공유

บทที่ 11

작가: อิงเซี่ย
เขาปิดประตูและหันหลังกลับ เดินไปที่ห้องครัวดูอาหารที่เอ่กลับมาด้วยตัวเอง รู้สึกแค่ว่าน่าหัวเราะอย่างถึงที่สุด จากนั้นก็โยนทุกอย่างเข้าไปในถังขยะ

หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรออก หลังโทรไปสามครั้ง ปลายสายก็ยังไม่มีคนรับ ในขณะที่กำลังจะโมโหอีกครั้งก็นึกได้ว่าโทรศัพท์ของซูมั่วพังไปแล้ว

ฟู่อี้ชวนไม่ได้โทรอีก สีหน้าเย็นชา กลับไปอาบน้ำที่ห้องนอนหลักเตรียมเข้านอน

อยากไปไหนก็ไป จะไปตายก็ไม่เกี่ยวกับเขาเหมือนกัน

ตีสอง บนเตียง

ฟู่อี้ชวนถูกความปั่นป่วนในท้องทำให้รู้สึกเจ็บจนตื่นขึ้นมา ในดวงตาเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด พูดออกมาอย่างขุ่นเคืองโดยไม่รู้ตัว

“ซูมั่ว ซุปสร่างเมา...”

มองประตูห้องที่อยู่เยื้องมุมซึ่งยังเปิดอยู่ ก็ยังคงอยู่ในท่าทีล้มลุก ฟู่อี้ชวนกำมือแน่น เดินไปหายาแก้ปวดท้องอย่างหงุดหงิด

บาร์บีคิวที่กินตอนมื้อเย็นมันเลี่ยนเกินไป เขากินไปไม่เท่าไร ทั้งยังแตะเหล้ากลั่น ตอนนี้ในที่สุดก็เกิดปฏิกิริยา

ในขณะที่ท้องว่าง เขาเดินไปข้างตู้เย็น เขาจำได้ว่าซูมั่วเตรียมอาหารเย็นไว้ให้เขาหลายจาน แต่เมื่อเปิดประตูตู้เย็น ข้างในกลับไม่มีอะไรเลย

เขาไปที่ห้องครัวอีกครั้ง พบว่าเคาน์เตอร์และในตู้สะอาดหมดจด เขาโกรธจัด ทั้งร่างเต็มไปด้วยความกดดันอึมครึมอย่างเดือดดาล

“ต้องทำให้สุดขนาดนี้เลยใช่ไหม? ใครให้เธอมาอวดเก่งแบบนี้? แน่จริงก็อย่ากลับมาอีกตลอดชีวิตเลยแล้วกัน!”

ไปทำงานเช้าวันรุ่งขึ้น

ผู้ช่วยหลี่หยวนรู้สึกได้อย่างชัดเจนมากว่าวันนี้บรรยากาศของประธานฟู่ผิดปกติ น่ากลัวสุด ๆ เพื่อไม่ให้โดนลูกหลง ตอนรายงานเรื่องงานจึงถอยหลังห่างออกไปสามก้าว

“นาย ไปซื้อโทรศัพท์มาเครื่องหนึ่ง” ตอนเช้า ฟู่อี้ชวนส่งเอกสารที่เซ็นชื่อแล้วไป ขณะที่พูด

“ไม่ทราบว่าประธานฟู่ต้องการยี่ห้อและรุ่นอะไรครับ” หลี่หยวนถามอย่างระมัดระวัง

“ตามใจนาย” ฟู่อี้ชวนพูดอย่างหงุดหงิด

“งั้นสีกับฟังก์ชัน...” หลี่หยวนถามอีกครั้ง แต่ถูกขัดจังหวะคำพูดโดยตรง

“ไม่ได้บอกเหรอว่าตามใจนายแล้วยังจะถามอีก? แค่ให้โทรได้ก็พอแล้ว”

หลี่หยวนตัวสั่น รีบหยิบเอกสารถอยออกไปทันที ชั่วขณะที่ปิดประตูห้องทำงานลง เขาก็ถอนหายใจยาว

“แปลกจริง ๆ ประธานฟู่บอกว่าอยากซื้อ ทั้งยังบอกให้ซื้อตามใจอีก งั้นถ้าซื้อแล้วเขาไม่ชอบจะทำยังไง?” หลี่หยวนพึมพำเสียงเบา ส่ายศีรษะ รู้สึกว่าอยู่ใกล้เขาต้องระวังเหมือนอยู่ใกล้เสือ

ตอนนี้ ในโรงพยาบาล

ซูมั่วนอนคว่ำอยู่บนเตียงในห้องคนพักผู้ป่วย ช่วงล่างของเอวยังเจ็บปวดมาก เมื่อคืนเข้านอนเร็ว แต่ก็นอนไม่หลับ รู้สึกเจ็บจนตื่นขึ้นมากลางดึก

ตอนเช้าดูโทรศัพท์ ฟู่อี้ชวนโทรมาสามสาย เธอไม่ได้โทรกลับ และเพิ่งนึกได้ว่าเมื่อวานตัวเองไม่ได้เอาแล็บท็อปมาด้วย จึงทำได้เพียงดูวิดีโอเรียนรู้ผ่านโทรศัพท์

ตอนบ่าย ผลเอกซเรย์ออกแล้ว กระดูกก้นกบร้าว

ซูมั่วมองแผ่นฟิล์มเอกซเรย์ แววตาเย็นชา

ถูกโยนลงบนพื้นครั้งหนึ่ง ถูกผลักครั้งหนึ่ง เมื่อคืนฟู่อี้ชวนยังบอกว่าเธอมีเจตนาจะฆ่า เห็นได้ชัดว่าคนที่มีเจตนาฆ่าคือเขาต่างหาก

“ถ้าคุณเจอความรุนแรงในครอบครัวสามารถขอความช่วยเหลือทางกฎหมายได้นะคะ” พยาบาลที่ประคบร้อนให้เธออดไม่ได้ที่จะพูด

“ขอบคุณค่ะ ถ้าจำเป็นฉันก็จะขอค่ะ” ซูมั่วตอบกลับเธอ เอาแผ่นฟิล์มเอกซเรย์ใส่กลับไปเก็บในกระเป๋า

บาดแผลเหล่านี้เป็นวัตถุพยาน ถ้าฟู่อี้ชวนไม่หย่า ถึงตอนนั้นความรุนแรงในครอบครัวรวมถึงการนอกใจระหว่างแต่งงานจะเป็นหลักฐานแน่นหนาที่ใช้ตัดสินโทษได้

ท้องฟ้าค่อย ๆ มืดลง ในร้านอาหารห้าดาวแห่งหนึ่ง

“อี้ชวน นายไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันทุกวันหรอก มั่วมั่วคงไม่พอใจ” เย่ซินหย่าถือมีดกับส้อมในมือ มองฟู่อี้ชวนที่ส่งสเต๊กที่หั่นแล้วให้ตน กัดริมฝีปากพูดเสียงเบา

“เธอมีความสุขก็พอแล้ว ใครจะไปสนใจยัยนั่นกัน” ฟู่อี้ชวนไม่แสดงอารมณ์ใด พูดอย่างเย็นชา

มุมปากเย่ซินหย่ายกขึ้นจาง ๆ และคลายลงอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนชนแก้วไวน์แดงกัน

“พรุ่งนี้นายจะมาดูการเดินแคตวอล์กของฉันไหม? ฉันจะให้บัตรโซนด้านในนาย” เย่ซินหย่าพูดอย่างเขินอาย

แต่ยิ้มอยู่สองวินาที ชายตรงหน้าก็ไม่ตอบกลับ เธอเงยหน้าขึ้นมองไป และเรียก “อี้ชวน?”

ฟู่อี้ชวนได้สติกลับมา มองเธอและถาม “อะไรเหรอ?”

“นายคิดอะไรถึงได้ใจลอยขนาดนี้?” เย่ซินหย่าถาม

“ไม่มีอะไร” ฟู่อี้ชวนเม้มปากพูด

“นายคงไม่ได้...คิดถึงมั่วมั่วหรอกนะ” เย่ซินหย่าแอบกัดฟัน ถามเขา

“จะเป็นไปได้ยังไง ฉันคิดเรื่องงาน” ฟู่อี้ชวนแย้งทันที ดวงตาหลุบลง หาข้อแก้ตัว

เย่ซินหย่าพิจารณาการแสดงออกของเขา เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง พูดชวนเขาไปร่วมงานแฟชั่นโชว์อีกครั้ง

ฟู่อี้ชวนตอบรับ คลี่ยิ้มครั้งหนึ่งขณะที่ชนแก้วกับอีกฝ่าย

“ซินหย่า เธอโอเคไหม?” มาส่งคนถึงนอกโรงแรม ฟู่อี้ชวนก็เขย่าผู้หญิงที่พิงไหล่เขาเบา ๆ

เย่ซินหย่าหลับตา แขนโอบเอวเขาหลวม ๆ ไม่มีการตอบสนอง เมาโดยสิ้นเชิง

ฟู่อี้ชวนทำได้เพียงอุ้มเธอกลับโรงแรม เปิดกระเป๋า ไปที่ชั้นห้าตามหมายเลขห้องบนบัตร

เสียง “ติ๊ด” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง ประตูห้องเปิดออก ขณะที่กำลังจะวางเธอลงบนเตียง แขนคู่นั้นกลับโอบรอบคอเขาแน่นไม่ยอมปล่อย

“ซินหย่า...” ฟู่อี้ชวนถูกดึงลงไปบนเตียงด้วยกัน กลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงโชยมา ขณะเดียวกันก็พึมพำออกมา

“ฮือ ๆ อี้ชวน อย่าไปนะ...”

“นายอย่าชอบมั่วมั่วนะ ฉันรักนายมาก ฉันรักนาย...”

“ฉันไม่ชอบยัยนั่นหรอก” ฟู่อี้ชวนพูด กำลังจะดิ้นหลุดจากแขนอีกฝ่าย ผลคือริมฝีปากถูกจูบ

“ไม่ นายรักเธอ นายแต่งงานกับเธอ แล้วนายยังจะกลับไปอยู่กับเธออีก...” เย่ซินหย่าพูดพึมพำ

ฟู่อี้ชวนได้ยินคำพูดนี้ก็แย้งเสียงดังในใจ

เขาไม่ได้รักซูมั่ว! ไม่ได้รักเลยสักนิด! ที่แต่งกับเธอก็เพราะถูกปู่บังคับ! ชีวิตนี้เขาไม่มีทางตกหลุมรักผู้หญิงคนนั้น!!

แต่การกระทำมีประโยชน์กว่าคำพูด เพื่อพิสูจน์ว่าเขาจะไม่กลับไปอยู่กับซูมั่ว เขาลูบหลังศีรษะของเย่ซินหย่า เพิ่มความลึกซึ้งให้จูบนี้

บรรยากาศในห้องร้อนรุ่มขึ้น และมีความเย้ายวนมากขึ้น

แขนโอบรอบเอวฟู่อี้ชวน ทั้งสองฝ่ายแนบชิดกัน จูบจากริมฝีปากมาที่ลำคออีกครั้ง และมาถึงกระดูกไหปลาร้า

ในหัวปรากฏเพียงใบหน้าของซูมั่ว ซึ่งเต็มไปด้วยความโกรธที่ระเบิดออกมา และกัดอย่างบ้าคลั่ง

ทันใดนั้น มือข้างหนึ่งแนบที่เขา สัมผัสอ่อนโยนทำให้เขาได้สติโดยพลัน และหยุดชะงักทันที

เย่ซินหย่าลืมตาด้วยความสับสนและลุ่มหลง ฟู่อี้ชวนยันตัวลุกขึ้นมองเธอ สีหน้าแฝงความตกใจและนิ่งงัน หลังจากนั้นหนึ่งวินาทีก็พลิกตัวไปด้านข้าง
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 100

    อันที่จริงเขาก็อับจนหนทางแล้วเช่นกัน ทางคุณท่านต่างหากที่ติดต่อกับคุณนายได้ เพียงแต่น่าเสียดายที่ประธานฟู่คว้ามาไม่ได้ช่วงเช้ามีผู้จัดการถือแผนงานผลิตภัณฑ์เข้ามาหาฟู่อี้ชวน ทว่าพอพูดคุยกันได้พักหนึ่ง ถึงรู้ตัวว่าประธานฟู่มีอาการใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทั้งยังตาบวมแดง จึงมีแต่ต้องออกไปก่อน“ผู้ช่วยหลี่ คุณรู้ไหมว่าประธานฟู่เป็นอะไรไป?” ผู้จัดการเอ่ยถามหลี่หยวนที่อยู่ในออฟฟิศผู้ช่วย“เอ่อ อกหักละมั้ง” หลี่หยวนเงยหน้าขึ้นจากคอมพิวเตอร์ แล้วตอบไปโดยไม่รู้ตัวจากนั้นก็รู้ว่าที่ตัวเองพูดออกไปนั้นไม่ค่อยพูดต้องเท่าไร เพราะคุณนายกับประธานฟู่แต่งงานกันแล้ว ไม่ได้เป็นแฟนกัน ดังนั้นก็น่าจะเป็น...ใช่แล้ว รักพังเฮ้อ ผู้ชายที่เพิ่งหย่าร้างมามักเลี่ยงอาการซึมเซาและความรู้สึกพังไม่เป็นท่าไม่ได้ แถมประธานฟู่ก็เป็นคนทำพังด้วยน้ำมือตัวเองด้วย หลี่หยวนมีแต่ส่ายหน้าและถอนหายใจให้กับเรื่องนี้ผู้ช่วยคนอื่น ๆ ได้ยินคำพูดนี้แล้วก็ชะงักค้างระคนตกใจ ผู้จัดการเองก็เผยสีหน้าประหลาดใจ ได้แต่พึมพำออกมาว่า“นายช่วยไปปลอบหน่อยสิ ไม่งั้นได้กระทบต่อความคืบหน้าของงานเกินไปแน่”หลี่หยวนยิ้มอ่อนพลางพยักหน้าเล็

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 99

    “คุณซูมีความเชี่ยวชาญในความรู้เฉพาะทาง ยิ่งกว่านั้นในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยยังได้นำทีมร่วมการแข่งขันใหญ่อยู่หลายครั้ง ฉันคิดว่าคุณเหมาะกับตำแหน่งผู้อำนวยการค่ะ”ซูมั่วได้ยินแบบนั้นก็เม้มปาก เธอหันหน้าไปมองรุ่นพี่เล็กน้อยพลางกล่าวว่า“ขอโทษนะคะ แต่ความสามารถของฉันยังมีข้อจำกัดอยู่ เกรงว่าจะไม่มีความสามารถที่จะรับตำแหน่งนี้ ให้ฉันเข้าไปเป็นพนักงานในฝ่ายออกแบบก็พอแล้วค่ะ”เหล่าเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์งานได้ยินเธอปฏิเสธแล้ว ก็อดแปลกใจขึ้นมาชั่วขณะไม่ได้“ขอบคุณพวกคุณที่ยอมรับความสามารถของฉันนะคะ การแข่งขันในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยเป็นการแข่งขันแบบกลุ่ม ผู้รับผิดชอบหลักก็คือประธานโจวของพวกคุณค่ะ ฉันเป็นแค่ผู้ช่วยเท่านั้น จะแอบอ้างผลงานไม่ได้หรอกค่ะ” ซูมั่วพูดต่อ“ฉันรู้จักข้อด้อยของตัวเองดีค่ะ นี่เป็นการเข้าทำงานครั้งแรกของฉัน ยังมีหลายส่วนที่จำเป็นต้องฝึกฝน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องความสามารถในการนำทีมเลยค่ะ ถ้าต้องเลื่อนตำแหน่ง ฉันก็อยากเริ่มตั้งแต่ตำแหน่งเริ่มต้นค่ะ”เมื่อฟังอีกฝ่ายพูดประโยคนี้จบ เหล่าเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์ต่างก็ชื่นชมในการพูดความจริงและความจริงใจของเธอ ดังนั้นจึงเบนสายตาไปยัง

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 98

    เขาเอียงหน้ามองเธอ หญิงสาวแต่งหน้าอ่อน ๆ ริมฝีปากเป็นสีแดงทว่าไม่ได้จัดจ้าน ทั่วทั้งร่างดูเรียบ ๆ สะอาดตา มองแล้วก็ยิ่งงดงามเป็นธรรมชาติราวกับไม่ใช่คนของโลกนี้“ไม่แปลกเลยสักนิด สวยมาก” โจวจิ่งอันไม่หวงแหนคำชื่นชมของตัวเองเลยแม้แต่น้อย“ตอนเรียนมหาวิทยาลัยเธอเป็นถึงดาวของสาขาเราเชียวนะ แถมยังฉลาดยอดเยี่ยม คนมาจีบนี่ต่อแถวกันยาวเหยียดจนล้อมเมืองหลวงได้หลายรอบเลย” โจวจิ่งอันว่ายิ้ม ๆ“รุ่นพี่ไม่ต้องมาล้อฉันเลย” ซูมั่วพูดอย่างเขิน ๆ เล็กน้อยโจวจิ่งอันได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย มองหญิงสาวที่มีนิสัยขี้เขินแล้ว ราวกับได้ย้อนกลับไปสมัยเรียนมหาวิทยาลัยอันที่จริงเขาอยากใช้โอกาสนี้ถามซูมั่วเหลือเกินว่ามีแฟนหรือยัง แต่ก็รู้สึกว่าพวกเขาทั้งคู่เพิ่งได้กลับมาเจอหน้ากันอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันมานาน หากถามคำถามแบบนี้ไปมันออกจะบุ่มบ่ามไปจริง ๆ เลยคิดว่ารอก่อนอีกหน่อยแล้วกันขณะที่คุยกันอยู่นั้น ลิฟต์ก็มาถึงชั้นสิบสองแล้ว โจวจิ่งอันเป็นฝ่ายเสนอตัวนำทาง พร้อมกับแนะนำไปด้วยในขณะเดียวกัน“ดูนี่ ตรงนี้เป็นป้ายชื่อบริษัทของพวกเรา ติ่งเซิ่งเทคโนโลยี ถึงมันจะดูเชยไปสักหน่อย แต่ก็เป็นการเอาฤกษ์เอาช

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 97

    บนที่นั่งข้างคนขับหลี่หยวนได้ยินเสียงร้องไห้และเสียงตะโกนของประธานฟู่แล้ว เลยอดขมวดคิ้วไม่ได้ พลางถอนหายใจอยู่ในใจถ้ารู้แต่แรกว่าจะเป็นอย่างวันนี้ แล้วจะทำแบบนั้นตั้งแต่แรกไปทำไม?หลายวันก่อนเขาเคยเตือนประธานฟู่ไปแล้ว ว่าต้องเผชิญหน้ากับหัวใจของตัวเอง แต่ตอนนั้นประธานฟูยังยืนหยัดพูดอย่างหนักแน่นว่าตัวเขาไม่มีทางเสียใจทีหลังบ้านใหญ่ไม่ว่าหลานชายจะขอร้องอย่างไร ร้องไห้อย่างไร ทว่าครั้งนี้คุณท่านฟู่ใจแข็งไม่หวั่นไหวความอยากจับคู่ให้ที่เกิดขึ้นไม่นานก่อนหน้านี้ถูกทำลายย่อยยับไปหมดแล้ว เขาตัดสายทิ้งอย่างไร้เยื่อใย สุดท้ายก็ได้แต่ทิ้งคำพูดไว้ว่า“แกไม่คู่ควรกับมั่วมั่วสักนิด”ที่นั่งด้านหลังภายในตัวรถ ฟู่อี้ชวนกดต่อสายออกไปอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรคุณปู่ก็ไม่รับสายทั้งนั้น ส่วนเขาก็เริ่มใจสลายอย่างสุดซึ้ง จะรู้สึกเสียใจสำนึกผิดต่อเรื่องที่ได้ทำลงไปก็สายไปเสียแล้วชายหนุ่มที่ปกติหยิ่งในศักดิ์ศรีทั้งยังเย็นชา ตอนนี้กำลังร้องไห้เศร้าโศก เหมือนกับหมาน้อยน่าสงสารที่ถูกทิ้งไว้ข้างทาง เขากอดศีรษะตัวเองร้องไห้จนเสียงเหือดแห้งขณะเดียวกัน ณ ตึกซีบีดีที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางธุรกิจซูมั่วลงม

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 96

    “ดังนั้น... ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง??!” ทางนั้น แม้ว่าจะได้รับคำตอบแล้ว ทว่าคุณปู่ฟู่ยังคงไม่อยากเชื่ออยู่ดี“ไม่ใช่แค่เป็นเรื่องจริงเท่านั้นนะครับ ยังมีเรื่องอื่นอีก” หลี่หยวนว่า“เอาแบบนี้ดีกว่าครับ เดี๋ยวผมเขียนข้อมูลแล้วส่งไปให้คุณท่าน”พอพูดจบ การสนทนาก็จบลง หลี่หยวนพิมพ์เรื่องราวที่คุณนายได้รับความทุกข์เท่าที่เขารู้แล้วส่งไปให้ทางนั้น ทั้งยังมีเรื่องที่ประธานฟู่พาเมียน้อยเข้าบ้านอีกถึงอย่างไรตอนนี้ทั้งคู่ก็หย่ากันแล้ว เขาคิดว่าคุณท่านฟู่ยังคงเข้าข้างคุณนายอยู่ น่าจะเรียกร้องความยุติธรรมคืนมาให้คุณนายได้บ้างไม่มากก็น้อยภายในรถเงียบผิดปกติ ที่เบาะด้านหลัง ฟู่อี้ชวนกำลังนั่งเหม่ออยู่อย่างนั้น ดวงตาทั้งสองข้างดูอ่อนล้าและล่องลอยเขายังคงไม่เชื่อว่าตัวเองหย่ากับซูมั่วแล้ว ขณะเดียวกันก็กำลังคิดทบทวนความจริงในสองปีที่ผ่านมาคุณปู่เป็นคนบังคับให้ซูมั่วแต่งงานกับเขา ตั้งแต่ต้นจนจบซูมั่วล้วนไม่มีความผิดเลย แต่เขากลับเกลียดเธอมาสองปีเต็มเพราะเรื่องนี้!!ฟู่อี้ชวนอยู่ในสภาพสองมือกุมใบหน้า สะอึกอยู่ในลำคอ ดวงตาร้อนผ่าว ในใจเศร้าสร้อยฝืดเฝื่อนในสมองผุดเรื่องร้ายกาจทั้งหมดที่เขาทำไว้ก

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 95

    “มั่วมั่ว อี้ชวนมันสำนึกผิดแล้วนะ หลายวันนี้ก็เอาแต่ตามหาเธอ” คุณท่านฟู่เอ่ยปาก“เดี๋ยวปู่จะให้คนจัดการผู้หญิงคนนั้นเอง มั่วมั่วให้อภัยอี้ชวนสักครั้งเถอะนะ? ให้โอกาสเขาสักครั้ง”“ที่จริงอี้ชวนก็รักเธอนะ แต่ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ตัว เมื่อครู่ก็เข้ามาบอกปู่ว่าไม่อยากหย่ากับเธอ แถมยังร้องไห้ด้วยนะ ปู่รับปากเลย ว่าต่อไปเขาจะเป็นสามีที่ดี”อีกฟากหนึ่งของโทรศัพท์ ครั้นได้ฟังคำพูดนี้ของคุณท่านฟู่แล้ว สีหน้าของซูมั่วก็เย็นชาขึ้นทันที ไม่มีคลื่นอารมณ์ใด ๆ ทั้งสิ้นเธอน่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคุณปู่ฟู่ไม่มีทางจัดการปัญหาเรื่องการหย่าไม่ได้ เธอไม่น่ารับสายนี้เลยมาพูดขอร้องแทนฟู่อี้ชวน?เหอะ เรื่องอย่างพวกโลกถล่ม มนุษยชาติล่มสลาย พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกอะไรพวกนี้ยังน่าเชื่อกว่าฟู่อี้ชวนเสียอีก“คุณปู่ฟู่ คุณบอกให้ฉันให้โอกาสเขาสักครึ่ง แต่ว่านะคะ ฉันเองก็อยากขอโอกาสให้ฉันได้มีชีวิตบ้างสักครั้ง” ซูมั่วกล่าวฟากคุณท่านฟู่ เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็ชะงักทันที ไม่รู้ว่าซูมั่วหมายความว่าอย่างไร“คุณเคยเห็นตุ่มน้ำที่ใหญ่เท่ากำปั้นไหมคะ? เวลาเดินก็รู้สึกเหมือนเหยียบย่ำลงบนปลายมีด”“ไหนยังจะกระดูกก้

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status