ฟางเซียวเห็นผู้เป็นนายมุ่งหน้าเดินออกจากจวน ก็ใช้มือลูบไปที่หัวของเสี่ยวหลี่ “อย่ากังวลเลย ข้าจะรีบไปพานายหญิงของเจ้ากลับมา”ฟางเซียวพูดจบก็ยกยิ้มให้หญิงสาว เสี่ยวหลี่ยิ้มพร้อมพยักหน้าตอบ ครั้นแม่ทัพหนุ่มเห็นรอยยิ้มของสตรีตรงหน้าก็รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย จึงรีบก้าวเท้ายาวถี่ตามหลัวหยางโหวไปอย่างรวดเร็วเมื่อเฉินอี้เหรินเห็นบุตรชายเดินออกจากจวนไปก็สั่งให้บ่าวรับใช้พาเสี่ยวเยาไปขังไว้ที่ห้องเก็บฟืนเหมือนเดิม ส่วนไป๋ฉินหลันก็ให้พากลับเรือนพัก ส่วนทางด้านบุรุษชุดดำทั้งสามเฉินอี้เหรินได้ให้คนนำพวกเขาไปคุมขังเอาไว้ตามเดิมหลังจากสั่งการเสร็จเฉินอี้เหรินก็ให้เสี่ยวหลี่เดินตามนางกลับมายังเรือนตะวันออก สาวรับใช้คนสนิทของหลิวหลิงลี่ไม่รู้ว่าหลัวฮูหยินให้ตนเองเดินตามมาด้วยเหตุใด ตลอดทางมาจึงทำให้หญิงสาวหวาดหวั่นอยู่ในใจไม่น้อยเมื่อมาถึงเรือนตะวันออกเฉินอี้เหรินก็ไม่ปล่อยให้เสี่ยวหลี่ต้องเป็นกังวลนาน เพราะจากสีหน้าของสาวใช้อายุน้อยก็พอจะทำให้นางดูออกได้ไม่ยาก“เจ้าอย่าได้คิดมากเลยข้าไม่ได้จะตำหนิอันใดเจ้าหรอก เพราะข้าเข้าใจความจำเป็นของเจ้าและหลิงลี่ดี ดังนั้นข้าไม่คิดจะตำหนิให้เจ้าต้องลำบากใจห
สตรีจากเมืองอันป๋ออ้าปากค้างอย่างตื่นตะลึง นางไม่นึกว่าเผยไจ่เหวินจะเล่าเรื่องทุกอย่าง ให้หลิวหลิงลี่และเสี่ยวหลี่ฟังบุรุษหนุ่มเจ้าของจวนเมื่อได้ยินชื่อของตนเองจากปากของเสี่ยวหลี่ ถึงกลับนึกว่าหูของตัวเองนั้นฟังผิดเพี้ยนไป ครั้นถูกมารดายกมือขึ้นฟาดลงตรงหัวไหล่ จึงรู้ว่าหูของตนนั้นมิได้ผิดปกติ“เจ้าช่างกล้ายิ่งนัก หลายวันมานี้เจ้ากล้าเล่นละครตบตาข้าอย่างนั้นหรือ” เฉินอี้เหรินเอ็ดบุตรชายเสียงดัง“ท่านแม่ใจเย็น ๆ ก่อน ต้องมีเรื่องอันใดเข้าใจผิดกันอย่างแน่นอน เผยไจ่เหวินผู้นั้นอาจพูดใส่ความลูก เพื่อให้หลิงลี่ตายใจแล้วเชื่อคำของเขาเป็นแน่”หลัวหยางโหวรีบอธิบายให้มารดาใจเย็นลง ทว่าเสี่ยวหลี่กลับรีบพูดเสริมไม่ยอมให้เฉินอี้เหรินสงบใจลงได้“จะเข้าใจผิดจริงหรือไม่ข้าน้อยไม่รู้ หรือคุณชายรองเผยจะใส่ความท่านโหวหรือไม่ เรื่องนี้ข้าน้อยก็ไม่แน่ใจ ข้าน้อยรู้เพียงว่าท่านโหวเคยพูดกับนายหญิงว่า ท่านจะกำจัดนายหญิงทิ้ง แล้วแต่งคุณหนูตระกูลไป๋มาเป็นนายหญิงตระกูลหลัว”เพียงเสี่ยวหลี่พูดจบ เฉินอี้เหรินถึงกับยกมือขึ้นชี้นิ้วไปยังใบหน้าของบุตรชายด้วยมือที่สั่นเทิ้ม“เจ้า เจ้าพูดเช่นนั้นจริง ๆ หรือไม่” น้ำเสี
ไป๋ฉินหลันพูดราวนางเอกในนิยายที่กำลังถูกนางร้ายใส่ความ ทำให้เสี่ยวหลี่รู้สึกหมั่นไส้ในความเสแสร้งของอีกฝ่าย แต่เพียงไม่กี่ลมหายใจ สาวใช้ตัวน้อยก็นึกคำตอกกลับออกมาได้จึงแสร้งหัวเราะเสียงดัง“น่าขันยิ่งนัก อิจฉาคู่รักวัยเยาว์อย่างนั้นหรือ สิ่งเหล่านี้นะหรือที่คู่ควรให้นายหญิงของข้าต้องอิจฉา ขอเพียงท่านโหวเอ่ยปากจะรับท่านเข้ามาเป็นอนุ นายหญิงของข้าก็จะรีบเตรียมสินสอดไปสู่ขอท่านมาให้ท่านโหวทันที มิคิดขัดขวางเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่นายหญิงของข้าตั้งหน้าตั้งตารอมาตั้งนานก็ไม่เห็นว่าท่านโหวจะเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาเสียที มีแต่ท่านที่เสนอตัวเสนอหน้าอยากเข้ามาในจวนหลัวจนตัวสั่น”เสี่ยวหลี่หยุดพูดก่อนจะเหยียดตามองต่ำดูฝ่ายตรงข้าม แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ดังนั้นท่านที่เป็นเช่นนี้มีอันใดให้นายหญิงของข้าต้องใส่ใจเก็บมาอิจฉาด้วยเล่า”โทสะพลุ่งพล่านขึ้นมาบนดวงหน้าเนียนของสตรีจากเมืองอันป๋อ นางลุกขึ้นยืนพร้อมชี้นิ้วสั่นระริกไปที่เสี่ยวหลี่ด้วยความโกรธ “สาวใช้ชั้นต่ำเช่นเจ้า กล้าดีเช่นไรถึงกล้าปากดีมาด่าว่าข้าเช่นนี้ ในเมื่อนายของเจ้าไม่อยู่ข้าจะเป็นคนสั่งสอนเจ้าเอง”ไป๋ฉินหลันเผลอตะโกนเสียงดังด้วยค
“ใครใช้ให้พวกเขาแซ่เผยเล่า ในเมื่อจับตัวเผยไจ่เหวินไม่ได้ คนตระกูลเผยก็ต้องร่วมกันรับผิดชอบสิ”คำสั่งของหลัวหยางโหวทำเอาเสี่ยวหลี่ถึงกับตกตะลึงจนตาค้าง เพราะหากเป็นการเล่นละครตบตาจริง ๆ หลัวหยางโหวคงไม่สั่งแม่ทัพฟางเซียวแต่คงให้แม่ทัพคนอื่นไปแทน ท่าทีของหลัวหยางโหวทำให้สาวใช้อายุน้อยเกิดความข้องใจจนริมฝีปากคันยุบยิบอยากเอ่ยถามให้รู้แล้วรู้รอด ทว่านางก็ต้องพยายามระงับปากของตนเองเอาไว้ในขณะที่เสี่ยวหลี่พยายามฝืนใจฝืนปากและต่อสู้กับเสียงในหัวของตนเองอยู่นั้น ไป๋ฉินหลันที่พยายามหักห้ามใจอยู่ก็ทนความสงสัยและเสียงที่ดังก้องอยู่ในหัวไม่ไหวอีกต่อไป“ท่านโหวคิดดีแล้วหรือเจ้าคะที่ทำเช่นนี้ หากท่านลงมือแล้วต่อไปท่านอยากให้ข้ามาเป็นนายหญิงของจวนหลัว ก็คงไม่มีโอกาสอีกแล้ว” ไป๋ฉินหลันพยายามเอ่ยอ้อม ๆ เพื่อให้หลัวหยางโหวรู้ว่านางรู้เรื่องที่เขาพูดกับหลิวหลิงลี่แล้วเมื่อได้ยินคำพูดของไป๋ฉินหลัน หลัวหยางโหวถึงขั้นแปลกประหลาดใจ เพราะที่ผ่านมาเขานั้นก็มิได้มีท่าทีอันใดที่แสดงออกถึงการจะรับนางเข้าจวนมาเลยสักครั้ง แต่ทว่าน้ำเสียงที่สตรีจากเมืองอันป๋อเปล่งออกมานั้นกลับเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจอย่างล้นเหลือ
“ไป๋ฉินหลัน ตกลงเจ้าแน่ใจใช่หรือไม่ ว่าเรื่องทั้งหมดนี้ไม่ใช่แผนการของเจ้า?” หลัวหยางโหวเอ่ยทวนคำถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงดุดันยิ่งกว่าเก่า เมื่อเห็นอีกฝ่ายมองหน้าของเขาแต่กลับไม่ยอมเอ่ยอันใดออกมาฟางเซียวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เสี่ยวหลี่ รวมถึงเฉินอี้เหรินที่เหลือบไปมองท่าทีของสาวรับใช้คนสนิทของหลิวหลิงลี่ รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายความเกลียดชังระอุอยู่ทั่วร่างกายของสาวใช้อายุน้อย‘แสดงละครได้เก่งกันเสียจริง หากหลัวฮูหยินไม่อยู่ตรงนี้ พวกเจ้าสองคนจะมาเสียเวลาเสแสร้งตัดความสัมพันธ์กันอยู่เช่นนี้หรือ’ เสี่ยวหลี่ได้แต่คิดในใจ แต่มิกล้าพอที่จะพูดออกมา“ท่านโหวจะให้ข้าเอ่ยเช่นไร ในเมื่อท่านได้ตัดสินความผิดของข้าเอาไว้แล้ว” น้ำเสียงโทนเรียบ ๆ ของไป๋ฉินหลันเจือไปด้วยความเศร้า“ได้ในเมื่อเจ้ามิอยากพูด ข้าเองก็ไม่อยากเสียเวลาฟังคำโกหกของเจ้า เจ้าคิดว่าความคิดตื้นเขินของเจ้า ข้าจะมองไม่ออกอย่างนั้นหรือ ตั้งแต่เรื่องที่เจ้าเข้าเมืองมาพร้อมข้า แล้วเรื่องที่เจ้ามาขอท่านแม่ให้รับเจ้าเข้ามาเป็นอนุของข้าอีก เจ้าคิดว่าแผนมารยาสตรีในเรือนหลังของเจ้า แยบยลเหนือใคร ๆ แล้วอย่างนั้นหรือ ดูท่าแล้วเจ้าเมืองอันป๋อคงมิได้ร
สามวันต่อมาถึงจะรู้เรื่องจากคำสารภาพของบุรุษชุดดำทั้งสามคนแล้ว แต่หลัวหยางโหวมิได้สั่งให้จัดการอันใดกับบุรุษชุดดำทั้งสามคน เพราะในใจของเขาตอนนี้เพียงอยากหาหลิวหลิงลี่ให้พบเสียก่อน เพราะเขาไม่อยากเสียเวลาสักเสี้ยวนาทีไปกับเรื่องใดก่อนที่จะหานางเจอตลอดสามวันที่ผ่านมาหลัวหยางโหวออกคำสั่งให้คนของตนค้นหาทุกตรอกซอกมุมในเมืองหัวหมิงและเมืองอันหยาง แม้แต่เขาก็ออกตามหาอย่างไม่คิดพักผ่อน เพื่อหาหลิวหลิงลี่กับเผยไจ่เหวินให้เจอ แต่ทว่ากลับไร้วี่แวว แม้แต่คนสนิทของคุณชายรองตระกูลเผยก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยจนเฉินอี้เหรินส่งคนให้มาตามหลัวหยางโหวกลับจวน เพราะจากที่นางได้ยินคนกลับมารายงาน ทำให้ผู้เป็นมารดากลัวว่าบุตรชายของตนจะเกิดเป็นอันใดขึ้นมาก่อนที่จะหาลูกสะใภ้เจอเมื่อเป็นคำสั่งจากมารดาหลัวหยางจึงไม่อาจขัดได้ แต่ถึงอย่างนั้นบุรุษหนุ่มเจ้าเมืองอันหยางก็ยังคงให้คนของตนค้นหาต่อไป ส่วนตัวเขานั้นกลับมาที่จวนตระกูลหลัว พร้อมกับเรียกห่าวซวนกลับมาด้วย เพราะหลัวหยางโหวไม่คิดจะปล่อยคนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ไปแม้เพียงคนเดียว จึงได้เรียกแม่ทัพห่าวซวนกลับมาเพื่อเตรียมกำลังพลส่วนทางด้านเสี่ยวหลี่กับจงเอ่าสาม