เสียงโทรศัพท์สั่นที่โต๊ะข้างเตียงครู่ใหญ่ทำให้คนที่นอนอยู่ใกล้ทนไม่ไหว ต้องปรือตาขึ้นมองแล้วคว้ามารับทั้งที่ร่างกายเมื่อยล้าอ่อนแรงจนแทบจะขยับตัวไม่ไหว
“ฮัลโหล...”
“เอ่อ...”
ปลายทางดูเหมือนจะชะงักไปราวไม่คิดว่าจะได้ยินเสียงแบบนี้ ทว่าคนที่กำลังปวดเนื้อตัวและง่วงนอนอย่างที่สุดไม่อยากเสียเวลาพูดคุยให้มากความ
“ไม่ทราบโทรมามีธุระอะไรคะ ถ้าไม่มีอะไรด่วนละก็ฉันจะวางสายล่ะนะ มันรบกวนเวลาหลับเวลานอนรู้ไหม”
หญิงสาวพูดออกไปด้วยน้ำเสียงงัวเงียที่ดูหงุดหงิดและเหนื่อยล้า สติยังไม่กลับมาครบถ้วนสมบูรณ์ด้วยซ้ำ ทว่าขณะที่กำลังจะดึงโทรศัพท์ออกจากหู เสียงถามกลับมาเบาๆ ก็ทำเอาเธอรู้สึกเคืองขึ้นมา
“ขอโทษ ไม่ทราบคุณเป็นใครครับ”
“แล้วคุณคิดว่าตัวเองโทรมาหาใครล่ะคะ”
ตาคู่สวยสีน้ำเงินเข้มเปิดขึ้นมาเมื่อมีคนมาทำให้ขุ่นใจจนไม่อาจหลับต่อได้อย่างสบายอารมณ์
“ลูกชายผมครับ”
ปลายสายตอบตอบกลับด้วยเสียงสุภาพเช่นเดิม
“งั้นคุณคงโทรผิดแล้วล่ะค่ะ เพราะฉันเป็นผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชาย แล้วก็ถ้าเผื่อคุณจะมีมารยาทสักนิดก็ควรจะวางสายไปซะนะคะ”
“เอ่อ ครับ แต่ฝากบอกลูกชายผมว่าให้เขาโทรกลับมาหาผมด้วย”
อีกฝ่ายสั่งเล่นเอาคนสวยถึงกับถอนหายใจอย่างอดกลั้น เธอกำลังเหนื่อย เหนื่อยมากจนสมองทำงานได้ช้า รู้เพียงว่าเธอต้องการการพักผ่อนให้มากที่สุด
“ฉันพูดไปชัดเจนแล้วนะว่าที่นี่ไม่มีผู้ชาย”
“แต่นี่เบอร์นายแทนนะครับ”
“แทน ทาร์ม ไท อะไรก็ไม่มีทั้งนั้น แค่นี้นะ คนจะนอน”
พูดจบก็ตัดสายมือถือโยนลงบนเตียง ร่างสวยพลิกตัวหนี หลับตาลงขณะที่สมองคิดถึงชื่อใครคนหนึ่งที่แว่วมาจากโทรศัพท์เมื่อสักครู่ แล้วอะไรๆ เมื่อคืนก็เป็นภาพชัดเจนวาบขึ้นมาในสมอง ทำเอาคนที่เพิ่งปิดตาลงเปิดตาโพลง ขณะที่เสียงเปิดประตูทำให้หญิงสาวต้องลุกพรวดขึ้นหันไปมอง แล้วก็ต้องเผยอปากค้างหลังจากประมวนถึงเรื่องราวต่างๆ จนจับใจความได้
คนร่างสูงกำยำที่เพิ่งก้าวออกมาจากห้องน้ำโดยมีเพียงผ้าขนหนูชะงัก หยุดมองสาวสวยที่ลุกพรวดขึ้นนั่งแล้วมองเขาตาค้าง ก่อนจะชักสีหน้าราวไม่พอใจใส่เธอแล้วเดินเลี่ยงไปมุมหนึ่ง ขณะที่มีคนบนเตียงมองตามราวเครื่องจักร
ธิติเดินมาหน้ากระจกทำธุระของตนโดยพยายามไม่แคร์คนที่กำลังมองเหมือนเขาเป็นสิ่งประหลาด ทั้งยังตกใจจนเกินเหตุ ทว่าเมื่อสบตาคู่โตคมสวยนั่นผ่านกระจกเขาก็ต้องถอนหายใจอย่างหนักแล้วหันกลับไปถาม
“เป็นอะไร ทำหน้าอย่างกับผีหลอก อย่าบอกนะว่าลืมอะไรๆ เมื่อคืนไปแล้ว พอเห็นผมเลยตกใจ”
เฌอเอมกลืนน้ำลายลงคออย่างหนัก ร่างสวยทิ้งกายเอนพิงหัวเตียงอย่างหมดอาลัยตายอยากเมื่อทุกอย่างประจักษ์ชัดเจนว่าเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านไปไม่ใช่ความฝัน ใบหน้าสวยล้ำเบือนหนีชายหนุ่มทันทีอยากเอาหน้ามุดผ้าห่มหนี แต่กิริยาที่เหมือนคนขี้ขลาดแบบนั้นเฌอเอมไม่เคยทำ จึงได้แต่กัดริมฝีปากตัวเองอย่างเจ็บลึกอยู่ในใจ ระลึกได้ว่าอาการอ่อนล้า เมื่อยเนื้อตัวของเธอก็เพราะร่างกายเกร็งปวดไปทั่วทั้งตัวจากฤทธิ์ยา แล้วที่น่าอายมากกว่านั้นคือ เธอง่วงหนักเพราะเพิ่งปิดตาลงได้ยังไม่ถึงสองชั่วโมงดีด้วยซ้ำจากผลพวงของยาบ้านั่น
“นี่...”
หลังจากต่างคนต่างเงียบไปพักหนึ่ง เสียงหวานที่ดูล้ากว่าปกติก็เอ่ยขึ้น
“หวังว่านายคงไม่คิดจะแบล็กเมล์ฉันนะ”
เขาคงไม่รู้หรอกว่าที่เธอพูดอย่างนี้เพราะพยายามข่มความอับอายแล้วแสดงออกด้วยท่าทางมาดมั่นให้อีกฝ่ายเห็นแทน
“นั่นสิ ลืมถ่ายวิดีโอไว้”
ชายหนุ่มสวมเสื้อและกำลังติดกระดุมบอกอย่างกวนโมโห ทำเอาเฌอเอมลุกขึ้นนั่งตัวตรงอีกครั้ง แต่ยังมีผ้าห่มผืนหนาคลุมอยู่ทั้งตัวจนถึงลำคอ
“หมายความยังไง นี่นายคิดจะทำเหรอ รังแกผู้หญิง หน้าไม่อาย”
คำพูดของเธอทำให้อีกฝ่ายหันขวับกลับมา พร้อมทั้งเดินดุ่มมาหาทั้งที่สะโพกยังมีผ้าขนหนูอยู่อย่างไม่นึกแคร์สายตาหญิงสาว ใบหน้าคมดุขึ้นกว่าเดิมอีกเท่าตัว
เฌอเอมมองคนที่ติดกระดุมเสื้อยังไม่ครบแล้วก็เบะปาก อดคิดไม่ได้ว่าจะใส่โชว์นานไปถึงเมื่อไร เธอไม่ตกใจหรือปลาบปลื้มกับเรือนร่างผู้ชายตั้งแต่ที่เห็นเขาออกมาจากห้องน้ำหรอก แม้ชายตรงหน้าจะมีหุ่นที่แน่นด้วยมัดกล้ามพอเหมาะ ไม่มากไม่น้อยเกินไป ดูดีกว่านายแบบบางคนด้วยซ้ำ หากคิดเล่นๆ แบบให้คะแนนก็อยู่ในระดับเกือบเต็ม ผิดจากที่เธอเคยประเมินเขาเมื่อครั้งที่เรียนอยู่ ทว่าการอยู่ในวงการของเธอทำให้หญิงสาวมีภูมิคุ้มกันดี ไม่มีท่าทางเขินอายหรือรับไม่ได้เวลาเห็นเนื้อตัวเพศตรงข้ามเช่นผู้หญิงปกติทั่วไป
“ปากร้ายขึ้นเยอะเลยนะ”
ร่างสูงใหญ่โน้มหน้าลงมาเกือบจะชิดพร้อมกับพูดเสียงดุ
“รู้มั้ย ผมก็ไม่อยากโชว์หรือให้ใครรู้นักหรอก...ว่าหิ้วนางแบบสาวมาเสวยสุข เพราะมันไม่ใช่ มีแต่คุณที่ขึ้นสวรรค์ ส่วนผมก็ได้แต่ช่วยคุณจนเมื่อย...”
ประโยคนั้นของเขาทำให้หน้าสวยร้อนจนแทบระเบิด ตาคู่สวยขยายโตขึ้นอีกเท่าตัวเมื่ออีกฝ่ายพูดใส่หน้า ดวงหน้างดงามแดงเรื่อขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ แถมที่ร้ายกว่านั้นเหมือนร่างกายเธอจะรู้สึกขึ้นมาได้ทันทีถึงจังหวะปรนเปรอจากปลายลิ้นอุ่น หญิงสาวยกมือขึ้นปิดหูสองข้างเบนหน้าหนีอย่างไม่อยากรับรู้
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้!”
“อะไรกัน พอหมดประโยชน์ก็เสียงแข็งใส่ ผิดกับตอนขอให้ผมพามาที่ห้องเมื่อคืนเหมือนคนละคน”
“ฉันไม่ได้ขอ” เฌอเอมเถียงขึ้นอย่างไม่ยอมให้เขาว่าใส่อยู่ฝ่ายเดียว
“อืม...ไม่ขอให้พามา แต่ขอให้ช่วย”
ปากอิ่มด้านล่างถูกกัดฉับทันทีอย่างเถียงไม่ออก เธอไม่ได้ขอตามเขามาที่ห้อง แต่ร่างกายที่ถูกฤทธิ์ยาครอบงำทำให้เธอทรุดลงทันทีที่ก้าวออกจากรถ แถมยังขยับขาแทบไม่ออกเพราะร้าวรวดไปหมด เมื่อบอกธิติไปเช่นนั้นเขาจึงมาช่วยอุ้ม
หญิงสาวไม่รู้หรอกว่าสายตาของเธอเรียกร้องมากแค่ไหน หลังจากเขาตัดสินใจช่วยเธอไปแล้วครั้งหนึ่ง แม้จะตัดใจต่างคนต่างลงรถเพื่อกลับห้อง ทว่าสุดท้ายแล้วอาการของเธอที่ไปไหนไม่รอดก็ทำให้เขาเลือกพาเธอมาที่ห้องของตัวเอง แทนที่จะพาขึ้นไปห้องเธอกันสายตาเพื่อนๆ นางแบบที่อยู่ชั้นเดียวกันอาจพบเห็น แล้วสุดท้ายก็จบลงที่ต้องแบ่งเบาความทุรนทุรายให้เธอครั้งแล้วครั้งเล่าจนไม่ได้หลับได้นอน ที่น่าอายคือเขาเองต้องวิ่งเข้าห้องน้ำผ่อนคลายตัวเองไปครั้งหนึ่งเหมือนกัน ไม่อยากนึกถึงความอดสูใจของตัวเองในตอนนั้นสักนิด ธิติคิดอย่างเจ็บใจลึกๆ แต่ ณ ขณะนั้นเขาปฏิเสธร่างกายกับเสียงหวานที่ครางอย่างทรมานราวอ้อนไม่ได้ แม้ไม่พูดทว่าแววตากับร่างกายที่พยายามเกาะเกี่ยวลูบไล้เขาบ่งบอกเสมอว่ายังต้องการ จนเขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนโง่เง่าที่สุดในโลกที่ยอมปล่อยเธอให้รอดจากการล่วงล้ำก้ำเกินไปได้กระทั่งหกโมงเช้า ร่างสวยที่อยู่ในอ้อมกอดเขาดูอ่อนปวกเปียก แววตาล้าลงชัดเจน ฤทธิ์ยาก็ดูจะทุเลาลงบ้างหลังจากเขาพาเธอไปแช่น้ำอุ่นสลับกับช่วยเหลือ จากนั้นจึงใส่เสื้อของตนให้แล้วพามานอนพัก แถมที่ย่ำแย่กว่านั้นคือทุกส่วนสัดบนเรือนร่างงามยังติดตาติดอยู่ในหัวเขาชนิดที่ไม่เลือนหายไปสักนิด ยิ่งมามองหน้ากันแบบนี้ สิ่งที่เคยเห็นมายิ่งลอยเด่น
=====
คนที่ผล็อยหลับไปช่วงบ่ายจนถึงเย็นเดินลงบันไดบ้านอย่างมึนหัว เฌอเอมนอนเกือบเช้ามาแล้วสามคืนติดทำให้มักจะง่วงตอนบ่ายเสมอ นั่นเพราะรอว่าใครบางคนอาจจะกลับมาในตอนดึกทว่าเขาก็ไม่กลับมาเลยสักคืน หญิงสาวขยับบิดไปมาอย่างหงุดหงิด แต่แล้วเสียงพูดคุยห้าวทุ้มคุ้นหู้ก็ทำให้ต้องรีบผลุนผลันตรงไปยังห้องรับแขก แล้วก็เห็นชายหนุ่มนั่งพูดคุยกับบิดามารดาของเธอและเขาอยู่ สีหน้าท่าทางเคร่งเครียดของแต่ละคนทำให้คนที่อ้าปากจะโวยวายหุบฉับ รู้ว่าตัวเองไม่ควรแสดงอาการแปลกๆ ต่อหน้าผู้ใหญ่จึงสูดลมหายใจระงับอารมณ์กรุ่น ก้าวช้าๆ อย่างสงบเสงี่ยมเข้าไปนั่งลงข้างมารดาของตนเอง“เอมมาก็ดีแล้ว แทนเขากำลังสรุปคร่าวๆ เรื่องคดีของเรากับผู้ชายคนนั้นให้พ่อฟัง”“ค่ะ”เฌอเอมรับคำพยายามตีหน้านิ่งโดยไม่มองหน้าธิติแม้แต่น้อย“อย่างที่แม่บอกแหละลูก แม่กับพ่อต้องกลับพรุ่งนี้แล้วเพราะคุณพ่ออยู่นานไม่ได้ คุณพ่อก็เลยอยากรู้ว่าคดีไปถึงไหนแล้ว เป็นยังไง มีปัญหารึเปล่า”“แต่เท่าที่ฟังแทนบอกก็ไม่มีปัญหาอะไรมาถึงตัวลูกแล้ว แบบนี้พ่อก็วางใจได้สักหน่อย แต่ยังไงคงต้องให้แทนเป็นธุระบอกอีกทีเป็นระยะๆ ก็แล้วกัน”“ครับท่าน ผมทราบครับว่าท่านทั้งสองเป็
"เราคบกันอยู่ครับ"การยอมรับความสัมพันธ์ของชายหนุ่มทั้งที่ไม่ใช่ความจริงทำให้เฌอเอมที่นั่งอยู่ตรงข้ามถึงกับตาโต หญิงสาวกำลังจะปฏิเสธอีกฝ่ายก็ไม่เปิดโอกาส"ผมต้องกราบขอโทษท่านกับคุณหญิงด้วยครับที่ทำตัวไม่เหมาะสม"ร่างสูงทรุดลงจากโซฟา ขยับเข้าไปไหว้ขอขมาใกล้ผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิง"เรื่องนี้ผมขอรับผิดคนเดียว อย่าตำหนิเอมเลยนะครับ"ทุกสายตาส่งตรงมาที่เฌอเอม หญิงสาวขยับปากแต่พูดอะไรไม่ออก ถ้าปฏิเสธออกไปเธอก็หาเหตุผลที่เหมาะสมมาอธิบายกับพ่อแม่ไม่ได้ โดยเฉพาะพ่อของเธอที่ยังยึดถือขนบธรรมเนียมประเพณีไทยอยู่หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยสักพักคุณอาลิธาจึงให้เด็กมาเคาะประตูเรียกลงไปทานข้าว เฌอเอมตามลงมาด้วยจิตใจหวั่นไหวและเห็นว่าทุกคนพร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหารแล้ว เธอรับรู้ได้ว่าบรรยากาศทานข้าวค่อนข้างเกร็งๆ และแล้วลางสังหรณ์ของเธอก็กลายมาเป็นความจริงตอนที่ย้ายมานั่งทานของว่างกับผลไม้ที่โซฟาในห้องนั่งเล่นซึ่งบิดาของเธอเปิดประเด็นที่คุณอาวิธานขอสู่ขอเธอกับท่านขึ้นมา จากนั้นการไล่บี้สอบถามความเป็นมาเป็นไปก็ตามมา สุดท้ายเธอก็ต้องมานั่งก้มหน้ายอมจำนนอยู่แบบนี้"เอม...เอม...จะไม่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ไม่สบายใจอีกแล้วค
จากที่ตั้งใจขึ้นมานอนแต่กลับหลับตาต่อไม่ลง มารดาของธิติจึงเอาซุปมาให้ คุณหญิงอาลิธานั่งอยู่เป็นเพื่อนลูกสาวไม่ยอมห่างไปไหนกระทั่งกินยาเสร็จ“เอมผอมลงกว่าครั้งก่อนที่ไปหาแม่นะลูก”“นิดหน่อยค่ะแม่ เดือนที่ผ่านมาหนูทำงานแล้วก็เดินทางตลอด แถมสองวันมานี้ได้นอนไม่กี่ชั่วโมงเอง คงดูซูบหน่อยน่ะค่ะ”เฌอเอมอ้อนผู้เป็นมารดา ขณะที่นาตาชาปล่อยให้แขกอยู่กันตามลำพัง เมื่อเปิดประตูออกไปท่านอภิชาติก็เข้ามาด้านในเพื่อดูลูกสาวหลังจากเลี่ยงไปคุยงานจนเสร็จ ท่านมองลูกสาวด้วยสายตาเอ็นดูระคนโล่งใจ อย่างน้อยตอนนี้ลูกสาวก็หลุดจากการเป็นผู้ต้องสงสัยแล้ว“พ่อยังไม่อยากพูดอะไรมากตอนนี้นะลูก แต่ลูกก็เห็นแล้วว่าแม่เขาเป็นห่วงมากแค่ไหน พ่อเองก็เหมือนกัน หนูทำงานนี้มาพักหนึ่งอย่างที่บอกพ่อกับแม่ไว้แล้ว พ่อว่าน่าจะถึงเวลาที่ลูกต้องลองคิดเรื่องงานใหม่แล้วนะ งานนี้อยู่ไม่เป็นที่ ห่างไกลพ่อแม่ด้วย เกิดเรื่องขึ้นอีกแบบครั้งนี้จะทำยังไง”ท่านอภิชาติอดที่จะพูดเรื่องเดิมๆ ไม่ได้ และก็ทำเอาลูกสาวคนสวยหน้างอง้ำดวงตาคู่สวยหม่นเศร้า เธอรู้สึกกลัวมากจริงๆ ยอมรับว่าการบังคับตัวเองไม่ให้สั่นไหวร้องไห้จนกระทั่งมาเจอหน้าพ่อกับแม่ได้ก
“แทนบอกว่าจะมาถึงเมื่อไรเหรอ”ชายไทยค่อนข้างมีอายุรูปร่างสูงใหญ่ถามเพื่อนเก่าที่เพิ่งวางสายจากลูกชาย“ใกล้ถึงแล้วครับ”วิธานพ่อของธิติตอบอย่างนอบน้อม“บอกแล้วว่าไม่ต้องระวังคำพูดขนาดนั้น ยังไงเราก็เพื่อนกัน แล้วนายก็ไม่ได้เป็นลูกน้องฉันแล้ว”ท่านอภิชาติบอกพร้อมตบไหล่อีกฝ่ายที่ยังยิ้มรับอย่างนอบน้อมเช่นเคย“ว่ายังไงบ้างคะ ฉันเป็นห่วงลูกจัง”คุณหญิงอาลิธาที่นั่งอยู่ข้างๆ กับนาตาชาภรรยาของวิธานเอ่ยถามด้วยสีหน้าวิตกเพราะฟังภาษาไทยไม่เข้าใจทุกคำ“เท่าที่คุยกับแทนทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวทนายของเราจะจัดการต่อ”วิธานตอบ เข้าใจถึงความห่วงใยของคนเป็นพ่อแม่อย่างดี“ฉันสงสารลูกจริงๆ ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ก็ไม่รู้”พูดไปก็ถอนหายใจอย่างหนักใจ ลูกที่อุตส่าห์เฝ้าเลี้ยงดูมาอย่างดี ไม่ให้ต้องเจอเรื่องกระทบกระเทือนหรือปัญหาอะไร กลับต้องมาเจอปัญหาหนักหนาจนใจหายใจคว่ำต้องรีบบินตรงจากกรีซมาลอนดอนทันทีเสียงรถที่เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าบ้านทำให้ทุกคนหันไปมองด้านนอก แล้วก็รีบมุ่งหน้าออกไปข้างนอกทันทีธิติจอดรถเรียบร้อยแล้วหันมองคนข้างตัวที่หลับอยู่ก็คิดว่าควรจะปลุกดีหรือไม่ แต่เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่เลี้
แม้เป็นคำตอบสั้นๆ บางเบา แต่มันกลับดังหนักแน่นในใจหญิงสาว เธอไม่ได้เอ่ยอะไรอีกเมื่ออีกฝ่ายเอื้อมมาจับข้อมือแล้วพาเดินออกจากตรงนั้นราวกับไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว ทว่าเพียงพ้นประตูด้านหน้าสำนักงานออกมาความโกลาหลก็พุ่งเข้ามาหาคนทั้งสองจากทุกทิศทาง ทั้งคำถามมากมาย ทั้งเสียงกดชัตเตอร์ถาโถมมาพร้อมๆ กันทำเอาเฌอเอมตั้งตัวไม่ติดก้าวขาไม่ออก แม้จะอยากไปให้พ้นจากที่นี่ก็ตามในช่วงเธอสับสนวุ่นวายหญิงสาวรับรู้ได้ถึงมืออบอุ่นที่โอบไหล่เธอเข้าหาตัวเขารั้งให้ก้าวเดินไปพร้อมกันโดยไม่หยุดตอบคำถามใครทั้งสิ้น ทางจากบันไดสำนักงานตำรวจมาถึงรถของชายหนุ่มไม่ไกลนัก ทว่ามันนานเหลือเกินสำหรับเฌอเอม หากไม่มีแขนแข็งแกร่งโอบประคองเธอคงทรุดลงหรือจมอยู่ท่ามกลางกองนักข่าวแล้วธิติส่งให้หญิงสาวเข้าไปในรถก่อนที่เขาจะอ้อมมาทางคนขับแล้วขึ้นตามไป ชายหนุ่มเอ่ยขอทางกับทีมนักข่าวที่ตามมาเป็นพรวนสุดท้ายคนพวกนั้นก็จำต้องหลีกทางให้รถเคลื่อนออกไปเมื่อเห็นชัดว่านางแบบสาวไม่มีทางให้สัมภาษณ์แน่นอนเฌอเอมเหลือบมองกระจกข้างและกระจกมองหลังกระทั่งรถออกมาไกลแล้ว“พวกเขาจะตามมาไหม”“อาจจะ”ชายหนุ่มตอบพร้อมกับมองกระจกหลังเล็กน้อยแล้วเหลือบดูค
เธออยู่ห้องสอบสวนมานานมากแล้ว และได้แต่ตอบคำถามคล้ายๆ เดิมวนกลับไปมาหลายรอบ เฌอเอมไม่แน่ใจว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วเพราะในห้องนี้ไม่มีสิ่งที่บ่งบอกเวลาเลย ผู้สอบสวนเธอมีโน้ตบุ๊กตรงหน้าหนึ่งเครื่อง นอกจากถามเธอแล้วเขาก็เหมือนกำลังรออะไรบางอย่างด้วยเหมือนกัน เพราะเหลือบมองประตูบ่อยครั้ง“เมื่อไรฉันจะได้ออกไปสักที หรือต้องรอทนายก่อน ฉันไม่ได้ฆ่าเขาจริงๆ ฉันบอกคุณไปไม่รู้กี่ครั้งแล้วนะ”ในใจส่วนลึกเฌอเอมกลัวว่าตัวเองจะเป็นต้นเหตุให้โจชัวเสียชีวิตจริงๆ ถึงเธอจะไม่ได้ตั้งใจและมันเป็นการป้องกันตัวก็ตาม“คุณขอติดต่อสำนักกฎหมายแล้ว อีกไม่นานคงมีทนายมาที่นี่”“บอกตามตรงฉันเบื่อจะตอบคำถามเดิมๆ วกวนของพวกคุณจะแย่อยู่แล้วนะ บอกว่าไม่รู้ๆ ตั้งกี่ครั้งก็ไม่ยอมเชื่อ ตอนฉันลงบันไดยังเห็นเขาพยายามลุกตามมาอยู่เลย แต่พอออกจากตึกเขาก็ไม่ได้ตามมา ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาหลังจากหนีออกมาแล้ว ฉันบอกพวกคุณไปหมดแล้ว ถึงจะทำร้ายเขาแต่ฉันก็ไม่ได้เจตนาฆ่าเขา”“คุณอาจจะโกรธกลัวแล้วก็ตั้งใจฆ่าแต่บอกว่าไม่ได้ตั้งใจก็ได้นี่ครับ”“ฉันป้องกันตัว แล้วฉันก็เป็นฝ่ายถูกทำร้าย ฉันบอกคุณไปแล้วไงว่าโดนโจชัววางยาแล้วพาไป