“แต่นาคอยากไป” ทุกวันนี้เธอรับรู้ความเป็นไปในไร่แทบทุกเรื่องราว ความรู้เยอะมากๆแทบเป็นเจ้าของไร่ได้เลยประมาณนั้น เพราะแบบนี้นาราจึงซึมซับไม่รู้ตัว เธอห่วงต้นกล้าทุกต้นในไร่ไม่ต่างจากเขาเลย
“ใส่ไว้” แล้วเขาก็จำยอม เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหัว ทำหญิงสาวชะงัก มองหมวกที่ถูกสวมทับลงมาบนหัวตัวเอง
“มันร้อน” เขากล่าวเพียงเท่านั้น
“ขอบคุณค่ะ” นาราได้เพียงเอ่ยคำนั้นเหมือนกัน ใบหน้าสวยพยายามซ่อนความเขินอายไว้ด้วยการก้มหน้าลง โดยไม่ให้ใครเห็น ใครจะคิดว่าเขาจะห่วงเธอถึงขั้นเอาหมวกให้ใส่ สิงหราชวันนี้ช่างน่ารักจริงๆ“เป็นอย่างนี้ได้ยังไง” เขาคำนวณความเสียหายมาแล้วว่าจะประมาณไหน ทว่าพอมาดูของจริงกลับพบว่ามูลค่าที่เสียหายไปนั้นมีมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว พันธุ์กล้าที่ถูกเพาะและนำเข้าจากต่างประเทศ คำนวณเป็นเงินหลายแสนบาทที่เสียหายไป เหลือไว้เพียงต้นดาวเรืองเล็กๆให้ดูต่างหน้า
กล้า กล้ามากจริงๆที่ทำแบบนี้
“เมื่อคืนใครเฝ้ายาม” เสียงเข้มเอ่ยถามด้วยความเยือกเย็น นัยน์ตาคมกร้าวกราดมองทุกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า เห็นได้ชัดว่าเพียงได้ยินเสียงน่าเกรงขาม ทุกคนก็แสดงความเกรงกลัวเจ้านายออกมาจนตัวสั่นงันงก พวกเขารู้ว่าสิงหราชเป็นคนเอาจริงขนาดไหน
“ฉันถาม ทำไมไม่ตอบ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงดังขึ้นอีกครั้ง ทำเอาคนงานขนลุกไปตามๆกัน
“เอ่อ” ทะนงใจกล้าเอ่ยออกมาคนแรก เขากลัวเจ้านายจนฉี่แทบราดอยู่แล้ว
“เอ่อ ไอ้ตุ้ยครับนายหัว เมื่อคืนเป็นวันเกิดมัน พวกมันเลยฉลองกันดึกไปหน่อยครับ ไม่ได้ดูต้นกล้าดีๆครับนาย” ทะนงมารู้หลังจากพันธุ์กล้าหายไปแล้วว่า เมื่อคืนตุ้ยกับคนงานอีกสามคนที่มีหน้าที่เฝ้ายามดื่มฉลองกัน จนทำให้พวกนั้นไม่ได้นอนที่นี่ พันธุ์กล้าทั้งจึงถูกขโมย
“ไปเรียกมันมา” สิงหราชกดเสียงต่ำ ดวงตาคมจ้องมองไปที่ทะนง คนงานหนุ่มสะดุ้งโหยง ก่อนจะเดินตาลีตาเหลือกไปหาตุ้ยที่คาดว่าน่าจะหลบอยู่แถวๆนี้ จนกระทั่งเจอตุ้ย พุ่ม สวน และอิ่ม ที่โรงนา
“นาย! ผมขอโทษครับนาย” เพียงพบหน้าผู้เป็นนายตุ้ยก็ยกมือพนมขอโทษเขาทันที คนที่ขึ้นชื่อว่านายมองมาที่ตน แผ่รังสีดุดันออกมา เขาเคยเห็นสิงหราชโกรธมากๆอยู่ไม่กี่ครั้ง เพราะปกตินายหัวหนุ่มก็มักมีความเกรี้ยวกราดอยู่แล้ว ทว่าในตอนที่โกรธเหมือนจะฆ่าคนให้ได้ คนงานในไร่แทบอยากลาออกไปทุกคน แล้วตอนนี้ตุ้ยก็รู้ชะตากรรมตัวเองว่าสิงหราชไม่ปล่อยตนไว้แน่
“เมื่อคืนมึงนอนไหน” เจ้าของไร่ธรภูมิเอ่ยถามเสียงเข้ม กดดันคนทำงานจนกลัวหัวหดไปตามๆกัน
“เอ่อ ผมนอนที่ห้องพักครับนาย ผมเมามาก เลย ผม” ตุ้ยเอ่ยกระตุกกระตัก ทว่าเสียงเขาเงียบไปเมื่อได้ยินนายหัวเอ่ย
“กูไล่มึงออก”
“...”
“กูบอกแล้วไงว่าให้ดูแลพันธุ์กล้าให้ดี แต่มึงก็ไม่ทำ กูไม่ชอบคนที่ทำอะไรลับหลัง มึงอยากเมา มึงเมาได้ แต่มึงเมาแล้วไม่ทำการทำงานแบบนี้ กูไม่จำเป็นต้องเอามึงไว้อีกต่อไป” นัยน์ตาคมกล้ากวาดมองยังคนด้านหลัง “รวมถึงคนอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วย กูไล่มึงออกทุกคน”
เขาเคยบอกไว้แล้วว่าอย่าทำงานด้วยความเลินเล่อ ธรภูมิไม่ใช่สนามเด็กเล่น แต่มันคือสถานที่ทำงาน ทำงานได้ผลผลิตออกมาเป็นพืชผลคุณภาพดี ถ้าใครเป็นก้อนเนื้อร้าย เขาก็พร้อมตัดพวกมันทิ้ง
เพียงได้ยินคำว่าไล่ออกตุ้ยรู้สึกราวกับฟ้าถล่มลงมา เขาไม่อยากยอมรับความจริง
“นายครับ ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” ตุ้ยพยายามเว้าวอน ชายหนุ่มร้องไห้ออกมา เขารู้ความผิดตัวเองอยากได้รับการให้อภัย เขาไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ความจริงไม่ใช่ว่าสิงหราชไม่ให้ดื่มเลย ถ้าอยากดื่มต้องบอกนายหัวก่อน แต่ครั้งนี้เขาคิดน้อยไปจริงๆ
“ใช่ครับ นาย อย่าไล่พี่ตุ้ยและพวกเราออกเลย ต่อไปนี้พวกเราจะดูแลพันธุ์กล้าให้ดี นาย ให้อภัยเราเถอะนะครับ!” พุ่มขอร้อง ถ้าไม่ได้ทำงานที่นี่ เขาไม่รู้ว่าจะไปทำที่ไหนแล้วเหมือนกัน งานมันหายากใช่ว่าเดินไปแล้วจะหาได้“นะครับนายๆ นายๆ”
คนทำผิดต่างร้องขอ ทว่าไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว นายเหนือหัวของไร่ได้เดินไปแล้ว เหลือเพียงคนร่างเล็กที่ยังมองทุกคนด้วยความสงสาร ความจริงเธอรู้ดีว่าสิงหราชเป็นคนใจร้ายและไม่สนใครพอตัว เพราะเธอก็โดนเขาทำร้ายบ่อยๆ แต่ยอมรับว่าเธอไม่เคยเห็นเหตุการณ์ที่เขาจริงจังและเด็ดขาดขนาดนี้มาก่อน แต่ทว่าพอมาคิดอีกทีความเสียหายที่คนพวกนี้ก่อไว้มีมากมายจริงๆ
“น้องนาคไปคุยกับนายให้หน่อยได้มั้ยว่าอย่าไล่พวกพี่ออกเลย” เมื่อนายใหญ่ไปแล้ว คนถูกทิ้งจึงมองหาคนที่พอจะช่วยตัวเองได้ ตุลพันธ์เดินเข้ามาหานาราที่ยังนิ่งอยู่ เขาเห็นหญิงสาวสนิทกับนายหัวมาก และทุกคนก็พอรู้ว่าทั้งสองคนเป็นอะไรกัน เขาคิดว่านาราต้องช่วยเขาได้แน่ๆ
“เอ่อ คือ หนูไม่รู้ว่าจะช่วยยังไงค่ะ” เพราะเธอก็ยังเอาตัวเองไม่รอด เธอไม่รู้ว่าคำพูดของเธอมีผลกับสิงหราชแค่ไหน
“แต่น้องนาคไปคุยกับนายหัวให้พี่หน่อย พี่มีลูกมีเมียที่ต้องดูแล ถ้าไม่มีงานในนี้ พี่ก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน นะ น้องนาค น้องนาคช่วยพี่หน่อยนะ” อิ่มยังคงไม่ยอม เขามีเมียมีลูกอยู่ที่นี่ แล้วงานในบ้านก็หายากเหลือเกิน เดิมทีเขาติดยาเรียนไม่จบตั้งแต่อายุยังน้อย แล้วใช่ ช่วงเวลานั้นเองที่สิงหราชให้โอกาสเขา โดยมีข้อแลกเปลี่ยนว่าเขาต้องทำงานถวายหัวให้ธรภูมิ ที่ผ่านมาเขาดีใจมากเพราะที่แห่งนี้ค่าตอบแทนดี สวัสดิการยังดี เขาไม่อยากไปจากที่นี่นารานิ่งไปก่อนที่เธอจะตัดสินใจกับตัวเอง
“ค่ะ นาคจะลองคุยกับเขาดู” ด้วยความสงสารจึงยอมตกลง เธอไม่รู้ว่าจะคุยกับนายหัวของไร่ได้หรือเปล่า ทว่าด้วยความเป็นคนใจดีของนารา เธอจึงอยากจะช่วย
นาราเดินขึ้นมาตามเนินเขาเรื่อยๆ แสงของพระอาทิตย์สาดส่องไปทั่วและสายลมที่พัดเอื่อยๆต้องผิวกายพลันทำให้เย็นสดชื่นราวกับได้เกิดใหม่ ปลดระวางความเหนื่อยล้าที่มีมาทั้งวัน หญิงสาวยิ้มร่าเมื่อคิดว่าขึ้นไปบนหน้าผาแล้วจะเจอใครคนหนึ่ง คน...ที่วันนี้คิดถึงเป็นร้อยครั้ง และใช่ เมื่อขึ้นมาก็เห็นเขายืนอยู่ก่อนแล้ว คนตัวเล็กคลี่ยิ้ม ด้านข้างของสิงหราชนั้นช่างดูดีเสียจริง หล่อเหลาราวกับรูปปั้น ไม่รวมผิวสีเข้มที่บ่งบอกว่าผ่านการแตกแดดมานมนาน เสริมให้บุคลิกของคนร่างสูงดูองอาจขึ้นไปอีก เธอไม่อยากเชื่อว่าวันหนึ่งคนคนนี้จะเป็นของเธอ ทว่าเวลานี้เขายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมกับยิ้มให้เธอด้วยความจริงใจ นาราวิ่งเข้าไปหาแขนที่อ้าออก หลับตาสูดเอากลิ่นหอมๆของชายคนรักเข้าปอด ซึ่งอีกคนก็เช่นเดียวกัน เขาประทับริมฝีปากลงบนกระหม่อมบาง ลอบดมกลิ่นหอมหวานจนชื่นใจ “เหนื่อยมั้ย” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์เอ่ยอย่างเป็นห่วง ใครจะคิดว่านาราจะอึดขนาดนี้ ทำสวนไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย บ้ากว่าเขาตอนทำไร่ใหม่ๆอีกมั้ง แล้วคำตอบของเธอทำเขายิ้มออกมาอย่างไม่ยาก “ไม่เหนื่อย
“แต่หนูไม่โกรธยายหรอกค่ะ แต่มาวันนี้ก็เพื่อบอกให้ยายรู้ว่าหนูจะไม่ทนอีกแล้ว ยายต้องรับผิดชอบในส่วนที่ยายทำ ถ้ายังหาเงินมาคืนสามีหนูไม่ได้ แน่นอนว่าบ้านหลังนี้กับที่ดินหนูจะยืดไปให้หมด” “นี่แก๊” ธัญญาหมดความอดทนจริงๆ ไม่คิดว่าหลานตัวเองจะเลวร้ายแบบนี้ เธอรู้ว่าตัวเองผิดที่เห็นแก่ตัวไม่ใช้หนี้ แต่เธอก็เอาเงินของเธอมาดูแลแม่ไง แม่มันไม่ดูแลยายก็ให้มันใช้หนี้ไปสิ ผิดตรงไหน คนเป็นป้าอยากพูดแบบนั้นทว่าพอเห็นสายตาเลือดเย็นของหลานสาว ก็ถึงกลับต้องหุบปากไป เพราะกลัวมันจะเพิ่มหนี้ให้เธอ “หนูมาบอกแค่นี้ล่ะค่ะ ขอตัว” หญิงสาวเดินออกมา เธอแทบจะล้มลงไปกับพื้นทว่าได้สิงหราชประคองตัวไว้ เธอพยักหน้าให้เพื่อบอกเขาว่าไม่เป็นไร ทว่าพอได้ขึ้นมาบนรถ ก็อดกลั้นไม่ไหวร้องไห้ออกมาในที่สุด คนตัวใหญ่ดึงเธอเข้าไปกอด ลูบแผ่นหลังเบาๆ ความอ่อนแอยิ่งถูกกระตุ้นไหลเป็นสาย บางทีโลกเราก็โหดร้ายเกินไป พยายามคิดในแง่บวกไว้ ปกปิดมันด้วยเหตุผลทุกอย่าง ทว่าพอเผชิญหน้ากับความจริงกลับเกินทนจนยากที่จะรับไหว “พี่อยู่นี่ ไม่เป็นไร” สิงหราชปลอบโยนคนต
รถกระบะคันเก่าวิ่งเข้ามาจอดกลางบ้าน ทำให้ธัญญาที่กำลังร้องไห้ราวกับจะขาดใจเงยหน้ามอง จากที่ราวถูกเหยียบย่ำหัวใจไปแล้ว หญิงวัยกลางคนยิ่งแหลกสลายเข้าไปกันใหญ่เมื่อเห็นหลานสาวของตนและผู้มีอิทธิพลในแถบนี้เดินเข้ามา และใช่ ลูกสาวเธอโดนจับก็เพราะพวกมัน “อีนารา! มึงยังเสนอหน้ามาอีกเหรอ” ธัญญาตะโกนดังลั่น ความโกรธเกรี้ยวของเธอทำให้ยายของนาราที่นั่งอยู่ข้างๆธัญญาลูบหลังลูกสาวเบาๆ นาราปรายตามองยายของตน หญิงใจร้ายที่ไม่เคยคิดบอกความจริงกับเธอ ที่ผ่านมาเธอใจดีมาก ทำดีกับยายมาโดยตลอดเพราะหวังว่าสักวันหญิงชราจะเห็นความดีแล้วรักเธอบ้าง ทว่าตอนนี้หญิงสาวได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันสูญเปล่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยรักเธอในฐานะหลานเลย แม้ใจจะปวดหนึบ แต่ก็พยายามเก็บมันไว้ คงเห็นท่าไม่ได้ สิงหราชเลยกุมมือเธอ หญิงสาวส่ายหัวบอกเขาว่าไม่เป็นอะไร ใจเข้มแข็งพอแล้ว และส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะเขา “ป้าทำเหมือนโกรธหนู แต่หนูมากกว่าที่ต้องโกรธป้า” คนตัวเล็กตอบโต้กลับทันที “โกรธกูเรื่องอะไร!” ตอนนี้ธัญญาไม่วางมาดอะไรอีกแล้ว นังเด็กนี่มัน
“ครับ เมียเอายังไงก็เอา แต่บอกก่อนได้มั้ยว่าจะไม่โกรธกัน” เขากลัวเมียหายไปนะ ถ้าเธอจากเขาไปทั้งไร่ต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน พลิกแผ่นดินหาไม่เจอก็จะหาอยู่แบบนั้น นาราหลุบมองคนที่ซุกอยู่บนอก ดวงตาดุๆ พลันทำให้ชายหนุ่มก้มหน้าลง เผลอใช้โอกาสนี้ซุกใบหน้าลงมามากกว่าเดิม นาราอึดอัดจนต้องขยับดิ้น เธอจิ๊ปากทีหนึ่ง “อื้อ!” เสียงอ้อนเอ่ยตามมา “บอกก่อนว่าจะไม่โกรธ” “ไม่” “ทำไมไม่” “ก็โกรธ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธ” “ไม่รู้ ออกไปจากที่นี่มั้ง” วินาทีนั้นอ้อมแขนที่กอดเธออยู่รัดแน่นขึ้น นาราเกือบหายใจไม่ออก ทว่าต้องทำเก๊กเพราะกลัวเขาจะได้ใจ หญิงสาวเลยนิ่งไว้ “ไม่ให้ไป ไปสิ จะขังไว้ที่นี่เลย” ตัวเล็กดวงตาวาวโรจน์ “กล้าเหรอ?” “ไม่กล้า” เสียงหงอยเอ่ย นารานิ่งไป มองคนตัวใหญ่ที่กำลังไซ้หัวลงบนหน้าอกเธอเหมือนเด็ก “งั้นเอาไร่มั้ย เอาไร่ส้มสักร้อยไร่ หรือตรงที่น้องทำ พี่ยกให้หมดเลย” “ยกให้แฟนเก่ากับคุณปราณนารีสิ มาให้ฉันทำไม”
“น้ำ” เสียงแหบแห้งและฝืดเคืองครางออกมา ใช่ ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าอยู่ในทะเลทรายอันแสนแห้งแล้งและร้อนผ่าวแผดเผาอยู่ภายใต้พระอาทิตย์ แล้วในตอนนั้นเองที่เปลือกตาสีไข่เปิดขึ้น ฝ้าเพดานที่คุ้นเคยทำหญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แรงกอดรัดช่วงตัวทำให้เธอเอี้ยวตัวมองคนที่กอดเธอไว้ สิงหราช นี่เขา พาเธอออกมาจากป่าได้จริงๆ “ตื่นแล้วเหรอ” ร่างสูงตื่นขึ้นมาพอดี เขายิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นเลยในชาตินี้ ยิ่งทำให้อึ้งไปกว่านั้นเพราะเขาโน้มหน้าลงมาจูบกระหม่อมกันเอ่ยคำพูดแปลกประหลาด “เมียตื่นแล้วเหรอครับ” ราวกับสติได้หลุดล่องหายไป เมื่อกี้เขาว่ายังไงนะ “คุณว่ายังไงนะ” “เมียตื่นแล้ว อยากได้อะไรมั้ย” แม้จะยังมึนงง ทว่านาราตอบอย่างไม่ลังเล เอาไว้ก่อนเรื่องเขาเรียกเธอว่าเมีย “น้ำ” เพียงเท่านั้นเขาก็ลุกขึ้น พร้อมกับเอามันมาให้เธอ ร่างสูงนั่งลงข้างเตียง ประคองเธอขึ้นนั่ง นาราดื่มน้ำด้วยความกระหาย ก่อนดวงตาจะจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง มันผสมปนเปกันไป
“นายหัว!” นงรักตาเบิกกว้างเมื่อเห็นคนสูงใหญ่ผู้น่าเกรงขามในไร่แบกหญิงสาวตัวเล็กไว้บนหลังเดินเข้ามา พอมองสภาพของทั้งสองคนหญิงแม่บ้านก็ต้องตกใจ อะไรกันเนี่ย ทำไมดำไปทั้งตัวแบบนี้ มิหนำซ้ำท่อนขาและเท้าเปลือยเปล่าของสิงหราชยังเต็มไปด้วยบาดแผลราวกับโดนของร้อนจี้มา หรือว่าที่คนงานพูดกันว่าในป่ามีเพลิงไหม้ เกี่ยวข้องกันนายหัวและหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ได้สตินี่เหรอ เกิดอะไรขึ้น ใครบังอาจทำนายหัวเธอ มันเป็นใคร! วินาทีนั้นราวกับนายหัวของไร่เป็นคนบ้าใบ้ สิงหราชไม่พูดอะไร อุ้มนาราขึ้นมาบนบ้าน ดวงตาชายหนุ่มเหม่อลอย และกว่าจะเอ่ยออกมาก็ปาไปหลายนาที “ป้าเรียกหมอให้หน่อยได้มั้ยครับ” เหนื่อยจนเหมือนตายทั้งเป็น แต่ก็ยังอยากเห็นอีกคนไม่เป็นอะไร “โถ่ ได้ค่ะ” นงรักแทบร้องไห้ เธอรีบกุลีกุจอโทรไปเรียกหมอที่เป็นคนสนิทกับครอบครัว แล้วเวลานั้นเองที่ชายอีกคนโผล่มา “พี่สิง” “มึงไม่ใช่น้องกู...” สิงหราชมองไปที่น้องชายของตน ก่อนหน้านั้นเขาพอรู้มาบ้างว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่คิดว่ามันจะทำแรงขนาดนี้ “มึง