Share

บทที่ 11

Author: อิงเซี่ย
เขาปิดประตูและหันหลังกลับ เดินไปที่ห้องครัวดูอาหารที่เอ่กลับมาด้วยตัวเอง รู้สึกแค่ว่าน่าหัวเราะอย่างถึงที่สุด จากนั้นก็โยนทุกอย่างเข้าไปในถังขยะ

หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรออก หลังโทรไปสามครั้ง ปลายสายก็ยังไม่มีคนรับ ในขณะที่กำลังจะโมโหอีกครั้งก็นึกได้ว่าโทรศัพท์ของซูมั่วพังไปแล้ว

ฟู่อี้ชวนไม่ได้โทรอีก สีหน้าเย็นชา กลับไปอาบน้ำที่ห้องนอนหลักเตรียมเข้านอน

อยากไปไหนก็ไป จะไปตายก็ไม่เกี่ยวกับเขาเหมือนกัน

ตีสอง บนเตียง

ฟู่อี้ชวนถูกความปั่นป่วนในท้องทำให้รู้สึกเจ็บจนตื่นขึ้นมา ในดวงตาเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด พูดออกมาอย่างขุ่นเคืองโดยไม่รู้ตัว

“ซูมั่ว ซุปสร่างเมา...”

มองประตูห้องที่อยู่เยื้องมุมซึ่งยังเปิดอยู่ ก็ยังคงอยู่ในท่าทีล้มลุก ฟู่อี้ชวนกำมือแน่น เดินไปหายาแก้ปวดท้องอย่างหงุดหงิด

บาร์บีคิวที่กินตอนมื้อเย็นมันเลี่ยนเกินไป เขากินไปไม่เท่าไร ทั้งยังแตะเหล้ากลั่น ตอนนี้ในที่สุดก็เกิดปฏิกิริยา

ในขณะที่ท้องว่าง เขาเดินไปข้างตู้เย็น เขาจำได้ว่าซูมั่วเตรียมอาหารเย็นไว้ให้เขาหลายจาน แต่เมื่อเปิดประตูตู้เย็น ข้างในกลับไม่มีอะไรเลย

เขาไปที่ห้องครัวอีกครั้ง พบว่าเคาน์เตอร์และในตู้สะอาดหมดจด เขาโกรธจัด ทั้งร่างเต็มไปด้วยความกดดันอึมครึมอย่างเดือดดาล

“ต้องทำให้สุดขนาดนี้เลยใช่ไหม? ใครให้เธอมาอวดเก่งแบบนี้? แน่จริงก็อย่ากลับมาอีกตลอดชีวิตเลยแล้วกัน!”

ไปทำงานเช้าวันรุ่งขึ้น

ผู้ช่วยหลี่หยวนรู้สึกได้อย่างชัดเจนมากว่าวันนี้บรรยากาศของประธานฟู่ผิดปกติ น่ากลัวสุด ๆ เพื่อไม่ให้โดนลูกหลง ตอนรายงานเรื่องงานจึงถอยหลังห่างออกไปสามก้าว

“นาย ไปซื้อโทรศัพท์มาเครื่องหนึ่ง” ตอนเช้า ฟู่อี้ชวนส่งเอกสารที่เซ็นชื่อแล้วไป ขณะที่พูด

“ไม่ทราบว่าประธานฟู่ต้องการยี่ห้อและรุ่นอะไรครับ” หลี่หยวนถามอย่างระมัดระวัง

“ตามใจนาย” ฟู่อี้ชวนพูดอย่างหงุดหงิด

“งั้นสีกับฟังก์ชัน...” หลี่หยวนถามอีกครั้ง แต่ถูกขัดจังหวะคำพูดโดยตรง

“ไม่ได้บอกเหรอว่าตามใจนายแล้วยังจะถามอีก? แค่ให้โทรได้ก็พอแล้ว”

หลี่หยวนตัวสั่น รีบหยิบเอกสารถอยออกไปทันที ชั่วขณะที่ปิดประตูห้องทำงานลง เขาก็ถอนหายใจยาว

“แปลกจริง ๆ ประธานฟู่บอกว่าอยากซื้อ ทั้งยังบอกให้ซื้อตามใจอีก งั้นถ้าซื้อแล้วเขาไม่ชอบจะทำยังไง?” หลี่หยวนพึมพำเสียงเบา ส่ายศีรษะ รู้สึกว่าอยู่ใกล้เขาต้องระวังเหมือนอยู่ใกล้เสือ

ตอนนี้ ในโรงพยาบาล

ซูมั่วนอนคว่ำอยู่บนเตียงในห้องคนพักผู้ป่วย ช่วงล่างของเอวยังเจ็บปวดมาก เมื่อคืนเข้านอนเร็ว แต่ก็นอนไม่หลับ รู้สึกเจ็บจนตื่นขึ้นมากลางดึก

ตอนเช้าดูโทรศัพท์ ฟู่อี้ชวนโทรมาสามสาย เธอไม่ได้โทรกลับ และเพิ่งนึกได้ว่าเมื่อวานตัวเองไม่ได้เอาแล็บท็อปมาด้วย จึงทำได้เพียงดูวิดีโอเรียนรู้ผ่านโทรศัพท์

ตอนบ่าย ผลเอกซเรย์ออกแล้ว กระดูกก้นกบร้าว

ซูมั่วมองแผ่นฟิล์มเอกซเรย์ แววตาเย็นชา

ถูกโยนลงบนพื้นครั้งหนึ่ง ถูกผลักครั้งหนึ่ง เมื่อคืนฟู่อี้ชวนยังบอกว่าเธอมีเจตนาจะฆ่า เห็นได้ชัดว่าคนที่มีเจตนาฆ่าคือเขาต่างหาก

“ถ้าคุณเจอความรุนแรงในครอบครัวสามารถขอความช่วยเหลือทางกฎหมายได้นะคะ” พยาบาลที่ประคบร้อนให้เธออดไม่ได้ที่จะพูด

“ขอบคุณค่ะ ถ้าจำเป็นฉันก็จะขอค่ะ” ซูมั่วตอบกลับเธอ เอาแผ่นฟิล์มเอกซเรย์ใส่กลับไปเก็บในกระเป๋า

บาดแผลเหล่านี้เป็นวัตถุพยาน ถ้าฟู่อี้ชวนไม่หย่า ถึงตอนนั้นความรุนแรงในครอบครัวรวมถึงการนอกใจระหว่างแต่งงานจะเป็นหลักฐานแน่นหนาที่ใช้ตัดสินโทษได้

ท้องฟ้าค่อย ๆ มืดลง ในร้านอาหารห้าดาวแห่งหนึ่ง

“อี้ชวน นายไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันทุกวันหรอก มั่วมั่วคงไม่พอใจ” เย่ซินหย่าถือมีดกับส้อมในมือ มองฟู่อี้ชวนที่ส่งสเต๊กที่หั่นแล้วให้ตน กัดริมฝีปากพูดเสียงเบา

“เธอมีความสุขก็พอแล้ว ใครจะไปสนใจยัยนั่นกัน” ฟู่อี้ชวนไม่แสดงอารมณ์ใด พูดอย่างเย็นชา

มุมปากเย่ซินหย่ายกขึ้นจาง ๆ และคลายลงอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนชนแก้วไวน์แดงกัน

“พรุ่งนี้นายจะมาดูการเดินแคตวอล์กของฉันไหม? ฉันจะให้บัตรโซนด้านในนาย” เย่ซินหย่าพูดอย่างเขินอาย

แต่ยิ้มอยู่สองวินาที ชายตรงหน้าก็ไม่ตอบกลับ เธอเงยหน้าขึ้นมองไป และเรียก “อี้ชวน?”

ฟู่อี้ชวนได้สติกลับมา มองเธอและถาม “อะไรเหรอ?”

“นายคิดอะไรถึงได้ใจลอยขนาดนี้?” เย่ซินหย่าถาม

“ไม่มีอะไร” ฟู่อี้ชวนเม้มปากพูด

“นายคงไม่ได้...คิดถึงมั่วมั่วหรอกนะ” เย่ซินหย่าแอบกัดฟัน ถามเขา

“จะเป็นไปได้ยังไง ฉันคิดเรื่องงาน” ฟู่อี้ชวนแย้งทันที ดวงตาหลุบลง หาข้อแก้ตัว

เย่ซินหย่าพิจารณาการแสดงออกของเขา เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง พูดชวนเขาไปร่วมงานแฟชั่นโชว์อีกครั้ง

ฟู่อี้ชวนตอบรับ คลี่ยิ้มครั้งหนึ่งขณะที่ชนแก้วกับอีกฝ่าย

“ซินหย่า เธอโอเคไหม?” มาส่งคนถึงนอกโรงแรม ฟู่อี้ชวนก็เขย่าผู้หญิงที่พิงไหล่เขาเบา ๆ

เย่ซินหย่าหลับตา แขนโอบเอวเขาหลวม ๆ ไม่มีการตอบสนอง เมาโดยสิ้นเชิง

ฟู่อี้ชวนทำได้เพียงอุ้มเธอกลับโรงแรม เปิดกระเป๋า ไปที่ชั้นห้าตามหมายเลขห้องบนบัตร

เสียง “ติ๊ด” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง ประตูห้องเปิดออก ขณะที่กำลังจะวางเธอลงบนเตียง แขนคู่นั้นกลับโอบรอบคอเขาแน่นไม่ยอมปล่อย

“ซินหย่า...” ฟู่อี้ชวนถูกดึงลงไปบนเตียงด้วยกัน กลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงโชยมา ขณะเดียวกันก็พึมพำออกมา

“ฮือ ๆ อี้ชวน อย่าไปนะ...”

“นายอย่าชอบมั่วมั่วนะ ฉันรักนายมาก ฉันรักนาย...”

“ฉันไม่ชอบยัยนั่นหรอก” ฟู่อี้ชวนพูด กำลังจะดิ้นหลุดจากแขนอีกฝ่าย ผลคือริมฝีปากถูกจูบ

“ไม่ นายรักเธอ นายแต่งงานกับเธอ แล้วนายยังจะกลับไปอยู่กับเธออีก...” เย่ซินหย่าพูดพึมพำ

ฟู่อี้ชวนได้ยินคำพูดนี้ก็แย้งเสียงดังในใจ

เขาไม่ได้รักซูมั่ว! ไม่ได้รักเลยสักนิด! ที่แต่งกับเธอก็เพราะถูกปู่บังคับ! ชีวิตนี้เขาไม่มีทางตกหลุมรักผู้หญิงคนนั้น!!

แต่การกระทำมีประโยชน์กว่าคำพูด เพื่อพิสูจน์ว่าเขาจะไม่กลับไปอยู่กับซูมั่ว เขาลูบหลังศีรษะของเย่ซินหย่า เพิ่มความลึกซึ้งให้จูบนี้

บรรยากาศในห้องร้อนรุ่มขึ้น และมีความเย้ายวนมากขึ้น

แขนโอบรอบเอวฟู่อี้ชวน ทั้งสองฝ่ายแนบชิดกัน จูบจากริมฝีปากมาที่ลำคออีกครั้ง และมาถึงกระดูกไหปลาร้า

ในหัวปรากฏเพียงใบหน้าของซูมั่ว ซึ่งเต็มไปด้วยความโกรธที่ระเบิดออกมา และกัดอย่างบ้าคลั่ง

ทันใดนั้น มือข้างหนึ่งแนบที่เขา สัมผัสอ่อนโยนทำให้เขาได้สติโดยพลัน และหยุดชะงักทันที

เย่ซินหย่าลืมตาด้วยความสับสนและลุ่มหลง ฟู่อี้ชวนยันตัวลุกขึ้นมองเธอ สีหน้าแฝงความตกใจและนิ่งงัน หลังจากนั้นหนึ่งวินาทีก็พลิกตัวไปด้านข้าง
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 540

    ได้ยินชื่อ ‘ประธานฟู่’ ทุกคนก็เข้าใจทันทีว่าที่แท้ก็เป็นสามีตามมาที่บริษัทนี่เองงั้นก็เอาเถอะ ดูท่าคงไม่ใช่ผู้ชายคนที่สี่ ยังเป็น ‘ผู้ชายสามคนแย่งผู้หญิงคนเดียว’ เหมือนเดิมทุกคนแทบไม่กินแล้ว เที่ยงวันนี้กินข่าวลือก็อิ่มแล้ว ยังไงปกติพนักงานทั่วไปอย่างพวกเขาจะมีโอกาสเห็น ‘ดราม่าตระกูลไฮโซ’ แบบสด ๆ อย่างนี้ต่อหน้าได้ที่ไหนกัน?“ผมไม่ได้บ้า ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไร พูดอะไรอยู่” ดวงตาทั้งสองของฟู่อี้ชวนมองตรงไปที่ซูมั่วอยู่ที่เดิม และพูดด้วยด้วยความใจเย็น “คุณคบกับหลีเชินแล้วงั้นเหรอ? คบกันนานแค่ไหนแล้ว??” ฟู่อี้ชวนถามด้วยความหึงหวงซูมั่วเบื่อจนเกินอธิบาย เธอหันหน้าหนีไป แม้แต่คำตอบยังขี้เกียจจะตอบเธอไปคบกับหลีเชินตั้งแต่เมื่อไหร่? ไปเอาข่าวมาจากไหน??ฟู่อี้ชวนยังบอกตัวเองไม่ได้บ้า นี่มันเสียสติระยะสุดท้ายชัด ๆ!เห็นซูมั่วไม่ตอบเขา ไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาแล้ว ฟู่อี้ชวนเลยถือว่านี่คือ ‘การยอมรับโดยปริยาย’ ทันที ความหึงหวงกำลังจะกลืนกินเขาจนหมดเขาพยายามสูดหายใจลึก ๆ พยายามอดทนไว้ เขารู้ว่านี่ไม่ใช่ความผิดของซูมั่วผิดที่ไอ้สารเลวหลีเชินที่ล่อลวงเธอ ฉวยโอกาสเข้ามาแทนที่ผิดที่เมื่

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 539

    หลังจากนั้นแรงดึงอย่างแรงให้เธอหันไป เสียการทรงตัว ส้นสูงยืนไม่มั่นคง มืออีกข้างก็เลยไปยันที่หน้าอกบนชุดสูทของฟู่อี้ชวน“มันเป็นใคร?” ฟู่อี้ชวนจับจ้องเธออย่างไม่ละสายตาด้วยดวงตาคมกริบ ก่อนจะถามด้วยความอดทนอีกครั้งซูมั่วเงยหน้าขึ้น สบตากับดวงตาที่ทั้งดุร้ายและเต็มไปด้วยความอยากครอบครอง ดวงตาดำคล้ำยิ่งขับให้ใบหน้าดุร้ายมากขึ้นไปอีก“เขาเป็นใคร? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ?” ซูมั่วพูดด้วยความโมโห จ้องเขาด้วยสายตาเย็นชาหลี่หยวนรีบวิ่งเข้ามาแทรก พยายามดึงมือฟู่อี้ชวนด้วยความเกรงใจและพูดว่า“ที่นี่เป็นที่สาธารณะนะ เราต้องระวังผลกระทบด้วย…”แต่ฟู่อี้ชวนไม่ฟังใช้มืออีกข้างดันหลี่หยวนออกไป พร้อมทั้งก้าวเข้ามาใกล้ซูมั่วมากขึ้น จนเกิดความกดดันหลังจากนั้นเอียงศีรษะทำท่าจะโน้มลงไป เขากำลังจะจูบ…“เพียะ!” เสียงตบมือดังสนั่น ซูมั่วรู้สึกขยะแขยงมากจึงตบออกไปแก้มของฟู่อี้ชวนร้อนผ่าว เขาแทบจำไม่ได้เลยว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่ซูมั่วตบเขาแต่เขาไม่ได้โกรธ เพียงแค่รู้สึกเจ็บใจ“ผู้ชายคนนั้นมีสิทธิ์อะไรถึงกล้ามาจีบกับคุณ?!” ฟู่อี้ชวนกัดฟันถามด้วยความไม่พอใจซูมั่วแทบจะหัวเราะออกมาเพราะความโม

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 538

    เขาอ้างอิงคำพูดด้านบนของซูมั่ว แล้วตอบกลับว่า[ก็มีเสียมารยาทจริง ๆ คุณไม่อยากรู้เหรอว่าตอนคุณเมาทำอะไรหรือพูดอะไรไปบ้าง?ฉันมีบันทึกเสียงอยู่ สามารถช่วยให้เธอนึกขึ้นมาได้]เมื่อเห็นสองประโยคนั้น เสียงดัง ‘ปึ้ง’ ซูมั่วรู้สึกสมองว่างเปล่าเมื่อคืนหลังจากเมาจนภาพตัดเธอทำอะไรไปบ้าง? คงไม่ใช่ว่าเมาแล้วเสียสติหรอกนะ…คงไม่ไปกอดหลีเชินร้องไห้ใช่ไหม? จบเห่แล้ว…แล้วยังมีบันทึกเสียงอีก…หลีเชินเป็นคนแบบนี้ได้ยังไงกัน!เดิมซูมั่วก็เป็นคนขี้อายอยู่แล้ว เมื่อครู่กว่าจะหายหน้าแดง ตอนนี้กลับแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้งราวกับกุ้งสุกเธอสงสัยว่าที่หลีเชินส่งเธอกลับบ้านก็เพื่อดูเธอทำเรื่อง ‘น่าอาย’ และหลังจากนั้นผู้ชายเจ้าเล่ห์คนนั้นก็อัดเสียง บางทีอาจจะถ่ายวิดีโอไว้ เพื่อเอามาแกล้งเธอนิ้วมือของเธอสั่นขณะพิมพ์ถามว่าตัวเองทำอะไรไปบ้าง ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เป็นเพราะอายและละอายตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่เคยรู้สึกอับอายแบบนี้มาก่อน ยิ่งอยู่ต่อหน้าผู้ชายที่ชอบแกล้งเธอที่สุดแล้วด้วย นี่เป็นการยื่นมีดให้อีกฝ่ายไม่ใช่เหรอ?แต่ขณะที่เธอกำลังพิมพ์ข้อความนั้น ไม่ไกลออกไป ชายคนหนึ่งสวมชุดสูทสีน้ำเงินเข้มเห็นเ

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 537

    ผ้าเช็ดมือที่เปียกชื้นหลีโย่วไม่น่าจะแยกไม่ออก จนเอาผ้าเช็ดมือของเธอไปใช้เช็ดหน้าให้เธอแล้วทำไมเมื่อเช้าเธอถึงไม่คิดถึงตรงจุดนี้??!!แล้วตกลงเป็นใครกันแน่ คนขับรถหรือ…หลีเชิน?คาดเดาในใจเพียงสองวินาที ซูมั่วเม้มริมฝีปากแน่นหวังว่าจะเป็นคนขับรถนะ อย่างน้อยคนขับรถก็น่าจะสมเหตุสมผลมากกว่า เพราะต้องเป็นคนที่ทำงานบริการถึงจะใส่ใจละเอียดขนาดนี้แต่…การมาเช็ดหน้าให้เธอมัน ‘ละเอียดเกินไป’ หรือเปล่า?ยังไงอีกฝ่ายก็เป็นผู้ชาย ชายหญิงแตกต่างกัน จริง ๆ แล้วแค่มาส่งเธอกลับเข้าบ้านก็น่าจะพอแล้วแต่เขาก็มีความหวังดี ซูมั่วไม่ควรจะไป ‘คาดเดา’ อะไรเพิ่มเติม แต่ในสมองเธอก็ยังนึกถึงเหตุการณ์ในตอนเช้าที่ตัวเองตื่นขึ้นมาเสื้อผ้ายังไม่ได้ถอด ยังอยู่ครบเรียบร้อย สายชุดชั้นในหรืออะไรอื่น ๆ ก็ไม่ได้บิดเบี้ยว ดังนั้นน่าจะไม่ได้มีเรื่องไม่เหมาะสมเกิดขึ้นแค่คิดว่าคนแปลกหน้าคนหนึ่งเอาผ้าเช็ดมือมาเช็ดมือเช็ดหน้าให้เธอ ก็รู้สึก…แปลก ๆ นิดหน่อยขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น มาถึงชั้นร้านอาหารแล้ว ซูมั่วไม่ได้รอข้อความจากหลีโย่ว แต่ปรากฏว่าแจ้งเตือนโทรศัพท์เด้งขึ้นมา…เป็นข้อความจากหลีเชิน[นี่ก็เป็นครั

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 536

    จนถึงตอนนี้ เรื่องราววนกลับมาเป็นวงกลมในเรื่องธุรกิจถือว่าเขาทำได้ไม่เลว แต่ในเรื่องการอบรมเลี้ยงดูลูกหลานนั้นเขากลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงคนเราอายุมากขึ้น ก็ไม่ได้รั้นเหมือนแต่ก่อนแล้ว เขามักจะคิดทบทวนอยู่บ่อย ๆ ว่าเหมือนเขาจะเข้มงวดกับลูกชายและหลานชายมากเกินไป ถึงขั้นบังคับเรื่องการแต่งงานของพวกเขาแต่บางครั้ง เขาก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดเพราะฟู่ปั๋วหมิงไม่มีทั้งความสามารถและพรสวรรค์อะไร เขาจึงหาคนที่มีความสามารถทางธุรกิจมาช่วย เพื่อช่วยให้ลูกชายสามารถยืนหยัดในตำแหน่งได้อย่างมั่นคงเป็นเขาเองที่มีตาไม่มีแวว ไม่รู้จักคุณค่า ถูกผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีสามารถสนับสนุนอะไรเขาได้พูดหลอกล่อไม่กี่คำก็ไปแล้วตอนนี้ชีวิตก็ไม่ใช่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ หรอกเหรอ? เรียกได้ว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงพอมาถึงฟู่อี้ชวน เย่ซินหย่าก็เป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจคนหนึ่ง แต่เขากลับรักเธอจนแทบบ้าซูมั่วเป็นผู้หญิงที่ดีขนาดนั้นเขากลับไม่รู้จักถนอม จนหย่าขาดกันไปแล้ว ถึงค่อยกลับไปตามง้อสุดท้ายฟู่อี้ชวนกลับโทษเขา และพูดถ่อยคำหยาบคาบทิ่มแทงใจเขาถ้าจะพูดถึงการแต่งงานตามข้อตกลงนี้เขาเองก็รู้สึกผิด แต่ก็แค่ก

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 535

    “ใช่ ผมยังคิดว่าจะโดนประธานฟู่ด่าด้วยซ้ำ หลี่หยวนก็เป็นคนฉลาดนัก ไม่ยอมช่วยพูดเรื่องนี้เลย ยังไงก็ตามยังไม่เห็นข้อดีของงานนี้เลย แต่มีข้อเสียเต็มไปหมด” โจวเฉิงถอนหายใจแล้วพูดอีกทั้งโปรเจกต์เล็ก ๆ ของติ่งเซิ่งที่เดียว กลับต้องให้เขาเป็นคนนำทีมด้วยตัวเองเดิมทีเรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ระดับผู้จัดการมาเข้าร่วมเลย หาหัวหน้าทีมมาทำก็พอแล้ว ส่วนเขาก็รับผิดชอบเซ็นชื่อแต่บังเอิญว่า นี่เป็นคำสั่งของประธานฟู่ ไม่เพียงแต่ผู้จัดการต้องติดตามตลอดกระบวนการ ประธานฟู่ก็จะติดตามไปด้วยเขาเสียใจภายหลังจริง ๆ ที่ตอนนั้นแย่งงานกับผู้จัดการคนอื่น ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดมันจะง่ายขนาดนั้นได้ยังไง“ผมเอาคำพูดไปบอกแล้ว แล้วก็ห้ามแล้วด้วย แต่ประธานฟู่ไม่ฟังเลยผมก็จนปัญญา เปลี่ยนให้พระเจ้ามาก็คงห้ามไม่อยู่” โจวเฉิงถอนหายใจอีกครั้งพร้อมกล่าวในเวลานั้น ที่โรงพยาบาลเอกชนพ่อบ้านนำเนื้อหาที่ได้รับจากโทรศัพท์ถ่ายทอดให้ชายชราที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ฟัง ชายชรามีสีหน้าเฉยเมย และแค่นเสียงเย็นชาว่า“เขาจะไปแล้วฉันยังจะจัดการได้อีกเหรอ? โตแล้วปีกกล้าขาแข็ง แม้แต่ฉันที่เป็นปู่ก็ไม่เห็นอยู่ในสายตาแ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status