ประพาพยักหน้าเห็นด้วย “แม่ก็ว่าอย่างนั้น กี่รุ่นต่อกี่รุ่นนายหัวไม่เคยทำเรื่องผิดกฎหมาย ถ้าจะมีก็มีแต่คนงานที่ลักลอบทำ เรื่องนั้นเขารู้ดีกันอยู่แล้ว ส่วนตำรวจก็ไม่เคยทำอะไร ปล่อยให้เยาวชนต้องเป็นทาสของสารเสพติดพวกนี้ กว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสีย ช่างเถอะ อย่าคิดมากเลยนะ เรากำลังเสียขวัญเจอเหตุการณ์ไม่ดี แม่ว่าพักผ่อนให้มากดีกว่า”
“ค่ะ” ฟังคำพูดของแม่ ก่อนล้มตัวนอนดังเดิม ภาพเหตุการณ์อันน่ากลัวยังตามมาสั่นสะเทือนจังหวะหัวใจเธออยู่ทุกลมหายใจ ดวงตากลมมองที่มือตัวเอง ไม่รู้ว่าคนที่โดนเธอยิงจะยังมีชีวิตอยู่มั้ย แต่เธออยากให้เขารู้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจเลย ถ้าไม่ทำ คนที่ตายต้องเป็นเธอ
อโหสิกรรมให้ด้วยนะ
หญิงสาวหลับตาลง หลับไปอีกครั้งในที่สุด
กลับมาที่ไร่ นาราก็ตรงดิ่งขึ้นไปที่บ้านเรือนไทยหลังใหญ่ทันที และเพียงขึ้นมาเท้าน้อยก็หยุดชะงักเพราะได้ยินเสียง
“สิง เจ็บตรงไหนอีกมั้ย”
หญิงสาวใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา เอ่ยถามคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ เอนแผ่นหลังนอนลงมองไปทางระเบียง เพียงเห็นผ้าพันแผลที่พันอยู่รอบเอวแผ่นหลังกำยำ เธอก็รู้ว่าเป็นใคร
เจ้าของบ้านหลังนี้
สิงหราช
“อ้าว คุณนาค” เสียงทุ้มดังมาจากชายหนุ่มรูปงามที่สวมเสื้อเชิ้ตลายทางกับกางเกงขาสั้นสามส่วนทักทายเธอ วินาทีนี้เองที่นารารู้สึกกระอักกระอ่วนราวกับเป็นสิ่งแปลกปลอมที่หลุดหลงมาที่นี่ หญิงสาวทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเอ่ยอะไรและยิ่งไม่มีอะไรจะพูดไปกันใหญ่เมื่อชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้หันมอง ทั้งสองสบตากัน ความวูบไหวแปลกประหลาดแล่นพล่านไปทั่วไขสันหลัง สุดท้ายนาราก็หาเสียงตนเจอ
“คือฉันจะมารายงานเรื่องต้นไม้น่ะค่ะ ถ้านายหัวไม่ว่างก็ไม่เป็นไร”
น่าอายที่สุด กลายเป็นว่าโดนทั้งสามสายตาจ้องมอง ความราบเรียบเย็นชาปรากฏอยู่บนดวงตาของคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ความประหลาดใจแกมสงสัยทว่ายังมีความอ่อนหวานเผยสู่ดวงตาร่างสวย และสุดท้ายความสนุกสนานราวกับว่ากำลังเจอของเล่นชิ้นยอดปรากฏเล็กน้อยบนแววตาของชายหนุ่ม
ใช่ ตั้งแต่วันที่เขาบอกเธอถึงเรื่องแฟนเก่า นาราก็คิดกับคิมหันต์ไม่เหมือนเดิมอีกเลย
และเพราะมันดูกระอักกระอ่วนลำบากใจ คนนอกที่เหมือนโผล่ไปในครอบครัวครอบครัวหนึ่งที่สนิท นาราถึงได้ต้องการออกจากที่นี่ ใบหน้าสวยก้มหัวให้ ถอยหลังกำลังจะเดินออกมา แล้วทันใดนั้นเอง
“คุณนาคไม่มาเยี่ยมเจ้านายหน่อยเหรอครับ พี่สิงเจ็บหนักเลย เห็นบอกว่าคุณนาคก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยนี่น้า” ในสายตาคนอื่นใบหน้าของคิมหันต์เต็มไปด้วยความน่ารัก ทว่าในความรู้สึกเธอไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย คล้ายกับว่ากำลังเยาะเย้ยกันมากกว่า
โดยไม่รู้ว่าความรู้สึกใส่ร้ายคนอื่นแบบนี้มาได้ยังไง ทว่านารารู้สึกแบบนั้น คิมหันต์คนนี้ไม่เหมือนพี่น้องคนอื่นๆของสิงหราชเลย
“ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันรู้สึกไม่สบาย กลัวจะเอาหวัดไปติดคุณสิงน่ะ”
นาราโกหกไป ตรงกันข้ามทุกอย่าง ความจริงคือเธอสบายดี แต่ไม่อยากจะเข้าไปเกะกะคนที่กำลังดูแลเขา ถ้าให้เดาจากการสนิทสนมแล้ว ผู้หญิงคนนี้คงมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสิงหราชแน่ และใช่ ตอนนี้เธอจะกลับบ้านพักอย่างเดียว
“ไม่คิดจะมาดูเลยรึไง” ทว่าเสียงร่างสูงกลับดังขึ้น นาราเผลอผ่อนลมหายใจลึก รู้สึกร้อนผ่าวตรงขอบตาราวกับตนจะเป็นบ้า อดคิดไม่ได้ว่าที่ชายหนุ่มพูดอยากนั้นเพราะเห็นความสำคัญ แต่บอกตามตรงตอนนี้เธอไม่กล้าคิดแบบนั้นเลย
คนที่ยืนอยู่ข้างเขา ช่างดูเพียบพร้อมและอ่อนหวานกว่าเธอ ซึ่งความจริงจากที่คิมหันต์เล่ามาก็คงเป็นอย่างนั้น ส่วนเธอเป็นใครล่ะ เด็กในไร่อย่างนั้นหรือ เด็กที่ไม่ควรยืนอยู่ตรงนี้
เธอคือคนธรรมดา ที่ควรจะปฏิบัติตัวกับเขาเหมือนคนอื่นที่ไม่มีความพิเศษเช่นกัน หญิงสาวได้เพียงยิ้ม
“ได้ยินว่านายหัวอาการดีขึ้นแล้ว ดูจากวันนี้ก็ดูจะดีขึ้นมาก หายไวๆนะคะ” เธอเสแสร้งได้แนบเนียนที่สุด ริมฝีปากยิ้มปิดท้าย ไม่สบตาเจ้าตัว ก่อนจะเดินลงมา แรงบีบรัดตรงอกข้างซ้ายทำให้หญิงสาวก้าวขาเร็วมากขึ้น ทว่าตอนนั้นนั่นเองที่เจอกับใครบางคนโดยบังเอิญ
“คุณนาค” นงรักเดินสวนมาพอดี
“ไปเยี่ยมนายหัวมาเหรอคะ”
“ค่ะ” เอ่ยรับเบาๆ นงรักมองที่เด็กสาวเหมือนอยากพูดอะไร ทว่าพอได้ยินเสียงผู้หญิงหวานๆหัวเราะด้านบนบ้าน หญิงแม่บ้านอย่างเธอก็ไม่รู้จะเอ่ยอะไร จึงพูดอย่างอื่นแทน
“งานที่ไร่คงหนักมากเลยสินะคะ เห็นบอกว่าเมล่อนเก็บผลได้แล้ว”
นารายิ้ม นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เธอยิ้มได้ เมล่อนที่เธอตั้งใจปลูกอย่างดีตอนนี้ผลิดอกออกผลจนสามารถเก็บเกี่ยวได้ ดีใจขึ้นไปอีกเมื่อพบว่ามีคนมาติดต่อขอซื้อมัน
นาราเอ่ยด้วยเสียงแช่มชื่นขึ้นกว่าเดิม
“ใช่ค่ะ วันนี้พ่อค้านัดคุยรายละเอียดแล้ว นาคจะไปคุยกับเขา”
นงรักตื้นตันดีใจ เธอเห็นตั้งแต่นาราเริ่มปลูกมัน เสียใจกับอุทกภัยที่เกิดขึ้น ตอนนี้สิ่งที่ยากลำบากมานานเกิดผลหนึ่งอย่างแล้ว น่าชื่นชมจริงๆ
“ป้าดีใจด้วยนะคะ ขายดีๆนะคะหนูนาค”
น้ำตาของนาราไหลพราก นงรักดีกับเธอมากจริงๆ
“ขอบคุณนะคะ”
สิ่งนี้คงเป็นสิ่งเดียวที่สามารถรักษาอาการภายในได้
วันต่อมานารารีบเข้าไร่ เธออาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่ตีห้าครึ่ง เจ็ดโมงเช้าวันนี้มีนัดกับพ่อค้า ในครั้งนี้จะเป็นล็อตแรกที่เริ่มขายผลผลิต หญิงสาวดีใจจนใจเต้นไปหมด ทีนี้เธอจะได้มีเงินไปปลดหนี้สักที
มือเรียวเปิดประตูออกมา กว่าจะแต่งตัวเสร็จก็เป็นเวลาหกโมงหน่อยๆ หญิงสาวเดินออกมาเพื่อไปยังไร่ ทว่าก่อนจะไป เธออยากไปดูพระอาทิตย์ขึ้นเติมกำลังใจซะก่อน ซึ่งตรงนั้นเป็นที่ที่เธอเคยไปกับสิงหราช เขาไม่ได้ห้ามเธอถ้าจะไป เพราะแบบนั้นนาราจึงไปดูพระอาทิตย์ตกบ่อยๆ
“สวยจังเลยค่ะสิง”
ทว่าพอขึ้นมาตรงหน้าผากลับพบชายหญิงคู่หนึ่ง ร่างสูงนั่งอยู่บนวิวแชร์ โดยมีหญิงสาวติดตามอยู่ด้านหลัง นาราชะงักฝีเท้าไว้ ใจด้านซ้ายรับรู้ได้ถึงความผิดปกติจึงถอยหลังออกมาอย่างทันใด
สถานที่นี้เขาเคยบอกว่าเป็นที่แห่งความลับ ไม่เปิดให้ใครเข้ามา ตอนนี้กลับเปิดมันให้ใครอีกคนอย่างง่ายดาย
แก๊ก
เนื่องจากฝีเท้าถอยหลังมาเรื่อยๆ นาราจึงเผลอเหยียบเข้ากับกิ่งไม้ ร่างบางรีบปิดริมฝีปากด้วยมือตัวเอง ก่อนที่เธอจะหุนหันรีบเดินจากไป
นาราเดินขึ้นมาตามเนินเขาเรื่อยๆ แสงของพระอาทิตย์สาดส่องไปทั่วและสายลมที่พัดเอื่อยๆต้องผิวกายพลันทำให้เย็นสดชื่นราวกับได้เกิดใหม่ ปลดระวางความเหนื่อยล้าที่มีมาทั้งวัน หญิงสาวยิ้มร่าเมื่อคิดว่าขึ้นไปบนหน้าผาแล้วจะเจอใครคนหนึ่ง คน...ที่วันนี้คิดถึงเป็นร้อยครั้ง และใช่ เมื่อขึ้นมาก็เห็นเขายืนอยู่ก่อนแล้ว คนตัวเล็กคลี่ยิ้ม ด้านข้างของสิงหราชนั้นช่างดูดีเสียจริง หล่อเหลาราวกับรูปปั้น ไม่รวมผิวสีเข้มที่บ่งบอกว่าผ่านการแตกแดดมานมนาน เสริมให้บุคลิกของคนร่างสูงดูองอาจขึ้นไปอีก เธอไม่อยากเชื่อว่าวันหนึ่งคนคนนี้จะเป็นของเธอ ทว่าเวลานี้เขายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมกับยิ้มให้เธอด้วยความจริงใจ นาราวิ่งเข้าไปหาแขนที่อ้าออก หลับตาสูดเอากลิ่นหอมๆของชายคนรักเข้าปอด ซึ่งอีกคนก็เช่นเดียวกัน เขาประทับริมฝีปากลงบนกระหม่อมบาง ลอบดมกลิ่นหอมหวานจนชื่นใจ “เหนื่อยมั้ย” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์เอ่ยอย่างเป็นห่วง ใครจะคิดว่านาราจะอึดขนาดนี้ ทำสวนไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย บ้ากว่าเขาตอนทำไร่ใหม่ๆอีกมั้ง แล้วคำตอบของเธอทำเขายิ้มออกมาอย่างไม่ยาก “ไม่เหนื่อย
“แต่หนูไม่โกรธยายหรอกค่ะ แต่มาวันนี้ก็เพื่อบอกให้ยายรู้ว่าหนูจะไม่ทนอีกแล้ว ยายต้องรับผิดชอบในส่วนที่ยายทำ ถ้ายังหาเงินมาคืนสามีหนูไม่ได้ แน่นอนว่าบ้านหลังนี้กับที่ดินหนูจะยืดไปให้หมด” “นี่แก๊” ธัญญาหมดความอดทนจริงๆ ไม่คิดว่าหลานตัวเองจะเลวร้ายแบบนี้ เธอรู้ว่าตัวเองผิดที่เห็นแก่ตัวไม่ใช้หนี้ แต่เธอก็เอาเงินของเธอมาดูแลแม่ไง แม่มันไม่ดูแลยายก็ให้มันใช้หนี้ไปสิ ผิดตรงไหน คนเป็นป้าอยากพูดแบบนั้นทว่าพอเห็นสายตาเลือดเย็นของหลานสาว ก็ถึงกลับต้องหุบปากไป เพราะกลัวมันจะเพิ่มหนี้ให้เธอ “หนูมาบอกแค่นี้ล่ะค่ะ ขอตัว” หญิงสาวเดินออกมา เธอแทบจะล้มลงไปกับพื้นทว่าได้สิงหราชประคองตัวไว้ เธอพยักหน้าให้เพื่อบอกเขาว่าไม่เป็นไร ทว่าพอได้ขึ้นมาบนรถ ก็อดกลั้นไม่ไหวร้องไห้ออกมาในที่สุด คนตัวใหญ่ดึงเธอเข้าไปกอด ลูบแผ่นหลังเบาๆ ความอ่อนแอยิ่งถูกกระตุ้นไหลเป็นสาย บางทีโลกเราก็โหดร้ายเกินไป พยายามคิดในแง่บวกไว้ ปกปิดมันด้วยเหตุผลทุกอย่าง ทว่าพอเผชิญหน้ากับความจริงกลับเกินทนจนยากที่จะรับไหว “พี่อยู่นี่ ไม่เป็นไร” สิงหราชปลอบโยนคนต
รถกระบะคันเก่าวิ่งเข้ามาจอดกลางบ้าน ทำให้ธัญญาที่กำลังร้องไห้ราวกับจะขาดใจเงยหน้ามอง จากที่ราวถูกเหยียบย่ำหัวใจไปแล้ว หญิงวัยกลางคนยิ่งแหลกสลายเข้าไปกันใหญ่เมื่อเห็นหลานสาวของตนและผู้มีอิทธิพลในแถบนี้เดินเข้ามา และใช่ ลูกสาวเธอโดนจับก็เพราะพวกมัน “อีนารา! มึงยังเสนอหน้ามาอีกเหรอ” ธัญญาตะโกนดังลั่น ความโกรธเกรี้ยวของเธอทำให้ยายของนาราที่นั่งอยู่ข้างๆธัญญาลูบหลังลูกสาวเบาๆ นาราปรายตามองยายของตน หญิงใจร้ายที่ไม่เคยคิดบอกความจริงกับเธอ ที่ผ่านมาเธอใจดีมาก ทำดีกับยายมาโดยตลอดเพราะหวังว่าสักวันหญิงชราจะเห็นความดีแล้วรักเธอบ้าง ทว่าตอนนี้หญิงสาวได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันสูญเปล่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยรักเธอในฐานะหลานเลย แม้ใจจะปวดหนึบ แต่ก็พยายามเก็บมันไว้ คงเห็นท่าไม่ได้ สิงหราชเลยกุมมือเธอ หญิงสาวส่ายหัวบอกเขาว่าไม่เป็นอะไร ใจเข้มแข็งพอแล้ว และส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะเขา “ป้าทำเหมือนโกรธหนู แต่หนูมากกว่าที่ต้องโกรธป้า” คนตัวเล็กตอบโต้กลับทันที “โกรธกูเรื่องอะไร!” ตอนนี้ธัญญาไม่วางมาดอะไรอีกแล้ว นังเด็กนี่มัน
“ครับ เมียเอายังไงก็เอา แต่บอกก่อนได้มั้ยว่าจะไม่โกรธกัน” เขากลัวเมียหายไปนะ ถ้าเธอจากเขาไปทั้งไร่ต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน พลิกแผ่นดินหาไม่เจอก็จะหาอยู่แบบนั้น นาราหลุบมองคนที่ซุกอยู่บนอก ดวงตาดุๆ พลันทำให้ชายหนุ่มก้มหน้าลง เผลอใช้โอกาสนี้ซุกใบหน้าลงมามากกว่าเดิม นาราอึดอัดจนต้องขยับดิ้น เธอจิ๊ปากทีหนึ่ง “อื้อ!” เสียงอ้อนเอ่ยตามมา “บอกก่อนว่าจะไม่โกรธ” “ไม่” “ทำไมไม่” “ก็โกรธ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธ” “ไม่รู้ ออกไปจากที่นี่มั้ง” วินาทีนั้นอ้อมแขนที่กอดเธออยู่รัดแน่นขึ้น นาราเกือบหายใจไม่ออก ทว่าต้องทำเก๊กเพราะกลัวเขาจะได้ใจ หญิงสาวเลยนิ่งไว้ “ไม่ให้ไป ไปสิ จะขังไว้ที่นี่เลย” ตัวเล็กดวงตาวาวโรจน์ “กล้าเหรอ?” “ไม่กล้า” เสียงหงอยเอ่ย นารานิ่งไป มองคนตัวใหญ่ที่กำลังไซ้หัวลงบนหน้าอกเธอเหมือนเด็ก “งั้นเอาไร่มั้ย เอาไร่ส้มสักร้อยไร่ หรือตรงที่น้องทำ พี่ยกให้หมดเลย” “ยกให้แฟนเก่ากับคุณปราณนารีสิ มาให้ฉันทำไม”
“น้ำ” เสียงแหบแห้งและฝืดเคืองครางออกมา ใช่ ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าอยู่ในทะเลทรายอันแสนแห้งแล้งและร้อนผ่าวแผดเผาอยู่ภายใต้พระอาทิตย์ แล้วในตอนนั้นเองที่เปลือกตาสีไข่เปิดขึ้น ฝ้าเพดานที่คุ้นเคยทำหญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แรงกอดรัดช่วงตัวทำให้เธอเอี้ยวตัวมองคนที่กอดเธอไว้ สิงหราช นี่เขา พาเธอออกมาจากป่าได้จริงๆ “ตื่นแล้วเหรอ” ร่างสูงตื่นขึ้นมาพอดี เขายิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นเลยในชาตินี้ ยิ่งทำให้อึ้งไปกว่านั้นเพราะเขาโน้มหน้าลงมาจูบกระหม่อมกันเอ่ยคำพูดแปลกประหลาด “เมียตื่นแล้วเหรอครับ” ราวกับสติได้หลุดล่องหายไป เมื่อกี้เขาว่ายังไงนะ “คุณว่ายังไงนะ” “เมียตื่นแล้ว อยากได้อะไรมั้ย” แม้จะยังมึนงง ทว่านาราตอบอย่างไม่ลังเล เอาไว้ก่อนเรื่องเขาเรียกเธอว่าเมีย “น้ำ” เพียงเท่านั้นเขาก็ลุกขึ้น พร้อมกับเอามันมาให้เธอ ร่างสูงนั่งลงข้างเตียง ประคองเธอขึ้นนั่ง นาราดื่มน้ำด้วยความกระหาย ก่อนดวงตาจะจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง มันผสมปนเปกันไป
“นายหัว!” นงรักตาเบิกกว้างเมื่อเห็นคนสูงใหญ่ผู้น่าเกรงขามในไร่แบกหญิงสาวตัวเล็กไว้บนหลังเดินเข้ามา พอมองสภาพของทั้งสองคนหญิงแม่บ้านก็ต้องตกใจ อะไรกันเนี่ย ทำไมดำไปทั้งตัวแบบนี้ มิหนำซ้ำท่อนขาและเท้าเปลือยเปล่าของสิงหราชยังเต็มไปด้วยบาดแผลราวกับโดนของร้อนจี้มา หรือว่าที่คนงานพูดกันว่าในป่ามีเพลิงไหม้ เกี่ยวข้องกันนายหัวและหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ได้สตินี่เหรอ เกิดอะไรขึ้น ใครบังอาจทำนายหัวเธอ มันเป็นใคร! วินาทีนั้นราวกับนายหัวของไร่เป็นคนบ้าใบ้ สิงหราชไม่พูดอะไร อุ้มนาราขึ้นมาบนบ้าน ดวงตาชายหนุ่มเหม่อลอย และกว่าจะเอ่ยออกมาก็ปาไปหลายนาที “ป้าเรียกหมอให้หน่อยได้มั้ยครับ” เหนื่อยจนเหมือนตายทั้งเป็น แต่ก็ยังอยากเห็นอีกคนไม่เป็นอะไร “โถ่ ได้ค่ะ” นงรักแทบร้องไห้ เธอรีบกุลีกุจอโทรไปเรียกหมอที่เป็นคนสนิทกับครอบครัว แล้วเวลานั้นเองที่ชายอีกคนโผล่มา “พี่สิง” “มึงไม่ใช่น้องกู...” สิงหราชมองไปที่น้องชายของตน ก่อนหน้านั้นเขาพอรู้มาบ้างว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่คิดว่ามันจะทำแรงขนาดนี้ “มึง