LOGINแม้ไม่มั่นใจว่าจะเจอชายหนุ่มอีกครั้งเมื่อไร หากนาเดียก็เชื่อว่าเขาจะมาพบเธอในเมื่อบอกให้เธอกลับไปคิด หญิงสาวต้องการความมั่นใจเพื่อการตัดสินใจ และอย่างน้อยอีกฝ่ายก็ไม่มีสิทธิ์บังคับหากเธอเลือกที่จะไม่ร่วมมือกับเขา
วันต่อมาพวกเธอมีถ่ายแจ๊กเก็ตอัลบัมที่สถานที่แห่งหนึ่งต้องตื่นออกไปจากที่พักแต่เช้าตรู่ พวกเธอจึงไม่ได้ทานอาหารเช้าที่โรงแรม นาเดียเก็บความคิดว้าวุ่นไว้ในใจเพียงคนเดียว เธอยังไม่กล้าบอกเล่าสิ่งที่ได้รับรู้กับใครด้วยยังไม่แน่ใจว่าสุดท้ายแล้วตนเองควรเสี่ยงกับชายแปลกหน้าหรือไม่
กว่างานจะเสร็จก็เลยเช้าวันใหม่ไปหลายชั่วโมง พวกเธอจึงต่างก็ตื่นสายในวันพักผ่อนที่ได้อีกหนึ่งวัน แล้วต่างก็ลงมากินข้าวเช้าช้า นาเดียกวาดตามองรอบห้องอาหาร เธอมาเวลาไล่เลี่ยกับเมื่อวันก่อนด้วยความคาดหวังว่าจะเจอผู้ชายคนนั้น ทว่ากลับไร้วี่แววเจ้าของร่างสูงใหญ่ หญิงสาวได้แต่ลอบถอนหายใจเมื่อไม่เป็นอย่างที่หวัง
หรือเพราะเขามาเมื่อวานแต่ไม่เจอเธอ วันนี้ก็เลยไม่มาแล้ว
“ไม่อร่อยเหรอ”
ซูจินถามเธออย่างแปลกใจ เพราะอาหารเช้าที่นาเดียกินมักจะเดิมๆ คือขนมปังปิ้ง ซุป กาแฟอ่อนๆ แต่กลับเล็มทีละนิดราวไม่อยากกิน
“เปล่า แค่ยังง่วงอยู่น่ะ”
เธอตอบก่อนจะหยิบกาแฟขึ้นมาจิบ แล้วร่างสูงใหญ่ก็ปรากฏเข้ามาในครรลองสายตา นาเดียหยุดนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะวางแก้ว แล้วกินอาหารตรงหน้าต่อช้าๆ อย่างราบรื่นไม่สะดุด แต่สายตามองหาพี่โคดี้ที่อยู่เฝ้าเธอวันนั้น และไม่เห็นอีกฝ่ายในห้องอาหาร
นาเดียไม่ได้มองไปยังมุมที่ชายหนุ่มนั่งกระทั่งกินอาหารเช้าจนเสร็จ โดยตั้งใจให้เร็วกว่าซูจินและเพื่อนร่วมวงคนอื่น
“ฉันขึ้นห้องก่อนนะ อยากเข้าห้องน้ำน่ะ”
เธอกระซิบบอกเพื่อนแล้วลุกขึ้นทันที ขณะเดียวกันก็จงใจหันไปทางเจ้าของร่างสูงใหญ่เพื่อหาจังหวะสบตาเขา ทว่าอีกฝ่ายกลับไปมองมาทางเธอ นาเดียจึงได้แต่ขมวดคิ้ว
“มีอะไร ไม่รีบกลับไปเข้าห้องน้ำเหรอ”
คนที่กังวลว่าจะไม่สามารถส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มได้รู้สึกตัว หันไปมองก็เห็นซูจินกับคนอื่นๆ กำลังมองด้วยสายตาฉงน
“อ้อ แค่ปวดท้องแรงขึ้นมาเลยยังไม่อยากเดิน”
เธอแก้ตัวพร้อมยิ้มแหยทำเอาซูจินถึงกับขำ
“ค่อยๆ เดินไปแล้วกันนะ”
อีกฝ่ายบอกนาเดียจึงพยักหน้ารับเบาๆ ด้วยความเขินที่หาคำแก้ตัวที่ทำให้ตนเองต้องอาย แล้วก็อดเหลือบมองไปยังคนที่ต้องการให้เขามองเธออีกครั้งไม่ได้ คราวนี้ดวงตาคู่คมราวเหยี่ยวจับจ้องมาทางเธอแล้ว นาเดียจึงมองตอบเขาชั่วแวบแล้วพยักหน้าลงเล็กน้อยแทบมองไม่ออก ก่อนจะเดินออกไปจากห้องอาหาร
มือบางล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุมที่ใส่กระดาษโน้ตเล็กๆ เอาไว้ ได้แต่หวังให้ผู้ชายคนนั้นจะเข้าใจแล้วตามเธอมา
สาวร่างเล็กวนเวียนอยู่หน้าลิฟต์อย่างระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะมีเพื่อนร่วมวงหรือทีมงานคนอื่นเห็นเข้า หลังจากยืนลังเลชะเง้อมองอยู่เกือบสิบห้านาทีนาเดียก็ถอนหายใจหงุดหงิด กดลิฟต์ด้วยความโมโห เธอรอนานกว่านี้ไม่ได้เพราะซูจินกับคนอื่นน่าจะใกล้กลับห้องแล้ว
“เขาไม่เข้าใจหรือไงนะ”
หญิงสาวกัดริมฝีปาก เมื่อลิฟต์มาถึงก็จำต้องก้าวเข้าไปหลังจากมีคนออกมา ในลิฟต์มีเธอเพียงคนเดียวนาเดียจึงบ่นอีกครั้ง
“ไหนบอกให้ฉันมาคิดดูไง ทำไมไม่มาเอาคำตอบล่ะ”
ขณะกำลังขัดใจผู้ชายที่ไม่รู้จักคนนั้นประตูลิฟต์ก็กำลังจะปิด นาเดียไม่ได้สนใจแต่เพราะประตูเปิดขึ้นอีกครั้งเธอจึงหันไปมองเพื่อจะขยับตัวหลบ แต่แล้วร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามาพร้อมตาคู่คมลึกที่ได้สบกันพอดีทำให้หญิงสาวลมหายใจสะดุด มือที่ล้วงอยู่ในกระเป๋ากำกระดาษแน่น แต่กลับก้มหน้าลงอย่างทำตัวไม่ถูก
“นึกว่าคุณให้ผมตามมาฟังคำตอบเสียอีก”
นาเดียเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายหลังเสียงทุ้มเข้มเอ่ย ขณะที่ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาใกล้ๆ ยกแขนขึ้นผ่านหน้าทำเอาเธอถึงตกใจรีบถอยหลัง แล้วก็เห็นเขายื่นมือไปกดลิฟต์ ทว่าก็เหลือบตาคมกลับมามองเธอนิ่งอีกครั้ง
“เอ่อ...คือ...”
“ผมคิดว่าเราคงมีเวลาในลิฟต์แค่ไม่เกินหนึ่งนาที”
ชายหนุ่มเร่งเสียงเย็นชาทำเอาคนฟังชักสีหน้า นึกเคืองอีกฝ่ายไม่น้อยที่เขาตามมาช้า ทั้งยังมาใช้ท่าทางไม่แคร์โลกกับเธออีก แต่ก็เห็นด้วยเขาว่าพูดถูกจึงรีบเอ่ยสิ่งที่เขียนในกระดาษแทน ตอนแรกที่เขียนเพราะคิดว่าเขาอาจจะมาพบเธอตอนตักอาหารเหมือนวันก่อน
“ฉันจะไม่ถามว่าคุณเป็นใครแล้วก็จะช่วยฉันยังไง แต่อยากให้คุณรับปากว่าถ้าฉันตกลง เพื่อนของฉันจะปลอดภัยด้วย”
“อยากให้ผมช่วยเพื่อนคุณด้วย?”
“เราเป็นเหมือนครอบครัว”
ชายหนุ่มเงียบทว่าตาคมยังสบกับเธอ สีน้ำตาลเข้มล้ำลึกในนั้นให้ความรู้สึกราวดึงดูดใจจนน่าหวาดหวั่น นาเดียนึกอยากหลบสายตาเขาอย่างบอกไม่ถูก
“มันอยู่ที่ว่าเพื่อนคุณมีเอี่ยวแค่ไหน”
“หมายถึงอะไร”
นาเดียถามอย่างสงสัย
“พวกคุณมาทำอะไรที่นี่ล่ะ”
“เรามาทำงาน แต่ว่า...”
เสียงลิฟต์ดังขึ้น บ่งบอกว่ามาถึงชั้นที่เป็นจุดหมายแล้ว ร่างสูงใหญ่ขยับเข้ามาใกล้เธออย่างกะทันหัน มือข้างหนึ่งวางแนบผนังลิฟต์ใกล้หัวของเธอพร้อมกับใบหน้าคมเข้มที่มีไรหนวดเคราที่ไม่ได้โกนโน้มลงมาหา มือหนาข้างที่เหลือยื่นมาใกล้
หญิงสาวสะดุ้งตกใจ ยกมือขึ้นผลักอกกว้างออกอย่างรวดเร็วพร้อมกับที่ชายหนุ่มสอดบางอย่างลงในกระเป๋าเสื้อคลุมของเธอ ก่อนร่างสูงใหญ่จะแสร้งผงะออกตามแรงผลัก จมูกคมเฉียดแก้มใสเล็กน้อยทำเอาดวงหน้าเล็กร้อนวูบวาบ เธอมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจพร้อมเอ่ยเสียงดุ
“ทำอะไรของคุณน่ะ”
ปลายหางตานาเดียเห็นว่าคนที่อยู่ด้านนอกเป็นทีมงานของเธอเพราะมาถึงชั้นที่เธอพักแล้ว หญิงสาวจึงรีบต่อว่าเขาซ้ำ
“ฉันบอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับฉัน”
เธอผลักเขาซ้ำอีกก่อนจะรีบออกไปด้านนอกโดยดึงพี่ทีมงานผู้หญิงสองคนให้มาสนใจตัวเอง
“พี่ๆ ช่วยฉันด้วยค่ะ”
“เขาทำอะไรหรือเปล่า”
คนอยู่ในลิฟต์กดลิฟต์ปิดในทันทีทำให้พวกเขาไม่สามารถมองหน้าได้ถนัดนัก
“พวกตื๊อน่ะค่ะ ทั้งที่บอกปัดไปแล้วก็ยังตามมาอยู่ได้”
“ซาแซง [1] หรือเปล่า”
ทีมงานคนหนึ่งถาม
“ไม่น่าใช่ ชาวต่างชาติน่ะ เขาคงไม่รู้หรอกว่าฉันเป็นใคร”
นาเดียตอบโดยแสดงสีหน้าไม่สบายใจ
วงของพวกเธอยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ชาวต่างชาติที่ติดตามเคป๊อปกลุ่มใหญ่ก็ยังไม่รู้จักพวกเธอ มีเพียงแฟนส่วนน้อยเท่านั้น ทว่าที่มีโอกาสจัดงานมีตเล็กๆ ที่นี่เพราะซีอีโอของพวกเธอหาลู่ทางได้ ซึ่งนาเดียมาเดาได้ในตอนนี้ว่าคงเพราะสิ่งที่พวกเขาบังคับให้เธอกับเพื่อนทำนั่นเอง
“เสียดายเห็นหน้าไม่ชัด จะได้ให้การ์ดกับทีมงานช่วยระวังให้”
ทีมงานอีกคนบอกก่อนจะถามเธอ
“แล้วทำไมมาคนเดียว ซูจินกับคนอื่นล่ะ ถึงเป็นในโรงแรมบางทีซาแซงก็ตามเข้ามาได้นะ”
“ฉันปวดท้องก็เลยกลับขึ้นมาก่อนน่ะค่ะ”
“อ้าว ปวดท้อง? ไม่สบายเหรอ เอายาไหม”
ทีมงานถามอย่างเป็นห่วงและต่างก็รีบเข้ามาพยุงเธอทั้งคู่
“ไม่เป็นไรมาก แค่อยากเข้าห้องน้ำ”
นาเดียแสร้งทำเสียงอ่อย
“พี่ๆ จะไปกินข้าวใช่ไหม รีบไปเถอะค่ะ ห้องฉันอยู่แค่นี้เอง”
หญิงสาวยิ้มแหยพร้อมกับพยักหน้าถี่ๆ ขณะที่ทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างตัดสินใจไม่ได้เธอจึงรีบย้ำ
“ผู้ชายคนนั้นก็คงไปชั้นของเขาแล้ว ไม่มีอะไรแล้วล่ะค่ะ”
ในที่สุดทีมงานก็ยอมลงลิฟต์ไปขณะที่นาเดียหันหลังรีบเดินไปยังห้องของตัวเอง
[1] ซาแซง เป็นคำเรียกสั้นๆ จากคำว่า ซาแซงแฟน ในภาษาเกาหลีหมายถึง ผู้ที่ชื่นชอบศิลปินจนตามติดชีวิตส่วนตัวมากเกินความพอดี โดยพยายามใกล้ชิดศิลปินจนถึงขั้นรุกล้ำความเป็นส่วนตัว
=====
“ฉันเป็นส่วนเกินค่ะ”คำพูดของหญิงสาวทำเอาเขาถอนหายใจยาว“คุณมีคุณค่านาเดีย”“แต่จะดีกว่า ถ้าไม่กลับไป”เสียงหวานไม่ได้เครือทว่าก็เบาอย่างเหลือเกินจนเขาต้องกระชับร่างเล็กเข้าหาตัวเองมากขึ้น“แม่ต้องพยายามประคับประคองครอบครัวของแม่ ต้องทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันรู้ว่าแม่อาจจะสงสัยพ่อเลี้ยง แต่ก็ต้องทำเหมือนไม่ระแคะระคายอะไร แม่คงเหนื่อยมาก ต้องเก็บทุกอย่างเอาไว้คนเดียว เพราะแม่ใช้ชีวิตคู่กับเขาแล้ว มีลูกด้วย ฉันรู้ว่าแม่อยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อม และฉันเป็นรอยด่างในชีวิตของแม่”“ลูกสาวทุกคนคือนางฟ้าตัวน้อยของแม่”คลินตันไม่อยากให้หญิงสาวลดทอนคุณค่าในตัวเองลง“ก็จริงนะคะ แต่ฉันไม่คิดว่าตัวเองเป็นนางฟ้าของแม่หรอก แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็รู้ว่าแม่รักฉัน เพราะตอนที่มีกันแค่สองคนท่านพยายามเลี้ยงดูฉันอย่างดี ฉันชอบเรียนเต้นท่านก็ยังให้เรียน ทั้งที่ค่าเรียนไม่ธรรมดาเลย แม่ทำเพื่อฉันมามากค่ะ”“คุณก็เลยทำเพื่อท่านด้วยการจากมา”นาเดียพยักหน้าเบาๆ“ผมอยากให้คุณมีความสุขในทุกๆ อย่าง รวมทั้งเรื่องแม่”ชายหนุ่มบอกสิ่งที่เขาคิด แต่เขาจะไม่บังคับให้เธอทำ ทุกอย่างต้องเป็นการตัดสินใจของนาเดียเอง“ฉันม
เสียงเพลงบรรเลงขึ้น ทุกคนภายในงานยืนขึ้น ขณะที่ร่างเล็กในชุดสีขาวยาวก้าวเดินตามทางที่เด็กตัวเล็กสองคนโปรยดอกไม้ มือคล้องแขนชายมีอายุใบหน้าบ่งบอกว่าเป็นชาวเอเชีย ดวงหน้างดงามมีผ้าลูกไม้สีขาวปิดบัง ปลายทางมีร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มในชุดสูทดูดีรออยู่พร้อมกับบาทหลวงเมื่อหญิงสาวก้าวไปถึงชายหนุ่มก็เป็นคนมารับเธอแทน ใบหน้าคมเข้มไร้หนวดเคราดูหล่อเหลาสะดุดตา ยิ่งเมื่อแย้มยิ้มบางก็ยิ่งน่ามองดวงหน้าสวยน่ารักภายใต้ผ้าลูกไม้ถูกเปิดโดยชายหนุ่ม ทั้งคู่กล่าวคำสาบานและสวมแหวน จุมพิตบางเบา บรรดาแขกลุกขึ้นปรบมือแสดงความยินดีแม้จะมีญาติใกล้ชิดและเพื่อนสนิทไม่กี่คนหากบรรยากาศก็อบอุ่น นาเดียกวาดมองทุกคนที่เธอรู้จักพร้อมกับน้ำตาไหลอาบแก้ม แม้ตรงนี้จะไม่มีแม่ของเธอ แต่ทุกคนที่นี่ก็รักและจริงใจกับเธอ ซูจินกับพี่ๆ ในวงอลิซเซียและครอบครัวของคลินตัน รวมถึงแอรอน ไมลี่ แม้แต่เจมมี่ด้วยเพราะอีกฝ่ายหมั้นกับไมลี่แล้ว จึงถือเป็นคนสนิทของคลินตันเช่นกัน แม้ทั้งคู่จะยังดูไม่ค่อยลงรอยกันนักก็ตามนาเดียไม่เคยคิดว่าเธอจะมีงานแต่ง สำหรับเธอแค่ได้ใช้ชีวิตกับคลินตันก็เพียงพอแล้ว ทว่านาตาชามารดาของชายหนุ่มจัดการให้ และผู้ที
“รู้ว่าคุณไม่ไหวแล้ว”คลินตันบอกพร้อมลูบผมชื้นเหงื่อ เท่านี้ก็ดีที่สุดแล้ว เซ็กส์ระหว่างเธอกับเขาให้ความรู้สึกเร้าใจทุกครั้ง ได้สัมผัสเท่าไรยิ่งต้องการกันและกันมากขึ้น สิ่งที่นาเดียทำกับเขานั้นไม่ใช่ความเก่งกาจเด็ดดวง ทว่าเป็นความกล้า กล้าที่จะทำตามความต้องการของตน นั่นทำให้เขาตื่นตัวตามไปด้วย“เซ็กส์ของเรามันสุดยอดทุกครั้งเพราะคุณ”นาเดียอดตาโตไม่ได้ ในขณะเดียวกันก็หน้าร้อนผ่าวยิ่งขึ้น เพราะอารมณ์ยังไม่คงที่ ทำไมอยู่ๆ เขามาพูดเรื่องนี้ล่ะ“ฉันเนี่ยนะ”“คุณกระตือรือร้น กล้าเรียนรู้ กล้าทำตามใจตัวเองทั้งที่ไม่รู้อะไรเลย เหมือนเดินไปข้างหน้าในความมืด แต่มันก็ชวนให้ตื่นเต้นเร้าใจ ท้าทายดี”“คุณนี่มันคนเถื่อนจริงๆ”คนฟังตีสีหน้าไม่ถูก ทั้งขัดเขินทั้งอับอายจึงต่อว่าชายหนุ่มแทน หากเขาก็เพียงยกยิ้มมุมปากก่อนจะจูบหน้าผากเธอ“คนเถื่อนก็เหมาะกับเด็กใจแตก จริงไหม”“จริงค่ะ”นาเดียไม่ปฏิเสธในข้อนี้ เธอรู้ดีว่าสำหรับเธอแล้ว มีเพียงคลินตันเท่านั้นที่เธออยากมีเซ็กส์ด้วย“คุณมาที่นี่เพื่อรับฉันไปอยู่ด้วย หรือว่าจะมาอยู่กับฉัน”เมื่ออาการวาบหวิวคลายลง หญิงสาวก็ถามในสิ่งที่เธออยากรู้หลังจากคุยกับซูจินแ
ไม่มีเวลาพักหายใจด้วยซ้ำชายหนุ่มก็พาให้เธอนอนหงาย ปลดสายเสื้อชั้นในออกจากแขน ก่อนจะฝังใบหน้าคมเข้มลงแนบบนทรวงขาวสล้าง คลอเคลียฟอนเฟ้นด้วยปากได้รูป พอใจกับความชูชันล่อตาจากปลายยอดสีหวานจนต้องครอบครองเข้ามาภายในปากอุ่นแผ่นหลังบางแอ่นขึ้นตามการดูดดื่มจากปากชายหนุ่ม คลินตันดื่มกินหนักหน่วง แถมความกร้าวร้อนยังเบียดไล้กลางร่างเธอจนหญิงสาวต้องขยับตามเขา ต่างฝ่ายต่างบดเบียดทำให้ความเร่าร้อนทะยานสูงขึ้น คลินตันจับขาเรียวสองข้างเกาะสะโพกตนเอง แล้วขยับขึ้นจับเอวเล็กไว้ด้วยสองมือ เลื่อนไล้ตนเองอย่างพึงพอใจกับสัมผัสหวามเสียงทุ้มในลำคอหนาบ่งบอกอารมณ์ของชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี นาเดียมองร่างสูงใหญ่ด้วยตาปรือปรอยหากก็ปลื้มใจที่เขากำลังแสดงออกถึงความถูกใจ ทว่าครู่หนึ่งชายหนุ่มก็หยุดขบกรามแน่น ตาคมกล้ามองเธอก่อนจะโน้มตัวลงมากอดรัดแน่น“ที่รัก ช่วยผม”เขาบอกก่อนจะย้ายตัวเองไปนอนด้านล่างแล้วจับเอวเธอให้ขยับบนตัวเขาแทน ทำให้เรือนร่างงามไล้บนตัวเขาตามไปด้วย ดวงหน้าเล็กเหนือดวงหน้าเขาซุกลงแนบข้างแก้มที่เต็มไปด้วยไรเครา อกอวบขาวบดเบียดเกยบนอกเขาจนแทบขยับมาอยู่บนหน้า หากคลินตันมองด้วยสายตาล้ำลึกวาบหวิว กระทั
“ขอไว้เรื่องหนึ่งแล้วกัน”“นี่คุณกำลังขอฉันแต่งงานใช่ไหม”นาเดียสนใจประโยคแรกที่ชายหนุ่มพูดมากกว่า ตาคู่กลมโตวาวระยับจนคนเห็นอดยิ้มออกมาไม่ได้“แล้วคุณพร้อมหรือยังสาวน้อย”แขนเรียวเล็กสอดขึ้นมากอดคอเขา ก่อนที่หญิงสาวจะขยับดวงหน้าเล็กขึ้นมาหาแล้วแนบปากอิ่มเล็กกับปากเขา“จุ๊บ”เธอจูบเขาเร็วๆ แล้วผละออกมายิ้มกว้าง“แต่งหรือไม่แต่ง ฉันก็พร้อมจะอยู่กับคุณค่ะ”“เด็กใจแตก”คลินตันหรี่ตาลงพร้อมตำหนิ หากก็มองอีกฝ่ายด้วยสายตาพึงพอใจ จากนั้นก็จูบหน้าผากเล็กหนักๆ แล้วเปลี่ยนมายังปลายจมูกเล็ก แก้มนวลเนียนมีสีเลือดฝาด ก่อนจะประทับแนบแน่นลงบนปากน่ารักสีชมพูระเรื่อ เคล้าคลึงแผ่วผิวแล้วค่อยเพิ่มแรงบดเบียดลงไป หญิงสาวเริ่มขยับตอบกลับเขา ชายหนุ่มจึงเม้มกลีบปากอิ่มดึงเบาๆ อย่างยั่วเย้านาเดียเผยอปากส่งลิ้นไปแตะไล้อีกฝ่ายก่อน ชายหนุ่มก็สอดรับทันที ทั้งคู่ต่างแลกเปลี่ยนลมหายใจกันและกันอย่างเร่าร้อนตามแรงคิดถึง เมื่อเขาผละออกร่างเล็กก็ถึงกับหอบรัวแรง ขณะที่อีกฝ่ายจูบแก้มนุ่มซุกไซ้ลงหาคอขาวผ่อง รู้สึกถึงความอุ่นชื้นไล้เลียบนคอตนเองแล้วก็ต้องปล่อยเสียงครวญบางเบาเพราะอาการซ่านสยิวเล่นงาน“คลินตัน ฉันคิดถึงคุ
“ฉันต้องโทรหาซูจินก่อน”นาเดียพูดขึ้นหลังจากทั้งคู่กินอาหารเย็นที่เธอซื้อมาพร้อมกับสั่งรูมเซอร์วิสมาเพิ่ม“เธอรู้อยู่แล้วล่ะ”“ว่าไงนะ”คลินตันยื่นชาแก้วใหม่มาตรงหน้าให้เธอจิบอีกครั้ง“คุณคิดว่าผมมาหาคุณถูกได้ยังไงล่ะ”“ซูจิน? เป็นไปได้ยังไง คุณไม่รู้จักเธอนี่”หญิงสาวถามอย่างแปลกใจ“คุณเป็นคนกดติดตามแอ็กเคานต์ของผมกับคุณไม่ใช่เหรอ”ชายหนุ่มพูดพร้อมยิ้มมุมปาก แต่ทำเอานาเดียหน้างอปากยื่น“นี่หมายความว่าคุณเข้ามาส่องไอจีฉันแต่ไม่เคยคอมเมนต์ กดถูกใจหรือส่งข้อความหาฉันเลยเนี่ยนะ”“อย่าเพิ่งงอนน่า”เขายื่นมือมาโยกหัวเธอเบาๆ“ผมเพิ่งเข้ามาดูหลังจากคิดได้ว่าควรตามคุณมานี่เอง แล้วก็เห็นคุณแท็กเธอบ่อยๆ ดูชื่อก็เลยรู้ว่าเป็นเพื่อนสนิทคุณ”เขาตั้งใจไม่บอกเรื่องที่ตัวเองเจ็บหนักกับนาเดีย“คุณก็เลยแอบติดต่อเธอ”ชายหนุ่มพยักหน้ารับเบาๆ ทว่านาเดียขมวดคิ้ว“ซูจินเชื่อคุณได้ยังไงเนี่ย”เพื่อนสาวของเธอน่าจะระวังการคุยกับคนอื่นผ่านโซเชียล“ก็ต้องตอบคำถามเยอะอยู่เหมือนกันกว่าเธอจะเชื่อว่าผมเป็นคนที่ดูแลคุณช่วงที่คุณต้องพักฟื้นที่ลอนดอน”เขาบอกพร้อมกับปล่อยมือจากอีกฝ่ายแล้วยักไหล่“ดื่มชาให้หมด ร่างกายจะไ







