ไม่รู้ตอนไหนที่บนแก้มมีหยาดน้ำใสไหลอาบอยู่ ทว่าเพียงไม่นานต้องรีบเช็ด เพราะมีคนเดินตรงมาทางเธอ
“คุณนาค พ่อค้ามาแล้วครับ” สาทรคนงานเดินเข้ามา หญิงสาวจึงสูดหายใจลึกยิ้มให้คนตรงหน้าเบาๆ ใช่ วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดของเธอ ต้องรักษาวันที่ดีไว้ให้สุดสิ
ดวงตากลมโตมองเงินในมือของตน อาจไม่ใช่จำนวนมากมายเป็นเพียงเงินหนึ่งหมื่นบาท ทว่าเทียบกับการเริ่มแรกนั่นมากมายจนทำให้คนตัวเล็กใจฟูไปทั้งใจ นี่คือเงินที่เธอหามาได้ มาจากผลผลิตของเธอเอง
ดีใจจัง
“คุณนาค” น้ำเสียงเหนื่อยหอบมาจากคนด้านหลัง ทำให้ต้องหันไปมอง พบว่าเป็นสาทรนั่นเอง
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวเอ่ยด้วยความสงสัย วันนี้วันดีคงไม่มีอะไรกวนใจเธอใช่มั้ย ทว่าดูเหมือนไม่ใช่เลย
“นายหัวเรียกประชุมครับ บอกว่าอยากให้หัวหน้าทุกคนในไร่ไปคุยกัน เพราะแบบนั้นคุณกรเลยให้ผมมาเรียกคุณนาคไปด้วย ประชุมที่อาคารกลางของไร่ครับ ตอนนี้เลย”
อาคารกลางเป็นอาหารอเนกประสงค์ที่ให้ใครเข้ามาใช้ประโยชน์อะไรก็ได้ ซึ่งส่วนมากจะใช้เป็นที่ประชุมของคนงานในไร่ และใช่ ตั้งแต่สิงหราชถูกจับ ยังไม่มีการประชุมเกิดขึ้นเลยสักครั้งเดียว ทว่าส่วนมากเธอไม่ต้องเข้าประชุมก็ได้ไม่ใช่เหรอ เพราะเธอไม่ได้ทำหน้าที่อะไรเป็นพิเศษ ตอนนี้ก็รับผิดชอบพืชของตนที่ปลูกอยู่หลายไร่
“แต่ครั้งก่อนนาคไม่ได้เข้าประชุมด้วยนี่คะ นาคคิดว่าตอนนี้นาคไม่ขอเข้าประชุมดีกว่าค่ะ” ใช่ งานเธอยังมีอีกตั้งเยอะ ไม่ไปดีกว่า
“ไม่ได้ครับ” ทว่าสาทรเอ่ยเสียงหนักแน่น “คุณสิงบอกว่าให้คุณนาคมาด้วย คุณนาคไปเถอะครับ ก่อนนายจะระเบิด”
แล้วเกี่ยวอะไรกับเธอเล่า นาราอยากจะบ้าตาย เมื่อไหร่สิงหราชจะเลิกเอาแต่ใจกัน การประชุมครั้งนี้ไม่มีเธอไปก็ได้ ไม่รู้เหรอว่างานเธอยุ่งจะตายอยู่แล้ว
“น้องนาค” ในตอนนั้นเองที่วิกรเดินมาพอดี ชายหนุ่มหอบแฟ้มงาน เหงื่อแตกทั่วใบหน้า นารายิ้มบางเบาให้เขา
“น้องนาคไม่เข้าประชุมเหรอครับ” เขาถามเธอ เพราะแบบนั้นนาราจึงพยักหน้าให้
“เข้าค่ะ เขาบอกให้นาคไป”
“งั้นไปพร้อมพี่ พี่กำลังจะไปตอนนี้”
“ค่ะ” สุดท้ายก็เลี่ยงไม่ได้ นาราเดินตามหนุ่มรุ่นพี่ไปกระทั่งถึงอาคารกลาง เข้ามาในห้องประชุมสี่เหลี่ยมไม่ใหญ่ไม่เล็ก พบว่าคนอื่นมากันหมดแล้ว นาราเดินไปนั่งท้ายโต๊ะ ไม่มองไปยังหัวโต๊ะที่มีใครบางคนนั่งอยู่
“ภาได้ยินว่าค่าปุ๋ยขึ้นราคาเป็นยังไงบ้าง” มากันครบองค์ประชุม นายหัวของไร่ก็ซักถามทันที ซึ่งการนี้นภาพนักงานสาวเป็นคนจัดการการสั่งปุ๋ย รู้ราคาและความผันผวนในตลาดอยู่เสมอ เอ่ยตอบนายหัวหนุ่มด้วยความนอบน้อม
“ค่ะ ปุ๋ยสูตร 8-24-24 ขึ้นมาอีกสองบาท แต่บางสูตรราคาเท่าเดิมค่ะ นี่ภาก็ว่าจะมองหาเจ้าใหม่ที่ให้ราคาดีกว่านี้เหมือนกัน ถ้ารวบรวมได้แล้ว ภาจะนำเสนอคุณสิงอีกทีนะคะ”
“อืม” นายหัวหนุ่มพยักหน้าพอใจ ก่อนจะหันไปที่นภา กล่าวเสียงเข้ม “เดี๋ยวค่อยมาบอกฉันแล้วกัน ถ้าลดราคาไม่ได้มาก ฉันจะเข้าไปคุยกับคนขายเอง”
นายหัวสิงรู้จักกับร้านขายอุปกรณ์การเกษตรในจังหวัดนี้ และส่วนมากเป็นร้านพันธมิตรกับธรภูมิก่อนที่เขาจะเกิดเสียอีก ตอนนี้ก็ยังมีความสัมพันธ์อันดีกันอยู่ คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะขอต่อรองราคา
“แล้วไร่สตรอว์เบอร์รี่ล่ะเป็นยังไงบ้าง”
นารานั่งฟังคนอื่นพูดคุยเรื่องงานของตน และปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอสนใจเล็กน้อย ถึงไม่ได้เข้าทำงานในตำแหน่งไหนเป็นพิเศษและยุ่งเกี่ยวกันไม่ได้เข้าขั้นลึกซึ้ง ทว่าหญิงสาวรู้ดีว่าตนพอรู้เรื่องต่างๆมากถึงขั้นลึกทีเดียว แต่ก่อนสิงหราชเล่นให้เธอเข้าไปยุ่งเกี่ยวในทุกแผนกเลย มีเพียงตอนนี้ที่ต้องทำงานไร่ของตัวเองจนไม่เป็นอันทำอะไร
ให้ตายทำไมเธอต้องนึกถึงเขาอีกแล้ว
“ไร่ทางตะวันตกล่ะเป็นยังไงบ้าง”
วันนี้อยากกินข้าวขาหมูจัง หรือเธอจะกลับบ้านดี ไปอ้อนแม่ให้ทำให้ จะว่าไปนี่ไม่ได้กลับบ้านนานแล้ว อืม วันนี้กลับบ้านดีกว่า
“ฉันถามได้ยินมั้ย”
แต่อีกทางก็อยากไปกินหมูกระทะใกล้ๆนะ นั่นเป็นอีกเมนูหนึ่งที่เธอโปรดปรานเลย
“นาค”
แต่ว่าช่วงนี้ น้ำหนักเพิ่มขึ้นหลายโล ถ้ากินไปกลัวจะตัวอืดกันไปเปล่าๆ หรือจะไม่กินดี
นัยน์ตาคมดุจเหยี่ยวจ้องมองไปที่คนตัวเล็ก ที่เวลานี้เจ้าตัวราวกับได้หลุดจากโลกภายนอกเข้าไปในโลกของตัวเองแล้ว ท่าทางเมินเฉยนายหัวของนาราพลันทำให้ทุกคนในที่ประชุมแตกตื่นไม่น้อย ทั้งหมดหันมองหน้ากัน ก่อนมองไปยังร่างสูงบนเก้าอี้หัวโต๊ะที่เวลานี้เริ่มแผ่รังสีคุกรุ่นออกมา
กลัวนายหัวจะระเบิดออกมาซะก่อน จึงมีพนักงานใจกล้าคนหนึ่งสะกิดหญิงสาวที่นั่งข้างกันให้
“น้องนาค นายหัวเรียกค่ะ”
นาราพึ่งรู้สึกตัว จึงมองไปยังคนนั่งอยู่หัวโต๊ะ และเพียงสบตาเขาความรู้สึกปั่นป่วนไหลเวียนในช่องท้องทันที หญิงสาวรีบถอนสายตาไปทางอื่น เอ่ยโดยไม่สบตาเขา
“มีอะไรคะ” ราวกับรอเวลานี้มาเนิ่นนานนายหัวตอบรับไม่ให้ขาดตอน
“ฉันถามว่าไร่ที่ทำเป็นยังไงบ้าง”
ไปดูเองสิ มีขาไม่ใช่หรือไง หรือจะให้เธอคนนั้นพาเข็นรถเข็นไปก็ได้นะ นาราอยากเอ่ยแบบนั้น ทว่าด้วยความที่อยู่ต่อหน้าคนหลายคน และทุกคนกำลังจริงจังกัน จึงทำตัวเป็นพนักงานผู้รับใช้เจ้านายด้วยท่าทีอันเรียบร้อย
“ก็ดีค่ะ มีพ่อค้ามารับซื้อ เดี๋ยวฉันจะส่งบัญชีไปให้นะคะ”
“จบการประชุมได้” เสียงทุ้มดังขึ้น พลันทำทุกคนตกใจ ไม่คิดว่าจะเร็วถึงปานนี้ แต่นั่นแหละไม่มีใครคาดเดาความคิดของนายหัวได้สักคน ทุกคนลุกขึ้น เตรียมตัวเดินออกไป
“เว้นแค่นาค”
ทุกคนหันไปมองทางหญิงสาวตัวเล็กกันทั้งหมด ทว่าพอหันมามองสายตาดุดันของผู้เป็นเจ้านาย ก็รีบก้มหน้าเดินออกจากห้องเร็วปานพายุ ก่อนเดินออกไปวิกรไม่ลืมมองรั้งท้ายที่นารา เลื่อนสายตาไปที่เพื่อนของตน ที่ผ่านมาเขารู้ว่าแฟนเก่าของสิงหราชกลับมาแล้ว เพราะแบบนั้นจึงสงสัยว่านายหัวหนุ่มจะเอายังไงกับนารา เขาอยากบอกว่าถ้ามันไม่คิดจะจริงใจก็ปล่อยเธอไปเถอะ นาราเป็นเด็กดี หน้าตาก็งดงาม สามารถหาผู้ชายที่ดีได้ ทว่าเขาคงได้แค่คิด เพราะความจริงไม่กล้าพูดแบบนั้นกับคนเป็นนายหัว กลัวมันกระโดดกัดคอ
ทุกคนออกไปหมดแล้ว ในนี้จึงเหลือเธอกับเขาเพียงแค่สองคน ความเงียบปกคลุมไปทั่วบริเวณทำให้ต้องถอนหายใจออกมา ร่างเล็กได้แต่คิดว่าอะไรของเขาเรียกเธอไว้ก็มามองหน้าเธอ
“พูดมาสิ ธุระของคุณคืออะไร” เอ่ยขึ้นด้วยความทนไม่ไหว บอกตามตรงว่าไม่อยากอยู่ที่นี่กับเขานานๆ ถ้าเกิดอยู่ด้วยกันแฟนเก่าของเขาอยู่ด้านนอก แล้วเราสองคนอยู่ข้างในกันแบบสองต่อสองไม่ดีเลย เธอไม่อยากให้ใครเข้าใจผิด
“เดินมานี่” ทว่าเจ้าตัวไม่ยอมเอ่ยสิ่งที่นาราต้องการ กลับเรียกเข้าไปหา นารายังยืนอยู่ที่เดิม ไม่ยอมเข้าไป
“พูดมาเถอะค่ะ ฉันจะได้กลับ มีงานอีกมากที่ต้องดูแล ไม่ได้ว่าง”
ยิ่งห่างกันมากเท่าไหร่ ยิ่งดีมากเท่านั้น เธอไม่ควรใกล้ชิดกับเขามากเกินไป
นาราเดินขึ้นมาตามเนินเขาเรื่อยๆ แสงของพระอาทิตย์สาดส่องไปทั่วและสายลมที่พัดเอื่อยๆต้องผิวกายพลันทำให้เย็นสดชื่นราวกับได้เกิดใหม่ ปลดระวางความเหนื่อยล้าที่มีมาทั้งวัน หญิงสาวยิ้มร่าเมื่อคิดว่าขึ้นไปบนหน้าผาแล้วจะเจอใครคนหนึ่ง คน...ที่วันนี้คิดถึงเป็นร้อยครั้ง และใช่ เมื่อขึ้นมาก็เห็นเขายืนอยู่ก่อนแล้ว คนตัวเล็กคลี่ยิ้ม ด้านข้างของสิงหราชนั้นช่างดูดีเสียจริง หล่อเหลาราวกับรูปปั้น ไม่รวมผิวสีเข้มที่บ่งบอกว่าผ่านการแตกแดดมานมนาน เสริมให้บุคลิกของคนร่างสูงดูองอาจขึ้นไปอีก เธอไม่อยากเชื่อว่าวันหนึ่งคนคนนี้จะเป็นของเธอ ทว่าเวลานี้เขายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมกับยิ้มให้เธอด้วยความจริงใจ นาราวิ่งเข้าไปหาแขนที่อ้าออก หลับตาสูดเอากลิ่นหอมๆของชายคนรักเข้าปอด ซึ่งอีกคนก็เช่นเดียวกัน เขาประทับริมฝีปากลงบนกระหม่อมบาง ลอบดมกลิ่นหอมหวานจนชื่นใจ “เหนื่อยมั้ย” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์เอ่ยอย่างเป็นห่วง ใครจะคิดว่านาราจะอึดขนาดนี้ ทำสวนไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย บ้ากว่าเขาตอนทำไร่ใหม่ๆอีกมั้ง แล้วคำตอบของเธอทำเขายิ้มออกมาอย่างไม่ยาก “ไม่เหนื่อย
“แต่หนูไม่โกรธยายหรอกค่ะ แต่มาวันนี้ก็เพื่อบอกให้ยายรู้ว่าหนูจะไม่ทนอีกแล้ว ยายต้องรับผิดชอบในส่วนที่ยายทำ ถ้ายังหาเงินมาคืนสามีหนูไม่ได้ แน่นอนว่าบ้านหลังนี้กับที่ดินหนูจะยืดไปให้หมด” “นี่แก๊” ธัญญาหมดความอดทนจริงๆ ไม่คิดว่าหลานตัวเองจะเลวร้ายแบบนี้ เธอรู้ว่าตัวเองผิดที่เห็นแก่ตัวไม่ใช้หนี้ แต่เธอก็เอาเงินของเธอมาดูแลแม่ไง แม่มันไม่ดูแลยายก็ให้มันใช้หนี้ไปสิ ผิดตรงไหน คนเป็นป้าอยากพูดแบบนั้นทว่าพอเห็นสายตาเลือดเย็นของหลานสาว ก็ถึงกลับต้องหุบปากไป เพราะกลัวมันจะเพิ่มหนี้ให้เธอ “หนูมาบอกแค่นี้ล่ะค่ะ ขอตัว” หญิงสาวเดินออกมา เธอแทบจะล้มลงไปกับพื้นทว่าได้สิงหราชประคองตัวไว้ เธอพยักหน้าให้เพื่อบอกเขาว่าไม่เป็นไร ทว่าพอได้ขึ้นมาบนรถ ก็อดกลั้นไม่ไหวร้องไห้ออกมาในที่สุด คนตัวใหญ่ดึงเธอเข้าไปกอด ลูบแผ่นหลังเบาๆ ความอ่อนแอยิ่งถูกกระตุ้นไหลเป็นสาย บางทีโลกเราก็โหดร้ายเกินไป พยายามคิดในแง่บวกไว้ ปกปิดมันด้วยเหตุผลทุกอย่าง ทว่าพอเผชิญหน้ากับความจริงกลับเกินทนจนยากที่จะรับไหว “พี่อยู่นี่ ไม่เป็นไร” สิงหราชปลอบโยนคนต
รถกระบะคันเก่าวิ่งเข้ามาจอดกลางบ้าน ทำให้ธัญญาที่กำลังร้องไห้ราวกับจะขาดใจเงยหน้ามอง จากที่ราวถูกเหยียบย่ำหัวใจไปแล้ว หญิงวัยกลางคนยิ่งแหลกสลายเข้าไปกันใหญ่เมื่อเห็นหลานสาวของตนและผู้มีอิทธิพลในแถบนี้เดินเข้ามา และใช่ ลูกสาวเธอโดนจับก็เพราะพวกมัน “อีนารา! มึงยังเสนอหน้ามาอีกเหรอ” ธัญญาตะโกนดังลั่น ความโกรธเกรี้ยวของเธอทำให้ยายของนาราที่นั่งอยู่ข้างๆธัญญาลูบหลังลูกสาวเบาๆ นาราปรายตามองยายของตน หญิงใจร้ายที่ไม่เคยคิดบอกความจริงกับเธอ ที่ผ่านมาเธอใจดีมาก ทำดีกับยายมาโดยตลอดเพราะหวังว่าสักวันหญิงชราจะเห็นความดีแล้วรักเธอบ้าง ทว่าตอนนี้หญิงสาวได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันสูญเปล่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยรักเธอในฐานะหลานเลย แม้ใจจะปวดหนึบ แต่ก็พยายามเก็บมันไว้ คงเห็นท่าไม่ได้ สิงหราชเลยกุมมือเธอ หญิงสาวส่ายหัวบอกเขาว่าไม่เป็นอะไร ใจเข้มแข็งพอแล้ว และส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะเขา “ป้าทำเหมือนโกรธหนู แต่หนูมากกว่าที่ต้องโกรธป้า” คนตัวเล็กตอบโต้กลับทันที “โกรธกูเรื่องอะไร!” ตอนนี้ธัญญาไม่วางมาดอะไรอีกแล้ว นังเด็กนี่มัน
“ครับ เมียเอายังไงก็เอา แต่บอกก่อนได้มั้ยว่าจะไม่โกรธกัน” เขากลัวเมียหายไปนะ ถ้าเธอจากเขาไปทั้งไร่ต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน พลิกแผ่นดินหาไม่เจอก็จะหาอยู่แบบนั้น นาราหลุบมองคนที่ซุกอยู่บนอก ดวงตาดุๆ พลันทำให้ชายหนุ่มก้มหน้าลง เผลอใช้โอกาสนี้ซุกใบหน้าลงมามากกว่าเดิม นาราอึดอัดจนต้องขยับดิ้น เธอจิ๊ปากทีหนึ่ง “อื้อ!” เสียงอ้อนเอ่ยตามมา “บอกก่อนว่าจะไม่โกรธ” “ไม่” “ทำไมไม่” “ก็โกรธ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธ” “ไม่รู้ ออกไปจากที่นี่มั้ง” วินาทีนั้นอ้อมแขนที่กอดเธออยู่รัดแน่นขึ้น นาราเกือบหายใจไม่ออก ทว่าต้องทำเก๊กเพราะกลัวเขาจะได้ใจ หญิงสาวเลยนิ่งไว้ “ไม่ให้ไป ไปสิ จะขังไว้ที่นี่เลย” ตัวเล็กดวงตาวาวโรจน์ “กล้าเหรอ?” “ไม่กล้า” เสียงหงอยเอ่ย นารานิ่งไป มองคนตัวใหญ่ที่กำลังไซ้หัวลงบนหน้าอกเธอเหมือนเด็ก “งั้นเอาไร่มั้ย เอาไร่ส้มสักร้อยไร่ หรือตรงที่น้องทำ พี่ยกให้หมดเลย” “ยกให้แฟนเก่ากับคุณปราณนารีสิ มาให้ฉันทำไม”
“น้ำ” เสียงแหบแห้งและฝืดเคืองครางออกมา ใช่ ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าอยู่ในทะเลทรายอันแสนแห้งแล้งและร้อนผ่าวแผดเผาอยู่ภายใต้พระอาทิตย์ แล้วในตอนนั้นเองที่เปลือกตาสีไข่เปิดขึ้น ฝ้าเพดานที่คุ้นเคยทำหญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แรงกอดรัดช่วงตัวทำให้เธอเอี้ยวตัวมองคนที่กอดเธอไว้ สิงหราช นี่เขา พาเธอออกมาจากป่าได้จริงๆ “ตื่นแล้วเหรอ” ร่างสูงตื่นขึ้นมาพอดี เขายิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นเลยในชาตินี้ ยิ่งทำให้อึ้งไปกว่านั้นเพราะเขาโน้มหน้าลงมาจูบกระหม่อมกันเอ่ยคำพูดแปลกประหลาด “เมียตื่นแล้วเหรอครับ” ราวกับสติได้หลุดล่องหายไป เมื่อกี้เขาว่ายังไงนะ “คุณว่ายังไงนะ” “เมียตื่นแล้ว อยากได้อะไรมั้ย” แม้จะยังมึนงง ทว่านาราตอบอย่างไม่ลังเล เอาไว้ก่อนเรื่องเขาเรียกเธอว่าเมีย “น้ำ” เพียงเท่านั้นเขาก็ลุกขึ้น พร้อมกับเอามันมาให้เธอ ร่างสูงนั่งลงข้างเตียง ประคองเธอขึ้นนั่ง นาราดื่มน้ำด้วยความกระหาย ก่อนดวงตาจะจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง มันผสมปนเปกันไป
“นายหัว!” นงรักตาเบิกกว้างเมื่อเห็นคนสูงใหญ่ผู้น่าเกรงขามในไร่แบกหญิงสาวตัวเล็กไว้บนหลังเดินเข้ามา พอมองสภาพของทั้งสองคนหญิงแม่บ้านก็ต้องตกใจ อะไรกันเนี่ย ทำไมดำไปทั้งตัวแบบนี้ มิหนำซ้ำท่อนขาและเท้าเปลือยเปล่าของสิงหราชยังเต็มไปด้วยบาดแผลราวกับโดนของร้อนจี้มา หรือว่าที่คนงานพูดกันว่าในป่ามีเพลิงไหม้ เกี่ยวข้องกันนายหัวและหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ได้สตินี่เหรอ เกิดอะไรขึ้น ใครบังอาจทำนายหัวเธอ มันเป็นใคร! วินาทีนั้นราวกับนายหัวของไร่เป็นคนบ้าใบ้ สิงหราชไม่พูดอะไร อุ้มนาราขึ้นมาบนบ้าน ดวงตาชายหนุ่มเหม่อลอย และกว่าจะเอ่ยออกมาก็ปาไปหลายนาที “ป้าเรียกหมอให้หน่อยได้มั้ยครับ” เหนื่อยจนเหมือนตายทั้งเป็น แต่ก็ยังอยากเห็นอีกคนไม่เป็นอะไร “โถ่ ได้ค่ะ” นงรักแทบร้องไห้ เธอรีบกุลีกุจอโทรไปเรียกหมอที่เป็นคนสนิทกับครอบครัว แล้วเวลานั้นเองที่ชายอีกคนโผล่มา “พี่สิง” “มึงไม่ใช่น้องกู...” สิงหราชมองไปที่น้องชายของตน ก่อนหน้านั้นเขาพอรู้มาบ้างว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่คิดว่ามันจะทำแรงขนาดนี้ “มึง