ตู้หยวนที่ยืนรอน้องสาวอยู่ภายในโรงพักม้า พอเห็นนางเดินเข้ามาจึงได้เอ่ยถามนางเรื่องที่เหตุใดถึงไม่ยอมเข้ามาเสียที
“เจ้าทำสิ่งใดอยู่”
“ข้าเอ่ยถามทหารเรื่องจะกลับเข้าเมืองเจ้าค่ะ”
“เจ้าจะเข้าเมืองไปเพื่ออันใดอวี้เออร์!!!” เขาเอ่ยถามออกมาด้วยความตกใจ
ด้วยเรื่องภายในจวนตระกูลเซี่ยที่เกิดขึ้น หากพิจารณาดีๆ แล้ว คงไม่แคล้วน้องสาวตัวดีของตนเป็นแน่ที่สร้างเรื่องวุ่นวายไว้
"ข้าจะกลับไปเอาของอย่างไรเล่าท่านพี่”
“เจ้าลืมสิ่งใด” ตู้หยวนมองน้องสาวอย่างระแวง
“ข้าลืมของไว้ที่จวนตระกูลสวี” นางกระซิบบอกที่ข้างหูของตู้หยวน ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก แล้วเดินขึ้นที่พักไป
จ้าวลู่ฉือที่เดินมาทันเห็นแผ่นหลังของหรูอวี้เพิ่งจากไป พอเห็นใบหน้าที่ยังตกตะลึงของตู้หยวน เขาก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา
“น้องสาวเจ้าจะกลับเข้าเมืองหลวงเพื่ออันใด”
“เอ่อ...นางลืมของขอรับ” เขาจะบอกได้อย่างไรว่าของที่นางลืมไว้ อยู่ที่จวนตระกูลสวี
“เตือนนางด้วย ว่าอย่าได้กลับไป มิเช่นนั้นจะเกิดเรื่องยุ่งยากได้” ในยามนี้ภายในเมืองหลวงวุ่นวายไม่น้อย
จ้าวลู่ฉือรู้มาจากเจ้าหน้าที่ทางการ จวนตระกูลเซี่ยโดนโจรเข้าปล้นคลังเก็บสมบัติ ทั้งฮูหยินและบุตรสาวของนางก็ยังได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
การจะเข้าเมืองหลวงได้ จึงตรวจสอบอย่างแน่นหนา ทั้งประตูเมืองสี่ทิศก็ถูกปิดมิอาจเข้าไปได้ง่ายๆ หากนางกลับไปอาจจะไม่ได้ออกมาง่ายๆ เช่นที่ออกมาพร้อมขบวนกองทัพของเขา
“เข้าใจแล้วขอรับ” ตู้หยวนได้แต่รับปากอย่างจำใจ แต่ไม่รู้ว่าน้องสาวของตนจะเชื่อในคำที่เขาบอกหรือไม่ ดูเหมือนนางในตอนนี้เปลี่ยนไปจากเดิมไม่น้อยเลย
หรูอวี้เมื่อเข้ามาอยู่ภายในห้องพักแล้ว นางก็ให้เสี่ยวซีกลับไปพักที่ห้องของนาง ด้วยนางอยากจะครุ่นคิดหาวิธีกลับเข้าเมืองให้ได้เสียก่อน
เสียงเคาะประตูหน้าห้อง ทำให้หรูอวี้ที่นอนอยู่บนเตียงลุกขึ้น “อวี้เออร์ เปิดให้แม่หน่อยลูก”
“เจ้าค่ะ”
“ท่านแม่ มีเรื่องอันใดหรือไม่ เหตุใดถึงไม่พักเสียหน่อย” นางเห็นสีหน้าที่เหนื่อยล้าของมารดาก็มองอย่างเป็นห่วง
อาจจะเป็นเพราะตู้เหลียนนางไม่เคยเดินทางด้วยรถม้าเป็นเวลานาน นั่งเพียงไม่นานนางก็เหนื่อยล้าเสียแล้ว
“แม่มีเรื่องจะพูดกับเจ้า ท่านแม่ทัพบอกว่าเจ้าหาทางจะกลับเข้าเมืองหลวง จริงหรือไม่อวี้เออร์” ตู้เหลียนเอ่ยถามอย่างกังวล นางรู้ว่าบุตรสาวมีความแค้นไม่น้อย ในเมื่อออกมาจากที่นั่นแล้ว นางก็ไม่อยากให้บุตรสาวหาเรื่องใส่ตัวจนถูกจับได้
“หึ วุ่นวายเสียจริง ถึงกับต้องนำเรื่องเพียงเท่านี้ไปฟ้องท่านแม่เลยรึ โอ๊ยยย” ตู้เหลียนหยิกเอวหรูอวี้อย่างแรง
“เจ้าเป็นสตรี อย่าได้เอ่ยเช่นนี้อีก แม่ขอเถิดอวี้เออร์ หนทางที่เจ้าจะเอาคืนคนพวกนั้นยังมีอีกมากนัก อย่าได้เสี่ยงอันตรายเช่นนี้อีกเลย” ตู้เหลียนบีบมือหรูอวี้ไว้แน่นเพื่อให้นางรับปาก
“เจ้าค่ะ ข้าจะยังไม่จัดการตระกูลสวียามนี้ก็ได้ แต่ต่อไปหากมีโอกาสท่านแม่อย่าได้เอ่ยห้ามข้าอีกเด็ดขาด”
“แม่เข้าใจแล้ว” ตู้เหลียนกลัวใจของหรูอวี้ยิ่งนัก ไม่รู้นางจะจัดการตระกูลสวีที่มีอำนาจเช่นนั้นได้อย่างไร นางกลัวว่าบุตรสาวของนางจะเกิดอันตรายเสียมากกว่า
“ท่านแม่ไปพักเถิด ลูกจะไปส่งท่านที่ห้อง” หรูอวี้ประคองมารดากลับไปที่ห้องพักของนาง
พอเปิดประตูออกมาหน้าห้องก็พบจ้าวลู่ฉือที่มารอรับจดหมายจากตู้เหลียนเพื่อจะได้รีบให้ม้าเร็วนำไปส่งที่จวนตระกูลตู้ที่เป่ยหานเสียก่อน
ระหว่างทั้งหรูอวี้และจ้าวลู่ฉือ เหมือนมีรังสีสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวของคนทั้งคู่ แม้แต่ตู้เหลียนยังรู้สึกได้จนขนแขนของนางลุก
“เอ่อ ท่านแม่ทัพจ้าว มารับจดหมายใช่หรือไม่” ตู้เหลียนต้องเอ่ยพูดออกมา ก่อนที่ทั้งสองจะจ้องหน้ากันจนตายไปข้าง
“อืม...ใช่ เจ้าเขียนเรียบร้อยแล้วรึยัง” จ้าวลู่ฉือจ้องมองตู้เหลียนอย่างแฝงไปด้วยความหมาย เมื่อเห็นนางพยักหน้าน้อยๆ เขาก็เหลือบไปมองหรูอวี้วูบหนึ่ง ก่อนจะเดินไปรอที่หน้าห้องของตู้เหลียน
“หึ” คิดว่านางไม่รู้รึอย่างไร ที่เขามาดักรอท่านแม่ของนางเช่นนี้ คงอยากจะถามว่า ห้ามนางเรียบร้อยแล้วหรือยัง
หรูอวี้ส่งมารดาที่ห้องเรียบร้อย นางก็ขอตัวกลับห้องของนาง นางยังไม่ลืมกระซิบบอกมารดาเรื่องที่นางจะเข้าไปอยู่ภายในมิติ และรับปากว่าจะไม่ย้อนกลับไปที่เมืองหลวงอย่างเด็ดขาด
พอออกมาจากห้องของมารดาก็พบว่าจ้าวลู่ฉือยังอยู่ที่หน้าห้อง ราวกับว่าเขารอเพื่อพบนางเสียอย่างนั้น
“มารดาของเจ้าคงบอกเจ้าแล้ว”
หรูอวี้เลิกคิ้วขึ้นมองเขา “ดูท่า ท่านแม่ทัพสนใจเรื่องของข้าอยู่ไม่น้อย หากท่านต้องการให้ข้าช่วยท่านให้สมหวังกับท่านแม่ ท่านก็อย่าได้ล้ำเส้นเรื่องของข้านักเล่า” หรูอวี้เดินผ่านเขา เข้าห้องของนางทันที โดยไม่คิดจะหยุดฟังในสิ่งที่เขาจะพูด
เมื่อเข้ามาอยู่ภายในห้อง หรูอวี้ก็เข้าไปอยู่ภายในมิติของนางทันที ก่อนหน้านี้นางยังไม่ได้สำรวจภายในเรือนพักของนางเลยว่ามีสิ่งใดติดมาด้วย
หรูอวี้ตรวจสอบทองที่นางซื้อเก็บไว้ ตอนที่ทำงานเป็นนักฆ่า ก็พบว่าทั้งหมดถูกเก็บไว้ในตู้เซฟที่อยู่ในห้องนอนของนางเช่นเดิม
“หึหึ ไม่เสียทีที่ซื้อเก็บไว้” นางจูบทองคำแท่งด้วยความยินดี ก่อนจะปิดเซฟแล้วไปตรวจดูข้าวของที่เป็นสินเดิมของสวีเหมยลี่ที่นางนำมาด้วยทั้งหมด
แม้สินเดิมของสวีเหมยลี่ที่ติดตัวนางมาจะไม่ได้มากมายนัก แต่เงินที่นางเก็บไว้ตอนที่บรรดาฮูหยินจวนต่างๆ มาขอให้นางช่วยพูดกับสามีเรื่องคดีความก็นับว่าจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ไหนจะเงินที่ริบจากสามแม่ลูกตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็นับว่าหลายร้อยตำลึงทองเลย
“จุ๊ๆ ไม่รู้ว่ารู้เรื่องแล้วจะกระอักเลือดเลยหรือไม่” นางยกยิ้มอย่างสะใจ เมื่อนึกถึงสีหน้าของสวีเหมยลี่ที่รู้ว่าสมบัติทั้งหมดของนางก็ถูกปล้นไปแล้วเช่นกัน
หรูอวี้ทิ้งข้าวของทั้งหมดที่กวาดมาจากจวนตระกูลเซี่ยไว้ให้ห้องเก็บของ นางจัดการหาอาหารง่ายๆ กินก่อนจะล้างตัวเพื่อพักผ่อน
ตู้เหลียนรู้เรื่องที่บุตรสาวจะเข้าไปอยู่ในมิติของนางแล้วจึงไม่ได้ให้คนไปตามนางมากินมื้อเย็นด้วยกัน
“ท่านแม่อวี้เออร์เล่าขอรับ” ตู้หยวนมองหาน้องสาวก็ไม่เห็นว่านางจะลงมารับมื้อเย็นเสียที
“นางพักอยู่ในห้อง” ตู้หยวนจะลุกขึ้นไปดูน้องสาว แต่เมื่อเห็นสายตาของมารดาที่มองเตือนมาเขาก็กลับนั่งลงเช่นเดิม
“มิใช่ว่านางไม่พอใจข้าจนไม่ยอมมาร่วมโต๊ะหรอกรึ” จ้าวลู่ฉือที่นั่งอยู่ด้วยเอ่ยถามออกมา
“มิใช่เจ้าค่ะ อวี้เออร์มิเคยนั่งรถม้าเท่าใดนัก นางคงจะเหนื่อยล้าจนมิอยากอาหาร ข้าจึงปล่อยให้นางได้พักผ่อน”
“อืม เช่นนั้นก็กินเถิด ไว้สั่งห้องครัวให้เตรียมอาหารไว้ เผื่อว่านางหิวขึ้นมาจะได้มีกิน”
“เจ้าค่ะ” ตู้เหลียนรับคำไปอย่างงั้น ด้วยรู้ดีว่าภายในมิติของบุตรสาวนางมีพร้อมทุกอย่าง นางคงไม่ออกมาหาอะไรกินอีกแล้ว
หรูอวี้หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ นางก็หายาบำรุงกิน ด้วยร่างกายของนางในตอนนี้ช่างอ่อนแอยิ่งนัก หากจะเริ่มกลับมาฝึกฝนร่างกายในตอนนี้เห็นที เพียงแค่ไม่กี่นาทีนางก็คงจะหอบเสียแล้ว
“เอ๊ะ...ข้าเก็บเจ้ายาบ้านี่ไว้ด้วยรึ” นางหยิบกระปุกยาขึ้นมามองอย่างนึกรังเกียจ
ตู้หยวนที่ยืนรอน้องสาวอยู่ภายในโรงพักม้า พอเห็นนางเดินเข้ามาจึงได้เอ่ยถามนางเรื่องที่เหตุใดถึงไม่ยอมเข้ามาเสียที“เจ้าทำสิ่งใดอยู่”“ข้าเอ่ยถามทหารเรื่องจะกลับเข้าเมืองเจ้าค่ะ”“เจ้าจะเข้าเมืองไปเพื่ออันใดอวี้เออร์!!!” เขาเอ่ยถามออกมาด้วยความตกใจด้วยเรื่องภายในจวนตระกูลเซี่ยที่เกิดขึ้น หากพิจารณาดีๆ แล้ว คงไม่แคล้วน้องสาวตัวดีของตนเป็นแน่ที่สร้างเรื่องวุ่นวายไว้"ข้าจะกลับไปเอาของอย่างไรเล่าท่านพี่”“เจ้าลืมสิ่งใด” ตู้หยวนมองน้องสาวอย่างระแวง“ข้าลืมของไว้ที่จวนตระกูลสวี” นางกระซิบบอกที่ข้างหูของตู้หยวน ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก แล้วเดินขึ้นที่พักไปจ้าวลู่ฉือที่เดินมาทันเห็นแผ่นหลังของหรูอวี้เพิ่งจากไป พอเห็นใบหน้าที่ยังตกตะลึงของตู้หยวน เขาก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา“น้องสาวเจ้าจะกลับเข้าเมืองหลวงเพื่ออันใด”“เอ่อ...นางลืมของขอรับ” เขาจะบอกได้อย่างไรว่าของที่นางลืมไว้ อยู่ที่จวนตระกูลสวี“เตือนนางด้วย ว่าอย่าได้กลับไป มิเช่นนั้นจะเกิดเรื่องยุ่งยากได้” ในยามนี้ภายในเมืองหลวงวุ่นวายไม่น้อยจ้าวลู่ฉือรู้มาจากเจ้าหน้าที่ทางการ จวนตระกูลเซี่ยโดนโจรเข้าปล้นคลังเก็บสมบัติ ทั้งฮูหยินและบุตรสา
คำถามของจ้าวลู่ฉือ ทำให้ตู้เหลียนใบหน้าหมองเศร้าลง นางยังไม่ได้บอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้บิดาได้รู้ นับตั้งแต่ออกเรือนก็ไม่เคยได้รับข่าวจากผู้เป็นบิดามารดาอีกเลย แม้จะส่งจดหมายไปขอขมาหลายครั้งแล้วก็ตาม“ยังเจ้าค่ะ ท่านพ่อไม่ตอบจดหมายข้าเลยสักครั้ง” นางเอ่ยเสียงเบาราวกับยุงบินผ่านออกมา“เจ้าอย่าได้กังวล ท่านอาจารย์ตู้มิได้โกรธเคืองเจ้าแล้ว”“ท่านรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ” ตู้เหลียนเงยหน้าขึ้นมองจ้าวลู่ฉืออย่างสงสัย“ข้าหาเวลาแวะไปดูพวกท่านเสมอ เจ้าควรจะเขียนจดหมายส่งม้าเร็วไปแจ้งข่าวพวกท่านเสียหน่อย”“ขอบคุณท่านเจ้าค่ะ” นางมองเขาอย่างซาบซึ้งใจหรูอวี้ที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักล้วนได้ยินทุกสิ่งที่ทั้งสองพูดคุยกัน หากมารดานางจะเปิดใจให้ท่านแม่ทัพจ้าวอีกครั้ง นางก็ไม่ขัดข้องด้วยเขาดูจะปักใจกับมารดาของนางไม่น้อย ถึงขั้นยังมิได้แต่งฮูหยินเข้าจวน“เอ่อ...ข้าเสียมารยาทแล้ว นี่บุตรสาวของข้าหรูอวี้ ส่วนนั้นบุตรชายข้าอาหยวนเจ้าค่ะ” ตู้เหลียนเห็นสายตาของจ้าวลู่ฉือที่มองไปทางหรูอวี้หลายหนจึงได้เอ่ยแนะนำนางขึ้นมา“คารวะท่านแม่ทัพจ้าวเจ้าค่ะ” นางย่อกายเล็กน้อย“อืม ไม่ต้องมากพิธี ข้าก็เหมือนกับพี่ชายของแม่เจ้า เรีย
ชาวบ้านที่เห็นต่างมองดูด้วยความสงสาร หรูอวี้เห็นเช่นนั้น นางก็ร้องไห้เสียงดังยิ่งกว่าเดิม“ทะ ท่านดู สินเดิมของท่านแม่เหลือติดตัวไปเพียงน้อยนิด ที่ผ่านมาข้ากับท่านพี่ล้มป่วยก็เป็นท่านแม่ที่นำสินเดิมออกมาใช้จ่าย เงินเดือนที่สมควรได้ก็มิได้เช่นผู้อื่น แล้วพวกข้าจะขโมยของท่านได้อย่างไร”“ท่านตรองดูสักนิดเถิด ข้าถูกสั่งให้อยู่แต่ภายในจวน เหตุใดเรื่องความร้ายกาจของข้าและท่านแม่ถึงได้ถูกชาวเมืองเอาไปนินทากันจนสนุกปาก ข้ากับท่านแม่เคยร้องขอความเป็นธรรมหรือไม่”“วันนี้ที่ต้องออกจากจวนตระกูลเซี่ย กลับเข้าตระกูลตู้ ก็ด้วยข้าถูกรังแกจนเกือบจะรักษาชีวิตไม่ได้ ท่านแม่เห็นใจข้า กลัวว่าหากมีครั้งหน้าข้าคงต้องกลายเป็นวิญญาณจึงได้ขอร้องท่านให้ปล่อยพวกเราสามแม่ลูกไป” หรูอวี้ยังเล่นงิ้วของนางไม่เลิก ยิ่งมีคนเพิ่มขึ้น นางก็ยิ่งพูดสิ่งที่อยู่ในใจของเซี่ยหรูอวี้คนเดิมออกมาทั้งหมดภายในของหรูอวี้กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง นางไม่เคยแสดงด้านนี้ออกมาให้ผู้ใดได้เห็น เมื่อลองทำแล้วจึงรู้สึกแปลกใหม่และสนุกไม่น้อยเซี่ยหยวนแทบจะไปดึงน้องสาวกลับขึ้นรถม้า แม้รู้ดีว่านางกำลังเรียกร้องความเป็นธรรม พร้อมทั้งทิ้งปัญหาก้อ
หลังจากที่กลับมาจากเรือนของเซี่ยหรันเซียนแล้ว นางก็มิได้กลับเข้าเรือนในทันที หรูอวี้กระโดดออกจากกำแพงจวน มุ่งหน้าไปยังจวนของบรรดาคุณหนูที่มาร่วมงานกันในวันนั้นตามความทรงจำเดิมของนาง มีเพียงสามคนเท่านั้นที่เข้ามาช่วยเซี่ยหรันเซียนผลักเซี่ยหรูอวี้ตกน้ำ นางเพียงแค่คิดจะไปเอาคืนให้เซี่ยหรันเซียนเล็กๆ น้อยๆ พอให้หายแค้นใจบ้างจวนทั้งสามแม้มีองครักษ์เช่นจวนตระกูลเซี่ยแต่ก็มิได้มีมากมายเท่า ทำให้นางเข้าไปด้านในได้อย่างสะดวก แต่กว่าจะหาเรือนของคุณหนูแต่ละคนพบก็เล่นเอาเวลาของหรูอวี้ไปไม่น้อยภายในห้องพักล้วนมีสาวใช้เข้ามานอนเฝ้าคุณหนูด้วย หรูอวี้กลัวว่าพวกนางจะตื่นขึ้นมาพบเสียก่อน จึงได้ทำเพียงใส่ยาเสียโฉม ที่นางมีในห้องเก็บของของนาง โรยไปที่ใบหน้าเท่านั้นยาตัวนี้มิได้รุนแรงมากนัก เพียงจะทำให้เกิดสิวหนองบนใบหน้า นางขอให้ห้องทดลองทำขึ้น เพื่อไว้เปลี่ยนรูปลักษณ์ยามที่ออกไปด้านนอก แต่ก็ยังไม่เคยได้ทดลองใช้จึงไม่รู้ว่าจะเกิดสิวหนองเพิ่มมากเพียงใดกว่าจะจัดการคุณหนูทั้งสามเสร็จ หรูอวี้ก็ไม่อาจไปที่จวนตระกูลสวีได้ แต่ละจวนมิได้อยู่ใกล้กัน ร่างกายของนางในร่างนี้ก็เพิ่งจะฟื้นตัว นางยังหมดเรี่ยวแรงที
หรูอวี้นางไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่เรือนของมารดา เพราะนางหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยา เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งฟ้าด้านนอกก็มืดสนิทเสียแล้ว“คุณหนูท่านตื่นแล้ว รับอาหารเลยดีหรือไม่เจ้าคะ” หรูอวี้มองสาวใช้ที่ดวงตาบวมเบ่ง เหมือนผ่านการร้องไห้อย่างหนักมาอย่างสงสัยแต่เมื่อนางเห็นหีบของที่อยู่ภายในห้องนอนของนาง จึงได้รู้ทันทีว่ามารดาตัดสินใจเช่นใด“ท่านแม่ จะออกเดินทางเมื่อใด” นางยังไม่ได้จัดการเรื่องของนางเลย“พรุ่งนี้เจ้าค่ะ คุณหนูท่านพาข้าไปด้วยได้หรือไม่” เสี่ยวซีเอ่ยถามอย่างคาดหวัง แต่นางเป็นบ่าวของตระกูลเซี่ยจึงไม่รู้ว่าจะติดตามเซี่ยหรูอวี้ไปได้หรือไม่“เจ้าอยากไปกับข้ารึ รู้หรือไม่ข้าอาจจะพาเจ้าไปลำบากก็ได้” นางเอ่ยถามอย่างเรียบเฉย“บ่าวไม่กลัวเจ้าค่ะ บ่าวยินดีติดตามคุณหนู ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะลำบากเพียงใด” เสี่ยวซีคุกเข่าลงอย่างอ้อนวอน“ได้ เจ้าพูดเอง ต่อไปหากลำบากเจ้าจะกล่าวโทษข้าไม่ได้เล่า” จากความทรงจำเดิมเสี่ยวซีซื่อสัตย์กับเซี่ยหรูอวี้ไม่น้อย มีเพียงนางที่ออกรับหน้าแทนแทบจะทุกเรื่อง แม้จะถูกเฆี่ยนตีนางก็ไม่ปริปากตำหนิเซี่ยหรูอวี้เลยสักครั้ง“ขอบคุณเจ้าค่ะคุณหนู” ที่นางร้องไห้จนตาปูดบวม
“ตามที่ท่านเขียนไว้ ข้าขอชีวิตข้าคืน ในเมื่อท่านมิอาจปกป้องข้ากับลูกตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมาได้” เซี่ยถงวู่สะดุ้งตกใจกับแววตาของตู้เหลียนไม่น้อย ครั้งนี้ดูนางมิได้พูดเล่นเสียแล้ว ด้วยนางไม่เคยเอ่ยเรื่องนี้มาก่อนเลยสักครั้ง“อาเหลียน เจ้าใจเย็นก่อนดีหรือไม่” เขาเดินเข้ามาจะจับแขนของนางไว้ แต่ก็ถูกนางเบี่ยงตัวหนี“ไม่ ข้าเกือบเสียอวี้เออร์ไปแล้ว!!! ผู้ใดจะบอกได้ว่าครั้งหน้านางจะยังอยู่เป็นบุตรของข้าได้อีกหรือไม่” นางกรีดร้องออกมาสุดเสียง พร้อมทั้งร่ำไห้ออกมาอย่างปวดใจแม้จะรักผู้เป็นสามีมากเพียงใด แต่ก็ไม่อาจเท่ากับความรักที่มีให้กับบุตรไปได้ หากนางต้องเลือกเสียใครไป ขอเลือกเสียผู้เป็นสามีเสียยังจะดีกว่า“แต่อวี้เออร์ก็ปลอดภัยแล้วมิใช่รึ” เขาขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ทุกครั้งนางจะยอมอยู่เงียบๆ แต่เหตุใดครั้งนี้ถึงได้คิดจะพาบุตรออกจากตระกูลเขาไปได้“ท่านยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน” นางเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา แล้วยิ้มเยาะความโง่เขลาของตนที่เลือกบุรุษเช่นเซี่ยถงวู่“เกิดสิ่งใดขึ้นเจ้าคะ” เสียงหวานใสดังขึ้นที่หน้าประตูห้องโถงเรือนของตู้เหลียน เป็นสวีเหมยลี่ที่รู้เรื่องว่าทั้งสองคนมีปากเสียงกันจากบ่าวก