Masukเซนต์ใช้เวลาเดินทางไม่นานเขาก็มาถึงยังบ้านหลังใหญ่ที่เก็บซ่อนเพียงพอใจเอาไว้ภายในนั้นพร้อมกับลูกน้องอีกไม่รู้กี่สิบคนนับไม่ถ้วนจริงๆเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับเธอเพียงก้าวเท้าลงจากเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติภายในบ้านหลังใหญ่นั้นนี้ในทันที เมื่อทุกอย่างมันดูเงียบไปหมดราวกับบ้านหลังนี้ไม่มีใครอยู่อาศัยร่างหนารีบวิ่งเข้าไปภายในบ้านทันที เขาขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านด้วยความรวดเร็ว ใช้ฝีเท้าเร็วกว่าความคิดในหัวซะอีก“นาย.....”โจกระเสือกกระสนออกมาจากภายในห้องของเพียงพอใจพร้อมกับเลือดที่อาบเต็มใบหน้าของเขา สองมือของเขาพยายามขยับไปตามพื้นเพื่อฉุดรั้งร่างกายใหญ่โตให้เคลื่อนไปข้างหน้า หวังจะออกมาพบใครสักคนเพื่อร้องขอความช่วยเหลือแล้วเขาก็ได้พบกับเจ้านายเข้าพอดี ทำเอาลูกน้องอย่างโจถึงกับฝืนยิ้มผ่านเลือดที่เปียกชุ่ม“ไอ้โจ”ร่างหนาย่อตัวลงไปช่วยพยุงร่างของลูกน้องให้ลุกขึ้นนั่ง โดยใช้ลำตัวหนาของเขาเป็นพนักพิงให้อีกฝ่ายแทนเก้าอี้แต่สายตากลับกวาดมองไปรอบๆเพื่อมองหาหญิงสาวที่ควรจะอยู่ในห้องนั้นให้เจอ“นายครับ พวกมัน แค๊กๆ วางยาพวกเรา”โจเอ่ยออกมาด้วยความอยากลำบากสลับกับลมหายใจที่ติดขัดแทบห
“ขนกันมาทำเหี้ยอะไรวะเนี้ย”เซนต์พอนอนหลับพักไปได้ไม่กี่ชั่วโมงเขาก็ออกมาทำงานของเขาต่อ ด้วยช่วงนี้เรื่องอำนาจของเขาค่อนข้างสั่นคลอนเพราะไปยุ่งเกี่ยวกับไอ้อัลวินตรงๆทำให้เขาห่วงเรื่องงานมากกลัวจะมีปัญหาก็เลยทิ้งไปนานไม่ได้ จำเป็นต้องตรวจตราด้วยหูตาของตัวเองอย่างใกล้ชิดพอมาถึงยังโกดังใหญ่ริมท่าเรือที่ซึ่งเป็นทั้งที่ส่งของและที่นัดรับของผิดกฎหมายทุกประเภท เขากลับไม่ได้ทำงานแต่กลับได้ต้อนรับแขกที่เป็นเพื่อนสนิททั้งสองคนแทน และไม่รู้ว่าไอ้แขกมันมารอพบเขาตั้งแต่ตอนนไหนเพราะลูกน้องก็ไม่เคยรายงานอะไรไปก่อนหน้านี้เลย ก็คงเป็นเพราะพวกมันสองคนสั่งลูกน้องของอีกทีนั่นแหละประหนึ่งว่าไอ้เพื่อนสนิททั้งสองคนมันวางแผนกันมาแบบนี้ไว้แล้ว ข่าวการมาของมันสองคนถึงได้เงียบไม่เข้ามาในหูของเขาเลยสักนิด “ก็แค่มาเยี่ยมมึง”บอนเนอร์ลงทุนออกจากผับอันแสนสุขของตัวเขาเองมายังโกดังอันแสนน่าเบื่อที่เต็มไปด้วยงานและก็งานของไอ้เซนต์ด้วยสีหน้าฝืนยิ้มนี่ถ้าเขาไม่ได้อยากจะรู้ว่ามันขนลูกน้องของเขากับไอ้ออสตินไปทำเรื่องเหี้ยอะไรเอาไว้ เขาไม่มีทางมาในที่ที่เต็มไปด้วยความน่าเบื่อแบบนี้เป็นอันขาด“เยี่ยม?”เครื่องหม
รถหรูสีดำคันใหญ่หรือเรียกอีกอย่างว่ารถแนวครอบครัวที่สามารถขนคนทั้งหมู่บ้านได้เลย ที่มักจอดอยู่ในโรงจอดรถไม่เคยได้ขับออกไปไหนด้วยเจ้าของรถไม่ค่อยชื่นชอบในความใหญ่โตเกินความจำเป็นของมันเพราะส่วนมากแล้วเขามักจะนั่งรถไปไหนมาไหนคนเดียว ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถของโรงพยาบาลอย่างช้าๆอย่างระมัดระวัง และมีขบวนรถติดตามล้อมหน้าล้อมหลังอีกนับสิบคันเพื่อความปลอดภัยของคนที่นั่งอยู่ภายในรถมือเล็กๆหยิบยื่นแผ่นฟิล์มอัลตร้าซาวด์ให้เขาที่นั่งอยู่ข้างๆเธอ หลังจากที่ถือมันมาได้สักพักใหญ่แล้วตั้งแต่ลงจากเตียงนอนที่โรงพยาบาลใจเธออยากเก็บมันไว้กับตัวเพราะนับเป็นภาพแรกของลูกชายทั้งสองในท้อง แต่อีกใจก็ตัดสินใจว่าควรให้เขาไปดีกว่า “อะไร”สายตาคมที่เคลือบไปด้วยความเย็นชาไม่เคยแสดงความรู้สึกออกมาเลยนั้นจ้องมองไปยังแผ่นอะไรบางอย่างสีดำๆตรงหน้าก่อนจะจ้องมองไปยังคนตัวเล็กที่โตแต่ท้องจนหมอต้องสั่งเพิ่มน้ำหนักนั้น พร้อมกับขมวดคิ้วแสดงความสงสัยออกมา“แผ่นฟิล์มอัลตร้าซาวด์ของลูกนะคะ คุณเป็นคนออกเงินค่าโรงพยาบาลทั้งหมด ฉันคิดว่าคุณควรเก็บเอาไว้”“เฮ้อ”คนตัวโตถอนหายใจยาวดังพรืดใหญ่ใส่คนตัวเล็กตรงหน้าราวกั
“มีสองคนเลยเหรอเนี้ย มิน่าถึงได้ดิ้นกันแรงนัก”“เข้มแข็งนะคนเก่งทั้งสองของแม่ เดี๋ยวพรุ่งนี้เราก็ได้กลับบ้านกันแล้วนะ”เพียงพอใจนอนพักบนเตียงของคนไข้ที่ดูกว้างขวางนอนสบายและสะอาดตาภายในห้องพักที่เรียกได้ว่าเป็นแบบวีไอพีพรีเมียมที่ราคาคงแพงน่าดู แต่ทว่าก็คงแลกมากับความสบายที่เหมือนนอนพักที่บ้านของตัวเอง ในส่วนนี้เธอไม่รู้ค่าใช้จ่ายใดๆเพราะมาเฟียคงเป็นฝ่ายจัดการให้แล้วเธอคงต้องไปหาจ่ายชดใช้เขาภายหลังเธอนอนลูบท้องเบาๆเพื่อคุยกับลูกน้อยเหมือนเช่นทุกคนที่ผ่านมา แต่ทว่าครั้งนี้พิเศษกว่าครั้งก่อนๆเมื่อเธอนั้นเพิ่งจะได้รู้ว่าในท้องมีลูกน้อยถึงสองคนที่กำลังดิ้นแข่งกันอยู่“น้ำเน่าอะไรหนักหนาวะ”บานประตูของห้องพักคนไข้ถูกเปิดแง้มเล็กน้อยให้สายตาคมลอดผ่านเข้าไปภายในห้องได้มาเฟียหนุ่มกำลังยืนมองคนที่เขาเผลอพูดออกไปว่าเป็นลูกกับเมียอย่างเพลิดเพลินจนลืมเวลา หลังจากที่ให้ลูกน้องวนรถกลับมาส่งทั้งที่เอ่ยปากบอกว่าจะออกไปทำงานก่อนหน้านี้แต่ทว่าพอหันหน้ากลับออกมาก็เจอกับลูกน้องหลายคนยืนจ้องหน้าเขาอยู่ คำพูดเฉไฉไปในทางต่อว่าเธอก็เลยหลุดออกจากปากของเขา“นายไม่เข้าไปเหรอครับ”โจกับลูคัสที่มีหน้าที
“ทำไมคุณถึงมาช้า”เสียงเล็กๆเอ่ยถามคนตัวโตอย่างกล้าๆกลัวๆ เป็นคำถามเชิงตำหนิที่ความจริงแล้วเธอไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเอ่ยพูดออกไปเลยด้วยซ้ำแต่เพราะก่อนหน้านี้หวาดกลัวจนลนลานคิดถึงแต่เขาเป็นคนแรกทำให้เธออดไม่ได้ที่จะถามออกไป เพราะถ้าเขามาไม่ทันเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าป่านนี้เธอกับลูกจะเป็นยังไงบ้าง“ถามทำไม”สายตาคมจ้องมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆไม่วางสายตา มองไปรอบๆตัวเธอเพื่อสำรวจถึงความเรียบร้อยว่าไม่มีอะไรบุบสลายไปใช่ไหม“คุณรู้ไหมว่าฉันกลัวมาแค่ไหน”“นั้นมันบ้านของเธอมีอะไรน่ากลัวนักหนา โวยวายน่ารำคาญอยู่ได้”“พวกเขาจะฆ่าลูกในท้องคุณจะไม่ให้ฉันกลัวได้ยังไงกันล่ะ ฉันไม่ได้เก่งเหมือนคุณหนิ่”เสียงหวานๆไม่เพียงแค่บอกกับเขาว่ามันเกิดอะไรขึ้นเท่านั้นยังค่อนขอดใส่เขาด้วยความน้อยอกน้อยใจอีกตั้งหากเพราะความที่เขามาช้าเลยทำให้เธอนั้นกลัวจนต้องวิ่งหนี นี่ถ้าเขามาไม่ทันป่านนี้เธอไม่ต้องวิ่งออกมากลางถนนจนถูกรถชนหรอกเหรอ หรือไม่ก็ถูกพวกเขาพาตัวกลับไปฉีดยาบ้าๆนั้นแล้ว“ไอ้อัลวิน ไอ้สัตว์นรก”เขาแสร้งทำเหมือนไม่สนใจเธอแต่ก็รับฟังเธอในทุกคำพูดนั่นแหละ จนสุดท้ายเก็บอารมณ์เอาไว้ไม่ไหวเมื่อได้ยินว่า
“เรียบร้อยหรือยัง”อัลวินกระซิบกระซาบถามหมอเถื่อนนั้นต่อหน้าลูกสาวที่กำลังนั่งกินผลไม้อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขาที่โต๊ะอาหารเดียวกันภายในห้องกินข้าวที่ใหญ่โตหรูหราไม่แพ้กับร้านอาหารระดับห้าดาวเลยล่ะ“เรียบร้อยครับ”“แล้วทำไมยังดูปกติอยู่อีกล่ะ”เวลาผ่านมาเกือบสองชั่วโมงได้แล้วนับตั้งแต่ให้หมอเถื่อนไปจัดการเรื่องทำแท้ง แต่ทำไมเด็กในท้องของลูกสาวของเขานั้นยังดูปกติกันอยู่เลย ไม่ให้มีใครออกมาตายเลยสักคน “ต้องให้เวลายาออกฤทธิ์สักพักครับ”“ไม่มีอะไรที่มันแรงกว่านี้หรือไงวะ”“ถ้าท่านต้องการแบบนั้นผมก็คงต้องจับเธอฉีดยาครับ”“จะทำอะไรก็รีบๆทำซิวะ”“เธอจะยอมเหรอครับ”“ไม่ยอมก็ต้องยอม พวกมึงจับตัวหนูมายด์เอาไว้”จากเสียงกระซิบกระซาบของอัลวินกลายเป็นเสียงตะคอกดังออกมาเมื่ออัลวินทำใจเย็นรอต่อไปไม่ไหว เขาเกลียดพวกเอสเซียโนมากไม่อาจทำใจให้เลือดเนื้อของพวกมันมาอยู่ในท้องลูกสาวของเขาได้ และก็กลัวว่าข่าวของลูกสาวของเขาจะรั่วไหลออกไปสู่หูคนนอกให้เขาต้องเป็นที่อับอายต่อผู้คนอีก จัดการทุกอย่างให้รวดเร็วที่สุด ให้จบภายในคืนนี้เลยยิ่งดี“ครับนาย”ลูกน้องสองคนเดินเข้าไปประชิดตัวลูกสาวของเจ้านายตามคำสั่ง