“พี่คิดถึงเรานะ ไปเยี่ยมยายบ้างสิ ยายก็คิดถึงเรา” เอ่ยกับนาราทว่าตามองไปทางอื่น
“ค่ะ” คนน้องพยักหน้า เธอมองที่เหมียวก่อนมองที่สิงหราช ตอนนี้ชายหนุ่มหน้านิ่งเหมือนเบื่อหน่ายเต็มทน ซึ่งเธอก็เบื่อเหมือนกัน
“งั้นนาคไปทำธุระก่อนนะคะ แล้วเจอกันค่ะ” เพราะแบบนั้นจึงไม่รอช้าที่จะผละออกไป
เหมียวยังคงยิ้มแย้ม เธอมองสิงหราชไม่วางตา “แล้วเจอกันค่ะคุณสิง”นาราได้แต่มองบนทั้งๆที่เธอเป็นคนพูดกลับเอ่ยกับใครอีกคน ด้วยความหงุดหงิดใจเธอจึงเดินนำไปที่รถ มาถึงหญิงสาวก็บ่นปากขมุบขมิบทันที
คนตอแหล
ถ้าเจอเธอเมื่อก่อนนะ ลูกป้าธัญญาไม่มีวันทักเธอหรอก เพราะเธออายที่มีญาติแบบนารา คนที่ตกงานทำงานสวนงกๆ แถมยังมีข่าวลือเป็นนางบำเรอของคนอื่น
“นี่คุณ” หลังจากหงุดหงิดใจไม่นาน นารากลับต้องแปลกใจไม่อยากเชื่อว่าสิงหราชจะพาเธอมาวัด ชายหนุ่มดูไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ ไม่มีร่องรอยความเชื่อเรื่องศาสนาในตัวเขา ราวกับว่าสิงหราชเอาตนเป็นที่ตั้งเพียงอย่างเดียว แต่เขากลับพาเธอมา
วัดเจดีย์หลวงแห่งนี้เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเชียงใหม่ วัดเก่าแก่มีอารามหลวงแบบโบราณ โดยตรงกลางจะเป็นเจดีย์ มีบันไดนาคที่สวยงาม และมีวิหารหลวง ถัดออกมา ปูพื้นด้วยอิฐแดงให้บรรยากาศเหมือนสถานที่อันเก่าแก่ยาวนาน
“เย็นจัง” นาราสูดเอาอากาศดีๆเข้าปอดในตอนที่ลมพัดผ่านร่างกาย เพียงเท่านั้นความเหนื่อยล้าที่สั่งสมมาเป็นอาทิตย์ก็จางหายไป
“คุณขอเข้าไปด้านในได้มั้ย” ร่างสูงที่พาเธอเดินไปรอบๆพยักหน้า นาราจึงขอร้องไว้ เธออยากเข้าไปสักการะพระอัฎฐารสที่เป็นพระประธานด้านในสักหน่อย อยากขอพรด้วย
เมื่อเข้ามาด้านใน นาราก็กราบสามครั้ง ใบหน้าของพระพุทธรูปที่ราบเรียบปราศจากความทุกข์ทำหญิงสาวยิ้มออกมา เธอขอพร จากนั้นก็ออกมาด้านนอกในที่สุด
“คุณอธิษฐานอะไรเหรอ” เธอยิ้มร่า ไม่รู้อะไรทำให้เธอถามสิงหราชด้วยใจร่าเริงออกไปเหมือนกัน ทว่าวันนี้เธอสบายใจในรอบปีเลย ไม่รู้ทำไม
“ทำไม” สิงหราชปรายตามองด้วยสายตาราบเรียบ เขายกกล้องที่เอามาจากรถขึ้นถ่ายรอบเจดีย์หลวง เราสองคนคุยกันไปเรื่อยๆอย่างสบายใจ นารายังถามเสียงแจ๋ว
“ก็ถ้าไม่อธิษฐานเวลามาวัดแล้วทำอะไรเหรอคะ” แปลกคนจริง และเธอต้องขมวดคิ้วเข้าไปใหญ่เมื่อเขาตอบว่า
“ฉันไม่นับถือศาสนา ทำไมต้องอธิษฐานอะไรด้วย ที่มาก็เพราะวัดนี้สวย” สิงหราชมาที่นี่บ่อยครั้งแล้ว เมื่อก่อนมารดาของเขาพามาบ่อยๆที่มาเพราะบางทีแค่คิดว่ามันสวย มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ก็เท่านั้นเอง เป็นสถานที่โปรดอีกหนึ่งของเขา อีกอย่างเขาอยากพาใครบางคนมาด้วย
แฉะ
ชายหนุ่มยกกล้องขึ้นถ่ายร่างบาง นาราหยุดชะงักไป เธอทำตัวไม่ถูก กระทั่งเขากดถ่ายอีกครั้ง เธอถึงรีบยกมือห้าม
“ฉันไม่ชอบถ่ายรูป” ความจริงก็ชอบ แต่เธอเขินเขามากกว่า สิงหราชยกกล้องลง ก่อนจะเดินเข้ามาจับมือคนตัวเล็ก
“นี่คุณ”
“ตัวนิดเดียว เดี๋ยวก็หลงหรอก” นาราอ้าปากพะงาบๆ เธอได้แต่เดินตามเขาไป สะบัดมือเท่าไหร่ก็ไม่หลุด แม้ภายนอกจะดูไม่ชอบใจก็จริง แต่ใครจะรู้ว่าภายในหัวใจของหญิงสาวนั้นเต้นแรงราวกับจะกระเด็นออกมาอยู่แล้ว
“นายครับ กล้าพันธุ์ในเฮาส์หายไปครับ” ในตอนที่สิงหราชตรวจเอกสารรายจ่ายของปุ๋ยที่นำมาใช้ในไร่ บนบ้านเรือนไทยอันเป็นที่ทำงานและที่นอนค้าง มีคนงานวิ่งกระหืดกระหอบขึ้นมา ดวงตาคมปรายตามอง คงท่าทีน่าเกรงขามไว้ไม่ลดละ
“ใครเอาไป” เอ่ยเสียงแข็งทว่าใจเย็น แม้รู้สึกโกรธเล็กน้อยที่กล้าพันธุ์ชั้นดีพวกนั้นที่เขานำมาปลูกเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในไร่หายไปทว่าชายหนุ่มคงสงวนท่าทีไว้ วินาทีนั้นในหัวเขาคำนวณถึงหนทางการเป็นไปได้ไปจนถึงศัตรูของเขาที่ลอบหักหลังกันด้วยวิธีหมาจนตรอก
“บ่ฮู้ครับ ผมว่าน่าจะเป็นโจรมาลักไปครับ (ไม่รู้ครับ ผมว่าน่าจะเป็นโจร มาขโมยไปครับ)” ‘พันธุ์’ ชายหนุ่มชาวเหนือรายงานด้วยความรวดเร็ว เขาตกใจมากที่ตื่นขึ้นมาพันธุ์กล้าหายหมด ทว่าอีกคนกลับไม่มีท่าทีเหมือนเขาเลย นายหัวหนุ่มนิ่งสนิท ขณะตอนนี้ก็เหมือนไม่รู้สึกอะไร
“อืม กลับไปรอที่นั่น เดี๋ยวฉันตามไป” สิงหราชสั่งอย่างใจเย็น แม้ใบหน้าลูกน้องของเขาจะแสดงความกลัวออกมาก็ตาม คนแถวนี้รู้ดีว่าเมื่อก่อนไร่ธรภูมิมีเรื่องบาดหมางกันกับไร่ทศกัณฐ์ ไร่ผลไม้ที่อยู่ข้างๆ เจ้าของที่นั่นอยากได้ที่ดินที่เป็นส่วนหนึ่งของสิงหราชซึ่งรกร้างและไม่ได้ใช้การมานาน ผู้ชายคนนั้นบอกว่ายินดีจะซื้อ ทว่านายหัวหนุ่มไม่ยินยอมขาย
“จะไปไหนเหรอคะ” กำลังจะเดินลงไปดู เป็นจังหวะเดียวกับที่ร่างบางเดินออกจากห้องพอดี คิ้วเรียวขมวดยุ่ง
“ไปดูต้นกล้า” ร่างสูงตอบ แล้วต้องหงุดหงิดใจเมื่อคนตัวเล็กเอ่ยว่า
“ไปด้วย” บนใบหน้านายหัวสิงมีแววตึงเครียดทันที
“ไปทำไม มันร้อน”
นาราเดินขึ้นมาตามเนินเขาเรื่อยๆ แสงของพระอาทิตย์สาดส่องไปทั่วและสายลมที่พัดเอื่อยๆต้องผิวกายพลันทำให้เย็นสดชื่นราวกับได้เกิดใหม่ ปลดระวางความเหนื่อยล้าที่มีมาทั้งวัน หญิงสาวยิ้มร่าเมื่อคิดว่าขึ้นไปบนหน้าผาแล้วจะเจอใครคนหนึ่ง คน...ที่วันนี้คิดถึงเป็นร้อยครั้ง และใช่ เมื่อขึ้นมาก็เห็นเขายืนอยู่ก่อนแล้ว คนตัวเล็กคลี่ยิ้ม ด้านข้างของสิงหราชนั้นช่างดูดีเสียจริง หล่อเหลาราวกับรูปปั้น ไม่รวมผิวสีเข้มที่บ่งบอกว่าผ่านการแตกแดดมานมนาน เสริมให้บุคลิกของคนร่างสูงดูองอาจขึ้นไปอีก เธอไม่อยากเชื่อว่าวันหนึ่งคนคนนี้จะเป็นของเธอ ทว่าเวลานี้เขายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมกับยิ้มให้เธอด้วยความจริงใจ นาราวิ่งเข้าไปหาแขนที่อ้าออก หลับตาสูดเอากลิ่นหอมๆของชายคนรักเข้าปอด ซึ่งอีกคนก็เช่นเดียวกัน เขาประทับริมฝีปากลงบนกระหม่อมบาง ลอบดมกลิ่นหอมหวานจนชื่นใจ “เหนื่อยมั้ย” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์เอ่ยอย่างเป็นห่วง ใครจะคิดว่านาราจะอึดขนาดนี้ ทำสวนไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย บ้ากว่าเขาตอนทำไร่ใหม่ๆอีกมั้ง แล้วคำตอบของเธอทำเขายิ้มออกมาอย่างไม่ยาก “ไม่เหนื่อย
“แต่หนูไม่โกรธยายหรอกค่ะ แต่มาวันนี้ก็เพื่อบอกให้ยายรู้ว่าหนูจะไม่ทนอีกแล้ว ยายต้องรับผิดชอบในส่วนที่ยายทำ ถ้ายังหาเงินมาคืนสามีหนูไม่ได้ แน่นอนว่าบ้านหลังนี้กับที่ดินหนูจะยืดไปให้หมด” “นี่แก๊” ธัญญาหมดความอดทนจริงๆ ไม่คิดว่าหลานตัวเองจะเลวร้ายแบบนี้ เธอรู้ว่าตัวเองผิดที่เห็นแก่ตัวไม่ใช้หนี้ แต่เธอก็เอาเงินของเธอมาดูแลแม่ไง แม่มันไม่ดูแลยายก็ให้มันใช้หนี้ไปสิ ผิดตรงไหน คนเป็นป้าอยากพูดแบบนั้นทว่าพอเห็นสายตาเลือดเย็นของหลานสาว ก็ถึงกลับต้องหุบปากไป เพราะกลัวมันจะเพิ่มหนี้ให้เธอ “หนูมาบอกแค่นี้ล่ะค่ะ ขอตัว” หญิงสาวเดินออกมา เธอแทบจะล้มลงไปกับพื้นทว่าได้สิงหราชประคองตัวไว้ เธอพยักหน้าให้เพื่อบอกเขาว่าไม่เป็นไร ทว่าพอได้ขึ้นมาบนรถ ก็อดกลั้นไม่ไหวร้องไห้ออกมาในที่สุด คนตัวใหญ่ดึงเธอเข้าไปกอด ลูบแผ่นหลังเบาๆ ความอ่อนแอยิ่งถูกกระตุ้นไหลเป็นสาย บางทีโลกเราก็โหดร้ายเกินไป พยายามคิดในแง่บวกไว้ ปกปิดมันด้วยเหตุผลทุกอย่าง ทว่าพอเผชิญหน้ากับความจริงกลับเกินทนจนยากที่จะรับไหว “พี่อยู่นี่ ไม่เป็นไร” สิงหราชปลอบโยนคนต
รถกระบะคันเก่าวิ่งเข้ามาจอดกลางบ้าน ทำให้ธัญญาที่กำลังร้องไห้ราวกับจะขาดใจเงยหน้ามอง จากที่ราวถูกเหยียบย่ำหัวใจไปแล้ว หญิงวัยกลางคนยิ่งแหลกสลายเข้าไปกันใหญ่เมื่อเห็นหลานสาวของตนและผู้มีอิทธิพลในแถบนี้เดินเข้ามา และใช่ ลูกสาวเธอโดนจับก็เพราะพวกมัน “อีนารา! มึงยังเสนอหน้ามาอีกเหรอ” ธัญญาตะโกนดังลั่น ความโกรธเกรี้ยวของเธอทำให้ยายของนาราที่นั่งอยู่ข้างๆธัญญาลูบหลังลูกสาวเบาๆ นาราปรายตามองยายของตน หญิงใจร้ายที่ไม่เคยคิดบอกความจริงกับเธอ ที่ผ่านมาเธอใจดีมาก ทำดีกับยายมาโดยตลอดเพราะหวังว่าสักวันหญิงชราจะเห็นความดีแล้วรักเธอบ้าง ทว่าตอนนี้หญิงสาวได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันสูญเปล่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยรักเธอในฐานะหลานเลย แม้ใจจะปวดหนึบ แต่ก็พยายามเก็บมันไว้ คงเห็นท่าไม่ได้ สิงหราชเลยกุมมือเธอ หญิงสาวส่ายหัวบอกเขาว่าไม่เป็นอะไร ใจเข้มแข็งพอแล้ว และส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะเขา “ป้าทำเหมือนโกรธหนู แต่หนูมากกว่าที่ต้องโกรธป้า” คนตัวเล็กตอบโต้กลับทันที “โกรธกูเรื่องอะไร!” ตอนนี้ธัญญาไม่วางมาดอะไรอีกแล้ว นังเด็กนี่มัน
“ครับ เมียเอายังไงก็เอา แต่บอกก่อนได้มั้ยว่าจะไม่โกรธกัน” เขากลัวเมียหายไปนะ ถ้าเธอจากเขาไปทั้งไร่ต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน พลิกแผ่นดินหาไม่เจอก็จะหาอยู่แบบนั้น นาราหลุบมองคนที่ซุกอยู่บนอก ดวงตาดุๆ พลันทำให้ชายหนุ่มก้มหน้าลง เผลอใช้โอกาสนี้ซุกใบหน้าลงมามากกว่าเดิม นาราอึดอัดจนต้องขยับดิ้น เธอจิ๊ปากทีหนึ่ง “อื้อ!” เสียงอ้อนเอ่ยตามมา “บอกก่อนว่าจะไม่โกรธ” “ไม่” “ทำไมไม่” “ก็โกรธ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธ” “ไม่รู้ ออกไปจากที่นี่มั้ง” วินาทีนั้นอ้อมแขนที่กอดเธออยู่รัดแน่นขึ้น นาราเกือบหายใจไม่ออก ทว่าต้องทำเก๊กเพราะกลัวเขาจะได้ใจ หญิงสาวเลยนิ่งไว้ “ไม่ให้ไป ไปสิ จะขังไว้ที่นี่เลย” ตัวเล็กดวงตาวาวโรจน์ “กล้าเหรอ?” “ไม่กล้า” เสียงหงอยเอ่ย นารานิ่งไป มองคนตัวใหญ่ที่กำลังไซ้หัวลงบนหน้าอกเธอเหมือนเด็ก “งั้นเอาไร่มั้ย เอาไร่ส้มสักร้อยไร่ หรือตรงที่น้องทำ พี่ยกให้หมดเลย” “ยกให้แฟนเก่ากับคุณปราณนารีสิ มาให้ฉันทำไม”
“น้ำ” เสียงแหบแห้งและฝืดเคืองครางออกมา ใช่ ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าอยู่ในทะเลทรายอันแสนแห้งแล้งและร้อนผ่าวแผดเผาอยู่ภายใต้พระอาทิตย์ แล้วในตอนนั้นเองที่เปลือกตาสีไข่เปิดขึ้น ฝ้าเพดานที่คุ้นเคยทำหญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แรงกอดรัดช่วงตัวทำให้เธอเอี้ยวตัวมองคนที่กอดเธอไว้ สิงหราช นี่เขา พาเธอออกมาจากป่าได้จริงๆ “ตื่นแล้วเหรอ” ร่างสูงตื่นขึ้นมาพอดี เขายิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นเลยในชาตินี้ ยิ่งทำให้อึ้งไปกว่านั้นเพราะเขาโน้มหน้าลงมาจูบกระหม่อมกันเอ่ยคำพูดแปลกประหลาด “เมียตื่นแล้วเหรอครับ” ราวกับสติได้หลุดล่องหายไป เมื่อกี้เขาว่ายังไงนะ “คุณว่ายังไงนะ” “เมียตื่นแล้ว อยากได้อะไรมั้ย” แม้จะยังมึนงง ทว่านาราตอบอย่างไม่ลังเล เอาไว้ก่อนเรื่องเขาเรียกเธอว่าเมีย “น้ำ” เพียงเท่านั้นเขาก็ลุกขึ้น พร้อมกับเอามันมาให้เธอ ร่างสูงนั่งลงข้างเตียง ประคองเธอขึ้นนั่ง นาราดื่มน้ำด้วยความกระหาย ก่อนดวงตาจะจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง มันผสมปนเปกันไป
“นายหัว!” นงรักตาเบิกกว้างเมื่อเห็นคนสูงใหญ่ผู้น่าเกรงขามในไร่แบกหญิงสาวตัวเล็กไว้บนหลังเดินเข้ามา พอมองสภาพของทั้งสองคนหญิงแม่บ้านก็ต้องตกใจ อะไรกันเนี่ย ทำไมดำไปทั้งตัวแบบนี้ มิหนำซ้ำท่อนขาและเท้าเปลือยเปล่าของสิงหราชยังเต็มไปด้วยบาดแผลราวกับโดนของร้อนจี้มา หรือว่าที่คนงานพูดกันว่าในป่ามีเพลิงไหม้ เกี่ยวข้องกันนายหัวและหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ได้สตินี่เหรอ เกิดอะไรขึ้น ใครบังอาจทำนายหัวเธอ มันเป็นใคร! วินาทีนั้นราวกับนายหัวของไร่เป็นคนบ้าใบ้ สิงหราชไม่พูดอะไร อุ้มนาราขึ้นมาบนบ้าน ดวงตาชายหนุ่มเหม่อลอย และกว่าจะเอ่ยออกมาก็ปาไปหลายนาที “ป้าเรียกหมอให้หน่อยได้มั้ยครับ” เหนื่อยจนเหมือนตายทั้งเป็น แต่ก็ยังอยากเห็นอีกคนไม่เป็นอะไร “โถ่ ได้ค่ะ” นงรักแทบร้องไห้ เธอรีบกุลีกุจอโทรไปเรียกหมอที่เป็นคนสนิทกับครอบครัว แล้วเวลานั้นเองที่ชายอีกคนโผล่มา “พี่สิง” “มึงไม่ใช่น้องกู...” สิงหราชมองไปที่น้องชายของตน ก่อนหน้านั้นเขาพอรู้มาบ้างว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่คิดว่ามันจะทำแรงขนาดนี้ “มึง