แชร์

บทที่ 11

ผู้เขียน: อิงเซี่ย
เขาปิดประตูและหันหลังกลับ เดินไปที่ห้องครัวดูอาหารที่เอ่กลับมาด้วยตัวเอง รู้สึกแค่ว่าน่าหัวเราะอย่างถึงที่สุด จากนั้นก็โยนทุกอย่างเข้าไปในถังขยะ

หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรออก หลังโทรไปสามครั้ง ปลายสายก็ยังไม่มีคนรับ ในขณะที่กำลังจะโมโหอีกครั้งก็นึกได้ว่าโทรศัพท์ของซูมั่วพังไปแล้ว

ฟู่อี้ชวนไม่ได้โทรอีก สีหน้าเย็นชา กลับไปอาบน้ำที่ห้องนอนหลักเตรียมเข้านอน

อยากไปไหนก็ไป จะไปตายก็ไม่เกี่ยวกับเขาเหมือนกัน

ตีสอง บนเตียง

ฟู่อี้ชวนถูกความปั่นป่วนในท้องทำให้รู้สึกเจ็บจนตื่นขึ้นมา ในดวงตาเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด พูดออกมาอย่างขุ่นเคืองโดยไม่รู้ตัว

“ซูมั่ว ซุปสร่างเมา...”

มองประตูห้องที่อยู่เยื้องมุมซึ่งยังเปิดอยู่ ก็ยังคงอยู่ในท่าทีล้มลุก ฟู่อี้ชวนกำมือแน่น เดินไปหายาแก้ปวดท้องอย่างหงุดหงิด

บาร์บีคิวที่กินตอนมื้อเย็นมันเลี่ยนเกินไป เขากินไปไม่เท่าไร ทั้งยังแตะเหล้ากลั่น ตอนนี้ในที่สุดก็เกิดปฏิกิริยา

ในขณะที่ท้องว่าง เขาเดินไปข้างตู้เย็น เขาจำได้ว่าซูมั่วเตรียมอาหารเย็นไว้ให้เขาหลายจาน แต่เมื่อเปิดประตูตู้เย็น ข้างในกลับไม่มีอะไรเลย

เขาไปที่ห้องครัวอีกครั้ง พบว่าเคาน์เตอร์และในตู้สะอาดหมดจด เขาโกรธจัด ทั้งร่างเต็มไปด้วยความกดดันอึมครึมอย่างเดือดดาล

“ต้องทำให้สุดขนาดนี้เลยใช่ไหม? ใครให้เธอมาอวดเก่งแบบนี้? แน่จริงก็อย่ากลับมาอีกตลอดชีวิตเลยแล้วกัน!”

ไปทำงานเช้าวันรุ่งขึ้น

ผู้ช่วยหลี่หยวนรู้สึกได้อย่างชัดเจนมากว่าวันนี้บรรยากาศของประธานฟู่ผิดปกติ น่ากลัวสุด ๆ เพื่อไม่ให้โดนลูกหลง ตอนรายงานเรื่องงานจึงถอยหลังห่างออกไปสามก้าว

“นาย ไปซื้อโทรศัพท์มาเครื่องหนึ่ง” ตอนเช้า ฟู่อี้ชวนส่งเอกสารที่เซ็นชื่อแล้วไป ขณะที่พูด

“ไม่ทราบว่าประธานฟู่ต้องการยี่ห้อและรุ่นอะไรครับ” หลี่หยวนถามอย่างระมัดระวัง

“ตามใจนาย” ฟู่อี้ชวนพูดอย่างหงุดหงิด

“งั้นสีกับฟังก์ชัน...” หลี่หยวนถามอีกครั้ง แต่ถูกขัดจังหวะคำพูดโดยตรง

“ไม่ได้บอกเหรอว่าตามใจนายแล้วยังจะถามอีก? แค่ให้โทรได้ก็พอแล้ว”

หลี่หยวนตัวสั่น รีบหยิบเอกสารถอยออกไปทันที ชั่วขณะที่ปิดประตูห้องทำงานลง เขาก็ถอนหายใจยาว

“แปลกจริง ๆ ประธานฟู่บอกว่าอยากซื้อ ทั้งยังบอกให้ซื้อตามใจอีก งั้นถ้าซื้อแล้วเขาไม่ชอบจะทำยังไง?” หลี่หยวนพึมพำเสียงเบา ส่ายศีรษะ รู้สึกว่าอยู่ใกล้เขาต้องระวังเหมือนอยู่ใกล้เสือ

ตอนนี้ ในโรงพยาบาล

ซูมั่วนอนคว่ำอยู่บนเตียงในห้องคนพักผู้ป่วย ช่วงล่างของเอวยังเจ็บปวดมาก เมื่อคืนเข้านอนเร็ว แต่ก็นอนไม่หลับ รู้สึกเจ็บจนตื่นขึ้นมากลางดึก

ตอนเช้าดูโทรศัพท์ ฟู่อี้ชวนโทรมาสามสาย เธอไม่ได้โทรกลับ และเพิ่งนึกได้ว่าเมื่อวานตัวเองไม่ได้เอาแล็บท็อปมาด้วย จึงทำได้เพียงดูวิดีโอเรียนรู้ผ่านโทรศัพท์

ตอนบ่าย ผลเอกซเรย์ออกแล้ว กระดูกก้นกบร้าว

ซูมั่วมองแผ่นฟิล์มเอกซเรย์ แววตาเย็นชา

ถูกโยนลงบนพื้นครั้งหนึ่ง ถูกผลักครั้งหนึ่ง เมื่อคืนฟู่อี้ชวนยังบอกว่าเธอมีเจตนาจะฆ่า เห็นได้ชัดว่าคนที่มีเจตนาฆ่าคือเขาต่างหาก

“ถ้าคุณเจอความรุนแรงในครอบครัวสามารถขอความช่วยเหลือทางกฎหมายได้นะคะ” พยาบาลที่ประคบร้อนให้เธออดไม่ได้ที่จะพูด

“ขอบคุณค่ะ ถ้าจำเป็นฉันก็จะขอค่ะ” ซูมั่วตอบกลับเธอ เอาแผ่นฟิล์มเอกซเรย์ใส่กลับไปเก็บในกระเป๋า

บาดแผลเหล่านี้เป็นวัตถุพยาน ถ้าฟู่อี้ชวนไม่หย่า ถึงตอนนั้นความรุนแรงในครอบครัวรวมถึงการนอกใจระหว่างแต่งงานจะเป็นหลักฐานแน่นหนาที่ใช้ตัดสินโทษได้

ท้องฟ้าค่อย ๆ มืดลง ในร้านอาหารห้าดาวแห่งหนึ่ง

“อี้ชวน นายไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันทุกวันหรอก มั่วมั่วคงไม่พอใจ” เย่ซินหย่าถือมีดกับส้อมในมือ มองฟู่อี้ชวนที่ส่งสเต๊กที่หั่นแล้วให้ตน กัดริมฝีปากพูดเสียงเบา

“เธอมีความสุขก็พอแล้ว ใครจะไปสนใจยัยนั่นกัน” ฟู่อี้ชวนไม่แสดงอารมณ์ใด พูดอย่างเย็นชา

มุมปากเย่ซินหย่ายกขึ้นจาง ๆ และคลายลงอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนชนแก้วไวน์แดงกัน

“พรุ่งนี้นายจะมาดูการเดินแคตวอล์กของฉันไหม? ฉันจะให้บัตรโซนด้านในนาย” เย่ซินหย่าพูดอย่างเขินอาย

แต่ยิ้มอยู่สองวินาที ชายตรงหน้าก็ไม่ตอบกลับ เธอเงยหน้าขึ้นมองไป และเรียก “อี้ชวน?”

ฟู่อี้ชวนได้สติกลับมา มองเธอและถาม “อะไรเหรอ?”

“นายคิดอะไรถึงได้ใจลอยขนาดนี้?” เย่ซินหย่าถาม

“ไม่มีอะไร” ฟู่อี้ชวนเม้มปากพูด

“นายคงไม่ได้...คิดถึงมั่วมั่วหรอกนะ” เย่ซินหย่าแอบกัดฟัน ถามเขา

“จะเป็นไปได้ยังไง ฉันคิดเรื่องงาน” ฟู่อี้ชวนแย้งทันที ดวงตาหลุบลง หาข้อแก้ตัว

เย่ซินหย่าพิจารณาการแสดงออกของเขา เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง พูดชวนเขาไปร่วมงานแฟชั่นโชว์อีกครั้ง

ฟู่อี้ชวนตอบรับ คลี่ยิ้มครั้งหนึ่งขณะที่ชนแก้วกับอีกฝ่าย

“ซินหย่า เธอโอเคไหม?” มาส่งคนถึงนอกโรงแรม ฟู่อี้ชวนก็เขย่าผู้หญิงที่พิงไหล่เขาเบา ๆ

เย่ซินหย่าหลับตา แขนโอบเอวเขาหลวม ๆ ไม่มีการตอบสนอง เมาโดยสิ้นเชิง

ฟู่อี้ชวนทำได้เพียงอุ้มเธอกลับโรงแรม เปิดกระเป๋า ไปที่ชั้นห้าตามหมายเลขห้องบนบัตร

เสียง “ติ๊ด” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง ประตูห้องเปิดออก ขณะที่กำลังจะวางเธอลงบนเตียง แขนคู่นั้นกลับโอบรอบคอเขาแน่นไม่ยอมปล่อย

“ซินหย่า...” ฟู่อี้ชวนถูกดึงลงไปบนเตียงด้วยกัน กลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงโชยมา ขณะเดียวกันก็พึมพำออกมา

“ฮือ ๆ อี้ชวน อย่าไปนะ...”

“นายอย่าชอบมั่วมั่วนะ ฉันรักนายมาก ฉันรักนาย...”

“ฉันไม่ชอบยัยนั่นหรอก” ฟู่อี้ชวนพูด กำลังจะดิ้นหลุดจากแขนอีกฝ่าย ผลคือริมฝีปากถูกจูบ

“ไม่ นายรักเธอ นายแต่งงานกับเธอ แล้วนายยังจะกลับไปอยู่กับเธออีก...” เย่ซินหย่าพูดพึมพำ

ฟู่อี้ชวนได้ยินคำพูดนี้ก็แย้งเสียงดังในใจ

เขาไม่ได้รักซูมั่ว! ไม่ได้รักเลยสักนิด! ที่แต่งกับเธอก็เพราะถูกปู่บังคับ! ชีวิตนี้เขาไม่มีทางตกหลุมรักผู้หญิงคนนั้น!!

แต่การกระทำมีประโยชน์กว่าคำพูด เพื่อพิสูจน์ว่าเขาจะไม่กลับไปอยู่กับซูมั่ว เขาลูบหลังศีรษะของเย่ซินหย่า เพิ่มความลึกซึ้งให้จูบนี้

บรรยากาศในห้องร้อนรุ่มขึ้น และมีความเย้ายวนมากขึ้น

แขนโอบรอบเอวฟู่อี้ชวน ทั้งสองฝ่ายแนบชิดกัน จูบจากริมฝีปากมาที่ลำคออีกครั้ง และมาถึงกระดูกไหปลาร้า

ในหัวปรากฏเพียงใบหน้าของซูมั่ว ซึ่งเต็มไปด้วยความโกรธที่ระเบิดออกมา และกัดอย่างบ้าคลั่ง

ทันใดนั้น มือข้างหนึ่งแนบที่เขา สัมผัสอ่อนโยนทำให้เขาได้สติโดยพลัน และหยุดชะงักทันที

เย่ซินหย่าลืมตาด้วยความสับสนและลุ่มหลง ฟู่อี้ชวนยันตัวลุกขึ้นมองเธอ สีหน้าแฝงความตกใจและนิ่งงัน หลังจากนั้นหนึ่งวินาทีก็พลิกตัวไปด้านข้าง
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 460

    แต่เมื่อดูจากผลแพ้ชนะคืนนี้แล้ว ดูเหมือนเธอจะกังวลมากเกินไปนอกจากเพื่อนสนิทจะถูกเอาเปรียบไปบ้าง ก็ถือเป็นว่าทำผลงานได้ดีที่สุดในงานซูมั่วคุยเป็นเพื่อนเธอ จนกระทั่งเธอกลับถึงบ้าน จึงเพิ่งวางสายหลีโย่วเข้าบ้าน สีหน้าที่โกรธเกรี้ยวทั้งหมดถูกเก็บไว้ หลังจากตอบแม่แบบส่ง ๆ ก็ขึ้นไปชั้นบนหลีเชินโผล่มาตรงหน้า ถือแก้วน้ำอยู่ แล้วถาม“เป็นยังไงบ้าง? คืนนี้มีแขกผู้ชายที่ถูกใจไหม?”หลีโย่วตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พี่ พี่รู้ไหมว่าพี่เหมือนอะไร?”หลีเชิน “?”“เหมือนแม่เล้าที่คอยเรียกลูกค้าให้พวกสาว ๆ ในสมัยโบราณมากเลย” หลีโย่วพูดด้วยรอยยิ้มหลีเชิน “...”“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ ฉันเป็นห่วงเธอ และคิดถึงอนาคตที่มีความสุขของเธออยู่นะ” หลีเชินพูด“เธอคิดว่าถ้าเธอชอบใครแล้วฉันจะยอมให้เธอแต่งงานเลยเหรอ? ฉันยังต้องไปตรวจสอบด้วยตัวเองก่อน ถ้าไม่ผ่านด่านฉันก็ไม่ได้”หลีโย่วเบะปาก ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ขณะที่กำลังจะเดินจากไป ก็ได้ยินพี่ชายเธอถามอีกครั้ง“คืนนี้เจิ้งเซวียนก็ไปงานเลี้ยงเรือสำราญนั่นด้วย พวกเธอเจอกันไหม?”“เจอกัน” หลีโย่วตอบ“ไม่ได้เจอกันหกปี เลยคุยกันเรื่อยเปื่อย หลังจากฉันกลับมาเขาก

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 459

    ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องแกล้งเขา และเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดต่อเธอด้วยคิดดูแล้ว ดูเหมือนว่าทุกการกระทำ และทุกคำพูดของหลีโย่วก็ล้วนไม่ได้มีปัญหาความแปลกใจตอนที่เห็นตนปรากฏตัว ก็เพราะว่าจำเขาได้ จึงเดินตามเขาออกไปทันทีตนยื่นน้ำผลไม้ให้เธอ เธอก็รับไปดื่มอย่างไม่มีความระแวดระวัง เพราะรู้ว่าเขาจะไม่ทำร้ายเธอบอกว่าไม่ได้คบใคร บอกว่ามีพี่ชายที่เข้มงวด แล้วยังบอกว่าเขาอายุเท่า ๆ กับพี่ชายของเธอ ทุกอย่างก็สอดคล้องกันหมดเจิ้งเซวียน ‘...เพราะงั้นเป็นเขาเองที่มีปัญหา ใครใช้ให้ไม่ถามชื่ออีกฝ่ายก่อนล่ะ? กลับตั้งใจหว่านเสน่ห์แล้วค่อยถามอีกที’ที่ผ่านมาจีบหญิงไม่เคยพลาด ในที่สุดวันนี้ก็พลาด เหมือนคนเดินอยู่ริมน้ำ รองเท้าจะไม่เปียกได้ยังไง?เจิ้งเซวียนปิดหน้าอย่างหมดแรง สุดท้ายผ่านไปสิบนาทีเต็ม ๆ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นก็สตาร์ตรถเตรียมตัวกลับบ้านสิ่งเดียวที่ทำให้เขาสบายใจได้ก็คือหลีโย่วจะไม่บอกพี่ชายของเธอ และเขาก็ไม่ต้องไปเผชิญหน้ากับเพื่อนสนิทตัวต่อตัวแล้วถูกจัดการขณะเดียวกัน บนถนนที่กว้างขวางรถเฟอร์รารีเปิดประทุนขับเร็วมาก ทับเส้นจำกัดความเร็วเสียงลมหวีดหวิวข้างหู ก็ยังไ

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 458

    “ไปให้พ้นเลย เอาแต่พูดเรื่องไม่ดีอยู่ได้” หวังคุนด่าพลางยิ้มเจิ้งเซวียนมองหลีโย่ว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแบบพี่ชายพูด“เสี่ยวโย่วจื่อก็อยู่เล่นที่นี่ต่อเถอะ ฉันไปก่อนนะ วันหลังจะนัดรวมตัวกับพี่ชายเธอด้วย”“ฉันก็จะไปเหมือนกันค่ะ อยู่นานพอสมควรแล้ว ไปรายงานพี่ชายได้แล้วค่ะ” หลีโย่วยิ้มอย่างซุกซนเจิ้งเซวียนเข้าใจว่าคำพูดนี้หมายความว่าอะไร สรุปคือวันนี้หลีเชินบังคับให้เธอมางานนี้นึกถึงตอนที่เธอบอกว่าวันหยุดสุดสัปดาห์ออกไปข้างนอกคนเดียวไม่ได้ พี่ชายเธอเข้มงวดมาก ซึ่งก็ตรงกับนิสัยของหลีเชินจริง ๆ เพราะงั้น...ทำไมเขาถึงนึกเชื่อมโยงไม่ได้ตั้งแต่แรกกันนะ?ในใจเจิ้งเซวียนเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย รู้สึกว่าวันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูฤกษ์ดูยาม เขาไม่ได้ขายหน้าขนาดนี้มานานแล้วจริง ๆ แถมยังเป็นต่อหน้าน้องสาวอีก...“งั้นเดี๋ยวฉันไปส่งเธอกลับบ้านนะ” เจิ้งเซวียนเก็บความคิด และพูดด้วยรอยยิ้มบาง“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันขับรถมาเอง แต่เราออกไปพร้อมกันก็ได้ค่ะ” หลีโย่วพูดทั้งสองคนเดินคู่กันออกมาจากงาน ลงจากเรือสำราญ จากนั้นก็ไปที่ลานจอดรถในช่วงเวลานี้ มีแค่เสียงพื้นรองเท้าที่ก้าวเดินของทั้งคู่เท่านั้น

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 457

    เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องอะไรกับ...หลีเชินเขาหันคอที่แข็งทื่อไปช้า ๆ มองใบหน้าที่แฝงด้วยรอยยิ้มหวานจาง ๆ ของหญิงสาวกระแสเวลาที่ยาวนานหกปีเหมือนย่อลงในชั่วขณะนี้ ภาพของหญิงสาวที่สดใสมีเสน่ห์ตรงหน้า ซ้อนทับกับเด็กสาวที่สวมแว่นกรอบดำทั้งยังอวบเล็กน้อยเมื่อสมัยมัธยมปลายเขาก็ว่าอยู่ว่าทำไมตอนนั้นถึงรู้สึกคุ้นตานัก ที่แท้ก็เพราะสาเหตุนี้...“หลี...หลีโย่ว” จ้องมองอย่างนิ่งงันไปหลายวินาที เจิ้งเซวียนจึงเพิ่งพูดอ้ำอึ้งอย่างตกตะลึงเห็นเพียงหญิงสาวพยักหน้า รอยยิ้มบนใบหน้าที่ยิ่งหวานและจริงใจ กลับทำให้หัวใจของเจิ้งเซวียนกระตุก ต้องฝืนรักษารอยยิ้มไว้อย่างยากลำบาก ไม่ให้กระอักเลือดออกมาการจีบสาวในวันนี้ไม่ใช่แค่ล้มเหลว แต่โคตรจะล้มเหลวเพราะเหตุไม่คาดฝันหลีโย่ว เสี่ยวโย่วจื่อ เด็กสาวคนนั้นที่เขามองว่าเป็นน้องสาวมาตลอด ผลคือเขากลับ...หยอดเธอ อยากจีบเธอมาเป็นแฟนจิตสำนึกถูกประณาม เขาถูกตอกตรึงไว้บนเสาแห่งความอับอายทางศีลธรรมแต่เขารู้สึกว่าตนคงไม่ต้องรอให้ถูกจิตสำนึกของตัวเองฆ่าตายหรอก เพราะถ้าหลีเชินรู้ว่าเขาจะจีบน้องสาวของอีกฝ่าย คงฟันตนตายก่อนในมีดเดียวแน่“เสี่ยวโย่วจื่อ...” เจิ้งเซ

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 456

    “เธอเรียนเต้นมาตั้งแต่เด็กเลยเหรอ? รู้จักการเต้นหลายประเภทแถมยังเชี่ยวชาญหมดเลยด้วย เหมือนเป็นนักเต้นมาตั้งแต่เกิดเลย”“ฉันเคยเต้นกับคู่เต้นผู้หญิงคนอื่นนะ แต่ท่วงท่าของพวกเธอไม่คล่องแคล่วเท่าเธอ และยิ่งไม่มีชีวิตชีวาเหมือนเธอด้วย”“ตอนเพลงเร็วจังหวะเธอก็ดีมาก เข้าถึงอารมณ์เพลงได้เร็ว รอยยิ้มก็สดใสเปล่งประกาย เหมือนสาวน้อยชาวทิเบตที่มีความกระตือรือร้นใต้ภูเขาหิมะเลย”......เขาชม แต่หญิงสาวไม่ได้ตอบกลับ รู้ว่าอีกฝ่ายอาย เขาก็ไม่ได้เป็นฝ่ายเปิดโปงในฐานะนักล่าฝ่ายรุกคนหนึ่ง เมื่อบรรยากาศค่อย ๆ คืบหน้า มือซ้ายของเขาก็ขยับเล็กน้อย แล้วเป็นฝ่ายจับมือที่นุ่มนิ่มของอีกฝ่ายในขณะเดียวกันมืออีกข้างที่โอบหลังเอวไว้หลวม ๆ ก็วางลงไปอย่างแผ่วเบา พร้อมพาเธอหมุนวงใหญ่รอบหนึ่งเมื่อเพลงวอลซ์จบลง ทั้งสองคนเข้าขากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ รับลมทะเล และพูดคุยเรื่อยเปื่อย ตอนนี้คืบหน้าไปอีกก้าวแล้ว“อายุเท่าไรแล้ว?” เจิ้งเซวียนถาม “ยังเรียนอยู่หรือเปล่า?”“ยี่สิบสี่แล้ว” หญิงสาวตอบเจิ้งเซวียนแปลกใจเล็กน้อย แล้วพูด“ดูไม่ออกเลยจริง ๆ ฉันนึกว่าเธอเพิ่งบรรลุนิติภาวะ ยังเป็นนักศึกษาอยู่ซะอีก”ประโยคน

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 455

    “ดื่มเถอะ ฉันเป็นคนซื่อตรง ไม่ใช้วิธีต่ำทรามแบบนั้นหรอก”หญิงสาวได้ยินแบบนี้ก็จิบสองอึกจนชุ่มคอ จากนั้นก็นั่งลงเงียบ ๆ“เมื่อกี้มองออกว่าเธอเหนื่อยกับการรับมือ ถึงแม้พวกเราจะไม่ได้นัดแนะกันมาก่อน แต่กลับร่วมมือกันได้ดีทีเดียว” เจิ้งเซวียนพิงราวกั้นพลางมองเธอแล้วพูด“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงของเธอแผ่วลงเล็กน้อย เจิ้งเซวียนที่ฟังความผิดปกติไม่ออก ยิ้มบางและพูด“แค่ช่วยเหลือเล็กน้อย ช่วยเธอได้ฉันก็ดีใจ”บทสนทนาดูเหมือนจะจบลงตรงนี้ แต่เจิ้งเซวียนเป็นใคร เขาสร้างหัวข้อสนทนาได้ง่ายเหมือนจับวางอยู่แล้ว“ฉันเห็นการเต้นเพลงแรกของเธอ จังหวะแปดนับที่สาม ถ้าหมุนเพิ่มอีกครึ่งรอบอาจจะสวยกว่านี้นะ” เขาพูดเขาไม่ได้ใช้ถ้อยคำสวยหรูเพื่อชมเอาใจเธอ และยิ่งไม่ได้บอกว่าท่าเต้นของเธอได้มาตรฐานแค่ไหน และรูปร่างของเธอเย้ายวนแค่ไหนแต่ชี้ให้เห็นถึง ‘ปัญหา’ ราวกับกำลังพูดเรื่องการเต้นรำอย่างบริสุทธิ์ใจเพราะวิธีจีบผู้หญิงที่ไม่เคยมีความรักกับผู้หญิงที่เคยมีความรักนั้นแตกต่างกันมาก การชมอย่างผลีผลามและเจตนาที่ชัดเจนเกินไปมีแต่จะทำให้อีกฝ่ายตกใจจนหนีไปกลับกันการชี้แนะอย่างจริงใจ และรุกอย่างช้า ๆ จ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status