:37:44

คำถามของจ้าวลู่ฉือ ทำให้ตู้เหลียนใบหน้าหมองเศร้าลง นางยังไม่ได้บอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้บิดาได้รู้ นับตั้งแต่ออกเรือนก็ไม่เคยได้รับข่าวจากผู้เป็นบิดามารดาอีกเลย แม้จะส่งจดหมายไปขอขมาหลายครั้งแล้วก็ตาม

“ยังเจ้าค่ะ ท่านพ่อไม่ตอบจดหมายข้าเลยสักครั้ง” นางเอ่ยเสียงเบาราวกับยุงบินผ่านออกมา

“เจ้าอย่าได้กังวล ท่านอาจารย์ตู้มิได้โกรธเคืองเจ้าแล้ว”

“ท่านรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ” ตู้เหลียนเงยหน้าขึ้นมองจ้าวลู่ฉืออย่างสงสัย

“ข้าหาเวลาแวะไปดูพวกท่านเสมอ เจ้าควรจะเขียนจดหมายส่งม้าเร็วไปแจ้งข่าวพวกท่านเสียหน่อย”

“ขอบคุณท่านเจ้าค่ะ” นางมองเขาอย่างซาบซึ้งใจ

หรูอวี้ที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักล้วนได้ยินทุกสิ่งที่ทั้งสองพูดคุยกัน หากมารดานางจะเปิดใจให้ท่านแม่ทัพจ้าวอีกครั้ง นางก็ไม่ขัดข้องด้วยเขาดูจะปักใจกับมารดาของนางไม่น้อย ถึงขั้นยังมิได้แต่งฮูหยินเข้าจวน

“เอ่อ...ข้าเสียมารยาทแล้ว นี่บุตรสาวของข้าหรูอวี้ ส่วนนั้นบุตรชายข้าอาหยวนเจ้าค่ะ” ตู้เหลียนเห็นสายตาของจ้าวลู่ฉือที่มองไปทางหรูอวี้หลายหนจึงได้เอ่ยแนะนำนางขึ้นมา

“คารวะท่านแม่ทัพจ้าวเจ้าค่ะ” นางย่อกายเล็กน้อย

“อืม ไม่ต้องมากพิธี ข้าก็เหมือนกับพี่ชายของแม่เจ้า เรียกข้าท่านลุงเถิด”

หรูอวี้ช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างข้องใจ ไม่ใช่อยากจะมาเป็นบิดาของนางหรอกรึ จ้าวลู่ฉือเหมือนจะเข้าใจในแววตาของนาง เขาถลึงตามองนางเล็กน้อย ก่อนจะขอตัวไปดูว่าเจ้าหน้าที่ตรวจค้นรถม้าเรียบร้อยแล้วหรือยัง

“ท่านแม่ หากท่านแม่ทัพมาสู่ขอท่าน ท่านจะแต่งให้เขาหรือไม่เจ้าคะ” หรูอวี้กระซิบถามผู้เป็นมารดา

“อวี้เออร์!!! อย่าได้พูดเช่นนี้อีก แม่กับท่านแม่ทัพเจ้าเปรียบเสมือนพี่น้องกัน หากผู้ใดได้ยินในสิ่งที่เจ้าพูด แม่คงไม่พ้นคำครหาไปได้” นางตำหนิบุตรสาวอย่างจริงจัง

“เจ้าค่ะ ต่อไปข้าไม่พูดแล้ว” นางยู่ปากเล็กน้อย จากสายตาก็เห็นอยู่ว่าเขาห่วงใยมารดาของนางไม่น้อย มารดาของนางจะมองไม่เห็นเลยหรืออย่างไร

ตู้หยวน (หรูอวี้กับพี่ชายได้เปลี่ยนแซ่เรียบร้อยแล้ว) มาแจ้งให้ผู้เป็นมารดาและน้องสาวกลับขึ้นรถม้าได้แล้ว หลังจากที่การตรวจค้นเสร็จสิ้นลง

“อาอวี้” เสียงบุรุษตะโกนเรียกหรูอวี้มาแต่ไกล จนนางต้องชะงักฝ่าเท้าที่กำลังจะก้าวขึ้นรถม้าแล้วหันไปมอง

“ผู้ใด” นางเอ่ยถามพี่ชายที่อยู่ใกล้นางที่สุด

“อวี้เออร์ เจ้าจำคุณชายกงมิได้รึ” ตู้หยวนร้องถามนางอย่างไม่อยากเชื่อ

“อ้อ...ข้าจำไม่ได้เจ้าค่ะ” หรูอวี้หันไปมองอีกครั้ง นางอยากจะรู้ว่าเขามาพบนางด้วยเรื่องอันใด

กงจวิ้นเพิ่งเดินทางกลับมาจากนอกเมือง เขาเห็นหรูอวี้กำลังขึ้นรถม้าออกจากเมืองจึงร้องเรียกนางไว้

“เจ้าจะไปที่ใด” เขาเอ่ยถามอย่างสงสัย แม้แต่ออกมาเที่ยวเล่นนอกจวน น้อยครั้งนักที่เขาจะได้พบนาง

“เรื่องของข้า” นางเอ่ยเสียงเย็นออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ คิดว่าจะพูดเรื่องอันใดกับนางเสียอีก

“เอ่อ...” เขาตกตะลึงถึงกับพูดไม่ออก

ด้วยนางไม่เคยพูดจาแข็งกร้าวเช่นนี้กับเขา แม้นางจะหลีกเลี่ยงเขาอยู่บ่อยครั้ง

“มีเรื่องอันใดอีกหรือไม่” นางปรายตามองเขาอย่างดูแคลน

“เหตุใดถึงเอ่ยตัดรอนข้าเช่นนี้เล่า” เขาเอ่ยออกมาอย่างเศร้าใจ

“ไร้สาระ” นางพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะขึ้นรถม้าไปโดยไม่สนใจกงจวิ้นอีกเลย

กงจวิ้นได้แต่ยืนตัวแข็งทื่ออย่างไม่รู้จะทำเช่นไร เขาเสียหน้าไม่น้อยที่นางมิสนใจเขาเช่นนี้ จ้าวลู่ฉือที่ได้ยินประโยคสนทนาของทั้งสองคนได้แต่ขมวดคิ้วของมึนงง คำว่าไร้สาระของนาง หมายความเช่นใดกันแน่

“คุณชายกง ข้าขอตัวก่อน” ตู้หยวนเอ่ยลาเพื่อให้เขาหลีกทางให้รถม้าเคลื่อนตัวเสียที

“คุณชายเซี่ย ไม่ทราบว่าพวกท่านจะไปที่ใด” เขาเห็นรถม้าอีกคันบรรจุข้าวของไม่น้อยจึงได้เอ่ยถาม

“ตอนนี้ข้ามิใช่คนตระกูลแซ่แล้ว” พูดเพียงเท่านี้หวังว่าเขาจะเข้าใจ

จ้าวลู่ฉือร้องสั่งให้ขบวนเดินทางออกเดินทางทันที กงจวิ้นยังไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้น ตัวเขาไม่อยู่ในเมืองหลวงเพียงไม่กี่วัน ไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์ใดบ้าง

ขบวนเดินทางเริ่มเคลื่อนออกจากเมืองหลวง จ้าวลู่ฉือก็ขี่ม้าเข้ามาใกล้รถม้าของตู้เหลียน

“อาเหลียน ข้าจะหยุดพักที่โรงเตี๊ยมนอกเมืองเสียก่อน เพื่อเจ้าจะได้เขียนจดหมายส่งไปให้ท่านอาจารย์ได้รู้ข่าว”

หรูอวี้มองมารดาอย่างหยอกล้อ ถึงขั้นนี้แล้ว ยังจะบอกว่าแม่ทัพจ้าวคิดกับมารดานางเพียงแค่น้องสาวอีกรึ

“ขอบคุณท่านเจ้าค่ะ” ตู้เหลียนถลึงตามองบุตรสาว ทั้งกล่าวขอบคุณจ้าวลู่ฉือไปด้วย

หรูอวี้นางยกยิ้มอย่างพอใจ นางคิดจะหาหนทางกลับเข้าเมืองเพื่อไปจัดการเรื่องที่นางยังไม่ได้ทำไว้อีกสักเล็กน้อย ด้วยมีแม่ทัพจ้าวร่วมขบวนมาด้วย ในตอนแรกนางก็กังวลว่าจะหาทางปลีกตัวออกมาไม่ได้

เมื่อได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ ย่อมเป็นเรื่องดีสำหรับนาง

ขบวนเดินทางมาได้เพียงแค่หนึ่งชั่วยามก็มาหยุดที่โรงพักม้าที่นอกเมือง ทหารที่ติดตามมาด้วยงุนงงไม่น้อย ความจริงแล้วทุกครั้งที่เดินทางกลับชายแดนเหนือพวกเขาแทบจะไม่ได้หยุดพักเลย คงเป็นเพราะมีสตรีร่วมเดินทางมาด้วย ท่านแม่ทัพถึงได้เมตตาเช่นนี้

“เจ้ากับบุตรเข้าไปพักด้านในเถิด” จ้าวลู่ฉือให้คนไปจัดการเรื่องห้องพักให้สามคนแม่ลูกเรียบร้อยแล้ว

“ขอบคุณท่านเจ้าค่ะ” ตู้เหลียนยิ้มขอบคุณ ก่อนจะถูกสาวใช้กับแม่นมประคองเข้าไปด้านใน

หรูอวี้แยกตัวไปหากลุ่มนายทหารที่กำลังจะจูงม้าไปไว้ที่โรงม้าที่อยู่ด้านหลัง

“พี่ชาย ข้าขอถามหน่อย จากที่นี่เดินทางย้อนกลับไปเมืองหลวงไกลเพียงใดเจ้าคะ” นายทหารที่ถูกเรียกว่าพี่ชายก็สะดุ้งตกใจไม่น้อย

เขาไม่เคยเจอคุณหนูจวนใดที่ทำท่าทางสนิทสนมกับบุรุษร่างใหญ่ ใบหน้าดุร้ายเช่นสาวน้อยตรงหน้ามาก่อนเลย

“เอ่อ...หากเดินทางด้วยม้าก็ใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปเท่านั้นขอรับ”

“อืม...ข้าขอยืมม้าท่านได้หรือไม่” นางเอ่ยขออย่างหน้าตาเฉย

“เจ้าจะไปที่ใด” เสียงเหยียบเย็นเอ่ยถามมาจากด้านหลังของนาง

หรูอวี้มิได้สะดุ้งตกใจเช่นนายทหารที่หยุดคุยกับนางทั้งสามคน นางหันกลับไปมองทางด้านหลังช้าๆ แล้วเลิกคิ้วขึ้นอย่างยียวน เมื่อเห็นใบหน้าดำคล้ำของแม่ทัพจ้าว

“ข้าลืมของไว้”

“ลืมสิ่งใดถึงต้องกลับไปเอา”

“ท่านแม่ทัพ เรื่องนี้ข้าก็ต้องแจ้งท่านด้วยรึ” เขายังไม่ได้เป็นบิดาของนางเสียหน่อย คิดจะข่มขู่นางยังเร็วเกินไป

“ข้าต้องคุ้มครองพวกเจ้าสามคนแม่ลูกไปให้ถึงเป่ยหาน เรื่องทั้งหมดข้าสมควรต้องรู้”

“เช่นนั้น ข้าหาหนทางอื่นก็ได้” นางเอ่ยออกมาเบาๆ แล้วเดินกลับเข้าไปในโรงเตี๊ยม

“ประเดี๋ยว ไม่ว่าของสิ่งนั้นคืออันใด เจ้าก็ไม่อาจจะกลับไปเมืองหลวงได้แล้ว”

“หื้ม...ท่านยังไม่ได้เป็นบิดาของข้าเลย จะห้ามข้าเสียแล้วรึ” นางเอ่ยถามอย่างใสซื่อ

“เพ้ย ผู้ใดอยากเป็นบิดาของเจ้ากัน” เขาถลึงตามองนางอย่างไม่พอใจ

เด็กสาวรุ่นเดียวกับนาง เมื่อเห็นเขาต่างพากันถอยหนี ไม่ใช่ว่าใบหน้าของเขาดูน่าหวาดกลัว แต่ด้วยรังสีสังหารที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา ทำให้แม้แต่ขุนนางในเมืองหลวงยังต้องกลัว แล้วเหตุใดนางถึงได้กล้าต่อปากต่อคำกับเขาอย่างไม่รู้จบเช่นนี้

“ข้าก็คิดว่าท่านต้องการจะทำหน้าที่บิดาแล้วเสียอีก หากมิใช่...เรื่องนี้ท่านอย่าได้เข้ามายุ่งจะดีกว่า” นางมองเขาด้วยแววตาที่แข็งกร้าว เป็นการเอ่ยเตือน ก่อนจะเดินกลับเข้าที่พักไปไม่สนใจใบหน้าเขียวคล้ำที่น่ากลัวของเขาเลยสักนิด

ผิดกับทหารทั้งสามนายที่ได้ยินทุกคำพูดที่ทั้งสองโต้ตอบกัน พวกเขาล้วนแต่ตัวสั่นจนก้าวขาไม่ออก ด้วยรู้ว่าโทสะของผู้เป็นนายโหดเหี้ยมมากเพียงใด

“ข้าขอสั่งพวกเจ้า อย่าได้ให้การช่วยเหลือสิ่งใดกับนาง มิเช่นนั้น...กลับถึงค่ายชายแดนเมื่อใด พวกเจ้าคงรู้ตัวว่ามีสิ่งใดรอพวกเจ้าอยู่” เขาปรายตามองอย่างคาดโทษทั้งสามคน ก่อนจะเดินเข้าไปที่พักอย่างหัวเสีย

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ท่านแม่ทัพ จะเป็นพ่อเลี้ยงข้าหรือสามีข้ากันแน่   อย่าได้ล้ำเส้นเรื่องของข้า

    ตู้หยวนที่ยืนรอน้องสาวอยู่ภายในโรงพักม้า พอเห็นนางเดินเข้ามาจึงได้เอ่ยถามนางเรื่องที่เหตุใดถึงไม่ยอมเข้ามาเสียที“เจ้าทำสิ่งใดอยู่”“ข้าเอ่ยถามทหารเรื่องจะกลับเข้าเมืองเจ้าค่ะ”“เจ้าจะเข้าเมืองไปเพื่ออันใดอวี้เออร์!!!” เขาเอ่ยถามออกมาด้วยความตกใจด้วยเรื่องภายในจวนตระกูลเซี่ยที่เกิดขึ้น หากพิจารณาดีๆ แล้ว คงไม่แคล้วน้องสาวตัวดีของตนเป็นแน่ที่สร้างเรื่องวุ่นวายไว้"ข้าจะกลับไปเอาของอย่างไรเล่าท่านพี่”“เจ้าลืมสิ่งใด” ตู้หยวนมองน้องสาวอย่างระแวง“ข้าลืมของไว้ที่จวนตระกูลสวี” นางกระซิบบอกที่ข้างหูของตู้หยวน ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก แล้วเดินขึ้นที่พักไปจ้าวลู่ฉือที่เดินมาทันเห็นแผ่นหลังของหรูอวี้เพิ่งจากไป พอเห็นใบหน้าที่ยังตกตะลึงของตู้หยวน เขาก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา“น้องสาวเจ้าจะกลับเข้าเมืองหลวงเพื่ออันใด”“เอ่อ...นางลืมของขอรับ” เขาจะบอกได้อย่างไรว่าของที่นางลืมไว้ อยู่ที่จวนตระกูลสวี“เตือนนางด้วย ว่าอย่าได้กลับไป มิเช่นนั้นจะเกิดเรื่องยุ่งยากได้” ในยามนี้ภายในเมืองหลวงวุ่นวายไม่น้อยจ้าวลู่ฉือรู้มาจากเจ้าหน้าที่ทางการ จวนตระกูลเซี่ยโดนโจรเข้าปล้นคลังเก็บสมบัติ ทั้งฮูหยินและบุตรสา

  • ท่านแม่ทัพ จะเป็นพ่อเลี้ยงข้าหรือสามีข้ากันแน่   คิดว่าต้องการทำหน้าที่ของบิดา

    คำถามของจ้าวลู่ฉือ ทำให้ตู้เหลียนใบหน้าหมองเศร้าลง นางยังไม่ได้บอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้บิดาได้รู้ นับตั้งแต่ออกเรือนก็ไม่เคยได้รับข่าวจากผู้เป็นบิดามารดาอีกเลย แม้จะส่งจดหมายไปขอขมาหลายครั้งแล้วก็ตาม“ยังเจ้าค่ะ ท่านพ่อไม่ตอบจดหมายข้าเลยสักครั้ง” นางเอ่ยเสียงเบาราวกับยุงบินผ่านออกมา“เจ้าอย่าได้กังวล ท่านอาจารย์ตู้มิได้โกรธเคืองเจ้าแล้ว”“ท่านรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ” ตู้เหลียนเงยหน้าขึ้นมองจ้าวลู่ฉืออย่างสงสัย“ข้าหาเวลาแวะไปดูพวกท่านเสมอ เจ้าควรจะเขียนจดหมายส่งม้าเร็วไปแจ้งข่าวพวกท่านเสียหน่อย”“ขอบคุณท่านเจ้าค่ะ” นางมองเขาอย่างซาบซึ้งใจหรูอวี้ที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักล้วนได้ยินทุกสิ่งที่ทั้งสองพูดคุยกัน หากมารดานางจะเปิดใจให้ท่านแม่ทัพจ้าวอีกครั้ง นางก็ไม่ขัดข้องด้วยเขาดูจะปักใจกับมารดาของนางไม่น้อย ถึงขั้นยังมิได้แต่งฮูหยินเข้าจวน“เอ่อ...ข้าเสียมารยาทแล้ว นี่บุตรสาวของข้าหรูอวี้ ส่วนนั้นบุตรชายข้าอาหยวนเจ้าค่ะ” ตู้เหลียนเห็นสายตาของจ้าวลู่ฉือที่มองไปทางหรูอวี้หลายหนจึงได้เอ่ยแนะนำนางขึ้นมา“คารวะท่านแม่ทัพจ้าวเจ้าค่ะ” นางย่อกายเล็กน้อย“อืม ไม่ต้องมากพิธี ข้าก็เหมือนกับพี่ชายของแม่เจ้า เรีย

  • ท่านแม่ทัพ จะเป็นพ่อเลี้ยงข้าหรือสามีข้ากันแน่   เล่นงิ้ว

    ชาวบ้านที่เห็นต่างมองดูด้วยความสงสาร หรูอวี้เห็นเช่นนั้น นางก็ร้องไห้เสียงดังยิ่งกว่าเดิม“ทะ ท่านดู สินเดิมของท่านแม่เหลือติดตัวไปเพียงน้อยนิด ที่ผ่านมาข้ากับท่านพี่ล้มป่วยก็เป็นท่านแม่ที่นำสินเดิมออกมาใช้จ่าย เงินเดือนที่สมควรได้ก็มิได้เช่นผู้อื่น แล้วพวกข้าจะขโมยของท่านได้อย่างไร”“ท่านตรองดูสักนิดเถิด ข้าถูกสั่งให้อยู่แต่ภายในจวน เหตุใดเรื่องความร้ายกาจของข้าและท่านแม่ถึงได้ถูกชาวเมืองเอาไปนินทากันจนสนุกปาก ข้ากับท่านแม่เคยร้องขอความเป็นธรรมหรือไม่”“วันนี้ที่ต้องออกจากจวนตระกูลเซี่ย กลับเข้าตระกูลตู้ ก็ด้วยข้าถูกรังแกจนเกือบจะรักษาชีวิตไม่ได้ ท่านแม่เห็นใจข้า กลัวว่าหากมีครั้งหน้าข้าคงต้องกลายเป็นวิญญาณจึงได้ขอร้องท่านให้ปล่อยพวกเราสามแม่ลูกไป” หรูอวี้ยังเล่นงิ้วของนางไม่เลิก ยิ่งมีคนเพิ่มขึ้น นางก็ยิ่งพูดสิ่งที่อยู่ในใจของเซี่ยหรูอวี้คนเดิมออกมาทั้งหมดภายในของหรูอวี้กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง นางไม่เคยแสดงด้านนี้ออกมาให้ผู้ใดได้เห็น เมื่อลองทำแล้วจึงรู้สึกแปลกใหม่และสนุกไม่น้อยเซี่ยหยวนแทบจะไปดึงน้องสาวกลับขึ้นรถม้า แม้รู้ดีว่านางกำลังเรียกร้องความเป็นธรรม พร้อมทั้งทิ้งปัญหาก้อ

  • ท่านแม่ทัพ จะเป็นพ่อเลี้ยงข้าหรือสามีข้ากันแน่   จะออกเดินทางไม่ได้!!!

    หลังจากที่กลับมาจากเรือนของเซี่ยหรันเซียนแล้ว นางก็มิได้กลับเข้าเรือนในทันที หรูอวี้กระโดดออกจากกำแพงจวน มุ่งหน้าไปยังจวนของบรรดาคุณหนูที่มาร่วมงานกันในวันนั้นตามความทรงจำเดิมของนาง มีเพียงสามคนเท่านั้นที่เข้ามาช่วยเซี่ยหรันเซียนผลักเซี่ยหรูอวี้ตกน้ำ นางเพียงแค่คิดจะไปเอาคืนให้เซี่ยหรันเซียนเล็กๆ น้อยๆ พอให้หายแค้นใจบ้างจวนทั้งสามแม้มีองครักษ์เช่นจวนตระกูลเซี่ยแต่ก็มิได้มีมากมายเท่า ทำให้นางเข้าไปด้านในได้อย่างสะดวก แต่กว่าจะหาเรือนของคุณหนูแต่ละคนพบก็เล่นเอาเวลาของหรูอวี้ไปไม่น้อยภายในห้องพักล้วนมีสาวใช้เข้ามานอนเฝ้าคุณหนูด้วย หรูอวี้กลัวว่าพวกนางจะตื่นขึ้นมาพบเสียก่อน จึงได้ทำเพียงใส่ยาเสียโฉม ที่นางมีในห้องเก็บของของนาง โรยไปที่ใบหน้าเท่านั้นยาตัวนี้มิได้รุนแรงมากนัก เพียงจะทำให้เกิดสิวหนองบนใบหน้า นางขอให้ห้องทดลองทำขึ้น เพื่อไว้เปลี่ยนรูปลักษณ์ยามที่ออกไปด้านนอก แต่ก็ยังไม่เคยได้ทดลองใช้จึงไม่รู้ว่าจะเกิดสิวหนองเพิ่มมากเพียงใดกว่าจะจัดการคุณหนูทั้งสามเสร็จ หรูอวี้ก็ไม่อาจไปที่จวนตระกูลสวีได้ แต่ละจวนมิได้อยู่ใกล้กัน ร่างกายของนางในร่างนี้ก็เพิ่งจะฟื้นตัว นางยังหมดเรี่ยวแรงที

  • ท่านแม่ทัพ จะเป็นพ่อเลี้ยงข้าหรือสามีข้ากันแน่   เอาคืนก่อนออกเดินทาง

    หรูอวี้นางไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่เรือนของมารดา เพราะนางหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยา เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งฟ้าด้านนอกก็มืดสนิทเสียแล้ว“คุณหนูท่านตื่นแล้ว รับอาหารเลยดีหรือไม่เจ้าคะ” หรูอวี้มองสาวใช้ที่ดวงตาบวมเบ่ง เหมือนผ่านการร้องไห้อย่างหนักมาอย่างสงสัยแต่เมื่อนางเห็นหีบของที่อยู่ภายในห้องนอนของนาง จึงได้รู้ทันทีว่ามารดาตัดสินใจเช่นใด“ท่านแม่ จะออกเดินทางเมื่อใด” นางยังไม่ได้จัดการเรื่องของนางเลย“พรุ่งนี้เจ้าค่ะ คุณหนูท่านพาข้าไปด้วยได้หรือไม่” เสี่ยวซีเอ่ยถามอย่างคาดหวัง แต่นางเป็นบ่าวของตระกูลเซี่ยจึงไม่รู้ว่าจะติดตามเซี่ยหรูอวี้ไปได้หรือไม่“เจ้าอยากไปกับข้ารึ รู้หรือไม่ข้าอาจจะพาเจ้าไปลำบากก็ได้” นางเอ่ยถามอย่างเรียบเฉย“บ่าวไม่กลัวเจ้าค่ะ บ่าวยินดีติดตามคุณหนู ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะลำบากเพียงใด” เสี่ยวซีคุกเข่าลงอย่างอ้อนวอน“ได้ เจ้าพูดเอง ต่อไปหากลำบากเจ้าจะกล่าวโทษข้าไม่ได้เล่า” จากความทรงจำเดิมเสี่ยวซีซื่อสัตย์กับเซี่ยหรูอวี้ไม่น้อย มีเพียงนางที่ออกรับหน้าแทนแทบจะทุกเรื่อง แม้จะถูกเฆี่ยนตีนางก็ไม่ปริปากตำหนิเซี่ยหรูอวี้เลยสักครั้ง“ขอบคุณเจ้าค่ะคุณหนู” ที่นางร้องไห้จนตาปูดบวม

  • ท่านแม่ทัพ จะเป็นพ่อเลี้ยงข้าหรือสามีข้ากันแน่   ข้าคิดดีแล้ว

    “ตามที่ท่านเขียนไว้ ข้าขอชีวิตข้าคืน ในเมื่อท่านมิอาจปกป้องข้ากับลูกตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมาได้” เซี่ยถงวู่สะดุ้งตกใจกับแววตาของตู้เหลียนไม่น้อย ครั้งนี้ดูนางมิได้พูดเล่นเสียแล้ว ด้วยนางไม่เคยเอ่ยเรื่องนี้มาก่อนเลยสักครั้ง“อาเหลียน เจ้าใจเย็นก่อนดีหรือไม่” เขาเดินเข้ามาจะจับแขนของนางไว้ แต่ก็ถูกนางเบี่ยงตัวหนี“ไม่ ข้าเกือบเสียอวี้เออร์ไปแล้ว!!! ผู้ใดจะบอกได้ว่าครั้งหน้านางจะยังอยู่เป็นบุตรของข้าได้อีกหรือไม่” นางกรีดร้องออกมาสุดเสียง พร้อมทั้งร่ำไห้ออกมาอย่างปวดใจแม้จะรักผู้เป็นสามีมากเพียงใด แต่ก็ไม่อาจเท่ากับความรักที่มีให้กับบุตรไปได้ หากนางต้องเลือกเสียใครไป ขอเลือกเสียผู้เป็นสามีเสียยังจะดีกว่า“แต่อวี้เออร์ก็ปลอดภัยแล้วมิใช่รึ” เขาขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ทุกครั้งนางจะยอมอยู่เงียบๆ แต่เหตุใดครั้งนี้ถึงได้คิดจะพาบุตรออกจากตระกูลเขาไปได้“ท่านยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน” นางเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา แล้วยิ้มเยาะความโง่เขลาของตนที่เลือกบุรุษเช่นเซี่ยถงวู่“เกิดสิ่งใดขึ้นเจ้าคะ” เสียงหวานใสดังขึ้นที่หน้าประตูห้องโถงเรือนของตู้เหลียน เป็นสวีเหมยลี่ที่รู้เรื่องว่าทั้งสองคนมีปากเสียงกันจากบ่าวก

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status