“แผลข้างนอกหายจะหมดแล้ว เหลือแต่ที่หัว เมื่อไหร่จะฟื้นสักทีวะ”
ลูคัสที่รับหน้าที่เฝ้ายามหน้าห้องพักฟื้นของลูกศัตรูของเจ้านายบ่นพึมพำออกมาเมื่อเขาต้องมานั่งตรงนี้ทุกวันแทบจะตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยก็ว่า เป็นระยะเวลาเกินครึ่งเดือนมาแล้ว
ความเบื่อหน่ายถามหาเขาจนแทบอยากจะกระอักมันออกมาทางปาก แต่ติดตรงที่กลัวเจ้านายจนหัวหด ก็ทำได้เพียงแค่พูดลอยลมออกมาเท่านั้น
นี่ถ้าไม่ใช่งานที่เจ้านายสั่ง เขาก็คงยิ่งอีนั้นที่นอนสบายอยู่ในห้องพักฟื้นนั้นตายห่าไปแล้วแน่ๆ
“มึงเบื่อจะเฝ้าแล้วหรือไง”
โจหันไปถามเพื่อนด้วยคำพูดสั้นๆ พร้อมกับหน้าตาที่เบื่อหน่ายสุดกำลังเช่นกัน เพราะเขาก็นั่งอยู่ตรงนี้มานานเท่าๆกับไอ้ลูคัสมันนั่นแหละ
“เออซิวะ ครึ่งเดือนแล้วนะโว้ย หลับสบายใจอยู่ได้”
“กูเบื่อยิ่งกว่ามึงอีก กูยังไม่พูดเลย มึงจะเสือกพูดมากทำไมวะ หนวกหู”
“เอาปืนยิงกรอกปากแม่งให้จบๆไป แล้วค่อยไปรายงานนายที่หลังว่าปืนลั่น”
“ถ้าอีนี่ตายมึงก็ตายจำไม่ได้หรือไง”
โจทวนความจำให้กับเพื่อนรักของเขาเผื่อว่ามันจะลืมว่าเจ้านายเคยพูดเอาไว้ยังไง ก็ด้วยอีนั้นของมันที่นอนอยู่บนเตียงนั้นเป็นศัตรูตัวฉกาจของเจ้านาย ถ้าเจ้านายไม่ได้สั่งฆ่าใครจะไปกล้ายุ่งกันล่ะ
“เฮ้อ มึงเฝ้าไว้ก็แล้วกัน กูจะออกไปซื้อกาแฟกิน”
ลูคัสเดินออกไปจากตรงนั้นเพื่อระบายความเบื่อหน่าย อีกสักพักเขาก็จะกลับมาทำงานต่อได้เอง
“เออ รีบไปรีบมา”
โจรับหน้าที่เฝ้าหญิงสาวที่คล้ายเป็นเจ้าหญิงนิทราไปแล้วนั้นต่อเพียงลำพัง สอดส่ายสายตามองไปรอบๆด้วยความระมัดระวังอย่างไม่ขาด
“สวัสดีครับนาย”
แล้วก็ต้องรีบลุกขึ้นยืนตัวตรงทำความเคารพเจ้านายที่เดินเข้ามาอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว ก้มหัวเล็กน้อยเพื่อทักทายเจ้านาย
“อีกตัวไปไหน”
เสียงหนาเอ่ยถามสั้นๆกับลูกน้องพร้อมกับสีหน้าไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ เมื่อมาเจอลูกน้องเพียงคนเดียวคอยเฝ้าศัตรูของเขาเอาไว้ แทนที่จะมีสองคนตามคำสั่งของเขา
“ไปซื้อกาแฟครับ”
“ไปลากคอมันมา แล้วกระทืบให้มันหลาบจำ”
“ครับนาย”
โจจำต้องเดินออกไปตามเพื่อนของเขากลับมารับโทษ โทษฐานที่ละทิ้งหน้าที่ของตัวเองไปทั้งที่ก่อนหน้าที่จะมานั่งเฝ้าเป็นเวลาพักมาก่อนก็ควรที่จะหาอะไรกินให้เรียบร้อยมาก่อนหน้านี้แล้ว
ถึงจะเป็นเพื่อนกันแต่ทว่าเขาก็ช่วยเพื่อนไม่ได้ จำต้องลงโทษด้วยฝ่าเท้าไปหลายทีเพื่อให้เกิดความหลาบจำและจะไม่ทำเรื่องพวกนี้อีก
“ทำไมไม่ฟื้นสักทีวะ กูรอนานแล้วนะ”
เซนต์เดินเข้าไปเยี่ยมลูกของศัตรูด้วยแววตาที่โกรธเกรี้ยวที่แทบจะแผดเผาหญิงสาวที่นอนหลับใหลไม่ฟื้นสักทีให้มอดไหม้ได้เลย
มือหนาคว้าหมับเข้าที่ต้นแขนเล็กๆของเธอที่ไร้เครื่องมือทางการแพทย์ติดอยู่แล้วบีบเข้าให้อย่างแรงเพื่อหวังระบายความโกรธที่มันอัดอั้นอยู่ภายในใจออกไปบ้าง
“มารยาอะไรหนักหนา ความทรมานรอมึงอยู่รู้ตัวไหม”
เขาอยากล้างแค้นเต็มแก่แล้วแต่ทำไมเธอถึงไม่ฟื้นขึ้นมาสักที เขาปรานีไว้ชีวิตเธอแต่เธอกลับมาทำตัวมารยาใส่เขาแบบนี้เหรอ
“กูรับรองเลยว่าทันทีที่มึงลืมตาขึ้นมา นรกบนดินจะถูกประเคนให้มึงทันทีเลย คุณหนูมายด์”
จ้องมองหญิงสาวอยู่ชั่วครู่ก่อนจะดึงมือกลับมาแล้วหันหลังให้กับเธอ เตรียมตัวจะเดินออกจากห้องคับแคบนี้ไป
เพราะเขามีงานต้องทำต่อในค่ำคืนนี้อีกมากกับธุรกิจสีดำของเขา ที่มีกิจการความชั่วอย่างครบวงจร
พร้อมกันนั้นหลังจากเสร็จงานเขาก็ยังให้ลูกน้องจัดหาหญิงสาวมาไว้เล่นสนุกหลังเลิกงานอีกด้วย
“อืม”
นิ้วมือเรียวยาวของหญิงสาวที่หลับใหลไม่ได้สนิทมานานนับครึ่งเดือนนั้นขยับปลายนิ้วเบาๆ
“เธอขยับแล้วครับนาย”
มาลิคลูกน้องคนสนิทมือขวาของมาเฟียเซนต์เอ่ยขึ้นในทันทีที่มองเห็นนิ้วเรียวยาวนั้นขยับ
“ไปตามหมอมาดู กูจะได้เริ่มสนุกกับอีนี่สักที”
เซนต์หันหลังกลับมาตามคำรายงานของลูกน้อง สายตาคมจ้องมองไปยังมือเล็กๆนั้นในทันที
เห็นกับตาว่ามันเริ่มขยับได้ พร้อมกับเปลือกตาของเธอก็เริ่มจะเปิดลืมขึ้น ก่อนจะเอ่ยสั่งลูกน้องออกไป
เขาไม่ได้อยากจะรักษาชีวิตไร้ค่านี้เอาไว้นักหรอก เพียงแต่อยากจะแก้แค้นให้ผู้เป็นพ่อของเธอ เขาก็เลยจำใจต้องทำ
“ครับนาย”
ลูกน้องรีบทำตามคำสั่งผู้เป็นเจ้านายในทันที เดินออกไปอย่างสุขุมรอบคอบแต่ทว่าก้าวยาวราวกับวิ่งได้ ตามสไตล์มาเฟีย
ใช้เวลาไม่นานนักเหล่าหมอกับพยาบาลก็วิ่งกันให้วุ่น เข้าๆออกๆห้องของคนเจ็บหนักที่เกือบเอาชีวิตไม่รอดอย่างเพียงพอใจ
ตรวจเช็คร่างกายให้เธออย่างละเอียดพร้อมทดสอบสมองเท่าที่จะทำได้ ด้วยเธอนั้นเริ่มฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังจากนอนเกือบจะเป็นเจ้าหญิงนิทรามานานหลายวัน
“สมองของคนไข้ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก ทำให้มีผลต่อความจำของ เธอความจำเสื่อมครับ”
หมอเอ่ยบอกอาการคร่าวๆของคนไข้ที่เขาไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของเธอหลังจากที่ตรวจร่างกายอย่างละเอียดตามคำสั่งของมาเฟียที่นั่งหน้าดุอยู่ตรงโซฟานั้น
“ฉันเป็นใครคะ”
เพียงพอใจชะโงกหน้ามองไปยังผู้ชายคนหนึ่งที่เธอคุ้นหน้า ที่เขานั้นนั่งอยู่ตรงโซฟาตัวใหญ่ที่มันไกลจากเตียงคนไข้ที่เธอนอนอยู่มากๆเลย
เพื่อจะถามเขาถึงตัวเธอเองที่ไม่รู้จักตัวเองเลยแม้แต่นิดตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เธอไม่รู้ว่าเธอเป็นใครรวมไปถึงนึกอะไรก็ไม่ออกภายในสมองมันว่างเปล่าไปหมดเลย
ยิ่งโดนถามจากคนที่เรียกตัวเองว่าหมอ เธอก็ตอบคำถามอะไรไม่ได้เลยและเริ่มปวดหัวจากการพยายามคิดว่าจะตอบอะไรอย่างหนักนั้น
“เธอเป็นนางบำเรอของฉันไงล่ะ”
เซนต์ลุกขึ้นยืนอย่างสง่าผ่าเผยด้วยความสูงร้อยแปดสิบแปดเซนของเขา เดินด้วยท่วงท่าสง่างามน่าย้ำเกรงเข้าไปหาหญิงสาวที่กำลังมีคำถามกับเขา
ก่อนจะตอบคำถามเธอออกไปด้วยรอยยิ้มเยาะแห่งความสะใจ มันอาจจะผิดแผนไปซะหน่อยกับการที่เธอไม่หลงเหลือความทรงจำอะไรนั้นเลย แต่รับรองเลยว่าต่อจากนี้เธอจะทรมานไม่ต่างจากตอนที่พ่อของเขาถูกพ่อของเธอฆ่าตาย
“นางบำเรอ?”
หญิงสาวก้มหน้าหลบสายตาคมที่จ้องมามองที่เธอเล็กน้อยเพื่อคิดถึงสิ่งที่เขาพูด แต่ยิ่งคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกว่าเขากำลังพูดถึงอะไรกัน
“ก็อีตัวที่มีไว้ให้เอาไง”
“เอา?”
“ใช้ตรงนี้มอบความสุขไม่รู้จบ”
ร่างสูงขยับเดินเข้าไปให้ใกล้เธอมากขึ้นจนหมอกับพยาบาลต้องรีบหลบทางให้ ก่อนจะยื่นมือหนาเข้าไปใกล้หญิงสาวให้มากที่สุด แล้วเข้าสัมผัสตรงเป้ากางเกงของเธอ
บีบเข้าไปอย่างแรงด้วยความตั้งใจ เพราะคนอย่างเธอเขาไม่จำเป็นต้องปรานี ยิ่งทำให้เธอเจ็บช้ำมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งสะใจมากเท่านั้น
“อื้อ เจ็บนะ”
หญิงสาวถึงกับขยับตัวหนีความเจ็บปวดนั้นด้วยความไม่เข้าใจ ในหัวของเธอก็ยังคงคิดไม่ออกอยู่ดีว่านางบำเรอนั้นคืออะไร
“ถอดสายน้ำเกลือออก แล้วพาตัวกลับบ้าน เดี๋ยวนี้”
มาเฟียหนุ่มหันหน้าเดินกลับออกไปพร้อมกับออกคำสั่งดังลั่นห้องพักฟื้นเล็กๆนั้น เมื่อเขาอยากพาเชลยแห่งความแค้นกลับไปเล่นสนุกด้วยใหญ่แล้ว
“ครับนาย”
“ให้คนไข้ได้พักต่อสักคืนเถอะครับ”
หมอคนหนึ่งเอ่ยพูดขึ้นอย่ากล้าๆกลัวๆ แต่ทว่าเพื่อรักษาชีวิตของคนไข้เอาไว้ก็ต้องกลั้นใจพูดออกไป
เพราะถ้าขืนปล่อยให้หญิงสาวคนนั้นกลับบ้านไปตอนนี้ อาการของเธออาจจะแย่ลงหรือหายช้าก็เป็นได้
“กล้าพูดมากมึงคงไม่อยากใช้ชีวิตแล้วใช่ไหม”
มาเฟียหนุ่มหันหน้ามาเล็กน้อยเพื่อใช้หางตามองคนที่กล้าขัดคำสั่งของเขา ก่อนจะตะคอกออกไปดังลั่นอีกครั้ง
“ดะๆเดี๋ยวผมสั่งยาให้นะครับ”
หมอคนนั้นกลัวจนหัวหด รีบเปลี่ยนคำพูดในทันที ก่อนจะพาตัวเองเดินออกไปจากห้องพักฟื้นนั้นก่อนมาเฟียซะอีก รวมไปถึงพยาบาลก็รีบเดินออกไปด้วย
ไม่มีใครกล้าอยู่ขัดใจมาเฟียที่ใหญ่คับโรงพยาบาลนั้นเลยแม้แต่คนเดียว ด้วยกลัวจะตายกันทั้งนั้น
“พากลับไปขังไว้ที่บ้าน ถ้ามันหนีไปได้กูจะฆ่าล้างโคตรพวกมึงทุกตัว แม้แต่หมาเฝ้าบ้านกูก็ไม่ให้เหลือ”
เซนต์เดินออกมาสั่งไอ้โจลูกน้องที่เขานั้นไว้ในให้ทำงานใหญ่ได้อีกคนนอกเหนือจากไอ้มาลิค เมื่อวันนี้เขายังไม่ว่างกลับไปเล่นสนุกกับผู้หญิงคนนั้น
แล้วเขาก็ออกจากโรงพยาบาลไปทำงานของเขาที่เป็นธุรกิจผิดกฎหมายเต็มรูปแบบ มีตั้งแต่ผับใหญ่โตที่เต็มไปด้วยอบายมุขไปจนถึงท่าเรือของตัวเองที่เอาไว้ขนส่งของผิดกฎหมายทุกชนิด
“ครับนาย”
“คุณ!”หลังจากที่ถูกพามาขังเอาไว้ในห้องหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ ในทุกๆวันเพียงพอใจก็มักจะนั่งอยู่ตรงมุมห้องแคบๆเพื่อพยายามนึกให้ออกว่าเธอคือใคร และในวันนี้ก็เหมือนกัน เธอกำลังพยายามนึกอย่างนักจนไม่ได้สนสิ่งรอบตัว แต่แล้วก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเขาที่เธอนั้นแสนคุ้นหน้ามายืนอยู่ตรงหน้าของเธอ“เออ กูเอง”มาเฟียหนุ่มที่กำลังได้ที่ตอบกลับออกไปด้วยความไม่สบอารมณ์ เขาไม่ชอบให้ผู้หญิงที่จะมีอะไรด้วยมาพูดมากแบบนี้พวกเธอควรแค่นอนเป็นที่ระบายอารมณ์ของเขาก็พอ ไม่ควรมีปากมีเสียงให้เขาต้องรำคาญ“ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”หญิงสาวเอื้อนเอ่ยคำถามที่คาใจมาตลอดหลายวันด้วยความอยากรู้ เมื่อเธอนั้นไม่อาจนึกออกเองได้“หุบปากซะถ้าไม่อยากตายคามือกู”ร่างหนาจับกดร่างเล็กให้ลงไปนอนกับพื้นด้วยกำลังที่มีมากกว่า ขึ้นคร่อมร่างเล็กนั้นเอาไว้ในทันทีไม่ให้เธอขยับหนีไปไหนให้ต้องเสียเวลา“ทำไมฉันถึงเป็นนางบำเรอของคุณ”เธอเฝ้าตามเด็กสาวคนนั้นที่เข้ามาส่งข้าวส่งน้ำให้เธอมาหลายวันว่านางบำเรอคืออะไรจนได้คำตอบ เลยรีบถามเขาเมื่อมีโอกาสเพราะกลัวว่าเขาจะหายตัวไปอีก แล้วเธอก็จะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเองอีกเลย“ก็เพราะเธอมันร่านไ
“ที่นี่คือที่ไหนเหรอคะ”เพียงพอใจถูกพาตัวออกจากโรงพยาบาลในคืนนั้นเลยที่เธอนั้นฟื้นขึ้นมา ทั้งที่ร่างกายของเธอนั้นยังไม่หายดี เวลาเดินเหินยังรู้สึกเวียนหัวอยู่เลยและก็ยังเจ็บระบมอยู่ด้วย ส่วนแผลภายนอกไม่ต้องพูดถึงบนศีรษะของเธอยังมีผ้าพันแผลพันรอบอยู่เลยพอมาถึงยังบ้านหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่โดดเด่นท้ายซอยที่ด้านหน้าเป็นปากซอยติดกับถนนใหญ่ รอบๆบริเวณไม่มีบ้านหลังอื่นเลยแม้แต่หลังเดียว ยิ่งทำให้บ้านหลังนี้โดดเด่นเอามากๆเลย แถมด้วยการล้อมรั้วสูงใหญ่และหนาจนคนนอกเดินผ่านมาไม่มีทางมองเห็นด้านในบ้านแน่นอนเธอถึงกับมีคำถามในทันทีว่าที่นี่คือที่แห่งใด เมื่อเธอไม่คุ้นตาเลยตั้งแต่รถถูกเลี้ยวเข้ามาแล้ว ไม่เหมือนกับที่เธอคุ้นหน้าคนที่สั่งให้เธอมาที่นี่เลยแม้แต่นิดเดียว“บ้านไง มองไม่เห็นหรือไงวะ”โจตอบออกไปอย่างไม่สบอารมณ์นักเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ตั้งคำถามโง่ๆมาตลอดทาง ถามทางบ้าง ถามชื่อเขาบ้างล่ะ แล้วนี่ยังมาถามอีกว่าบ้านคืออะไร“ฉันเคยอยู่ที่นี่มาก่อนเหรอคะ”เธอพยายามนึกจนคิ้วเริ่มขมวดเข้าหากัน อาการปวดหัวเริ่มถามหาอีกครั้ง แต่ทว่าก็ยังนึกไม่ออก“ถามมากจริงวะ หุบปากสักที หรือต้องตบปิดปากห
“แผลข้างนอกหายจะหมดแล้ว เหลือแต่ที่หัว เมื่อไหร่จะฟื้นสักทีวะ”ลูคัสที่รับหน้าที่เฝ้ายามหน้าห้องพักฟื้นของลูกศัตรูของเจ้านายบ่นพึมพำออกมาเมื่อเขาต้องมานั่งตรงนี้ทุกวันแทบจะตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยก็ว่า เป็นระยะเวลาเกินครึ่งเดือนมาแล้วความเบื่อหน่ายถามหาเขาจนแทบอยากจะกระอักมันออกมาทางปาก แต่ติดตรงที่กลัวเจ้านายจนหัวหด ก็ทำได้เพียงแค่พูดลอยลมออกมาเท่านั้นนี่ถ้าไม่ใช่งานที่เจ้านายสั่ง เขาก็คงยิ่งอีนั้นที่นอนสบายอยู่ในห้องพักฟื้นนั้นตายห่าไปแล้วแน่ๆ“มึงเบื่อจะเฝ้าแล้วหรือไง”โจหันไปถามเพื่อนด้วยคำพูดสั้นๆ พร้อมกับหน้าตาที่เบื่อหน่ายสุดกำลังเช่นกัน เพราะเขาก็นั่งอยู่ตรงนี้มานานเท่าๆกับไอ้ลูคัสมันนั่นแหละ“เออซิวะ ครึ่งเดือนแล้วนะโว้ย หลับสบายใจอยู่ได้”“กูเบื่อยิ่งกว่ามึงอีก กูยังไม่พูดเลย มึงจะเสือกพูดมากทำไมวะ หนวกหู”“เอาปืนยิงกรอกปากแม่งให้จบๆไป แล้วค่อยไปรายงานนายที่หลังว่าปืนลั่น”“ถ้าอีนี่ตายมึงก็ตายจำไม่ได้หรือไง”โจทวนความจำให้กับเพื่อนรักของเขาเผื่อว่ามันจะลืมว่าเจ้านายเคยพูดเอาไว้ยังไง ก็ด้วยอีนั้นของมันที่นอนอยู่บนเตียงนั้นเป็นศัตรูตัวฉกาจของเจ้านาย ถ้าเจ้านาย
“ฝ่าวงล้อมออกไป”อัลวินสั่งการลูกน้องทั้งมือขวาที่นั่งอยู่ด้านหน้ารถกับคนขับรถคู่ใจเสียงดังลั่นรถเมื่อในตอนนี้สถานการณ์ด้านนอกไม่สู้ดีนักเขากำลังถูกล้อมโดยศัตรูที่เป็นใครสักคนก็ยังไม่รู้แต่เท่าที่รู้ในตอนนี้ก็คืออีกฝ่ายวางแผนมาดีมากจนเขาแทบไม่มีทางหนีออกไปได้แต่ทว่าเขากลับต้องทุ่มสุดกำลังเพื่อหาทางหนีไปให้ได้ แม้เป็นรถคันเดียวที่อยู่กลางวงล้อมด้วยรถของลูกน้องถูกกันออกไปด้านนอกหมดแล้วก่อนหน้านี้เพราะเขานั้นมีลูกสาวต้องดูแล ถ้าลำพังตัวเขาเพียงคนเดียวแล้วละก็คงตั้งหลักสู้ตายอยู่ตรงนี้ ไม่หนีให้เสียชื่อหรอก“ครับนาย”“ไม่ต้องกลัว ก้มหัวเอาไว้”มือหนาของคนเป็นพ่อวางลงบนศีรษะของลูกสาวอย่างเบามือที่สุดเพื่อมอบความปลอดภัยให้ แม้รู้ดีว่าสถานการณ์ด้านนอกเป็นรองจนแทบไม่มีทางรอดแล้วก็ตาม“ค่ะ”สายตาหวานหันมองผู้เป็นพ่อด้วยความหวาดกลัวจนตัวสั่น แต่ทว่าก็ยังพยายามเข้มแข็งสุดกำลังเพื่อไม่ให้พ่อต้องกังวลกัดปากตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ให้ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความกลัวออกมา แอบปาดน้ำตาไปก็หลายรอบเพื่อไม่ให้พ่อต้องมาเห็นว่าเธอนั้นกลัวแค่ไหน“มึงไปทางนั้น”อัลวินมองหาทางออกจากวงล้อมของรถจำนวนม
“มายด์ เพียงพอใจ แกรนด์เดย์ หน้าตาเธอเป็นแบบนี้ซินะ หึ”มือหนาดึงรูปออกมาจากซองเอกสารที่ลูกน้องยื่นให้ก่อนหน้านี้ ซองนี้มาจากสายลับคนหนึ่งที่เขาส่งให้ไปแฝงตัวอยู่กับพวกตระกูลแกรนด์เดย์ ตระกูลชาติชั่วที่ฆ่าพ่อของเขา และลูกน้องคนนี้ก็ตายห่าไปแล้วหลงเหลือไว้เพียงซองเอกสารที่ถูกส่งเป็นจดหมายมาถึงเขาอย่างลับๆนี้ก่อนจะวางรูปหญิงสาวสวยที่อยู่ในวัยสดใสอายุเพียงแค่ยี่สิบสองเท่านั้นลงกับโต๊ะทำงานไม้สักอย่างดีหยิบเอามีดพกขนาดกำลังพอดีมือออกมาจากภายในเก๊ะของโต๊ะทำงานนั้นที่ด้ามมีดสลักชื่อตระกูลแกรนด์เดย์ออกมาปักมีดลงบนรูปภาพของหญิงสาวนั้นอย่างจงใจ ก่อนจะกรีดกรายปลายมีดไปทั่วจนรูปนั้นขาดไม่เหลือชิ้นดีมีดที่เคยปักบนอกของพ่อเขาต้องได้ย้อนกลับไปปักอกคนของพวกมันเร็วๆนี้ เลือดจำต้องล้างด้วยเลือดเท่านั้นถึงจะสาสมแล้วคนที่เขาหมายตาว่าจะให้เป็นเหยื่อของความแค้นสีเลือดนี้ก็คือเธอ เพราะมันคงทำให้พ่อของเธอทรมานจนแทบดิ้นตายเหมือนกับที่พ่อของเขาต้องพบเจอก่อนตาย“เธอจะต้องชดใช้”เซนต์จ้องมองรูปที่ขาดวิ่นไม่เหลือชิ้นดีนั้นอย่างไม่วางตา ไฟแห่งความแค้นกำลังลุกโชนภายในดวงตาแข็งกร้าวนั้นราวกับจะแผดเผ