INICIAR SESIÓN“คุณต้องการให้ผมกลับไปก่อนมั้ย...วันนี้” ลูสเน้นย้ำคำว่าวันนี้ และนั้นทำให้บุคคลที่สามที่ยืนเงียบๆได้ยินเช่นกัน เอ็ดเวิร์ดยังคงนิ่ง สำหรับภายนอกแต่ภายในใจของเขาร้อนลุ่ม เมื่อลูสประกาศชัดเจนว่าไม่มีทางเลิกยุ่งกับอนาสตาเซีย ผู้ซึ่งเป็นหัวใจและลมหายใจของเขา...เอ็ดเวิร์ด
“ลูส ลูเธอร์ ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหน ฉันไม่ต้องการเห็นหน้าคุณอีก...เราควรต่างคนต่างอยู่เสียดีกว่า ถ้าคุณไม่อยากเดือดร้อนไปกว่านี้”
“เดือดร้อน? อนาสตาเซีย ผมแสดงให้คุณเห็นแบบนั้นเหรอว่าผมเดือดร้อนกับสิ่งที่เกิดขึ้น”
“ไปให้พ้น!!!” อนาสตาเซีย ตะโกนใส่ลูส และวิ่งกลับขึ้นไปข้างบน และนั้นทำให้ลูสและเอ็ดเวิร์ดเคลื่อนไหวเช่นกัน ทันทีที่ลูสขยับจะตามอนาสตาเซียไป แต่เอ็ดเวิร์ดเองก็เหมือนจะไวไม่แพ้ลูส แต่เอ็ดเวิร์ดใช้ทางลัดเขาขยับกระโดดเหยียบตู้เล็กๆที่ตั้งอยู่ใกล้ๆราวบันได ทำให้เอ็ดเวิร์ด สามารถดักลูสไว้ทันก่อนที่ลูสจะก้าวขึ้นบันไดขั้นที่สามด้วยซ้ำ
“ทางออก อยู่ฝั่งโน้น” เอ็ดเวิร์ดเป็นฝ่ายเอ่ยออกมา พร้อมตั้งรับการตอบโต้จากลูส
“…เรื่องระหว่างฉันกับอนาสตาเซียไม่มีทางจบลงในวันนี้แน่นอน”
“นั้นมันสำหรับแก แต่สำหรับเธอ จบแล้ว”
“เอ็ดเวิร์ด นายกดดันเธอ”
“ถ้านั้นเป็นสิ่งที่ฉันทำได้ ฉันก็จะทำอย่างไม่ลังเล แกออกไปจากที่นี่ได้แล้ว เพราะแกได้ทุกอย่างตามที่แกต้องการแล้ว” ลูสขบกรามแน่น ตอนนี้เขาบอกตัวเองได้เลยว่า เขาไม่พอใจสิ่งที่เกิดขึ้น และเขาเห็น เห็นน้ำตา ของอนาสตาเซียที่ไหลออกมาพร้อมกับเสียงตะโกนนั้น เธอเสียใจกับสิ่งที่ต้องฝืนใจแสดงออกมา เขาอยากจะไปหาเธอปลอบประโลมเธอ แต่นั้นคงไม่มีทางเกิดขึ้นกับเขาแน่นอน เพราะอนาสตาเซียไม่ยอมให้เกิดขึ้นทั้งๆที่สายตาของเธอยามที่มองเขา เธอไม่มีทางเลือกหรือเธอไม่อยากเลือกตามเสียงของหัวใจ คนอย่างเขาไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ รออีกไม่นานนี้
ลูสขยับเดินออกมาจากบ้านหลังนั้น เขาไม่ได้กลัวเอ็ดเวิร์ดเลยสักนิดและนั้นทำให้เอ็ดเวิร์ดรู้เช่นกัน แต่เขาไม่อยากให้อนาสตาเซียต้องเสียน้ำตาไปมากกว่านี้ และถ้าเธอคิดว่าเขาจะล้มเลิกทุกอย่างและจบอย่างที่เธอเข้าใจ บอกได้เลยว่าอนาสตาเซีย เบนเน็ต จะได้รู้จัก ลูส ลูเธอร์อย่างจริงจังในอีกไม่นานนี้
ก็อก ก็อก ก๊อก อนาสตาเซียรีบเช็ดน้ำตาของตัวเองทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะประตูนั้น
“เอ็ดเวิร์ด เขาไปแล้วใช่มั้ย?”
“ใช่!…แอนนี่ร้องไห้”เอ็ดเวิร์ดพูดสิ่งที่เห็นเพื่อเป็นการเตือนอนาสตาเซีย ให้เธอรู้ว่าเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
“แอนนี่ แอนนี่...ไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิดขึ้น” เอ็ดเวิร์ดเดินไปนั่งชันเข่าลงที่พื้นตรงหน้าอนาสตาเซียที่นั่งอยู่บนเตียงนอน
“ถามใจตัวเองว่าต้องการอะไร พี่หรือลูส...แอนนี่ค่อยๆคิด ถามตัวเองให้แน่ใจว่าใครคือคนที่แอนนี่ต้องการ”
“ไม่ ไม่ แอนนี่มีเอ็ดเวิร์ดมาโดยตลอด แอนนี่ไม่ต้องการชีวิตที่ไม่มี เอ็ดเวิร์ด พี่รู้ใช่มั้ย?”
“แอนนี่ เรื่องนี้มันสำคัญ พี่ไม่เคยเห็นแอนนี่ทุกข์ใจมากมายขนาดนี้ เรื่องระหว่างเรามันต้องมาจากความต้องการของแอนนี่เพียงคนเดียว พี่รักษาในสิ่งที่พี่รับปากไว้กับคุณย่า ท่านเป็นคนไทยและหลานสาวเพียงคนเดียวของท่านยังคงสะอาดหมดจด แอนนี่จะมอบสิ่งที่มีค่าของแอนนี่ให้กับคนที่แอนนี่เลือก ว่าเขาคนนั้นจะเป็นเจ้าบ่าวของแอนนี่...”
“เอ็ดเวิร์ด พี่ทำแบบนี้ทำไม พี่จะมาเป็นตัวเลือกทำไม พี่ไม่ควรรอเลย ทุกอย่างมันควรจบไปตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน”อนาสตาเซียยังจำได้ว่าเมื่อสามปีก่อนเธอเป็นฝ่ายเอ่ยให้ทุกอย่างกับเอ็ดเวิร์ด ซึ่งเขาปฎิเสธเธอเพียงบอกว่า อยากให้เธอโตมากกว่านี้
“พี่ยังยืนยันคำเดิม ถ้าถึงตอนนั้น ตอนที่แอนนี่โตเป็นผู้ใหญ่ และแอนนี่ไม่ต้องการใครและแอนนี่ยังต้องการเพียงพี่ไม่เปลี่ยนแปลง เหมือนเมื่อสามปีก่อน เราจะแต่งงานกัน”
“แล้วมันเมื่อไหร่? ต้องรออีกนานแค่ไหน” อนาสตาเซียย้ำถามเป็นครั้งที่สอง เมื่อเธอเคยถามมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อสามปีก่อน
“คุณย่าบอกว่า ถ้าเวลานั้นมาถึงแอนนี่จะรู้เอง แล้วถ้าถึงตอนนั้นสายตาของแอนนี่ยังคงต้องการเห็นเพียงพี่ พี่ที่แอนนี่อยากเห็นไปตลอดจนลมหายใจสุดท้าย”
“คุณย่าบอกแบบนั้นเหรอคะ?”
“แอนนี่ ไม่ใช่เพียงแต่แอนนี่ที่ไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง พี่เองก็สับสนและไม่เข้าใจเช่นกัน แต่เมื่อพี่โตขึ้น ทุกอย่างของพี่มันชัดเจนมากขึ้น ว่าแอนนี่คือผู้หญิงที่พี่ต้องการ...ตอนนี้พี่บอกแอนนี่ได้เลยว่าพี่ไม่สงสัยตัวเองหรือตั้งคำถามกับตัวเองอีกเลย กับความรู้สึกที่พี่มีให้...” เอ็ดเวิร์ดมอง อนาสตาเซียด้วยสายตาที่สื่อความหมายได้อย่างชัดเจน
“ทำไม?...อยากจะแกล้งอะไรเขาอีกละ...” “เปล่าสักหน่อย...ยายนั้นมาฟ้องคุณย่าเหรอครับ” “คิดว่าเชือกฟางทำแบบนั้นเหรอ” ไอเดนยิ้มและส่ายหน้า ถึงเขาจะเจอกับเชือกฟางได้ไม่นาน แต่เขารู้ว่าเชือกฟางไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน “นะครับคุณย่า” “จะดูแลเขาได้เหรอ?” หนูนาถามกลับทันที “ได้ครับคุณย่า” หนูนายิ้มให้กับหลานชาย หนูนามองเข้าไปในดวงตาของไอเดน เธอรู้ว่าไอเดนคิดยังไง และเมื่อไอเดนกล้ามาคุยกับเธอ นั้นก็แสดงให้เธอรู้ว่า ไอเดนคิดยังไงโดยที่ไม่ต้องมีคำพูดมากมาย “คุณปู่และย่าภูมิใจในตัวหลาน
“ไอเดน ฉันชอบเธอ” ไอเดนเบิกตากว้างขึ้น อย่างคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้จากผู้หญิงอีกคน เชอร์รี่บอกออกไปในที่สุด ซึ่งเรื่องนี้เธออยากจะบอกไอเดนมาตั้งนาน เธอไปขอให้เชือกฟางร่วมมือ ให้เปิดทางให้เธอได้อยู่กับไอเดนเพียงลำพัง แต่... “เธอควรจะหาทางเองดีกว่า” เชือกฟางบอกกับเชอร์รี่ไป หลังจากที่เชอร์รี่บอกให้เชือกฟางกลับบ้านไปเองตามลำพัง ไม่ต้องรอไอเดน “เชือกฟางมันจะยากอะไรนักหนา เธอก็กลับบ้านไปเลย เดี๋ยวฉันจะไปบอกไอเดนแทนเธอเองว่า เธอฝากมาบอกว่ากลับแล้ว” “ไม่ได้!” เชือกฟางตอบเชอร์รี่เพียงแค่นั้น เพราะถ้าเธอขืนทำแบบนั้น ชีวิตเธอคงไม่สงบไปอีกสักพักเป็นแน่ “ทำไมไม่ได้” &ldq
“อุ้ย!” คริสตี้ร้องออกมา เมื่อเธอพยายามจะปิดประตูแต่ฝ่ามือของเอริคก็ดันมันไว้อย่างรวดเร็ว และแน่นอนเธอต้านแรงของเขาไม่ได้ “คุณมาที่นี่ทำไม...” คริสตี้เอ่ยถามด้วยเสียงที่เธอคิดว่าดังมากแล้ว“เป็นอะไรเหรอเปล่า?” เอริคกลับตอบคำถามของเธอด้วยการตั้งคำถามกลับ เพราะคริสตี้ดูซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด “ออกไปนะ!” คริสตี้ไม่สนใจฟังและไม่สนใจใบหน้าที่ดูเป็นกังวลอย่างชัดเจนถ้าเธอจะสังเกตุ และมองใบหน้าของคนตรงหน้าตรงๆ “กินอะไรเหรอยัง?” เอริคหลี่ตามองและตั้งคำถามอีกครั้ง ไม่สนใจคำไล่ของเธอ “ออกไปนะ!...” คริสตี้อ่อนแรง อ่อนเพลีย เธอเหมือนจะเป็นลม และเธอก็เจ็บปวดเมื่อยตามร่างกาย เธอคงกำลังจะไม่สบาย “อ๊ะ!” เอริคขยับรับร่างที่กำลังจะล้มหมดสติได้ทัน 
เฮเลนที่ลอบมองจากหน้าต่าง ล้วงโทรศัพท์ของตัวเองออกมา และกดโทร.ออกทันทีเมื่อเจ้านายขับรถออกไป “คุณมุก...เรื่องน่าจะเลยเถิดไปมากกว่าที่คุณอลันคาดไว้แล้วล่ะคะ” เฮเลนเอ่ยบอกปลายสายทันที เมื่อได้รับเสียงตอบรับมา “เอริค ทำอะไรเหรอคะ?” ปิ่นมุกถามกลับทันที ในขณะที่เธอและ อลันอยู่ที่ญี่ปุ่น “ป้าคิดว่า คุณเอริคมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนั้นที่เป็นลูกบุญธรรมของดีน เลอนาร์ด...และตอนนี้คุณเอริคก็ออกจากบ้านไปตามลำพังแล้วค่ะ” “ตายจริง!...ขอบคุณนะคะเฮเลน คนที่ก่อเรื่องต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ พี่อลันทำเกินไปแล้ว...มุกฝากเฮเลนช่วยดูแลเธอคนนั้นหน่อยนะคะ... คริสตี้เป็นเด็กดี...มุกได้แต่หวังว่าเอริคจะรับผิดชอบสิ่งที่เขาทำลงไป...แต่ตอนนี้มุกต้องไปจัดการคนที่สร้า
“คริสตี้ ฟังสิ่งที่ฉันจะพูดกับเธอให้ดี...” เอริคพูดพร้อมกับที่เขาจัดการตัวเองโดยการเอาเกราะป้องกันที่ยังคงมีคราบเลือดพรหมจรรย์ของเธอติดอยู่ให้เห็นจางๆออกไป “เธอต้องกลับไปบอกพ่อของเธอว่า วันนี้เธอมาทำหน้าที่ของเธอที่บ้านของฉัน และมันยังไม่เรียบร้อย พรุ่งนี้เธอต้องเดินทางมาที่นี่อีก...” เอริคแต่งตัวไปพร้อมๆ กับพูดในสิ่งที่คริสตี้ต้องทำ เขาหยิบเสื้อผ้าของเธอขึ้นมาจากพื้นและวางบนลงเตียง “...แต่งตัวซะ” เอริคสั่งการทันที เมื่อคริสตี้ยังไม่ขยับ แต่เธอได้ยินสิ่งที่เขาพูด คริสตี้ขยับร่างกายที่บอบบางและอ่อนล้านั้นทันทีเท่าที่เธอจะสามารถขยับได้เร็วพอแบบที่ไม่ต้องเจ็บปวดมาก เสียงพูดของเขายังดังต่อไป โดยที่เขาไม่แม้แต่จะมองเธอเลย คริสตี้รีบแต่งตัวตามคำสั่งนั้น เธอไม่มีคำถามต่อคำสั่งนั้น แต่... “ฉันยังต้องมาที่นี่อีกเหรอ?” คริสตี้ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจ&
สองมือของเอริคไล้เลื่อนไปยังมือเล็กที่เกร็งดึงรั้งผ้าปูที่นอนดั่งกับต้องการหาหลักที่ยึดเหนี่ยว มือที่ใหญ่และแข็งแรงกว่ากอบกุมมือเล็กไว้ ก่อนที่ เอริคจะทำลายกำแพงนั้น ‘พรหมจรรย์’ “อื้มมมมม...” เสียงร้องในคอของคริสตี้ดังออกมา พร้อมกับดวงตาที่ปิดลงอีกครั้ง น้ำตาของเธอไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อโพรงสาวถูกล่วงล้ำโดยแก่นกายของเขาจนแนบสนิทกันและกัน เอริคดูดรั้งริมฝีปากของเธอ เขารับรู้ถึงความเจ็บปวดและอาการเกร็งของเธอทั่วทั้งเรือนร่างภายใต้ร่างกายเขา ให้ตายเถอะ! เอริคเกลียดความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ เพราะเขาพยายามหักห้ามตัวเอง เขาจะไม่ปลอบประโลมเธอเด็ดขาด คริสตี้ร้องออกมาเพียงครั้งเดียว จากความเจ็บปวดที่เธอไม่เข้าใจสักนิดว่าเซ็กส์ มันมีดีอะไร ในเมื่อตอนนี้เธอทรมานกับสิ่งที่ได้รับอยู่ ร่างกายเธอแทบจะระเบิดออกมา ยามที่เขาเข้ามาในกายเธอ เธอเจ็บจนเกินบร







