ตู้หยวนที่ยืนรอน้องสาวอยู่ภายในโรงพักม้า พอเห็นนางเดินเข้ามาจึงได้เอ่ยถามนางเรื่องที่เหตุใดถึงไม่ยอมเข้ามาเสียที
“เจ้าทำสิ่งใดอยู่”
“ข้าเอ่ยถามทหารเรื่องจะกลับเข้าเมืองเจ้าค่ะ”
“เจ้าจะเข้าเมืองไปเพื่ออันใดอวี้เออร์!!!” เขาเอ่ยถามออกมาด้วยความตกใจ
ด้วยเรื่องภายในจวนตระกูลเซี่ยที่เกิดขึ้น หากพิจารณาดีๆ แล้ว คงไม่แคล้วน้องสาวตัวดีของตนเป็นแน่ที่สร้างเรื่องวุ่นวายไว้
"ข้าจะกลับไปเอาของอย่างไรเล่าท่านพี่”
“เจ้าลืมสิ่งใด” ตู้หยวนมองน้องสาวอย่างระแวง
“ข้าลืมของไว้ที่จวนตระกูลสวี” นางกระซิบบอกที่ข้างหูของตู้หยวน ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก แล้วเดินขึ้นที่พักไป
จ้าวลู่ฉือที่เดินมาทันเห็นแผ่นหลังของหรูอวี้เพิ่งจากไป พอเห็นใบหน้าที่ยังตกตะลึงของตู้หยวน เขาก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา
“น้องสาวเจ้าจะกลับเข้าเมืองหลวงเพื่ออันใด”
“เอ่อ...นางลืมของขอรับ” เขาจะบอกได้อย่างไรว่าของที่นางลืมไว้ อยู่ที่จวนตระกูลสวี
“เตือนนางด้วย ว่าอย่าได้กลับไป มิเช่นนั้นจะเกิดเรื่องยุ่งยากได้” ในยามนี้ภายในเมืองหลวงวุ่นวายไม่น้อย
จ้าวลู่ฉือรู้มาจากเจ้าหน้าที่ทางการ จวนตระกูลเซี่ยโดนโจรเข้าปล้นคลังเก็บสมบัติ ทั้งฮูหยินและบุตรสาวของนางก็ยังได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
การจะเข้าเมืองหลวงได้ จึงตรวจสอบอย่างแน่นหนา ทั้งประตูเมืองสี่ทิศก็ถูกปิดมิอาจเข้าไปได้ง่ายๆ หากนางกลับไปอาจจะไม่ได้ออกมาง่ายๆ เช่นที่ออกมาพร้อมขบวนกองทัพของเขา
“เข้าใจแล้วขอรับ” ตู้หยวนได้แต่รับปากอย่างจำใจ แต่ไม่รู้ว่าน้องสาวของตนจะเชื่อในคำที่เขาบอกหรือไม่ ดูเหมือนนางในตอนนี้เปลี่ยนไปจากเดิมไม่น้อยเลย
หรูอวี้เมื่อเข้ามาอยู่ภายในห้องพักแล้ว นางก็ให้เสี่ยวซีกลับไปพักที่ห้องของนาง ด้วยนางอยากจะครุ่นคิดหาวิธีกลับเข้าเมืองให้ได้เสียก่อน
เสียงเคาะประตูหน้าห้อง ทำให้หรูอวี้ที่นอนอยู่บนเตียงลุกขึ้น “อวี้เออร์ เปิดให้แม่หน่อยลูก”
“เจ้าค่ะ”
“ท่านแม่ มีเรื่องอันใดหรือไม่ เหตุใดถึงไม่พักเสียหน่อย” นางเห็นสีหน้าที่เหนื่อยล้าของมารดาก็มองอย่างเป็นห่วง
อาจจะเป็นเพราะตู้เหลียนนางไม่เคยเดินทางด้วยรถม้าเป็นเวลานาน นั่งเพียงไม่นานนางก็เหนื่อยล้าเสียแล้ว
“แม่มีเรื่องจะพูดกับเจ้า ท่านแม่ทัพบอกว่าเจ้าหาทางจะกลับเข้าเมืองหลวง จริงหรือไม่อวี้เออร์” ตู้เหลียนเอ่ยถามอย่างกังวล นางรู้ว่าบุตรสาวมีความแค้นไม่น้อย ในเมื่อออกมาจากที่นั่นแล้ว นางก็ไม่อยากให้บุตรสาวหาเรื่องใส่ตัวจนถูกจับได้
“หึ วุ่นวายเสียจริง ถึงกับต้องนำเรื่องเพียงเท่านี้ไปฟ้องท่านแม่เลยรึ โอ๊ยยย” ตู้เหลียนหยิกเอวหรูอวี้อย่างแรง
“เจ้าเป็นสตรี อย่าได้เอ่ยเช่นนี้อีก แม่ขอเถิดอวี้เออร์ หนทางที่เจ้าจะเอาคืนคนพวกนั้นยังมีอีกมากนัก อย่าได้เสี่ยงอันตรายเช่นนี้อีกเลย” ตู้เหลียนบีบมือหรูอวี้ไว้แน่นเพื่อให้นางรับปาก
“เจ้าค่ะ ข้าจะยังไม่จัดการตระกูลสวียามนี้ก็ได้ แต่ต่อไปหากมีโอกาสท่านแม่อย่าได้เอ่ยห้ามข้าอีกเด็ดขาด”
“แม่เข้าใจแล้ว” ตู้เหลียนกลัวใจของหรูอวี้ยิ่งนัก ไม่รู้นางจะจัดการตระกูลสวีที่มีอำนาจเช่นนั้นได้อย่างไร นางกลัวว่าบุตรสาวของนางจะเกิดอันตรายเสียมากกว่า
“ท่านแม่ไปพักเถิด ลูกจะไปส่งท่านที่ห้อง” หรูอวี้ประคองมารดากลับไปที่ห้องพักของนาง
พอเปิดประตูออกมาหน้าห้องก็พบจ้าวลู่ฉือที่มารอรับจดหมายจากตู้เหลียนเพื่อจะได้รีบให้ม้าเร็วนำไปส่งที่จวนตระกูลตู้ที่เป่ยหานเสียก่อน
ระหว่างทั้งหรูอวี้และจ้าวลู่ฉือ เหมือนมีรังสีสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวของคนทั้งคู่ แม้แต่ตู้เหลียนยังรู้สึกได้จนขนแขนของนางลุก
“เอ่อ ท่านแม่ทัพจ้าว มารับจดหมายใช่หรือไม่” ตู้เหลียนต้องเอ่ยพูดออกมา ก่อนที่ทั้งสองจะจ้องหน้ากันจนตายไปข้าง
“อืม...ใช่ เจ้าเขียนเรียบร้อยแล้วรึยัง” จ้าวลู่ฉือจ้องมองตู้เหลียนอย่างแฝงไปด้วยความหมาย เมื่อเห็นนางพยักหน้าน้อยๆ เขาก็เหลือบไปมองหรูอวี้วูบหนึ่ง ก่อนจะเดินไปรอที่หน้าห้องของตู้เหลียน
“หึ” คิดว่านางไม่รู้รึอย่างไร ที่เขามาดักรอท่านแม่ของนางเช่นนี้ คงอยากจะถามว่า ห้ามนางเรียบร้อยแล้วหรือยัง
หรูอวี้ส่งมารดาที่ห้องเรียบร้อย นางก็ขอตัวกลับห้องของนาง นางยังไม่ลืมกระซิบบอกมารดาเรื่องที่นางจะเข้าไปอยู่ภายในมิติ และรับปากว่าจะไม่ย้อนกลับไปที่เมืองหลวงอย่างเด็ดขาด
พอออกมาจากห้องของมารดาก็พบว่าจ้าวลู่ฉือยังอยู่ที่หน้าห้อง ราวกับว่าเขารอเพื่อพบนางเสียอย่างนั้น
“มารดาของเจ้าคงบอกเจ้าแล้ว”
หรูอวี้เลิกคิ้วขึ้นมองเขา “ดูท่า ท่านแม่ทัพสนใจเรื่องของข้าอยู่ไม่น้อย หากท่านต้องการให้ข้าช่วยท่านให้สมหวังกับท่านแม่ ท่านก็อย่าได้ล้ำเส้นเรื่องของข้านักเล่า” หรูอวี้เดินผ่านเขา เข้าห้องของนางทันที โดยไม่คิดจะหยุดฟังในสิ่งที่เขาจะพูด
เมื่อเข้ามาอยู่ภายในห้อง หรูอวี้ก็เข้าไปอยู่ภายในมิติของนางทันที ก่อนหน้านี้นางยังไม่ได้สำรวจภายในเรือนพักของนางเลยว่ามีสิ่งใดติดมาด้วย
หรูอวี้ตรวจสอบทองที่นางซื้อเก็บไว้ ตอนที่ทำงานเป็นนักฆ่า ก็พบว่าทั้งหมดถูกเก็บไว้ในตู้เซฟที่อยู่ในห้องนอนของนางเช่นเดิม
“หึหึ ไม่เสียทีที่ซื้อเก็บไว้” นางจูบทองคำแท่งด้วยความยินดี ก่อนจะปิดเซฟแล้วไปตรวจดูข้าวของที่เป็นสินเดิมของสวีเหมยลี่ที่นางนำมาด้วยทั้งหมด
แม้สินเดิมของสวีเหมยลี่ที่ติดตัวนางมาจะไม่ได้มากมายนัก แต่เงินที่นางเก็บไว้ตอนที่บรรดาฮูหยินจวนต่างๆ มาขอให้นางช่วยพูดกับสามีเรื่องคดีความก็นับว่าจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ไหนจะเงินที่ริบจากสามแม่ลูกตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็นับว่าหลายร้อยตำลึงทองเลย
“จุ๊ๆ ไม่รู้ว่ารู้เรื่องแล้วจะกระอักเลือดเลยหรือไม่” นางยกยิ้มอย่างสะใจ เมื่อนึกถึงสีหน้าของสวีเหมยลี่ที่รู้ว่าสมบัติทั้งหมดของนางก็ถูกปล้นไปแล้วเช่นกัน
หรูอวี้ทิ้งข้าวของทั้งหมดที่กวาดมาจากจวนตระกูลเซี่ยไว้ให้ห้องเก็บของ นางจัดการหาอาหารง่ายๆ กินก่อนจะล้างตัวเพื่อพักผ่อน
ตู้เหลียนรู้เรื่องที่บุตรสาวจะเข้าไปอยู่ในมิติของนางแล้วจึงไม่ได้ให้คนไปตามนางมากินมื้อเย็นด้วยกัน
“ท่านแม่อวี้เออร์เล่าขอรับ” ตู้หยวนมองหาน้องสาวก็ไม่เห็นว่านางจะลงมารับมื้อเย็นเสียที
“นางพักอยู่ในห้อง” ตู้หยวนจะลุกขึ้นไปดูน้องสาว แต่เมื่อเห็นสายตาของมารดาที่มองเตือนมาเขาก็กลับนั่งลงเช่นเดิม
“มิใช่ว่านางไม่พอใจข้าจนไม่ยอมมาร่วมโต๊ะหรอกรึ” จ้าวลู่ฉือที่นั่งอยู่ด้วยเอ่ยถามออกมา
“มิใช่เจ้าค่ะ อวี้เออร์มิเคยนั่งรถม้าเท่าใดนัก นางคงจะเหนื่อยล้าจนมิอยากอาหาร ข้าจึงปล่อยให้นางได้พักผ่อน”
“อืม เช่นนั้นก็กินเถิด ไว้สั่งห้องครัวให้เตรียมอาหารไว้ เผื่อว่านางหิวขึ้นมาจะได้มีกิน”
“เจ้าค่ะ” ตู้เหลียนรับคำไปอย่างงั้น ด้วยรู้ดีว่าภายในมิติของบุตรสาวนางมีพร้อมทุกอย่าง นางคงไม่ออกมาหาอะไรกินอีกแล้ว
หรูอวี้หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ นางก็หายาบำรุงกิน ด้วยร่างกายของนางในตอนนี้ช่างอ่อนแอยิ่งนัก หากจะเริ่มกลับมาฝึกฝนร่างกายในตอนนี้เห็นที เพียงแค่ไม่กี่นาทีนางก็คงจะหอบเสียแล้ว
“เอ๊ะ...ข้าเก็บเจ้ายาบ้านี่ไว้ด้วยรึ” นางหยิบกระปุกยาขึ้นมามองอย่างนึกรังเกียจ
อันอ๋อง ยอมเข้าไปอยู่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจ้าวลู่ฉือตั้งแต่วัยสิบสองหนาว แม้เขาจะมิได้แสดงออกว่าพึงใจในตัวของซูซินมากนัก แต่ก็ลอบหาทางพบนางอยู่เสมอ“หึ อันอ๋องร้ายนัก ข้ารึก็มัวแต่ระวังเจ้าลูกเต่าจวนอื่น” จ้าวลู่ฉือสบถออกอย่างหัวเสียเมื่อเขารู้เรื่องจากหรูอวี้ว่า ทั้งสองเหมือนจะมีใจให้กัน“ท่านพี่ ซินซินนางถึงวัยออกเรือนแล้ว อันอ๋องเองก็อยู่ในสายตาของท่านมาตลอด ท่านยังมิวางใจอีกรึ”“พี่ยังอยากให้ซินซินอยู่กับพี่และเจ้าไปอีกหลายปี”“เหอะ ท่านจะให้นางแก่ตายคาจวนหรืออย่างไร ข้าตัดสินใจแล้ว หากซินซินนางเลือกอันอ๋องข้าก็ไม่ขัดขวาง ท่านก็ปล่อยวางได้แล้ว” หรูอวี้มองสามีที่ผมเริ่มจะขาว ของนางอย่างมีโทสะนางอยากจะถามเขาเสียเหลือเกินว่าจะต้องรอให้เขาลงหลุมก่อนรึ ถึงจะยอมให้บุตรสาวออกเรือนได้เมื่อคำเด็ดขาดหลุดออกมาจากปากของหรูอวี้ จ้าวลู่ฉือก็ไม่อาจเอ่ยแย้งได้ พออันอ๋องมาเอ่ยเรื่องทาบทามที่จวน จ้าวลู่ฉือจึงบังคับให้เขาสาบานต่อฟ้าดินว่าจะมีเพียงบุตรสาวของตนเพียงหนึ่งเดียวในตำหนัก“เปิ่นหวางสาบานต่อหน้าฟ้าดิน ชั่วชีวิตนี้จะมีเพียงซินซินหนึ่งเดียว และจะไม่ทำให้นางต้องช้ำใจเป็นอันขาด”สามเดือนต
หรูอวี้นางคิดว่า มีเพียงฝาแฝดทั้งสองเป็นบุตรก็เพียงพอแล้ว เพียงเลี้ยงเขาน้องก็ไม่มีเวลาปลีกตัวไปทำอันใดได้ จึงมิได้คิดเรื่องที่จะมีบุตรอีกเลย“ท่านแม่จะมีน้องสาวให้ข้ารึขอรับ” จ้าวหลิงฮุ่ยเอ่ยถามออกมาด้วยใบหน้าที่ใสซื่อจ้าวหลิงเทียนก็มองมาทางหรูอวี้ด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย แม้ไม่ได้พูดออกมา ก็รู้ว่าเขาอยากจะมีน้องสาวตัวน้อยเช่นเดียวกัน“ใช่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย” นางลูบหัวบุตรทั้งสองอย่างรักใคร่“มีน้องชายก็ได้ขอรับ ข้าชอบทั้งหมดที่เป็นน้องของข้า” จ้าวหลิงฮุ่ยฉีกยิ้มกว้างอย่างน่าเอ็นดู“ยินดีด้วยขอรับท่านแม่ทัพ” ตลอดทางนับตั้งแต่เดินเข้าจวนมา เขาอดจะสงสัยไม่น้อยที่บ่าวไพร่ ต่างเข้ามาแสดงความยินดี ราวกับว่าเขาได้เลื่อนตำแหน่งเสียอย่างงั้นแต่จะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อยามนี้เขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ ที่ไม่อาจจะมีตำแหน่งใดสูงได้มากกว่านี้อีกแล้ว“เกิดเรื่องใดขึ้น” เขาเอ่ยถามบ่าวแล้ว แต่ก็ไม่ได้คำตอบ ได้แต่บอกให้เขากลับไปฟังเรื่องราวที่เรือนของฮูหยินเองเสียงพูดคุยหัวเราะของคนในเรือนของหรูอวี้ ทำให้จ้าวลู่ฉือที่เดินทางกลับมาจากค่ายทหารนอกเมืองยืนยิ้มตามไปด้วยรอยยิ้มเช่นนี้ของเขา ม
เรื่องนี้ทำให้ตู้เหลี่ยงพอใจอยู่ไม่น้อย ด้วยตัวเขาเองก็เตรียมชื่อไว้ให้เหลนชายทั้งสองเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าจ้าวลู่ฉืออยากจะตั้งเองหรือไม่“จ้าวหลิงเทียน จ้าวหลิงฮุ่ย ชอบหรือไม่เล่า” เขาเอ่ยเรียกเหลนชายทั้งสอง พร้อมทั้งมองอย่างรักใคร่จ้าวหลิงเทียนผู้พี่ จ้าวหลิงฮุ่ยผู้น้อง หัวเราะจนเห็นเหงือกของตน สร้างความอิ่มเอมใจให้กับทุกคนในห้องโถงจนมีรอยยิ้มไปตามๆ กันแต่แล้วความครื้นเครงก็หยุดลง เมื่อพ่อบ้านจ้าว เข้ามาแจ้งเรื่องที่เซี่ยถงวู่มาขอพบตู้เหลี่ยงและตู้เหลียนที่หน้าจวนตู้เหลี่ยงส่งฝาแฝดให้แม่นมพาออกไปด้านนอกทันที ก่อนจะตบโต๊ะเสียงดังอย่างมีโทสะ“เดรัจฉาน!!! ยังมีหน้ามาขอพบข้าอีกรึ”“ท่านตา อย่าได้มีโทสะเจ้าค่ะ หากท่านไม่ต้องการพบหน้าก็เพียงแค่ให้บ่าวหน้าจวนไล่ไปก็เท่านั้น ไยจะต้องทำให้ตนเองขุ่นใจด้วย” หรูอวี้เอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย นางเหลือบมองมารดาก่อนจะพูด ก็เห็นว่านางไม่ได้แสดงอาการตื่นเต้นดีใจที่เซี่ยถงวู่มาขอพบ จึงได้เบาใจลง“เป็นเช่นที่อวี้เออร์นางว่า หากท่านอาจารย์ไม่ต้องการจะพบ ข้าจะออกไปจัดการให้ท่านเองขอรับ”“อืม...ลำบากเจ้าแล้ว” เพียงเท่านี้ก็รู้แล้วว่าตู้เหลี่
“สวรรค์” บ่าวไพร่และเสี่ยวฟ่านที่ได้พบเห็นคุณชายน้อยของตนก็ได้แต่อุทานออกมาอย่างแปลกใจนี่มันเด็กเพียงคลอดเสียที่ไหน ทั้งสองราวกับเด็กครบเดือนแล้ว ดวงตาที่กวาดมองไปทั่ว ราวกับรู้เรื่องราวและรับรู้สิ่งที่พวกเขาเอ่ยพูดกัน“พาไปให้อวี้เออร์นางดูก่อนเถิด” จ้าวลู่ฉือเขี่ยแก้มบุตรชายทั้งสอง ก่อนจะเดินนำเข้าไปด้านในห้อง ที่สาวใช้ทำความสะอาดร่างกายของหรูอวี้เรียบร้อยแล้ว“ฮูหยินช่างมีบุญนัก แม้แต่กลิ่นน้ำคลอดของนางก็ไม่เหม็นเช่นที่ข้าเคยพบเจอ ดูเหมือนว่าจะคลายกลิ่นดอกบัวเสียด้วยซ้ำ” หมอตำแยเอ่ยพูดคุยถึงเรื่องความน่าอัศจรรย์นี้กันจ้าวลู่ฉือ เห็นหรูอวี้นั่งพิงหัวเตียงชะเง้อคอมองมาทางประตูก็อมยิ้มมองนาง“เจ้าอยากเห็นลูกใช่หรือไม่” เขารับเด็กทั้งสองคนมาจากป้าจิ้นและเสี่ยวซี ก่อนจะเดินเข้าไปหาหรูอวี้ที่เตียงหรูอวี้เม้มปากแน่น มองเด็กน้อยที่อยู่ในห่อผ้าที่แขนของจ้าวลู่ฉือ“ลูกข้า...ช่างตัวเล็กนัก” นางไม่รู้ว่าจะเอ่ยเช่นไรไม่คิดด้วยว่าในชีวิตนางจะให้กำเนิดเด็กน้อยออกมาได้ หรูอวี้มองเด็กทั้งสองด้วยดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำ ความรู้สึกแปลกใหม่เกิดขึ้นกับนาง จนนางไม่อาจจะอธิบายได้ความรัก ความหวงแหน ห
“อันใดกัน มีเรื่องที่เจ้าจัดการไม่ได้ด้วยรึ” ฮ่องเต้ไม่อยากจะเชื่อ ว่าสหายรักจะจัดการเรื่องหยุมหยิมเช่นนี้ไม่ได้“มีเพียงเรื่องของนางที่ไม่อาจจัดการได้” เขาไม่เคยเอาชนะนางได้เลย นับตั้งแต่ที่พบเจอนางในครั้งแรก“เพ้ย สตรี อย่างไรก็ต้องอยู่ภายใต้คำสั่งของสามี เจ้าตามใจนางเกินไปแล้ว”“พูดไป พระองค์ก็ไม่เข้าพระทัย กระหม่อมกลับจวนก่อนพ่ะย่ะค่ะ” จ้าวลู่ฉือลุกขึ้นจะเดินออกจากวังหลวง“ให้เจิ้นช่วยพูดดีหรือไม่” สตรีในวังนับร้อย เขายังจัดการได้“นางไม่ได้อยู่ให้พระองค์พูด พระองค์จะช่วยได้อย่างไร”“ห๊ะ!!! ถึงกลับหนีไปเลยรึ”จ้าวลู่ฉือส่ายหัวอย่างปลงตก แล้วเดินออกจากห้องตำราของฮ่องเต้กลับจวน หากนางหนีไปเช่นผู้อื่น เขายังตามกลับมาได้ แต่นี่ นางเล่นหายไปในมิติ เขาจะตามนางได้อย่างไรหรูอวี้ที่เก็บน้ำหวานจากดอกบัวจนเบื่อแล้ว นางจึงได้ออกมาด้านนอก พอออกมาถึงก็ถูกจ้าวลู่ฉือที่นั่งรอนางอยู่รวบตัวกอดรัดไว้แน่น“อวี้เออร์ อย่าได้ทำกับข้าเช่นนี้อีก อย่าได้หายไปโดยไม่บอกข้า เรื่องคุณหนูที่มากวนใจเจ้าวันนั้นข้าจัดการให้ตระกูลของพวกนางจับนางแต่งออกไปแล้ว ยามนี้ไม่มีผู้ใดกล้ามากวนใจเจ้าอีกแล้ว” เขาซุกใบหน้าลงก
หรูอวี้ตบไปที่ใบหน้าของคุณหนูหั่วเต็มแรง มีดสั้นถูกวางจ่ออยู่ที่คอของคุณหนูหั่ว หากนางขยับตัวเล็กน้อยคงได้เห็นเลือดอย่างแน่นอน“ข้าไม่ถือ หากเจ้าจะใช้มารยาเพื่อได้เข้าตระกูลจ้าว แต่ในเมื่อเจ้าปากกล้ากับข้าเช่นนี้ ข้าคงต้องทำให้เจ้ารู้เสียแล้วว่าข้าเป็นเช่นไร” หรูอวี้ขยับข้อมือเพียงเล็กน้อย คมมีดก็บาดเข้าคอของนางจนเลือดซึมออกมา“ขะ ข้ากลัวแล้ว ข้าไม่ได้ตั้งใจเจ้าค่ะ” นางเอ่ยขอร้องอย่างลนลาน“อวี้เออร์ ข้าจัดการเอง” จ้าวลู่ฉือเดินเข้ามาจับข้อมือของนางไว้“หึ” นางสะบัดมือของเขาออก ก่อนจะปามีดสั้นไปตรงกลางโต๊ะที่พวกคุณหนูคนอื่นนั่งอยู่ แล้วเดินออกจากห้องโถงไปอย่างไม่สบอารมณ์จะเรียกว่านางหึงหวงเขาเสียจนหน้ามืดก็ได้ที่ลงมือเช่นนั้น แต่คุณหนูหั่วก็ปากดีเสียจนนางควบคุมอารมณ์ไม่อยู่หรูอวี้ไล่ป้าจิ้นกับเสี่ยวซีที่ตามนางมาที่เรือนอย่างเป็นห่วงออกไป ก่อนจะเข้าไปสงบอารมณ์ในมิติของนางจ้าวลู่ฉือยืนมองคุณหนูที่รอพบเขาที่ละคน ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมา“เป็นบิดาของพวกเจ้า หรือตัวพวกเจ้าที่ใจกล้าทาเยือนจวนของข้ากัน” เขาเอ่ยถามออกมาด้วยเสียงเหยียบเย็นบางคนที่หวาดกลัวจนตัวสั่นก็โยนเรื่องราวทั้งหมดไปให้ผู้เป