หน้าหลัก / รักโบราณ / นอกบทนางร้าย / บทที่ 4 อุบายขวางขบวนเสด็จ

แชร์

บทที่ 4 อุบายขวางขบวนเสด็จ

ผู้เขียน: เทียนสื่อ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-08 12:00:02

นัยน์ตาคมเข้มเหลียวมองต้นเสียง “ไม่มีอะไร เจ้าอย่าได้ใส่ใจ”

“อ้อ” จินชางหลงลดสายตามองสตรีที่นั่งคลุกฝุ่นด้วยสีหน้าประหลาดใจ นางจับจ้องเขาแทบไม่วางตา

แววตาหวานเชื่อมเช่นนี้เป็นเหตุให้เขาขนลุกเกรียวไปทั้งร่าง ชายหนุ่มเร่งปล่อยม่านลงด้วยความรวดเร็ว มือถูกย้ายมาวางบนตักพร้อมกับขยำผ้าเนื้อดีจนเกิดรอยยับย่น

“องค์ชาย เกิดประชวรตรงไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ” กงกงที่คอยปรนนิบัติองค์ชายห้าจินชางหลงอย่างใกล้ชิดมองสีหน้าแปลกประหลาดของเขาด้วยความเป็นห่วง

“เปล่า”

ได้ยินเช่นนี้กงกงก็ผ่อนลมหายใจโล่งอก

เสียงจากด้านนอกดังขึ้นอีกครั้ง

“จะทะเลาะกันข้าไม่ว่า แต่เหตุใดต้องมาขวางทางข้า หากเกิดเรื่องกับน้องชายข้า ข้าจะตัดศีรษะพวกเจ้าทุกคน”

ฝานฟ่านที่กำลังคิดแก้ต่างพลันหมอบกายลงอีกครั้ง “ท่านอ๋องกระหม่อมไม่รู้ว่าท่านจะเสด็จผ่านทางนี้ ก็เลย…”

นัยน์ตาคมกริบตวัดมองเข้ม “…เจ้าก็เลยรังแกสตรีไร้ทางสู้ไม่สนถูกผิดอย่างนั้นหรือ”

เฉินอิ้งถงที่แสร้งค้อมศีรษะกายสั่นสะท้านลอบอมยิ้ม

เหยียนอ๋องผู้นี้แม้จะเป็นพระเอกธงแดงทว่ากลับไม่ไร้ศีลธรรมเสียทีเดียว แน่นอนว่าเรื่องดูแลราษฎรเขาย่อมตัดสินอย่างเที่ยงธรรม

เฉินอิ้งถงพอคาดเดาอุปนิสัยของจินเหยียนได้บ้าง เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นพระเอกในซีรีส์ที่ดูมาแล้วตั้งหนหนึ่ง ชินอ๋องผู้นี้ในท้ายที่สุดก็ต้องย้อมสีผสมลงไปจนกลายเป็นธงสีเขียว

“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันมิได้มีเจตนาล่วงเกินขบวนเสด็จของท่าน ทว่าบุรุษผู้นั้นเขาข่มเหงสตรีไร้ทางสู้ หม่อมฉันเองก็ไร้แรงต่อต้าน”

“เป็นเช่นที่นางกล่าวมาหรือไม่” 

น้ำเสียงแข็งกร้าวสาดประกายเย็นเยียบยิ่งสร้างความหวาดกลัวให้กับฝานฟ่านขึ้นอีกหลายส่วน ใจของเขามันเต้นโครมครามดุจดั่งถูกของแข็งหวดตีซ้ำหลายหน ริมฝีปากค่อย ๆ อ้าเผยอ

“ท่านอ๋อง โปรดไว้ชีวิตบุตรชายกระหม่อมด้วย เขายังเด็กจึงมีความคิดเลอะเลือน หากเขาล่วงเกินท่านกระหม่อมยินดีให้เขารับโทษ”

จู่ ๆ ชายวัยกลางคนก็ปรากฏกายขึ้น ที่แท้เป็นเศรษฐีฝานหงจื้อ เขาทราบมาว่าวันนี้จะมีขบวนเสด็จของชินอ๋องจึงรุดมาตามบุตรชาย เพราะเกรงอีกฝ่ายจะเผลอทำงามหน้า แต่แล้วก็ไม่ทันการณ์ เมื่อเขามาถึงทุกอย่างดูเหมือนสายไปเสียแล้ว

หากชินอ๋องรู้ว่าฝานฟ่านมักเที่ยวข่มเหงเหล่าสตรีอ่อนแอจนเป็นนิสัยต้องไม่เก็บลูกชายของเขาเอาไว้แน่

จินเหยียนเหยียดยิ้ม “เช่นนั้นเจ้าจะลงโทษบุตรชายของตนอย่างไร”

“กระหม่อมจะสั่งสอนเขาไม่ให้กระทำเรื่องต่ำช้าเช่นนี้อีก” เอ่ยจบฝานหงจื้อก็ฟาดใบหน้าบุตรชายของตนนับสิบครั้งโดยไม่ยั้งมือ

ฝานฟ่านตะลึงลานพูดไม่ออก โลหิตตีตื้นขึ้นกลางลำคอจนรู้สึกถึงความเค็มและคาวในเวลาเดียวกัน

“เจ้าลงโทษบุตรชายตนเองหนักถึงเพียงนี้เชียวหรือ เมื่อครู่ข้ายังไม่ไต่สวนสิ่งใดด้วยซ้ำ เช่นนั้นก็หมายความว่าเรื่องที่แม่นางผู้นี้เอ่ยเป็นความจริงสินะ”

ฝานหงจื้อตกใจจนหน้าสั่น เป็นเขาที่ผลีผลามเพราะรู้นิสัยมุทะลุของบุตรชายดี ทำให้ยามนี้แม้คิดแก้ต่างก็คงไม่ทัน

จินเหยียนผินหน้ามองหญิงสาวที่นั่งหมอบนิ่ง ทั้งที่ถูกรังแกนางกลับไม่โวยวายหรือร้องไห้ฟูมฟายเฉกเช่นนิสัยสตรีทั่วไป “เจ้าลุกขึ้นเถิด”

“ขอบพระทัยท่านอ๋อง”

กิริยาท่าทางของเฉินอิ้งถงสะดุดตาเขาอย่างมาก แม้นางเป็นเพียงหญิงชาวบ้านธรรมดากระนั้นกลับรู้กิริยาวางตัวได้อย่างเหมาะสม 

อันที่จริงนางกำลังคิดหาแผนการใกล้ชิดขบวนเดินทางของเขาต่อไปอยู่ต่างหาก

“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเขาข่มเหงเจ้า เช่นนั้นข้าจะไม่ถามว่าเขาทำอย่างไร เมื่อครู่…” นัยน์ตาคมหรี่ลงจนแคบ จากนั้นเบนมองไปยังสองพ่อลูกที่ยืนก้มหน้าเป็นเบื้อใบ้ “เจ้านามว่าอะไร”

ฝานหงจื้อเร่งคุกเข่า “กระหม่อมฝานหงจื้อ ส่วนนี่คือบุตรชายนามว่าฝานฟ่านพ่ะย่ะค่ะ” เขาดึงแขนฝานฟ่านให้คุกเข่าตาม อีกฝ่ายหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บแต่ก็ต้องรีบทำตามบิดาอย่างเสียไม่ได้

“เศรษฐีฝาน ข้าเอ่ยเช่นนี้คงถูกกระมัง ดูจากการแต่งกายของพวกเจ้าสองพ่อลูกแล้วช่างแตกต่างจากทุกคนเสียเหลือเกิน”

เหล่าชาวบ้านที่อยู่รอบด้านต่างก้มหน้าเงียบ ทุกคนล้วนแต่งกายด้วยผ้าเนื้อหยาบตัดเย็บอย่างเรียบง่าย อีกอย่างจินเหยียนก็รู้มานานว่าอำเภอฉีหลินแห้งแล้งกันดาร กระนั้นเขากลับไม่คิดว่าจะได้เห็นบางคนแต่งตัวประหนึ่งนกยูงรำแพนอยู่ที่นี่ หากเทียบกับเขาซึ่งเป็นถึงอ๋อง สองพ่อลูกกลับดูแต่งกายมีอันจะกินมากกว่าตนเสียอีก

“กระหม่อมมิบังอาจ” ฝานฟ่านหน้าเผือดสี

“หึ” จินเหยียนเหยียดยิ้ม เสียงทุ้มกล่าวต่อ “เช่นนั้นก็ไปไต่สวนกันตามกระบวนการกฎหมาย คนผิดก็ว่าไปตามผิด แม่นางเจ้าคิดเห็นเช่นไร”

เฉินอิ้งถงตอบนอบน้อม “ท่านอ๋องทรงพระปรีชายิ่ง ทว่าหม่อมฉันเป็นเพียงหญิงชาวบ้านธรรมดา เกรงว่าคงมิอาจสร้างแรงกระเพื่อมให้พวกเขาได้”

“เจ้าจะบอกว่ากฎหมายที่นี่หละหลวมอย่างนั้นหรือ”

“หม่อมฉันมิกล้าเพคะ”

“เอาล่ะ ข้าเสียเวลามามากพอแล้ว”

หลังจบประโยคนายอำเภอก็พาเหล่าเจ้าหน้าที่กรูเข้ามาคุมตัวฝานฟ่านและไม่ลืมเชิญเฉินอิ้งถงไปให้ปากคำต่อ

“ท่านอ๋อง กระหม่อมต้องขออภัยกับเรื่องที่เกิดขึ้น” นายอำเภอค้อมศีรษะ

“ไม่เป็นไร ข้าเพียงผ่านทางมาเท่านั้น เรื่องทางนี้ฝากท่านนายอำเภอจัดการต่อด้วย”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ร่างระหงเดินขนาบรถม้าที่จอดนิ่งสนิทผ่านไปเนิบช้า นางเห็นปลายนิ้วเรียวยาวขาวซีดกำลังแง้มม่านเล็กน้อยก็ลอบอมยิ้ม ครั้นม่านเริ่มขยับหญิงสาวจึงแสร้งเปลี่ยนสีหน้าเป็นเซื่องซึมประหนึ่งต้องการฟ้องอยู่กลาย ๆ 

หากไปทั้งอย่างนี้เฉินอิ้งถงรู้ดีว่านางไม่มีทางรอดพ้นจากเงื้อมมือคนมีเงินไปได้แน่ ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยคนที่ถูกเอาเปรียบได้โดยง่ายก็หลีกไม่พ้นชาวบ้านตาดำ ๆ วันนี้นางจะไม่ยอมจับเสือมือเปล่าเป็นอันขาด

จินชางหลงลอบมองเหตุการณ์ผ่านช่องแคบได้ยินและได้เห็นทุกสิ่ง สีหน้าเศร้าหมองของเฉินอิ้งถงทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเวทนาหญิงสาวขึ้นมา นางเป็นเพียงสตรีตัวเล็ก ๆ ถูกข่มเหงรังแกไม่พอ ยังต้องไปให้ปากคำที่ศาลตัวคนเดียว เกรงว่าความยุติธรรมอาจกลายเป็นดั่งสายลม เพียงพัดผ่านไปพริบตาก็ดุจมิเคยมี 

กระทั่งแผ่นหลังเล็กลับตาไป จินชางหลงจึงกล่าว “ท่านพี่ เรื่องรักษาไม่ต้องเร่งร้อนเพียงนั้นก็ได้พ่ะย่ะค่ะ อีกอย่างไม่รู้ว่าเราจะไปถึงที่หมายก่อนฟ้ามืดหรือไม่ มิสู้เราอยู่ที่อำเภอฉีหลินสักคืนก่อนดีหรือไม่”

“ชางหลง จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร อาการป่วยของเจ้าไม่อาจรอช้า ยิ่งตกดึกเจ้าก็จะยิ่งเหน็บหนาวเข้ากระดูก ถึงอย่างไรข้าก็จะเร่งพาเจ้าไปให้เร็วที่สุด”

“ท่านพี่ ข้าไม่เป็นไร อีกอย่างข้ารู้ว่าท่านเองก็เห็นใจแม่นางน้อยคนนั้นใช่หรือไม่ พวกเราเป็นถึงคนของราชวงศ์ แม้เป็นเรื่องเล็กน้อยของราษฎรก็ไม่ควรมองข้าม ท่านเคยสอนข้าเอง”

จินเหยียนเลิกคิ้ว “เจ้าหมายถึง อยากไปช่วยนางอย่างนั้นหรือ”

“เอ่อ…” จินชางหลงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“ช่างเถิด เช่นนั้นเจ้าพักสักหน่อยก็ดี ข้าจะได้ถือโอกาสนี้ถามทางคนที่นี่ไปเสียเลย บางทีอาจได้เบาะแสมากขึ้น”

จินชางหลงยิ้มไปจนถึงดวงตา “ยังเป็นท่านพี่ที่เข้าใจข้าที่สุด”

“เจ้านะเจ้า สุขภาพก็ไม่ดียังอยากช่วยเหลือผู้อื่นอีก”

“ท่านจะพูดเช่นนั้นก็ไม่ถูก เมื่อครู่ข้าเองก็เห็นว่าท่านจัดการอย่างไร เพียงแต่ท่านเอาแต่กังวลเรื่องของข้าจึงปล่อยผ่านไปใช่หรือไม่”

จินเหยียนแค่นยิ้ม “เช่นนั้นข้าจะหาโรงเตี๊ยมให้เจ้าก่อน”

จินชางหลงส่ายหน้า “ข้าอยากไปดูการตัดสินคดีนี้ด้วยตนเองพ่ะย่ะค่ะ”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • นอกบทนางร้าย   บทที่ 50 วันต้องห้าม

    เฉินอิ้งถงทอดสายตามองสีหน้าของตนผ่านคันฉ่อง ตั้งแต่เกิดเหตุวุ่นวายในท้องพระโรงหนนั้น ก็ร่วมสองสัปดาห์แล้วที่จินชางหลงเงียบหายไปไม่แม้แต่ปรากฏตัวส่วนนางเองก็ถูกทั้งไทเฮาและไท่เฟยเรียกเข้าเฝ้าจนบางคราต้องค้างที่วังหลวง นั่นเพราะนางจะต้องเข้ารับการขัดเกลามารยาทจากมามาก่อนเข้าพิธีอภิเษกวันใดที่กลับมาบ้านก็ประหนึ่งวิญญาณหลุดออกจากร่าง ทำได้เพียงทิ้งตัวลงและก็ม่อยหลับไป วันนี้ได้โอกาสหยุดพักผ่อนตั้งหนึ่งวันจึงมีเวลาพบหน้าซูซูจริงจังเสียที“คุณหนู ท่านไปเสียนานบ่าวคิดถึงคุณหนูมาก อยู่ที่แดนเหนือลำบากหรือไม่เจ้าคะ” ซูซูหวีผมนุ่มสลวยดำขลับดุจสีน้ำหมึกด้วยความแผ่วเบา“ข้าไม่ได้รับความลำบากใด อีกอย่างข้าอยู่ที่นั่นยังได้รู้จักคนผู้หนึ่ง นางคล้ายเจ้ามากทีเดียว” เฉินอิ้งถงยิ้ม“น่าอิจฉานางที่ได้ช่วยคุณหนูทำประโยชน์ ทว่าบ่าว…”“อาซู เจ้านี่ขี้น้อยใจจริง ข้าก็กลับมาแล้วนี่อย่างไร”ซูซูทำท่าจะร้องไห้ “แต่อีกไม่นานคุณหนูก็ต้องอภิเษกแล้ว เช่นนั้นบ่าวจะได้ติดตามคุณหนูเข้าวังหรือไม่เจ้าคะ”“ข้าไม่ทอดทิ้งเจ้าแน่นอน วันพรุ่งนี้ไท

  • นอกบทนางร้าย   บทที่ 49 เพื่อเป้าหมายย่อมไม่สนวิธีการ

    “องค์ชาย ทำเช่นนี้ดีแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าคิดว่าข้ามีทางเลือกมากนักหรือ ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครสนใจความเป็นตายของข้านอกจากท่านพี่ หากเสด็จพ่อทำตามข้อตกลงไม่ได้ เช่นนั้นข้าก็มิอาจทำตามที่ท่านต้องการได้เช่นเดียวกัน”“แล้วท่านอ๋องจะยินยอมทำตามแผนการหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ท่านพี่และข้าสนิทสนมและรู้ใจกันมากที่สุด สำหรับเจ้าแล้ว ท่านพี่หรือว่าข้าเด็ดเดี่ยวมากกว่ากันล่ะ”เผิงจิ้นเสียนผงะเมื่อเห็นแววตาที่เคยอบอุ่นแปรผันเป็นเย็นยะเยือกน่าเกรงขาม เมื่อใดที่จินชางหลงเผยด้านมืดออกมาผู้ใดก็อย่าหมายขัดขวางความตั้งใจของเขา “แน่นอนว่าทั้งสองพระองค์นิสัยใกล้เคียงกันพ่ะย่ะค่ะ”จินชางหลงยิ้มขันผ่านลำคอ นิสัยของจินเหยียนเข้มงวดเย็นชาจนน่าสะพรึง ผู้คนล้วนโจษจันว่าเขาเป็นอ๋องอำมหิตสังหารศัตรูไม่กะพริบตา ทว่าคนเหล่านั้นกลับไม่เคยรู้ว่าน้องชายที่อ่อนแอดูอบอุ่นเช่นเขา นิสัยแท้จริงหนักข้อยิ่งกว่าพี่ชายตนเสียอีก พูดได้ว่าเขาคือจอมวางแผนผู้แสนร้ายกาจณ ตำหนักบรรทมเสิ่นกุ้ยเฟยฮ่องเต้จินข่ายลุกพรวด สีหน้าเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม โลหิตในกายเดือดพล่านเสียจนหน้

  • นอกบทนางร้าย   บทที่ 48 หมื่นทะเลทุกข์

    เช้าวันถัดมาจินชางหลงก็พาเฉินอิ้งถงกลับ เดิมทีเขาอยากยื้อเวลาอีกสักหน่อย ทว่าสถานการณ์คล้ายจะไม่เหมาะ ดังนั้นการบรรเทาทุกข์ครั้งนี้ต้องเร่งจัดการและกลับไปที่วังหลวงเพื่อเข้าพิธีอภิเษกโดยเร็วขึ้นเขาหนนี้นับว่าไม่เสียเปล่าเพราะเฉินอิ้งถงได้พบกับสมุนไพรชนิดร้อนที่สามารถชะล้างอาการหนาวปวดกระดูกได้ นางจึงคิดวิธีการปรุงเป็นยาบำรุงโดยเลือกผสมเข้ากับธัญพืช นอกจากสามารถช่วยรักษาอาการป่วย ยังสามารถใช้ทดแทนอาหารในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย“พี่หญิงท่านนี่เก่งจริง ๆ ทำเช่นนี้เราก็ไม่ต้องลำบากเรื่องต้มยาและอาหาร” อาจิ้นตาเป็นประกายเฉินอิ้งถงยิ้ม “เจ้าอย่ามาทำเยินยอข้า เรื่องครั้งก่อนอย่าคิดว่าข้าจะลืม”อาจิ้นสะดุ้งพลางยิ้มแหย “พี่หญิงเฉิน ข้าเองก็ลำบากใจ…” อาจิ้นเหลือบซ้ายแลขวา โน้มตัวกระซิบเบา “เขาเป็นถึงองค์ชายเชียวนะเจ้าคะ หากข้าไม่ทำตามเกรงว่าหัวจะหลุดจากบ่า”เฉินอิ้งถงส่ายหน้า มือเรียวดีดปลายจมูกอาจิ้นเพื่อหยอกล้อ “นี่แน่ะ เด็กเลี้ยงแกะ พอกันทุกคน หากเป็นบ้านเมืองเดิมของข้าพวกเจ้าคงได้รางวัลตุ๊กตา

  • นอกบทนางร้าย   บทที่ 47 บัญชีความรู้สึก

    เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วยามมีเพียงเสียงลมหายใจของคนทั้งสองที่พ่นปะทะความเงียบสงัด ปลายนิ้วเรียวเริ่มขยับทีละน้อย เปลือกตาบางแง้มเปิดแช่มช้า“อื้อ…เจ็บจัง” เฉินอิ้งถงดันร่างขึ้น ทว่าต้องล้มพังพาบลงไปอีกครั้ง เพราะเรี่ยวแรงที่ถดถอยซ้ำยังถูกแขนแกร่งรัดไว้จนแน่น“องค์ชาย…”จินชางหลงยังไร้สติ เฉินอิ้งถงแหงนมองพลางร้องเรียก น้ำเสียงของนางแหบแห้งระคนร้อนรน“องค์ชายเพคะ เป็นอย่างไรบ้าง”“…”เมื่อครู่เฉินอิ้งถงแทบไม่ได้รับบาดเจ็บใดเลย มีเพียงความตกใจที่ทำให้นางสิ้นสติ ทว่าจินชางหลงไม่โชคดีเช่นนั้น เขาพยายามปกป้องนาง ใช้ตัวเองเป็นโล่จนร่างบอบช้ำเฉินอิ้งถงเห็นอีกฝ่ายแน่นิ่งก็รู้สึกใจคอไม่ดี “องค์ชาย องค์ชาย ตอบสิเพคะ”“…”เสียงเล็กสั่นเครือน้ำสีใสเอ่อคลอขึ้นตรงขอบตา นางเงี่ยหูฟังเสียงหัวใจของเขา แต่มันกลับเต้นเบามาก ๆ จนนางไม่ทันได้ยิน เสื้อผ้าที่สวมก็หนาเสียจนบดบังทุกสิ่ง พยายามแนบหูอยู่นานนางก็ยังสัมผัสไม่ถึง เฉินอิ้งถงใจเสีย สติที่มีขาดผึงเดี๋ยวนั้น“ฮึกฮื่อ…องค์ชาย อย่าทำหม่อมฉันตกใจ ท่านฟื้นสิ ฟื้นขึ้นมา”“…

  • นอกบทนางร้าย   บทที่ 46 ความแตก

    การบรรเทาทุกข์ของชาวบ้านแดนเหนือเป็นไปอย่างยากลำบากมาร่วมเดือนแล้ว แม้ว่ามีเสี่ยวฮวาคอยใช้พลังรักษาก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้มาก วันดีคืนดีเจ้าภูติน้อยก็หมดแรงหลับไปเสียหลายวัน ส่วนปัจจัยทั้งห้าที่เหอหย่งเซาหอบมาก็ใช้ประทังชีวิตได้อีกไม่นาน สักวันย่อมมีวันหมด“ถงเอ๋อร์ไปพักบ้างเถิด ข้าเห็นเจ้าทำงานหามรุ่งหามค่ำเช่นนี้ไม่สบายใจเอาเสียเลย”มือเรียวหยิบรากสมุนไพรใส่ลงในหม้อดินเผา ส่วนอีกด้านก็พัดเพิ่มแรงให้กับเชื้อเพลิง “ท่านพ่อ ข้าไหวเจ้าค่ะ ชาวบ้านล้มป่วยเป็นจำนวนมากเช่นนี้ข้าไม่อาจนิ่งนอนใจได้”“แต่เจ้าต้องต้มยาอีกกี่หม้อ หักโหมอีกกี่วันคนเหล่านั้นจะหาย รักษาได้หนึ่งอีกคนหนึ่งก็จะป่วยขึ้นมาอีก”“เช่นนั้นจะให้ทำเช่นไรเจ้าคะ ปล่อยพวกเขาล้มตายไม่ไยดีหรือ”“ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น”เหอหย่งเซาผ่อนเสียงเมื่อเห็นว่าเฉินอิ้งถงเกิดโทสะขึ้นมาบ้างแล้ว“ท่านเองก็เหนื่อยมามาก ไปพักเถิดเจ้าค่ะ” เฉินอิ้งถงเลิกสนใจคนตรงหน้าและตั้งตาต้มยายื่นให้ชาวบ้านที่รอรับยาจากตนต่อเหอหย่งเซายืนมองด้วยแววตาสิ้นหวังพลางหมุนกายเดินจากไปเงียบ ๆ“พี่หญิ

  • นอกบทนางร้าย   บทที่ 45 เด็กเลี้ยงแกะ

    ระยะทางอีกไม่ไกลก็จะถึงที่หมาย ทว่ายิ่งเข้าใกล้มากเท่าใดอากาศก็ยิ่งลดต่ำจนเหน็บหนาวเข้ากระดูกเฉินอิ้งถงแหงนมองบุรุษที่นั่งกอดเอวของตนอยู่บนหลังม้าด้วยแววตาเป็นห่วง แม้เสี่ยวฮวาจะบอกว่าเขาหายแล้ว ทว่าท่าทีและสีหน้าของจินชางหลงดูจะไม่เป็นเช่นนั้น “องค์ชายไหวหรือไม่เพคะ”“ไหว เจ้าอย่าห่วงแต่ผู้อื่นจนลืมห่วงตัวเจ้าเอง” จากอ้อมแขนที่กอดเอวคอดเอาไว้ ก็เลื่อนไปจับบังเหียนเบื้องหน้า เสื้อคลุมขนสัตว์ถูกนำมาห่อคนทั้งสองดุจร่างเดียวกัน“องค์ชายปล่อยมือเพคะ มือพระองค์ยังไม่หายดี”“ข้าไม่เป็นไร” จินชางหลงปลดมือขาวเนียนออกแช่มช้าพลางลูบเบา ๆ หวังคลายความเจ็บให้อีกฝ่าย ฝ่ามืออันเนียนนุ่มของหญิงสาวบัดนี้ขึ้นสีแดงระเรื่อ ทั้งยังเริ่มถลอก“เจ็บหรือไม่”เฉินอิ้งถงส่ายหน้า “ไม่เพคะ”“โกหกตาใส เจ้าพักเสียบ้าง อีกไม่กี่ลี้ [1] ก็จะถึงแล้ว”“พระองค์นั่นแหละ อย่าดื้อสิเพคะ” เฉินอิ้งถงคิดแย่งบังเหียนกลับ“เจ้าสิที่ดื้อ” จินชางหลงใช้มือหนึ่งฝั่งดึงร่างระหงเข้ามาแนบตัวเฉินอิ้งถงถูกแรงชายหนุ่มลากมาปะทะแผ่นอกกว้างก็ตกใจหน้าตื่น อ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status