Share

เสี่ยวจิ่ว

Author: l3oonm@
last update Last Updated: 2025-07-13 02:45:07

เสี่ยวจิ่วสลัดเรื่องความฝันเมื่อครู่ของเธอ ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวไปทำภารกิจที่ได้รับมาเมื่อวานนี้จากองค์กร

คนที่เธอต้องไปจัดการลงมือปลิดชีพในครั้งนี้ เป็นถึงนายตำรวจใหญ่ ที่เข้ามายุ่งวุ่นวายเรื่องคดีความของนักการเมือง เธอรู้ข้อมูลมาว่าเขาเป็นคนหนุ่มไฟแรงที่เพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่ง แต่มีความสามารถไม่น้อยเลยทีเดียว ถึงได้ขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย

“น่าเสียดาย” เธอโยนเอกสารประวัติในมือทิ้งไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเดินไปจัดเตรียมเครื่องมือที่ใช้ปลิดชีพเขาในครั้งนี้

ความเห็นใจมีเพียงให้หน่อยนิดเท่านั้นสำหรับเธอ คนที่เสี่ยวจิ่วฆ่ามาไม่น้อยกว่าร้อยชีวิตแล้ว เธอจะมาเห็นใจเขามากมายได้อย่างไร สายตาของเสี่ยวจิ่วมีแต่ความเฉยชาเช่นเดียวกับหัวใจของเธอที่มองคนอื่นเป็นเพียงมดปลวก

ตั้งแต่ที่จำความได้ เธอก็ถูกฝึกมาอย่างหนัก ความรู้สึกที่ได้เล่นสนุกเช่นเด็กในวัยเดียวกัน เธอลืมไปนานแล้ว

งานเล็กที่เธอได้รับให้ฆ่าคน ตั้งแต่เมื่อสิบขวบเห็นจะได้ เธอยังจำความรู้สึกจับมีดสั้นพุ่งเข้าไปฆ่าคนได้ดี หากเธอไม่ฆ่าเขา ก็ต้องเป็นเธอที่ตายในวันนั้น

ทางองค์กรปล่อยให้เด็กที่ถูกฝึกมาด้วยกันสังหารกันอย่างเลือดเย็น แล้วเหลือผู้รอดชีวิตไว้เพียงห้าคนเท่านั้นจากสามสิบกว่าคน เพื่อต้องการคัดเลือกคนที่แข็งแกร่งที่สุดไว้ใช้งาน

หลังจากการทดสอบจบสิ้นลง เสี่ยวจิ่วต้องพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บนานถึงสามเดือน หมอขององค์กรที่รักษาเธอ ในตอนแรกเขายังไม่เชื่อว่าเธอจะรอดมาได้ แต่อาจจะเป็นเพราะใจที่ไม่ยอมแพ้ในโชคชะตา ทำให้เธออยู่รอดมาจนทุกวันนี้ เพื่อเป็นเครื่องมือให้องค์กรใช้งาน

ไม่ใช่ว่าเธออยากจะเป็นนักฆ่า แต่เพราะไม่มีหนทางให้ถอยหนีต่างหาก ภายในร่างกายเธอถูกฝังชิปติดตาม และระเบิดเวลาที่ติดตั้งจากองค์กรอีกด้วย

เรื่องนี้เธอรู้ตอนอายุได้สิบสอง เมื่อหนึ่งในเด็กฝึกต้องการที่จะหนีออกจากองค์กร เพื่อไปแจ้งความให้เขามาช่วยเหลือคนที่เหลือด้านใน เธอเห็นเพื่อนของเธอถูกองค์กรพากลับตัวมา ก่อนจะซ้อมเสียเกือบตาย

แต่ที่เลวร้ายกว่านั้นคงเป็นตอนที่องค์กรกดปุ่มชิปที่ฝังอยู่ในร่างกายให้ทำงาน แรงระเบิดด้านในที่ถูกฝังไว้ ทำให้ร่างกายของเพื่อนเธอแหลกเหลวจนไม่เหลือสิ่งใดเป็นชิ้น

“ผู้ที่ทรยศต่อองค์กร นี่คือสิ่งที่ผู้ถูกเลือกต้องพบเจอ” เสี่ยวจิ่วมองกองเลือดด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า ก่อนจะเดินตามกลุ่มคนกลับเข้าไปฝึกเช่นเดิม

เสี่ยวจิ่วแบกกระเป๋าใบโตที่ด้านในมีปืนพกขนาดต่างๆ ทั้งยังมีดสั้นที่เก็บไว้ที่สายรัดที่ขาอ่อน ข้อเท้า หรือแม้แต่ในร่มผ้าก็ยังมีอาวุธลับ เพื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินมากมาย

“ฉันไม่ต้องไปด้วยใช่ไหม” เสี่ยวซานกัดผลไม้ในมือ แล้วมองเพื่อนสาวของเธออย่างกังวล

เธอไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยเตือนเสี่ยวจิ่วหรือไม่ เพราะเมื่อเธอฝันไม่ค่อยจะดีนัก แต่ก็พอจะรู้นิสัยของเพื่อนสาวที่ไม่ค่อยจะเชื่อในเรื่องพวกนี้เท่าไหร่

“เตรียมมื้อใหญ่รอฉันก็พอ” เสี่ยวจิ่วยกยิ้มที่มุมปากเช่นทุกที ก่อนจะโบกมือแล้วเดินหายออกไปจากห้องพัก

“เธอต้องกลับมากินอาหารฝีมือฉันด้วยนะ” เสี่ยวซานวิ่งตามออกมาร้องตะโกนบอก แต่เธอก็ได้ตอบรับเป็นเพียงรอยยิ้มบางๆ เช่นทุกทีกลับมา

ค่าตอบแทนสำหรับงานที่เสี่ยวจิ่วทำ ในแต่ละครั้งไม่น้อยเลย เธอสามารถซื้อบ้านหลังใหญ่ใจกลางกรุงปักกิ่งได้ แต่เธอก็ไม่ทำ เงินที่ได้มาทั้งหมดถูกเปลี่ยนเป็นทองแท่งแล้วเก็บไว้ภายในตู้เซฟที่ห้องพักของเธอ

ถึงจะมีวันหยุดให้ได้ไปเที่ยวเล่นบ้าง แต่เสี่ยวจิ่วก็ไม่ค่อยได้เดินทางไปเที่ยวเล่นเช่นเพื่อนคนอื่น เธอเก็บตัวอยู่แต่ในห้องพักที่ทางองค์กรจัดเตรียมไว้ให้

ด้านในมีทุกสิ่งโดยที่เธอไม่ต้องไปแสวงหาจากด้านนอก ไม่ว่าจะเป็นห้องออกกำลังกาย ห้องครัวที่ครบครัน หรือแม้แต่ห้องหนังสือ เธอเลือกให้ทางองค์กรทำห้องหนังสือ มากกว่าที่จะเลือกห้องคาราโอเกะเช่นเสี่ยวซานเพื่อนของเธอ

ถึงแม้ในตอนนี้จะมีคอมพิวเตอร์ที่สามารถค้นหาข้อมูลที่เธออยากรู้ได้มากมายแล้ว แต่เสี่ยวจิ่วก็ยังคิดว่าการอ่านหนังสือ ช่วยให้ใจของเธอสงบมากกว่าอยู่ดี

ยิ่งห้องคลังอาวุธของเธอยิ่งไม่ต้องพูดถึง หากจะบอกว่าขาดสิ่งใดก็คงเป็นเพียงรถถังเท่านั้น ที่ไม่มีอยู่ด้านใน

เสี่ยวจิ่วขับรถหรูคันงามของเธอไปที่ตึกสรรพสินค้าฝั่งตรงข้ามกับโรงแรมใจกลางกรุงปักกิ่ง ที่วันนี้จะมีการจัดงานแถลงข่าวเรื่องของนักการเมืองที่พัวพันกับเครือข่ายมาเฟียกลุ่มใหญ่ของประเทศ

เธอมาถึงก่อนเวลาจึงพอที่จะจัดเตรียมการสถานที่และสำรวจตำแหน่งที่เป้าหมายของเธอยืนแถลงข่าว

เพียงแค่ครึ่งชั่วโมงต่อมา เป้าหมายของเธอก็มาถึงหน้าโรงแรม จากมุมที่เธออยู่สามารถเห็นการเคลื่อนไหวต่างๆ ของเขาได้อย่างชัดเจน

เสี่ยวจิ่วยกปืนคู่ใจขึ้นประทับบ่า ก่อนจะเล็งไปที่เป้าหมาย เพื่อติดตามเขาไม่ให้คาดสายตา เธอรอจังหวะอย่างใจเย็น นิ้วมือของเธอแตะที่ไกปืนอย่างแผ่วเบา

จากกล้องที่ติดอยู่ที่กระบอกปืนทำให้เห็นใบหน้าของตำรวจหนุ่มอย่างชัดเจน

“จุ๊ๆ น่าเสียดาย” เธอพึมพำออกมาอย่างแผ่วเบา เมื่อใบหน้าของตำรวจหนุ่มรูปงามไม่ใช่น้อย เสียดายที่เข้ามาวุ่นวายกับคดีนี้

ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ว่าถูกเพ่งเล็งจึงได้หันมามองทางที่เสี่ยวจิ่วเธอซ่อนตัวอยู่ สายตาของเขาทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย คิดว่าถูกพบตัวเข้าเสียแล้ว

นิ้วมือที่วางอยู่ที่ไกปืน ถูกเหนี่ยวออกไปโดยที่เธอไม่ได้ตั้งใจ ฟิ้ว!!!พลาด...ไปเพียงแค่ไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น

แต่สำหรับเสี่ยวจิ่วแล้ว ครั้งนี้เรียกได้ว่า ฉิบหาย ได้เลย เธอรีบเล็งเป้าหมายอีกครั้ง ก่อนจะลั่นไกติดๆ กันสามนัด แต่เพราะเป้าหมายรู้ตัวเสียแล้ว จึงไม่ได้ง่ายเช่นนั้น

เมื่อกลุ่มคนเริ่มจะพุ่งเป้ามาทางเธอ ทำให้เสี่ยวจิ่วไม่มีเวลาจัดการเป้าหมายได้ต่อ เธอเก็บข้าวของอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งหลบกระสุนที่สาดมาทางเธอไปด้วย

“อึก!!!” เสี่ยวจิ่วโดนกระสุนปืนเข้าที่แขนของเธอ แต่ไม่มีเวลาให้ตรวจสอบ เธอต้องหลบหนีออกไปจากที่แห่งนี้เสียก่อน

แต่หากทำภารกิจไม่สำเร็จสิ่งที่รอเธออยู่ที่องค์กรคงมีเพียงความตายเช่นกัน เธอยังไม่อาจจะกลับองค์กรได้ในตอนนี้ ทั้งยังไม่สามารถลงไปเอารถที่จอดไว้ในตึกได้อีกด้วย

เสี่ยวจิ่วใช้ผ้าพันที่แขนเพื่อห้ามเลือดอย่างลวกๆ ก่อนจะหาที่ซ่อนตัวภายในตึก เสียงฝีเท้าของจำนวนคนไม่น้อยกำลังค้นหาตัวเธอ

เธอได้แต่กัดฟันแน่น เพื่อไม่ให้เสียงลมหายใจเล็ดลอดออกไปจนเรียกกลุ่มคนมาทางเธอ

“หึ คิดว่าจะหนีพ้นเหรอ เสี่ยวจิ่ว นักฆ่าหมายเลขเก้า” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นไม่ไกลจากตัวเธอ

เสี่ยวจิ่วขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอไม่เข้าใจว่าคนผู้นี้รู้ตัวตนของเธอได้อย่างไร ทั้งยังเรียกชื่อ ตำแหน่งหมายเลขของเธอได้อย่างแม่นยำ

การทำงานในครั้งนี้ มีเพียงคนในองค์กรของเธอเท่านั้นที่รู้เรื่อง หากไม่มีสายข่าวในองค์กรคอยแจ้งเรื่องนี้ไม่มีทางที่จะหลุดออกมาได้อย่างแน่นอน

“ผมเพียงทำตามหน้าที่ คุณคิดจะเอาชีวิตกันเลยเหรอ” ครั้งนี้เสี่ยวจิ่วรู้ได้ทันทีว่าเป็นนายตำรวจหนุ่มคนนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ว่าทำไม เขาถึงได้หาตัวเธอได้ง่ายแท้ ระหว่างที่เธอคิดจะหาทางหนีออกไปจากตรงนี้ ตำรวจหนุ่มก็เดินมาหยุดที่หน้าตัวเธอแล้ว

เสี่ยวจิ่วหยิบมีดสั้นที่ข้อเท้าของเธอออกมาปาไปทางเขาโดยไม่ต้องหยุดคิด อาวุธลับที่ซุกซ่อนอยู่ในร่างกายของเธอถูกนำออกมาใช้อย่างรวดเร็ว

“ไม่เสียทีที่เป็นถึงนักฆ่าระดับเพชร” ตำรวจหนุ่มดึงมีดสั้นออกจากหัวไหล่ของเขาข้าๆ แล้วถือเล่นไว้ในมืออย่างใจเย็น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ท่านแม่ทัพ จะเป็นพ่อเลี้ยงข้าหรือสามีข้ากันแน่   ตอนจบ

    อันอ๋อง ยอมเข้าไปอยู่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจ้าวลู่ฉือตั้งแต่วัยสิบสองหนาว แม้เขาจะมิได้แสดงออกว่าพึงใจในตัวของซูซินมากนัก แต่ก็ลอบหาทางพบนางอยู่เสมอ“หึ อันอ๋องร้ายนัก ข้ารึก็มัวแต่ระวังเจ้าลูกเต่าจวนอื่น” จ้าวลู่ฉือสบถออกอย่างหัวเสียเมื่อเขารู้เรื่องจากหรูอวี้ว่า ทั้งสองเหมือนจะมีใจให้กัน“ท่านพี่ ซินซินนางถึงวัยออกเรือนแล้ว อันอ๋องเองก็อยู่ในสายตาของท่านมาตลอด ท่านยังมิวางใจอีกรึ”“พี่ยังอยากให้ซินซินอยู่กับพี่และเจ้าไปอีกหลายปี”“เหอะ ท่านจะให้นางแก่ตายคาจวนหรืออย่างไร ข้าตัดสินใจแล้ว หากซินซินนางเลือกอันอ๋องข้าก็ไม่ขัดขวาง ท่านก็ปล่อยวางได้แล้ว” หรูอวี้มองสามีที่ผมเริ่มจะขาว ของนางอย่างมีโทสะนางอยากจะถามเขาเสียเหลือเกินว่าจะต้องรอให้เขาลงหลุมก่อนรึ ถึงจะยอมให้บุตรสาวออกเรือนได้เมื่อคำเด็ดขาดหลุดออกมาจากปากของหรูอวี้ จ้าวลู่ฉือก็ไม่อาจเอ่ยแย้งได้ พออันอ๋องมาเอ่ยเรื่องทาบทามที่จวน จ้าวลู่ฉือจึงบังคับให้เขาสาบานต่อฟ้าดินว่าจะมีเพียงบุตรสาวของตนเพียงหนึ่งเดียวในตำหนัก“เปิ่นหวางสาบานต่อหน้าฟ้าดิน ชั่วชีวิตนี้จะมีเพียงซินซินหนึ่งเดียว และจะไม่ทำให้นางต้องช้ำใจเป็นอันขาด”สามเดือนต

  • ท่านแม่ทัพ จะเป็นพ่อเลี้ยงข้าหรือสามีข้ากันแน่   จ้าวซูซิน

    หรูอวี้นางคิดว่า มีเพียงฝาแฝดทั้งสองเป็นบุตรก็เพียงพอแล้ว เพียงเลี้ยงเขาน้องก็ไม่มีเวลาปลีกตัวไปทำอันใดได้ จึงมิได้คิดเรื่องที่จะมีบุตรอีกเลย“ท่านแม่จะมีน้องสาวให้ข้ารึขอรับ” จ้าวหลิงฮุ่ยเอ่ยถามออกมาด้วยใบหน้าที่ใสซื่อจ้าวหลิงเทียนก็มองมาทางหรูอวี้ด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย แม้ไม่ได้พูดออกมา ก็รู้ว่าเขาอยากจะมีน้องสาวตัวน้อยเช่นเดียวกัน“ใช่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย” นางลูบหัวบุตรทั้งสองอย่างรักใคร่“มีน้องชายก็ได้ขอรับ ข้าชอบทั้งหมดที่เป็นน้องของข้า” จ้าวหลิงฮุ่ยฉีกยิ้มกว้างอย่างน่าเอ็นดู“ยินดีด้วยขอรับท่านแม่ทัพ” ตลอดทางนับตั้งแต่เดินเข้าจวนมา เขาอดจะสงสัยไม่น้อยที่บ่าวไพร่ ต่างเข้ามาแสดงความยินดี ราวกับว่าเขาได้เลื่อนตำแหน่งเสียอย่างงั้นแต่จะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อยามนี้เขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ ที่ไม่อาจจะมีตำแหน่งใดสูงได้มากกว่านี้อีกแล้ว“เกิดเรื่องใดขึ้น” เขาเอ่ยถามบ่าวแล้ว แต่ก็ไม่ได้คำตอบ ได้แต่บอกให้เขากลับไปฟังเรื่องราวที่เรือนของฮูหยินเองเสียงพูดคุยหัวเราะของคนในเรือนของหรูอวี้ ทำให้จ้าวลู่ฉือที่เดินทางกลับมาจากค่ายทหารนอกเมืองยืนยิ้มตามไปด้วยรอยยิ้มเช่นนี้ของเขา ม

  • ท่านแม่ทัพ จะเป็นพ่อเลี้ยงข้าหรือสามีข้ากันแน่   จ้าวหลิงเทียน จ้าวหลิงฮุ่ย

    เรื่องนี้ทำให้ตู้เหลี่ยงพอใจอยู่ไม่น้อย ด้วยตัวเขาเองก็เตรียมชื่อไว้ให้เหลนชายทั้งสองเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าจ้าวลู่ฉืออยากจะตั้งเองหรือไม่“จ้าวหลิงเทียน จ้าวหลิงฮุ่ย ชอบหรือไม่เล่า” เขาเอ่ยเรียกเหลนชายทั้งสอง พร้อมทั้งมองอย่างรักใคร่จ้าวหลิงเทียนผู้พี่ จ้าวหลิงฮุ่ยผู้น้อง หัวเราะจนเห็นเหงือกของตน สร้างความอิ่มเอมใจให้กับทุกคนในห้องโถงจนมีรอยยิ้มไปตามๆ กันแต่แล้วความครื้นเครงก็หยุดลง เมื่อพ่อบ้านจ้าว เข้ามาแจ้งเรื่องที่เซี่ยถงวู่มาขอพบตู้เหลี่ยงและตู้เหลียนที่หน้าจวนตู้เหลี่ยงส่งฝาแฝดให้แม่นมพาออกไปด้านนอกทันที ก่อนจะตบโต๊ะเสียงดังอย่างมีโทสะ“เดรัจฉาน!!! ยังมีหน้ามาขอพบข้าอีกรึ”“ท่านตา อย่าได้มีโทสะเจ้าค่ะ หากท่านไม่ต้องการพบหน้าก็เพียงแค่ให้บ่าวหน้าจวนไล่ไปก็เท่านั้น ไยจะต้องทำให้ตนเองขุ่นใจด้วย” หรูอวี้เอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย นางเหลือบมองมารดาก่อนจะพูด ก็เห็นว่านางไม่ได้แสดงอาการตื่นเต้นดีใจที่เซี่ยถงวู่มาขอพบ จึงได้เบาใจลง“เป็นเช่นที่อวี้เออร์นางว่า หากท่านอาจารย์ไม่ต้องการจะพบ ข้าจะออกไปจัดการให้ท่านเองขอรับ”“อืม...ลำบากเจ้าแล้ว” เพียงเท่านี้ก็รู้แล้วว่าตู้เหลี่

  • ท่านแม่ทัพ จะเป็นพ่อเลี้ยงข้าหรือสามีข้ากันแน่   เพียงแค่ชิมเท่านั้น

    “สวรรค์” บ่าวไพร่และเสี่ยวฟ่านที่ได้พบเห็นคุณชายน้อยของตนก็ได้แต่อุทานออกมาอย่างแปลกใจนี่มันเด็กเพียงคลอดเสียที่ไหน ทั้งสองราวกับเด็กครบเดือนแล้ว ดวงตาที่กวาดมองไปทั่ว ราวกับรู้เรื่องราวและรับรู้สิ่งที่พวกเขาเอ่ยพูดกัน“พาไปให้อวี้เออร์นางดูก่อนเถิด” จ้าวลู่ฉือเขี่ยแก้มบุตรชายทั้งสอง ก่อนจะเดินนำเข้าไปด้านในห้อง ที่สาวใช้ทำความสะอาดร่างกายของหรูอวี้เรียบร้อยแล้ว“ฮูหยินช่างมีบุญนัก แม้แต่กลิ่นน้ำคลอดของนางก็ไม่เหม็นเช่นที่ข้าเคยพบเจอ ดูเหมือนว่าจะคลายกลิ่นดอกบัวเสียด้วยซ้ำ” หมอตำแยเอ่ยพูดคุยถึงเรื่องความน่าอัศจรรย์นี้กันจ้าวลู่ฉือ เห็นหรูอวี้นั่งพิงหัวเตียงชะเง้อคอมองมาทางประตูก็อมยิ้มมองนาง“เจ้าอยากเห็นลูกใช่หรือไม่” เขารับเด็กทั้งสองคนมาจากป้าจิ้นและเสี่ยวซี ก่อนจะเดินเข้าไปหาหรูอวี้ที่เตียงหรูอวี้เม้มปากแน่น มองเด็กน้อยที่อยู่ในห่อผ้าที่แขนของจ้าวลู่ฉือ“ลูกข้า...ช่างตัวเล็กนัก” นางไม่รู้ว่าจะเอ่ยเช่นไรไม่คิดด้วยว่าในชีวิตนางจะให้กำเนิดเด็กน้อยออกมาได้ หรูอวี้มองเด็กทั้งสองด้วยดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำ ความรู้สึกแปลกใหม่เกิดขึ้นกับนาง จนนางไม่อาจจะอธิบายได้ความรัก ความหวงแหน ห

  • ท่านแม่ทัพ จะเป็นพ่อเลี้ยงข้าหรือสามีข้ากันแน่   เทพเซียนลงมาเกิดหรือเนี่ย

    “อันใดกัน มีเรื่องที่เจ้าจัดการไม่ได้ด้วยรึ” ฮ่องเต้ไม่อยากจะเชื่อ ว่าสหายรักจะจัดการเรื่องหยุมหยิมเช่นนี้ไม่ได้“มีเพียงเรื่องของนางที่ไม่อาจจัดการได้” เขาไม่เคยเอาชนะนางได้เลย นับตั้งแต่ที่พบเจอนางในครั้งแรก“เพ้ย สตรี อย่างไรก็ต้องอยู่ภายใต้คำสั่งของสามี เจ้าตามใจนางเกินไปแล้ว”“พูดไป พระองค์ก็ไม่เข้าพระทัย กระหม่อมกลับจวนก่อนพ่ะย่ะค่ะ” จ้าวลู่ฉือลุกขึ้นจะเดินออกจากวังหลวง“ให้เจิ้นช่วยพูดดีหรือไม่” สตรีในวังนับร้อย เขายังจัดการได้“นางไม่ได้อยู่ให้พระองค์พูด พระองค์จะช่วยได้อย่างไร”“ห๊ะ!!! ถึงกลับหนีไปเลยรึ”จ้าวลู่ฉือส่ายหัวอย่างปลงตก แล้วเดินออกจากห้องตำราของฮ่องเต้กลับจวน หากนางหนีไปเช่นผู้อื่น เขายังตามกลับมาได้ แต่นี่ นางเล่นหายไปในมิติ เขาจะตามนางได้อย่างไรหรูอวี้ที่เก็บน้ำหวานจากดอกบัวจนเบื่อแล้ว นางจึงได้ออกมาด้านนอก พอออกมาถึงก็ถูกจ้าวลู่ฉือที่นั่งรอนางอยู่รวบตัวกอดรัดไว้แน่น“อวี้เออร์ อย่าได้ทำกับข้าเช่นนี้อีก อย่าได้หายไปโดยไม่บอกข้า เรื่องคุณหนูที่มากวนใจเจ้าวันนั้นข้าจัดการให้ตระกูลของพวกนางจับนางแต่งออกไปแล้ว ยามนี้ไม่มีผู้ใดกล้ามากวนใจเจ้าอีกแล้ว” เขาซุกใบหน้าลงก

  • ท่านแม่ทัพ จะเป็นพ่อเลี้ยงข้าหรือสามีข้ากันแน่   ข้าจะไปส่งเจ้าที่จวน

    หรูอวี้ตบไปที่ใบหน้าของคุณหนูหั่วเต็มแรง มีดสั้นถูกวางจ่ออยู่ที่คอของคุณหนูหั่ว หากนางขยับตัวเล็กน้อยคงได้เห็นเลือดอย่างแน่นอน“ข้าไม่ถือ หากเจ้าจะใช้มารยาเพื่อได้เข้าตระกูลจ้าว แต่ในเมื่อเจ้าปากกล้ากับข้าเช่นนี้ ข้าคงต้องทำให้เจ้ารู้เสียแล้วว่าข้าเป็นเช่นไร” หรูอวี้ขยับข้อมือเพียงเล็กน้อย คมมีดก็บาดเข้าคอของนางจนเลือดซึมออกมา“ขะ ข้ากลัวแล้ว ข้าไม่ได้ตั้งใจเจ้าค่ะ” นางเอ่ยขอร้องอย่างลนลาน“อวี้เออร์ ข้าจัดการเอง” จ้าวลู่ฉือเดินเข้ามาจับข้อมือของนางไว้“หึ” นางสะบัดมือของเขาออก ก่อนจะปามีดสั้นไปตรงกลางโต๊ะที่พวกคุณหนูคนอื่นนั่งอยู่ แล้วเดินออกจากห้องโถงไปอย่างไม่สบอารมณ์จะเรียกว่านางหึงหวงเขาเสียจนหน้ามืดก็ได้ที่ลงมือเช่นนั้น แต่คุณหนูหั่วก็ปากดีเสียจนนางควบคุมอารมณ์ไม่อยู่หรูอวี้ไล่ป้าจิ้นกับเสี่ยวซีที่ตามนางมาที่เรือนอย่างเป็นห่วงออกไป ก่อนจะเข้าไปสงบอารมณ์ในมิติของนางจ้าวลู่ฉือยืนมองคุณหนูที่รอพบเขาที่ละคน ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมา“เป็นบิดาของพวกเจ้า หรือตัวพวกเจ้าที่ใจกล้าทาเยือนจวนของข้ากัน” เขาเอ่ยถามออกมาด้วยเสียงเหยียบเย็นบางคนที่หวาดกลัวจนตัวสั่นก็โยนเรื่องราวทั้งหมดไปให้ผู้เป

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status