“ข้าเข้าใจแล้วค่ะคุณหนู”
“ฟิ้ว……ฉึก!!”
อาวุธลับถูกยิงเข้ามาในห้อง แต่คนทั้งสองมิได้หลบหลีกหรือรู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด เมื่อชิงฝูเดินไปหยิบจดหมายพร้อมซองหนานั้นมายื่นให้ผู้เป็นนาย
“ค่าตอบแทนครั้งนี้เหตุใดมารวดเร็วนักเจ้าคะ ยังไม่ทันข้ามคืนเลย”
“ดูท่าข้าคงเป็นดั่งวีรสตรีที่กำจัดคนชั่วไปได้อีกหนึ่งคนกระมัง เจ้าดูสิ ตั๋วเงินพวกนี้ มากกว่าที่ตกลงเอาไว้ถึงเจ็ดเท่า”
“สกุลเหลียงก่อกรรมทำชั่วไว้มาก ครั้งนี้คงเป็นกรรมตามสนองของแท้นะเจ้าคะ”
“คนอย่างสกุลเหลียงที่ใช้เงินแก้ไขปัญหาโดยไม่คำนึงถึงจิตใจของสตรีที่เสียหาย หลายเดือนมานี้มีคนเดือดร้อนเพราะพวกเขาไม่น้อยเลยสินะ”
“คุณหนู แล้วท่านจะทำอย่างไรต่อเจ้าคะ”
“ข้าก็รับบทคนน่าสงสารต่อไปนะสิ ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วจากนี้คงจะเป็นคนไม่ได้เรื่องต่อไปไม่ได้แล้วกระมัง ดูเหมือนว่าท่านพ่อเองก็จะดูออกเช่นกัน”
“แต่ที่นายท่านปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับคุณหนูออกไปเช่นนั้นก็เพื่อ…”
“ข้ารู้ว่าท่านพ่อเป็นห่วงข้า แต่จากนี้ชื่อข้าจะโด่งดังทั่วเมืองชิงโจวจนเป็นที่จับตามอง พวกเราคงต้องวางแผนรับมือ”
“เจ้าค่ะ"
วันรุ่งขึ้น
“ท่านพ่อว่าอย่างไรนะเจ้าคะ สำนัก…ศึกษางั้นหรือเจ้าคะ”
“ไม่เชิงหรอก เห็นว่ามีอาจารย์มาใหม่และก็อย่างที่รู้กันว่าบุตรชั่วสกุลเหลียงถูกฆ่าเมื่อคืนเป็นข่าวใหญ่ ต่อไปชื่อของเจ้าคงต้องเป็นที่สนใจเป็นแน่ ในตอนนี้เราคงหลบซ่อนตัวไม่ได้แล้ว รอเจ้าหายดีแล้วพ่อจะรีบส่งเจ้าไปร่ำเรียนกับอาจารย์หยางเฟิ่งหยวนทันที”
“หยางเฟิ่งหยวน เขาคือผู้ใดกันเจ้าคะ ฟังดูแล้ว น่าจะเป็นชื่อบุรุษมิใช่หรือ ท่านพ่อ เหตุใดท่านจึง…”
“ในตอนนี้ข่าวของเจ้าน่าจะแพร่ไปทั้งชิงโจวแล้ว การหลบไปพักที่อื่นสักพักน่าจะเป็นการดีกว่า สำนักศึกษานั่นก็มิได้อยู่ไกลเสียหน่อย หากเจ้าได้เข้าศึกษาอาจจะทำให้เจ้าได้ผ่อนคลายกังวลมากขึ้น”
“ท่านพ่อคิดว่าหากลูกไปเข้าเรียนแล้ว ข่าวลือนั่นจะซาลงหรือเจ้าคะ”
“อย่างน้อยพ่อก็อยากให้เจ้าปลอดภัยมากกว่าอยู่ที่นี่ ถึงวันหยุดค่อยกลับมา เมื่อนั้นข่าวลือคงซาลงบ้างแล้ว”
“เรื่องนี้….”
“เจ้าลองเอากลับไปคิดดูก่อนก็แล้วกัน อีกสามวันอาจารย์หยางเฟิ่งหยวนผู้นั้นถึงจะเดินทางมาที่นี่ ระหว่างนี้เจ้าก็พักรักษาตัว ส่วนเรื่องที่ศาลเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง พ่อจะจัดการทุกอย่างให้เจ้าเอง แม่สื่อในคืนนั้นก็บอกแล้วว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บ นางพร้อมที่จะเป็นพยานให้กับพวกเรา”
“เจ้าค่ะท่านพ่อ ลูกสร้างความลำบากให้ท่านแล้ว”
“นี่นับว่าดีกว่าวันที่เจ้าเดินมาบอกพ่อว่าเจ้าตกลงจะแต่งงานเข้าสกุลเหลียงนั่นเสียอีก เจ้ารู้หรือไม่ว่าวันนั้นพ่อหัวใจแทบสลาย”
“ตอนนี้ข้าก็อยู่กับท่านแล้วนี่เจ้าคะท่านพ่อ เรื่องร้ายๆก็ผ่านไปแล้วนี่เจ้าคะ”
“นั่นก็นับว่าสวรรค์ยังมีตา หากเจ้าต้องไปอยู่ที่นั่นจริงๆ…..พ่อนึกไม่ออกเลยว่า…”
“ท่านพ่ออย่าคิดมากเลยเจ้าค่ะ ข้าจะนำเรื่องนี้กลับไปคิดดูเจ้าค่ะ”
ห้องของฟางเหยา
“คุณหนูเจ้าคะ ท่านจะไปเรียนหรือไม่เจ้าคะ”
“เจ้าคิดว่าอย่างไร”
“หากท่านไปข้าก็ติดตามท่านไปไม่ได้นะสิเจ้าคะ”
“ในสายตาท่านพ่อคงเกรงว่าข้าจะรับมือกับข่าวลือที่มากมายเช่นนี้ไม่ไหว เลยหาเรื่องให้ข้าออกไปจากจวนสักพัก”
“แต่นายท่านไม่เคยรู้ว่าคุณหนู…”
“ถูกแล้วที่ให้ทุกคนรู้เช่นนั้น แม้ว่าข่าวฉาวในเมืองนี้จะเป็นเช่นไรข้าก็มิได้ใส่ใจมากไปกว่าความปลอดภัยของท่านพ่อ แต่ในตอนนี้ไม่มีทางที่ผู้ใดจะคิดร้ายกับจวนสกุลลี่ของเราได้เพราะหากมีเรื่องใดเกิดขึ้นมาทุกคนก็จะกล่าวโทษไปที่จวนสกุลเหลียง ฝ่าบาทไม่มีทางยอมแน่นอน”
“เช่นนั้นคุณหนูคิดจะไปที่สำนักศึกษาหรือเจ้าคะ”
“ข้าจะต้องดูก่อนว่าผู้ใดที่จะมาสอนข้า”
“คุณหนูหมายถึง….”
“ท่านพ่อบอกว่าอีกสองวันอาจารย์นั่นจะมาที่นี่มิใช่หรือ ข้าก็แค่ไปทดสอบเขาหน่อย”
“คุณหนู ท่านจะก่อเรื่องอีกแล้วหรือเจ้าคะ”
“ชิงฝูเจ้านี่ใส่ร้ายข้าตลอดเลย ก่อเรื่องอันใดกัน ข้าก็ต้องอยากเห็นก่อนสิว่าอาจารย์ที่จะมาสอนข้าน่าเชื่อถือหรือไม่”
“เจ้าค่ะๆ ไม่ก่อเรื่องเจ้าค่ะ”
สองวันถัดมา หน้าสำนักศึกษา
“คุณหนู เรามาแอบดูเช่นนี้จะดีจริงๆหรือเจ้าคะ”
“ไมเห็นจะแปลกเลย ก็แค่อยากเห็น มันน่าแปลกอย่างไรกัน นี่พวกเราก็นั่งอยู่ด้านบนของโรงน้ำชาแล้วเห็นเฉยๆ มิได้เดินไปแล้วตั้งใจมองหน้าเขาเสียเมื่อไหร่กัน”
“นั่นเจ้าค่ะ มีรถม้าจอดที่หน้าสำนักศึกษา”
ลี่ฟางเหยาหันไปมองตามที่ชิงฝูบอก ประตูรถม้านั้นเปิดออก บุรุษหนุ่มในชุดสีขาวสะอาดตาแลดูเป็นบัณฑิตที่น่านับถือ เดินถือพัดในมือออกมา ใบหน้าที่ดูสะอาดเกลี้ยงเกลาราวกับเทพมาจุตินั้นตราตรึงใจของฟางเหยาทันที
ใบหน้าคมได้รูป จมูกที่รับกับคิ้วเข้มดุจปลายหมึกจรด ตาคมดุจพญาเหยี่ยวนั้นยิ่งทำให้ใบหน้าของบุรุษนั้นยิ่งดูน่ามอง
“อาจารย์เฟิ่งหยวน ท่านมาแล้ว”
“คารวะท่านผู้อาวุโส”
“เชิญเข้าไปด้านในก่อน”
“ข้า….อยากเดินเล่นสักพัก ขอบคุณที่พวกท่านมารอต้อนรับนะขอรับ”
“เช่นนั้น…ข้าจะให้คนนำทางท่านไป”
ฟางเหยารีบหันกลับมาทันที ดูราวกับว่าคนผู้นั้นจะรู้ว่านางแอบมองอยู่ หรือนางอาจจะคิดไปเองก็ได้เพราะเขาจะรู้ได้เช่นไรเพราะนางอยู่ถึงชั้นสองของโรงน้ำชา เขาไม่มีทางมีตาหลังได้
“คุณหนู เหตุใดท่านจึงหน้าแดงถึงเพียงนั้น”
“ข้า!!….ระ…ร้อน ร้อนมาก”
“แต่อากาศวันนี้มีลมพัดเย็นสบาย หรือว่าชานี่จะ…”
“ใช่ๆๆ ชามันร้อน”
ฟางเหยามือสั่นเมื่อหยิบอาหารในจานขึ้นมากินเพื่อไม่ให้สาวใช้ของนางสงสัย นางหันกลับไปอีกครั้ง คนผู้นั้นก็ไม่อยู่แล้ว
“อ้าว…ไปที่ใดแล้วละ”
“คะ คุณหนูเจ้าคะ คะ คือ….”
ชิงฝูอึกอักเมื่อคุณหนูนางหันไปมองยังประตูหน้าสำนักศึกษา แต่บัดนี้มีแต่ความว่างเปล่า สาวใช้สะกิดนางที่ยืนหันไปมองโดยที่ไม่ทันได้รู้ว่ามีผู้อื่นมายืนอยู่ด้านหลัง
“แย่จังเลยไม่ได้เห็นหน้าชัดๆเลย ว๊าย!!”
นางหันกลับมากะทันหันจึงทำให้เกือบคนชนกับใบหน้าของคนอีกคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง นางเผลอตัวซัดฝ่ามือออกไปแต่เขากลับรับได้และปัดมือนางออก ฟางเหยาจึงนึกขึ้นได้แล้วแสร้งล้มลงเพราะคิดว่าคนตรงหน้าจะรับนางได้ทัน แต่…
“โครม!!”
“คุณหนู!!”
“โอ๊ยย!!”
ฟางเหยาล้มลงพร้อมกับเห็นชายชุดสีขาวสะอาดตาตรงหน้า นางค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองบุรุษหนุ่มตรงหน้า เขาคือคนที่พึ่งจะลงจากรถม้าเมื่อครู่นี้มิใช่หรือ เพียงชั่วพริบตาเดียวเหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่โดยที่นางไม่ทันได้สังเกตเห็นเลยล่ะ
“คุณหนูเจ้าคะ ท่านเป็นอะไรมากหรือไม่เจ้าคะ”
“โอ๊ย ข้าเจ็บขา ท่าน…เหตุใดจึงมายืนอยู่ด้านหลังผู้อื่น แล้วยังแล้งน้ำใจเช่นนี้อีก”
“คุณหนูเจ้าคะ….”
“เจ้าเงียบไปก่อน”
บุรุษหนุ่มกางพัดออกมาด้วยท่าทีเรียบเฉยเหมือนกับใบหน้าของเขาที่มิได้แสดงสีหน้าใดๆเมื่อมองมาที่นางฟางเหยามองเขากลับด้วยหน้าตาที่ถือดีอยู่ไม่น้อย ไม่เคยมีผู้ใดกล้าทำให้นางขายหน้าเช่นนี้มาก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีผู้ใดจำนางได้ แต่บัดนี้เริ่มมีคนจำนางได้แล้วและเพราะเห็นแผลที่รอบคอนาง
“ข้าต้องถามคุณหนูมากกว่าว่า เจ้ามาแอบดูข้าด้วยเหตุใด”
ห้องส่งตัวกู้เป่าเป้ยโม่วตงลี่เดินเข้ามายังห้องส่งตัวเจ้าสาวของเขาพร้อมกับไม้มงคลเพื่อเปิดหน้าเจ้าสาว“ตงลี่ นั่นท่านหรือ”“ข้าเองเป่าเป้ย ขอโทษที่ให้เจ้ารอนานนะ”“ไม่เป็นไร ท่านรีบเถิด ข้ารู้สึกแปลกๆ อยากเปลี่ยนชุดแล้ว”“ได้สิ ข้าจะเปิดหน้าเจ้าตอนนี้เลย”เขาใช้ไม้เปิดใบหน้าเจ้าสาวแต่มันดันติดเครื่องประดับบนศีรษะของนางจนดึงออกไม่ได้“อย่าดึงนะ ข้าเอาออกเอง”“แย่จริง ข้ารีบร้อนไปหน่อยน่ะ”“ตงลี่ เหตุใดมือของท่านจึงสั่นถึงเพียงนี้”“ข้า…”“ท่านดื่มมาหนักหรือ หน้าท่านก็แดงมากเลยเกิดอะไรขึ้น ปกติท่านดื่มสุราเมาง่ายเช่นนี้เลยงั้นหรือ”“ข้าไม่ได้เมานะ เจ้า…ต้องดื่มสุรานี่กับข้าด้วย”“อ้อ ใช่แล้วๆข้าเกือบลืมไปเลย มาเพคะองค์ชาย”“ยังจำได้สินะว่าข้าเป็นองค์ชาย ปกติพูดกับข้าธรรมดานี่”“ก็ผู้ใดขอให้หม่อมฉันพูดเช่นนั้นเองเล่าเพคะ ตอนนี้จะมาน้อยอกน้อยใจมันไม่ช้าไปหรอกหรือเพคะ”“ก็แค่ช่วงจะไปเมืองหลวงเท่านั้นที่จะให้เจ้าฝึกพูดเช่นนั้น แต่ต่อไปก็ไม่ต้องพูดเป็นทางการแล้ว ข้าได้ยินพี่สะใภ้คุยกับพี่แปดแล้วเวียนหัว”“เช่นนั้นข้าจะเริ่มฝึกพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะ”“ตามใจเจ้าเลย มาเถอะน้องหญิง ดื่มสุรามงคลกัน
พิธีมงคลสมรส“ยินดีด้วยๆ องค์ชายทั้งสองยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ”ทั้งเฟิ่งหยวนและตงลี่ต้องคอยรับแขกในงานหลังจากที่เจ้าสาวของพวกเขาถูกส่งไปยังห้องส่งตัวแล้ว แม้ว่าแต่ละคนจะอยากเร่งไปยังห้องส่งตัวมากแต่ก็ยังทำไม่ได้เพราะต้องอยู่ในงานเลี้ยงก่อน องค์รัชทายาทสั่งคนให้เรียกทั้งคู่เข้าไปในห้องเพื่อเลี่ยงแขกสักครู่ “พี่ใหญ่ เรียกพวกเรามา มีเรื่องเร่งด่วนอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ข้ามีของขวัญจะมอบให้เจ้าทั้งสอง”พวกเขาเดินตามองค์รัชทายาทเข้าไปในห้องและนั่งที่โต๊ะ “นี่คือ….”“นี่ก็คือของขวัญที่จะมอบให้พวกเจ้าในคืนนี้ ดื่มเสียสิ ข้าให้คนต้มมาให้พวกเจ้า บำรุงเสียหน่อยก่อนจะเข้าห้องส่งตัว”""บำรุง""“ใช่ เชื่อข้าเถอะน่า ข้าเป็นพี่เจ้านะเรื่องเช่นนี้ข้าผ่านมาก่อน รับรองว่าเจ้าจะได้มีบุตรทันใช้เป็นแน่ เหตุใดจ้องหน้าข้าเช่นนี้เล่า ไม่เชื่องั้นหรือ”“ไม่ใช่ไม่เชื่อพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่ว่าข้าคิดว่าพี่แปดกับข้า จำเป็นต้องบำรุงด้วยยานี่ด้วยงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะก็ในเมื่อพวกกระหม่อม….แข็งแรงดุจอาชาศึกขนาดนี้”“เจ้าไม่เชื่อข้างั้นหรือ ข้าไม่ทำร้ายเจ้าบ่าวหมาดๆอย่างพวกเจ้าหรอกน่า เจ้าดูพี่สะใภ้เจ้าเป็นตัวอย่างสิ นางตั้งครรภ
สิบวันถัดมากองทัพขององค์รัชทายาทเดินทางไปแคว้นหานพร้อมกับส่งมอบตัวองค์ชายกว้านเหมาพร้อมกับยื่นข้อเสนอให้แคว้นหานหยุดรุกรานแคว้นรอบข้างเป็นเวลาสามสิบปีนับจากนี้ตัวแทนแคว้นต่างๆเข้าร่วมในการทำข้อสัญญาในครั้งนี้ด้วย กว้านเหมาถูกลดลำดับขั้นเป็นเพียงอ๋องและถูกส่งไปชายแดนด้านตะวันออกซึ่งห่างไกลกับความเจริญเพื่อเป็นการลงโทษ“เขายอมงั้นหรือเพคะ”“เป็นคำสั่งของฮ่องเต้เพื่อจะดัดนิสัยเขาที่เอาแต่ใจ อันที่จริงฮองเฮาเองก็หาวิธีดัดนิสัยของเขามานานแล้วครั้งนี้ถือว่าเขาน่าจะเข็ดไปอีกนาน”“เช่นนั้นเรื่องที่ชายแดนก็นับว่าสงบแล้ว”“ใช่แล้วล่ะ กว้านเหมากลัวแทบตายเมื่อรู้ว่ายาถอนพิษต้องกินถึงสามครั้ง เขาเลยยอมบอกแหล่งผลิตอาวุธร้ายแรงและแหล่งผู้ที่ค้าขายดินปืนและเครื่องมือผลิตให้พี่ใหญ่ จากนี้คงจะไม่มีผู้ใดกล้าผลิตอาวุธนั่นอีก”“แน่ใจหรือเพคะว่าเขาบอกหมดแล้ว”“เขากลัวขนาดนั้น คงไม่กล้าปิดบังอะไรไว้อีกแล้วละ เรื่องนี้เป็นความชอบของเจ้า เสด็จพ่อประทานรางวัลมาให้มากมายรวมถึง…ล้างมลทินให้กับวิหควายุด้วย จากนี้วิหควายุคือจอมยุทธ์ผู้ผดุงความเป็นธรรมกำจัดคนชั่วเพื่อแผ่นดิน”“เช่นนั้นแสดงว่าหม่อมฉันก็ยังใช้ชื่อน
“เจ้าจะให้ข้าเชื่อใจ ทั้งๆที่เจ้าไม่เคยบอกไม่เคยพูดสิ่งใดเลยงั้นหรือฟางเหยา”“เฟิ่งหยวน เรื่องนี้หม่อมฉันเป็นคนผิดเอง แต่โปรดฟังเหตุผลก่อน ในเวลานั้นหม่อมฉันมีเวลาตัดสินใจเพียงเล็กน้อย พระองค์มิได้มาหาหม่อมฉันก่อนที่ข้าจะไปที่นั่น หม่อมฉันรู้เพราะว่าพระองค์ถูกอาจารย์ขังเอาไว้ เรื่องนี้ไม่โทษพระองค์ แต่หม่อมฉันรู้นิสัยของกว้านเหมาว่าจะต้องทำเช่นนั้นเลยตัดสินใจเอาตัวเองเข้าเสี่ยง แต่รู้ว่าเขาต้องหลงกลตั้งแต่แรกโดยที่ไม่ต้องเปลืองตัว เรื่องนี้…”“แล้วหากเขาไม่หลงกลเจ้า และทำเรื่องน่าอายนั่นขึ้นมาละ เจ้าคิดว่าหากข้ารู้เรื่องนี้ทีหลัง หรือเจ้ากว้านเหมานั่นมาพูดกับข้าว่ามัน…..”“หม่อมฉันเข้าใจเรื่องที่พระองค์ทรงกังวล แต่มันมิได้เกิดขึ้นและหม่อมฉันเองก็คิดแผนเอาไว้แล้วหากว่าเขาไม่หลงกล ก็แค่ใส่ยาเอาไว้ในสุราเท่านั้น เขาไม่มีทางที่จะได้สัมผัสตัวหม่อมฉัน เฟิ่งหยวนหม่อมฉัน…..พูดจริงๆนะ”“เรื่องยาถอนพิษนั่น.....”“ยาถอนพิษนั่นเป็นแผนของหม่อมฉันเอง ก่อนหน้านี้อาจารย์เคยเตือนแล้วว่าคนผู้นี้มีมากกล หม่อมฉันเลยคิดว่าการถอนพิษกับเขามันง่ายไปหน่อย หนามยอกเอาหนามบ่งเช่นนี้จึงจะสามารถลากแผนชั่วของเขาออก
หยางเฟิ่งหยวนเดินออกมาจากห้องโถงเพื่อจะเดินกลับออกไปขึ้นรถม้า ฟางเหยาเมื่อเห็นเขาจึงรีบขอตัวจากเพื่อนๆและวิ่งตามเขาออกมาทันทีเพราะไม่แน่ใจว่าเขานึกไม่พอใจสิ่งใดหรือไม่“เฟิ่งหยวน นั่นท่านจะไปที่ใด”เขาชะงักไปเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของเสด็จอาในห้องโถงและเรื่องยาถอนพิษที่องค์รัชทายาทตรัสเมื่อครู่เขาก็เริ่มกัดกรามด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย“องค์ชาย พระองค์เป็นอะไรไปเพคะ”“เปล่า ข้าเหนื่อยแล้วอยากกลับไปพักผ่อน”“แต่ว่านี่ยังไม่ดึกเลยนะเพคะ แล้วก็องค์รัชทายาทก็ยังประทับอยู่”เขาหันมามองใบหน้าที่มองเขาโดยที่ไม่ได้รู้ว่าเขากำลังโมโหนาง และยังไม่รู้ว่าตอนนี้ในใจขององค์ชายแปดเริ่มร้อนรนเพราะความโกรธ“เหตุใดพระองค์จึงทำท่าทีเช่นนี้ มีผู้ใดทำให้พระองค์กริ้วงั้นหรือเพคะ”“ลี่ฟางเหยา เจ้าคิดจะบอกเรื่องยาถอนพิษของกว้านเหมากับข้าเมื่อใด”คำถามนี้ทำเอานางตกใจไปเล็กน้อยเพราะมัวแต่ยุ่งและตื่นเต้นที่ได้กลับบ้านจนลืมบอกเรื่องนี้กับเขาไป นึกไม่ถึงว่าจะทำให้เขาโกรธ ฟางเหยารู้สึกแปลกใจ เรื่องยาพิษนั่นนางนำยาถอนพิษไปให้อาจารย์แล้วจึงมิได้ใส่ใจอีก แต่เหตุใด….“พระองค์โกรธหม่อมฉันเรื่องนี้หรือเพคะ หม่อมฉันคิ
“ที่ชิงโจวเป็นบ้านของฟางเหยา ข้าเองก็คิดว่าที่นี่น่าอยู่และเงียบสงบมาก และข้าก็รับปากกับอาจารย์ใหญ่เอาไว้แล้วว่าจะดูแลสำนักศึกษานี้ร่วมกับเขา ดังนั้นเรื่องกลับเมืองหลวง ข้าทูลเสด็จพ่อไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“พี่แปด ท่านไม่เห็นบอกข้าเลย เช่นนั้นข้าจะทำให้เป่าเป้ยท้องบ้าง จะได้…”“ไม่ต้องเลย เจ้ากับพระสนมโม่วยังต้องคุยกันอีก อย่าลืมสิว่า ที่พระชายาเจ้าหนีมาเพราะเสด็จแม่เจ้า ตัวเจ้าเป็นผู้ก่อเรื่องต้องพานางไปพบพระสนมก่อนอย่างน้อยให้นางได้รับรู้ว่านางเข้าใจพระชายาเจ้าผิด นางเป็นถึงบุตรีขุนนางใหญ่ มิใช่หญิงชาวบ้านอย่างที่เสด็จแม่เจ้าคิด”“ข้าก็เพียงแค่พูดเผื่อไว้เท่านั้นเองพ่ะย่ะค่ะ อย่างไรข้าก็ส่งจดหมายไปบอกเสด็จแม่แล้ว นางก็เข้าใจแล้วเพียงแต่หากพระองค์รู้ว่ามีหลานก็จะยิ่งดีใจมากกว่าเดิมเท่านั้นเอง”“ข้าเข้าใจเจ้านะน้องเก้า แต่เจ้าจะสุกเอาเผากินไม่ได้ การที่เจ้าทำเช่นนี้ก็มิใช่ว่าจะดีกับนาง ดีเพียงใดแล้วที่นางไม่ตั้งครรภ์ก่อนจะหมั้นหมายกับเจ้า โชคดีที่บิดานางไม่เอาเรื่อง”“ข้าทราบแล้ว พี่ใหญ่ตักเตือนได้ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ ว่าแต่ท่านลงมาชิงโจวครั้งนี้กะจะมาต่อรองกับแคว้นหานใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”“ใช่