"อะไรนะคะสิงห์?" อัญญารีบเดินตามนรสิงห์เข้าไปในห้องทำงาน
"ผมยังพูดไม่ชัดอีกเหรอ"
"ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ แต่อัญอยากให้คุณคิดดูดีๆ ค่ะ ขนาดเลขาที่ทำงานมาด้วยกันตั้งหลายปียังไว้ใจไม่ได้ แล้วผู้หญิงคนนี้คุณจะไว้ใจให้มาเป็นเลขาส่วนตัวได้ยังไงคะ"
"เรื่องนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเอง คุณก็กลับไปทำงานได้แล้ว"
ทีแรกไอรีสก็ตกใจที่เขาสั่งให้เธอไปนั่งตำแหน่งเลขา แต่พอเห็นท่าทีของคุณผู้จัดการแล้วเธอเลยคิดว่าเล่นกับเขาสักยกก็ดีเหมือนกัน
"เดี๋ยวพี่ช่วย" สิธารีบเข้าไปช่วยไอรีสเก็บของจากโต๊ะเดิมมาไว้ที่โต๊ะเลขา ..ทำงานที่นี่มาเกือบทั้งชีวิต ไม่สิ ต้องเรียกว่าทำงานมาตั้งแต่รุ่นแม่ เพิ่งเคยเจอคนนี้คนแรกที่กล้าต่อกรกับคนพวกนี้
"ขอบคุณพี่มากนะคะที่ช่วย"
"ต่อไปนี้ไม่ต้องขอบคุณพี่แล้วนะมันเป็นหน้าที่"
"ถึงแม้จะเป็นหน้าที่ก็ต้องขอบคุณค่ะ"
สิธามองเด็กคนนี้ไม่ผิดจริงๆ เธอต้องก้าวหน้าในหน้าที่การงานแน่ น้อยครั้งมากที่จะได้ยินคำว่าขอบคุณจากคนที่ทำงานบนชั้นนี้ เพราะทุกคนคิดว่ามันเป็นหน้าที่ของแม่บ้าน
ตอนที่ไอรีสกำลังจัดโต๊ะประตูห้องท่านรองประธานก็เปิดออกมา พร้อมกับใบหน้าที่บึ้งตึงของคุณผู้จัดการ
"เข้าไปชาร์จแบตตั้งนานยังไม่พออีกเหรอ"
"อะไรคือเข้าไปชาร์จแบต" สิธาอดถามไม่ได้
"ก็เห็นหายเข้าไปตั้งนานสองนาน"
"เราอย่าพูดแบบนี้อีกนะ ทั้งสองท่านเป็นแฟนกัน"
"เป็นแฟน?"
"ใช่"
"พี่รู้ได้ยังไง"
"พี่ก็ได้ยินมาอีกที แต่เท่าที่มองอยู่มันก็เป็นแบบนั้น" สิธากลัวว่าไอรีสจะทำเกินหน้าที่ เดี๋ยวก็มีเรื่องกับผู้จัดการทั่วไป
"พวกเขาคบกันมานานหรือยังคะ"
สิธาไม่ได้ตอบหรอกเพียงแค่มองหน้าคนที่ถาม ดูเธอคนนี้จะสนใจท่านรองมากเลย หรือว่าตัวเองจะมองคนผิดไป ขออย่าให้เป็นแบบนั้นเลยเสียดายความสวยและความสามารถ ถ้าจะเข้ามาเป็นน้อยคนอื่นมันน่าเสียดาย
"ถ้าจัดโต๊ะเสร็จแล้วเข้ามาข้างในหน่อยนะ" เสียงดังผ่านเครื่องสื่อสารที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน
ก๊อกๆ
"เข้ามา"
"มีธุระอะไรคะ"
"ยืนคุยกันไกลขนาดนั้นจะรู้เรื่องกันไหม"
ไอรีสปิดประตูแล้วก็เดินเข้าไปใกล้ๆ
"ไฟล์งานที่ติดไวรัสเธอเป็นคนแก้จริงเหรอ"
"คุณไม่เชื่อนิทานที่ฉันเล่าเหรอคะ"
"ฉันจะให้เธอแก้ไฟล์ที่สอง"
"ค่ะ"
หญิงสาวกำลังจะหมุนตัวกลับออกไปแต่เขาขยับเก้าอี้ออกจากโต๊ะทำงานก่อน เธอเลยหยุดแล้วหันกลับไปมอง
"เลื่อนเก้าอี้เข้ามานั่งแก้ที่เครื่องของฉันเลย"
"ฉันแก้เครื่องข้างนอกแล้วส่งอีเมลมาให้ได้ค่ะ"
"ตอนนี้เครื่องในสำนักงานใช้ได้แค่เครื่องของฉัน" ฝ่ายไอทีกำลังล็อกเครื่องเพื่อตรวจสอบว่าใครเป็นหนอนบ่อนไส้ ตามคำสั่งที่ได้รับมาจากท่านรองประธาน เพราะคำพูดของเธอนั่นแหละเขาจึงให้รื้อระบบใหม่ทั้งหมด
ไอรีสเลยเดินไปดึงเอาเก้าอี้อีกตัวมานั่งลงหน้าคอมพิวเตอร์
ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก หญิงสาวสัมผัสคีย์บอร์ดไม่กี่ครั้ง ก็ดึงข้อมูลที่ถูกไวรัสทำลายกลับคืนมาได้
เขาที่นั่งมองอยู่ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ
"ฉันแนะนำว่าให้ฝ่ายไอทีของคุณล็อกระบบของแต่ละชั้นไว้ด้วย"
"ทำไม"
"เครื่องที่ทำการ Hack อยู่ในสำนักงานของคุณ"
"คุณรู้ได้ยังไง"
"ข้อมูลนี้ต้องใช้เครือข่ายเดียวกัน ถ้าเขาอยู่นอกสำนักงานก็ไม่สามารถดึงออกไปได้ แต่ฉันบอกไม่ได้หรอกนะว่าอยู่ชั้นไหน" ตอนที่เธอกำลังพูดไม่ได้มองดูคู่สนทนาหรอก แต่พอพูดจบเธอถึงได้หันมองไปดูหน้าเขาที่นั่งอยู่ข้างๆ และสายตาของเธอก็ประสานกับสายตาเขาเข้า "หมดธุระของฉันแล้วขอตัวนะคะ" หญิงสาวรีบขยับเก้าอี้ออกห่างก่อนจะลุกขึ้น
"คุณพ่อกำลังบินกลับมา เย็นนี้คงถึง" เขารีบพูดตอนที่เธอกำลังจะเดินออกจากห้อง
"ท่านจะกลับมาเหรอคะ"
"ใช่"
"แล้วไงคะ" ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องบอกเธอด้วย เพราะแต่ก่อนมีอะไรก็ไม่เห็นเขาเคยบอก
"ตอนเย็นท่านชวนไปทานข้าวด้วยกัน"
"ทานที่บ้านก็ได้นี่"
"คุณก็คุยกับท่านเองสิ"
หญิงสาวออกจากห้องโดยที่ไม่ได้หันมาพูดกับเขาอีก จะให้เธอไปพูดกับท่านยังไงล่ะ บอกไม่ไปกินข้าวด้วยงั้นเหรอ
หลังจากที่ไอรีสออกมาจากห้องของท่านรองประธาน สายตาของพนักงานที่ทำงานอยู่แทบจะทุกคู่เลยมั้งหันมามองเธอเป็นตาเดียว แต่เธอก็ทำเป็นไม่สนใจ กลับออกมาก็ไปนั่งทำงานต่อ
เย็นวันนั้นที่บ้านดำรงฤทธิ์
"ทำไมต้องไปกินข้าวนอกบ้านด้วย แล้วเราต้องแต่งตัวยังไงเนี่ย" นี่แหละคือปัญหา เธอไม่ชอบการแต่งตัวถ้าออกไปทานข้าวข้างนอกจะไปชุดสบายๆ ก็ไม่ได้
ไอรีสเปิดดูตู้เสื้อผ้า มองดูก็มีแต่ชุดเดิมๆ ถ้าใส่แบบนี้ไปเดี๋ยวก็ดูไม่ให้เกียรติท่านอีก
ก๊อกๆ "เสร็จหรือยัง"
"ยัง คุณไปก่อนเถอะเดี๋ยวฉันตามไปที่โรงแรม"
"ถ้าคุณพ่อรู้ว่าไปรถคนละคันเดี๋ยวงานก็เข้าหรอก เปิดประตู"
"ฉันยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเลย"
"แล้วทำอะไรอยู่"
แกร็ก.. ไอรีสเดินมาเปิดประตูให้เขาดูว่าเธอยังอยู่ในชุดทำงาน
"เอาความจริงไหมล่ะ"
"อืม"
"ไม่มีผ้าใส่"
"ตามออกมา"
"คุณจะให้ฉันใส่ชุดนี้ไปเหรอ" หญิงสาวรีบเดินกลับไปหยิบกระเป๋าแล้วก็เดินตามเขาลงมาข้างล่าง
[ร้านจิรดา]
"สวัสดีค่ะคุณสิงห์"
"สวัสดีคุณจิ"
"วันนี้พาใครมาแปลงโฉมอีกคะเนี่ย"
คงพาสาวๆ มาบ่อยล่ะสิจนสนิทกับเจ้าของร้าน
"ช่วยหน่อยนะครับ ผมต้องไปทานข้าวกับผู้ใหญ่"
"ได้เลยค่ะขอเวลา.." มองดูใบหน้าและการแต่งตัวของเธอแล้ว ทีแรกว่าจะขอเวลา 10 นาทีแต่เปลี่ยนเป็นครึ่งชั่วโมง
ระหว่างนั้นนรสิงห์ก็นั่งรอ จนเวลาผ่านไปตามกำหนดที่ทางร้านขอไว้
หญิงสาวเดินออกมาจากห้องเสริมสวยของทางร้าน แล้วก็เดินมาหยิบเอากระเป๋าที่ฝากเขาไว้ก่อนหน้า ..ชายหนุ่มที่นั่งรออยู่เหลือบมองไปดูมือของคนที่หยิบเอากระเป๋า ทีแรกเขาก็สงสัยผู้หญิงคนนี้เป็นใครทำไมอยู่ดีๆ มาหยิบเอากระเป๋าของคนอื่น
"ไปกันได้หรือยังคะ"
"......" เขามองดูหน้าเธออีกครั้งก่อนจะหันไปมองหน้าเจ้าของร้านที่เพิ่งจะเดินตามออกมา
"วันนี้เวลามีไม่มากค่ะ วันหลังจิขอแก้ตัวใหม่นะคะ"
ชายหนุ่มล้วงเอาบัตรเครดิตส่งให้กับทางเจ้าของร้าน ตอนที่ส่งบัตรเครดิตสายตาเขายังคงมองที่เธอ
"เรียบร้อยแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่คิดถึงร้านจิรดา" ทางร้านจัดหาชุดและรองเท้าที่เข้ากับบุคลิกของลูกค้าให้ด้วย
[โรงแรม]
"ว้าว.. สวยจังเลย" พอรถจอดลงเธอก็มองดูบรรยากาศรอบๆ ข้าง เพราะโรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
"ตามเข้ามา"
"ท่านนัดทานข้าวที่โรงแรมนี้เหรอคะ"
"ใช่"
ไอรีสรีบเดินตามหลังเขาไป แต่ด้วยชุดและรองเท้าที่เธอใส่ก้าวแต่ละทีก็ไม่ค่อยสะดวก "จะรีบไปไหนนักหนาเดินก็ไม่รอ" เธอพูดออกมาเพียงแค่เบาๆ แต่ก็สามารถหยุดคนที่เดินนำหน้าไปได้
"ก็เดินให้มันไวกว่านี้หน่อยสิ"
"ถ้าฉันสะดุดล้มลงไปล่ะจะทำไง เจ็บไม่เท่าไรหรอกแต่อายนี่สิ"
นรสิงห์ตัดปัญหาโดยการจับมือของเธอมาคล้องแขนเขาไว้ แล้วก็พาเดินไปที่ห้องจัดเลี้ยง
"ไหนคุณบอกแค่มาทานข้าวเย็นไง" หญิงสาวถึงกับก้าวขาต่อไม่ได้ เพราะเธอไม่ชอบงานเลี้ยงสังคมแบบนี้มาก ถึงแม้จะเป็นงานไม่ใหญ่
"อ้าวมานั่นแล้ว"
"คุณพ่อ?" พอเห็นว่าเป็นพ่อของเธอ ไอรีสก็หันมามองหน้าคนที่เธอคล้องแขนอยู่
"พาน้องมาทางนี้สิ" อีกคนก็คืออิทธิฤทธิ์พ่อของเขา
"......." แต่พอก้าวมาอีกหน่อยก็เห็นว่าหนึ่งในคนที่นั่งอยู่โต๊ะนั้นมีน้องสาวต่างมารดาของเธออยู่ด้วย
"วันนี้หนูสวยมากเลยนะ" อิทธิฤทธิ์กล่าวชมลูกสะใภ้ก่อนเลย
"ขอบคุณมากค่ะ" หลังจากที่กล่าวขอบคุณแล้วสายตาเธอก็มองไปที่พ่อกับน้องสาว
ทางนั้นยกยิ้มมุมปากแล้วมองดูผู้ชายที่เพิ่งจะนั่งลงข้างๆ พี่สาว
"สวัสดีค่ะคุณสิงห์"
"ครับ?" นรสิงห์หันไปมองคนที่ทักเขา แต่เขาก็ไม่เคยเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้
"ฉันชื่อไอด้าค่ะ เป็นน้องสาวของพี่ไอรีส"
"ครับ"
"จริงๆ คนที่หมั้นกับคุณก็คือ.."
"ไอด้า!" คนเป็นพ่อรีบตำหนิลูกสาวคนเล็ก เพราะรู้ว่าลูกสาวกำลังจะพูดอะไร
Set มาเฟียร้ายรัก Ep 116 ตอนจบทันน์"ทำไมมานอนตรงนี้ล่ะ ชอบนอนโซฟาไม่ใช่เหรอก็ไปนอนที่เดิมสิ" อลิสรู้สึกตัวตอนที่ทันน์ขยับตัวเข้ามานอนใกล้ๆทันน์ไม่ได้ตอบแต่เขาขยับมือต่ำลงไปสำรวจดูว่าทางโล่งหรือเปล่า เพราะเมื่อวานได้ยินว่าเธอใกล้จะเป็นประจำเดือน"คุณ!" อลิสดึงมือนั้นออกไป ทันน์ยอมเอามือออกมาแต่ที่เอาออกมาเพราะจะถอดเสื้อผ้า "ไปนอนโซฟาเลยนะถ้าไม่งั้นก็กลับไปนอนที่คอนโด"ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรเขาก็ทำเฉย แถมยังถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกก่อนจะโน้มตัวไปจับเธอคว่ำลงโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว"โอ๊ยฉันเจ็บนะ" หลังจากที่จับเธอคว่ำลงแล้วเขาก็ดึงกางเกงชุดนอนที่เธอใส่อยู่ขยับออกจนเลยสะโพกลงมา "คุณทันน์!"ผ่านไปครู่หนึ่งจากเสียงต่อว่าเมื่อครู่กลายเป็นเสียงคราง เพราะเขาสอดใส่ผ่านทางด้านหลังเข้ามาแล้วก็กระแทก ตัวแค่นี้หรือจะมาสู้ได้ ก็รู้อยู่ว่าเขาเป็นคนชอบใช้กำลังไม่ชอบพูดจากท่าคว่ำทันน์ก็เปลี่ยนเป็นท่าตะแคงข้างโดยที่เขายังคงสอดใส่ผ่านทางด้านหลังอยู่เวลาผ่านไปทุกอย่างก็ได้หยุดลงพร้อมกับคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดแบบหมดเรี่ยวแรง"อารมณ์ดีขึ้นหรือยัง" เห็นว่าเธอไม่โวยวายเหมือนตอนแรกแล้ว"ยังจะมาพูดอีก!" นี่
Set มาเฟียร้ายรัก Ep 115 ตอนจบตุนท์อัคคีมองตามสาวเอ็นเตอร์เทรน อยู่ดีๆ เธอก็ลุกเดินออกจากห้องไปเลย ที่จริงมันทำได้มากกว่านี้ไม่ใช่เหรอ บางทียังเห็นแขกคนอื่นล้วงอยู่เลยแต่เขาทำแค่จูบเองนะข้าวปุ้นพยายามอดกลั้นอารมณ์ตัวเองมาก ถ้าไม่ใช่เพื่อนของเสี่ยป่านนี้ถูกฝ่ามือเธอไปแล้ว อยู่ดีๆ ก็มาขโมยจูบไป"นั่นใช่คุณข้าวปุ้นไหม" ระย้ามองเห็นตอนเดินผ่านห้องทำงานแค่แว๊บเดียว"ใช่.. แล้วทำไมออกมาแล้วล่ะ" อลิสเลยรีบไปดูแขกที่ห้องพิเศษ พอไปถึงก็เห็นว่ามีเด็กใหม่เข้ามาเอ็นเตอร์เทนเสี่ยอัคคีแล้ว หรือว่าข้าวปุ้นงอนเรื่องนี้ ต้องใช่แน่ๆ เลยใครปล่อยให้เด็กเข้ามาเนี่ย ..ค่อยหาโอกาสใหม่แล้วกัน อุตส่าห์ได้โอกาสดีๆ แล้วเชียวดึกๆ ของคืนเดียวกัน..นเรศวรแวะเข้ามาดูงานได้ครู่หนึ่งพอรู้ว่าอัคคียังไม่ออกไปเลยแวะมาที่ห้องพิเศษ"เป็นยังไงบ้างครับคุณอัคคี" ทั้งสองไม่ได้สนิทกันมากมายรู้จักกันผ่านทางเพื่อน เวลาพูดคุยเลยใช้คำเหมือนที่พูดกับเพื่อนสนิทไม่ได้"นึกว่าคุณจะไม่เข้า""ภรรยาผมใกล้คลอดเลยไม่อยากปล่อยไว้คอนโดตามลำพังครับ""อ้าว ใกล้คลอดแล้วเหรอครับ"ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกัน ก็เห็นว่าทันน์ที่ยืนรอรับใช้อยู่เหมื
ช่วงเที่ยงคืนของคืนนั้น.."ไปทานข้าวด้วยกันค่ะ" ระย้าถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาในห้องของข้าวปุ้นเพื่อชวนออกไปทานข้าวด้วยกัน"ชวนข้าวเหรอคะ" นอกจากคุณทรงอัปสรแล้วคนอื่นไม่ค่อยมาชวนเธอไปทานข้าวด้วยหรอก อาจเพราะเธอทำงานอยู่คนละโซนกัน และส่วนมากข้าวปุ้นก็จะสั่งอาหารที่นี่เข้ามาทานในห้อง"หรือว่าคุณข้าวจะทานข้าวในห้องคะ""ข้าวไปได้ค่ะ" ข้าวปุ้นเอื้อมไปหยิบกระเป๋าสะพายแล้วก็เดินตามระย้าออกมาทีแรกคิดว่าจะมากันแค่สามคน แต่ที่ไหนได้พอออกมาถึงด้านหน้าแฟนของทั้งสองก็รออยู่ แสดงว่าเราเป็นส่วนเกินหรือเปล่าเนี่ย"คุณข้าวชอบทานอะไรคะ""ทานเหมือนกันนั่นแหละค่ะ""ถ้างั้นสั่งทีเดียวเลยนะคะ"เข้ามาผู้ชายก็เดินไปเตรียมน้ำมาให้ ทีแรกข้าวปุ้นจะไปเตรียมน้ำของตัวเองแล้ว แต่อลิสบอกว่าไม่ต้องเดี๋ยวมีคนเตรียมมาให้ไม่นานอาหารก็ถูกนำมาวางบริการ ข้าวปุ้นเพิ่งรู้สึกว่าส่วนเกินมันเป็นแบบนี้นี่เอง เพราะคนรักเขาเทคแคร์กันแบบไม่สนใจคนโสดเลยที่อลิสและระย้าทำแบบนี้อยากให้ข้าวปุ้นมีความกล้าขึ้นมาหน่อยหลังทานข้าวเสร็จพวกเธอก็กลับเข้ามาที่ทำงาน ส่วนทันน์และตุนท์ก็ต้องแบ่งงานกันทำเหมือนเคยจนถึงช่วงเลิกงานอลิสเดินกลับมาที่
"เท้าไม่เป็นอะไรแล้วเหรอทำไมใส่ส้นสูง" หลังจากส่งเจ้านายห้องทำงานเสร็จแล้วตุนท์ก็รีบออกมาดูระย้า เห็นตอนที่เธอกำลังคุยอยู่กับข้าวปุ้นพอดี"โอ๊ย.." ทีแรกก็ยืนดีๆ อยู่นี่แหละ แต่พอเห็นสามีเดินเข้ามาเริ่มเจ็บเท้าขึ้นมาเลย และข้าวปุ้นที่ยืนอยู่ด้วยกันอดมองลงไปดูเท้าของระย้าไม่ได้ เมื่อสักครู่ยังเห็นเดินปกติอยู่เลย หรือว่าจะเริ่มเจ็บแผลแล้ว"คุณเจ็บแผลเหรอคะ""เปล่าค่ะคุณลุกขึ้นมาก่อน เดี๋ยวฉันทำอะไรให้ดู" ระย้ารีบบอกข้าวปุ้นที่กำลังจะก้มลงไปช่วยขยับรองเท้าออกให้ลุกขึ้นมาก่อน "รู้สึกเจ็บนิดหน่อยค่ะ" แต่พอตุนท์เดินเข้ามาใกล้ระย้าก็ทำทีเป็นยืนไม่อยู่ จนฝ่ายชายต้องรีบเข้าไปประคอง"โอ๊ยยังเจ็บอยู่เลยค่ะ" เห็นว่าเธอยังเจ็บอยู่ตุนท์เลยโน้มลำตัวลงไปอุ้มร่างของเธอขึ้นมา ตอนที่ร่างของเธอลอยขึ้นจากพื้นระย้าก็หันไปขยิบตาใส่ข้าวปุ้น และก็บอกให้ข้าวปุ้นดูไว้ผู้หญิงต้องมีมารยาบ้าง"หึหึหึ" ข้าวปุ้นอดขำในความน่าเอ็นดูของระย้าไม่ได้ คิดว่าพอจะรู้แล้วที่ระย้าทำเมื่อครู่คงอยากให้เธอเรียนรู้เรื่องนี้ไปใช้กับผู้ชายที่ชื่ออัคคีแน่เลย โอ๊ยฉันจะบ้าตาย หวังว่าเรื่องนี้คงจะจบลงแค่นี้นะ"คุณจะพาฉันไปไหน" มัวบอกให้
"ผมทำอะไรผิดอีกหรือเปล่า" ตุนท์เห็นเธอยิ้มตอนเขาเดินเข้ามาหาเลยรู้สึกเสียวๆ"ฉันจะกลับขึ้นห้องแล้วค่ะ คุณจะทำงานต่อหรือจะกลับด้วยกัน" หลังจากที่รับรู้ว่าข้าวปุ้นไม่ได้สนใจสามีเธอก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา จริงๆ ถ้าเขาจะชอบกับข้าวปุ้นป่านนี้คงไม่เหลือรอดมาถึงเธอหรอก แต่ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆ ก็รู้สึกหึง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สนใจผู้หญิงคนอื่นแต่เธอก็ไม่อยากให้ผู้หญิงคนอื่นมาสนใจเขา"ผมเคลียร์งานเสร็จแล้ว เดี๋ยวหลังเลิกงานผมค่อยลงมาดูแลเจ้านาย" ทิ้งงานให้ทันน์ทำมาหลายวันแล้ว ถ้าจะทิ้งอีกก็กลัวมันจะโวยวายระย้ายอมให้เขาโอบร่างพาเดินกลับห้องพัก เท้าเธอดีขึ้นมากแล้วแต่มันก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่"ฉันขออาบน้ำก่อนค่ะ" เข้ามาถึงตุนท์ก็ไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า แต่ตอนที่เขากำลังจะจูบระย้าก็เบือนหน้าหลบ"ผมเห็นคุณเปลี่ยนชุดแล้วนี่""อาบน้ำตั้งหลายชั่วโมงแล้วค่ะ""หลายชั่วโมงก็ยังหอมอยู่""ไม่ได้ค่ะยังไงฉันก็ต้องไปอาบน้ำก่อน" ยังไงต้องไปล้างให้สะอาดก่อนแล้วกัน เพราะเขาเล่นสัมผัสทุกส่วนของร่างกายตอนที่น้ำฝักบัวกำลังไหลรินลงมาชโลมร่างกาย ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดเข้ามา"ฉันอาบน้ำยังไม่เสร็จเลย""อาบด้วยกันก็ได้"เข้ามาแทน
กลับไปถึงห้องก็ไม่เห็นเธอ ตุนน์เลยรีบออกไปดูร้านอาหารหน้าสถานบันเทิง ที่เขาไม่ได้โทรไปเพราะเห็นอยู่ว่าโทรศัพท์เธอไม่ได้ถือออกไปด้วย แต่พอเดินดูก็ไม่เห็น ..แม้แต่ร้านที่เธอไม่เคยมาทานเขาก็ยังไปดูเลย"ไปไหนของเธอเนี่ย" หรือว่าบางทีเธออาจจะไปหาอลิส คิดได้แบบนั้นตุนท์เลยลองกดโทรเข้าเครื่องของอลิสดู แต่คำตอบที่ได้ไม่เห็นระย้ามา และอลิสยังถามอีกว่าระย้ากลับมาด้วยเหรอ ตอนนั้นยังนึกเสียใจอยู่เลยว่ายังไม่ได้บอกลากันก๊อกๆ ตอนที่ระย้านั่งเศร้าอยู่ก็มีคนมาเคาะประตูห้องเธอเลยเงยหน้าขึ้นมอง"อ้าวคุณระย้า?" คนที่เข้ามาก็คือข้าวปุ้น ข้าวปุ้นว่าจะเข้ามาคุยงานกับอลิสมองเห็นว่ามีคนนั่งอยู่ในห้องหัวหน้าก็คิดว่าเป็นอลิส"ทำไมเห็นฉันแล้วต้องตกใจด้วยล่ะคะ""?" ข้าวปุ้นแปลกใจกับคำถามนี้ แต่ก็ต้องรีบสลัดมันออกไปก่อน"ได้ยินคุณตุนท์บอกว่าคุณอยู่ที่ห้องนี่คะ""เขาบอกแบบนั้นหรือคะ""เอ่อ..ค่ะ..?" ข้าวปุ้นชักจะสงสัยกับท่าทีนี้แล้ว ก่อนหน้าระย้าไม่ได้เป็นคนแบบนี้นี่ ทำไมช่วงหลังมาถึงพูดกับเธอแปลกๆ"มาอยู่นี่เองบอกแล้วใช่ไหมว่าให้อยู่ห้อง" ตุนท์เดินตามหาไม่เจอเลยเข้ามาดูในห้องทำงานและก็เป็นแบบที่เขาคิดไว้จริงๆ "อ้