Masukแม้ไม่มั่นใจว่าจะเจอชายหนุ่มอีกครั้งเมื่อไร หากนาเดียก็เชื่อว่าเขาจะมาพบเธอในเมื่อบอกให้เธอกลับไปคิด หญิงสาวต้องการความมั่นใจเพื่อการตัดสินใจ และอย่างน้อยอีกฝ่ายก็ไม่มีสิทธิ์บังคับหากเธอเลือกที่จะไม่ร่วมมือกับเขา
วันต่อมาพวกเธอมีถ่ายแจ๊กเก็ตอัลบัมที่สถานที่แห่งหนึ่งต้องตื่นออกไปจากที่พักแต่เช้าตรู่ พวกเธอจึงไม่ได้ทานอาหารเช้าที่โรงแรม นาเดียเก็บความคิดว้าวุ่นไว้ในใจเพียงคนเดียว เธอยังไม่กล้าบอกเล่าสิ่งที่ได้รับรู้กับใครด้วยยังไม่แน่ใจว่าสุดท้ายแล้วตนเองควรเสี่ยงกับชายแปลกหน้าหรือไม่
กว่างานจะเสร็จก็เลยเช้าวันใหม่ไปหลายชั่วโมง พวกเธอจึงต่างก็ตื่นสายในวันพักผ่อนที่ได้อีกหนึ่งวัน แล้วต่างก็ลงมากินข้าวเช้าช้า นาเดียกวาดตามองรอบห้องอาหาร เธอมาเวลาไล่เลี่ยกับเมื่อวันก่อนด้วยความคาดหวังว่าจะเจอผู้ชายคนนั้น ทว่ากลับไร้วี่แววเจ้าของร่างสูงใหญ่ หญิงสาวได้แต่ลอบถอนหายใจเมื่อไม่เป็นอย่างที่หวัง
หรือเพราะเขามาเมื่อวานแต่ไม่เจอเธอ วันนี้ก็เลยไม่มาแล้ว
“ไม่อร่อยเหรอ”
ซูจินถามเธออย่างแปลกใจ เพราะอาหารเช้าที่นาเดียกินมักจะเดิมๆ คือขนมปังปิ้ง ซุป กาแฟอ่อนๆ แต่กลับเล็มทีละนิดราวไม่อยากกิน
“เปล่า แค่ยังง่วงอยู่น่ะ”
เธอตอบก่อนจะหยิบกาแฟขึ้นมาจิบ แล้วร่างสูงใหญ่ก็ปรากฏเข้ามาในครรลองสายตา นาเดียหยุดนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะวางแก้ว แล้วกินอาหารตรงหน้าต่อช้าๆ อย่างราบรื่นไม่สะดุด แต่สายตามองหาพี่โคดี้ที่อยู่เฝ้าเธอวันนั้น และไม่เห็นอีกฝ่ายในห้องอาหาร
นาเดียไม่ได้มองไปยังมุมที่ชายหนุ่มนั่งกระทั่งกินอาหารเช้าจนเสร็จ โดยตั้งใจให้เร็วกว่าซูจินและเพื่อนร่วมวงคนอื่น
“ฉันขึ้นห้องก่อนนะ อยากเข้าห้องน้ำน่ะ”
เธอกระซิบบอกเพื่อนแล้วลุกขึ้นทันที ขณะเดียวกันก็จงใจหันไปทางเจ้าของร่างสูงใหญ่เพื่อหาจังหวะสบตาเขา ทว่าอีกฝ่ายกลับไปมองมาทางเธอ นาเดียจึงได้แต่ขมวดคิ้ว
“มีอะไร ไม่รีบกลับไปเข้าห้องน้ำเหรอ”
คนที่กังวลว่าจะไม่สามารถส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มได้รู้สึกตัว หันไปมองก็เห็นซูจินกับคนอื่นๆ กำลังมองด้วยสายตาฉงน
“อ้อ แค่ปวดท้องแรงขึ้นมาเลยยังไม่อยากเดิน”
เธอแก้ตัวพร้อมยิ้มแหยทำเอาซูจินถึงกับขำ
“ค่อยๆ เดินไปแล้วกันนะ”
อีกฝ่ายบอกนาเดียจึงพยักหน้ารับเบาๆ ด้วยความเขินที่หาคำแก้ตัวที่ทำให้ตนเองต้องอาย แล้วก็อดเหลือบมองไปยังคนที่ต้องการให้เขามองเธออีกครั้งไม่ได้ คราวนี้ดวงตาคู่คมราวเหยี่ยวจับจ้องมาทางเธอแล้ว นาเดียจึงมองตอบเขาชั่วแวบแล้วพยักหน้าลงเล็กน้อยแทบมองไม่ออก ก่อนจะเดินออกไปจากห้องอาหาร
มือบางล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุมที่ใส่กระดาษโน้ตเล็กๆ เอาไว้ ได้แต่หวังให้ผู้ชายคนนั้นจะเข้าใจแล้วตามเธอมา
สาวร่างเล็กวนเวียนอยู่หน้าลิฟต์อย่างระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะมีเพื่อนร่วมวงหรือทีมงานคนอื่นเห็นเข้า หลังจากยืนลังเลชะเง้อมองอยู่เกือบสิบห้านาทีนาเดียก็ถอนหายใจหงุดหงิด กดลิฟต์ด้วยความโมโห เธอรอนานกว่านี้ไม่ได้เพราะซูจินกับคนอื่นน่าจะใกล้กลับห้องแล้ว
“เขาไม่เข้าใจหรือไงนะ”
หญิงสาวกัดริมฝีปาก เมื่อลิฟต์มาถึงก็จำต้องก้าวเข้าไปหลังจากมีคนออกมา ในลิฟต์มีเธอเพียงคนเดียวนาเดียจึงบ่นอีกครั้ง
“ไหนบอกให้ฉันมาคิดดูไง ทำไมไม่มาเอาคำตอบล่ะ”
ขณะกำลังขัดใจผู้ชายที่ไม่รู้จักคนนั้นประตูลิฟต์ก็กำลังจะปิด นาเดียไม่ได้สนใจแต่เพราะประตูเปิดขึ้นอีกครั้งเธอจึงหันไปมองเพื่อจะขยับตัวหลบ แต่แล้วร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามาพร้อมตาคู่คมลึกที่ได้สบกันพอดีทำให้หญิงสาวลมหายใจสะดุด มือที่ล้วงอยู่ในกระเป๋ากำกระดาษแน่น แต่กลับก้มหน้าลงอย่างทำตัวไม่ถูก
“นึกว่าคุณให้ผมตามมาฟังคำตอบเสียอีก”
นาเดียเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายหลังเสียงทุ้มเข้มเอ่ย ขณะที่ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาใกล้ๆ ยกแขนขึ้นผ่านหน้าทำเอาเธอถึงตกใจรีบถอยหลัง แล้วก็เห็นเขายื่นมือไปกดลิฟต์ ทว่าก็เหลือบตาคมกลับมามองเธอนิ่งอีกครั้ง
“เอ่อ...คือ...”
“ผมคิดว่าเราคงมีเวลาในลิฟต์แค่ไม่เกินหนึ่งนาที”
ชายหนุ่มเร่งเสียงเย็นชาทำเอาคนฟังชักสีหน้า นึกเคืองอีกฝ่ายไม่น้อยที่เขาตามมาช้า ทั้งยังมาใช้ท่าทางไม่แคร์โลกกับเธออีก แต่ก็เห็นด้วยเขาว่าพูดถูกจึงรีบเอ่ยสิ่งที่เขียนในกระดาษแทน ตอนแรกที่เขียนเพราะคิดว่าเขาอาจจะมาพบเธอตอนตักอาหารเหมือนวันก่อน
“ฉันจะไม่ถามว่าคุณเป็นใครแล้วก็จะช่วยฉันยังไง แต่อยากให้คุณรับปากว่าถ้าฉันตกลง เพื่อนของฉันจะปลอดภัยด้วย”
“อยากให้ผมช่วยเพื่อนคุณด้วย?”
“เราเป็นเหมือนครอบครัว”
ชายหนุ่มเงียบทว่าตาคมยังสบกับเธอ สีน้ำตาลเข้มล้ำลึกในนั้นให้ความรู้สึกราวดึงดูดใจจนน่าหวาดหวั่น นาเดียนึกอยากหลบสายตาเขาอย่างบอกไม่ถูก
“มันอยู่ที่ว่าเพื่อนคุณมีเอี่ยวแค่ไหน”
“หมายถึงอะไร”
นาเดียถามอย่างสงสัย
“พวกคุณมาทำอะไรที่นี่ล่ะ”
“เรามาทำงาน แต่ว่า...”
เสียงลิฟต์ดังขึ้น บ่งบอกว่ามาถึงชั้นที่เป็นจุดหมายแล้ว ร่างสูงใหญ่ขยับเข้ามาใกล้เธออย่างกะทันหัน มือข้างหนึ่งวางแนบผนังลิฟต์ใกล้หัวของเธอพร้อมกับใบหน้าคมเข้มที่มีไรหนวดเคราที่ไม่ได้โกนโน้มลงมาหา มือหนาข้างที่เหลือยื่นมาใกล้
หญิงสาวสะดุ้งตกใจ ยกมือขึ้นผลักอกกว้างออกอย่างรวดเร็วพร้อมกับที่ชายหนุ่มสอดบางอย่างลงในกระเป๋าเสื้อคลุมของเธอ ก่อนร่างสูงใหญ่จะแสร้งผงะออกตามแรงผลัก จมูกคมเฉียดแก้มใสเล็กน้อยทำเอาดวงหน้าเล็กร้อนวูบวาบ เธอมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจพร้อมเอ่ยเสียงดุ
“ทำอะไรของคุณน่ะ”
ปลายหางตานาเดียเห็นว่าคนที่อยู่ด้านนอกเป็นทีมงานของเธอเพราะมาถึงชั้นที่เธอพักแล้ว หญิงสาวจึงรีบต่อว่าเขาซ้ำ
“ฉันบอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับฉัน”
เธอผลักเขาซ้ำอีกก่อนจะรีบออกไปด้านนอกโดยดึงพี่ทีมงานผู้หญิงสองคนให้มาสนใจตัวเอง
“พี่ๆ ช่วยฉันด้วยค่ะ”
“เขาทำอะไรหรือเปล่า”
คนอยู่ในลิฟต์กดลิฟต์ปิดในทันทีทำให้พวกเขาไม่สามารถมองหน้าได้ถนัดนัก
“พวกตื๊อน่ะค่ะ ทั้งที่บอกปัดไปแล้วก็ยังตามมาอยู่ได้”
“ซาแซง [1] หรือเปล่า”
ทีมงานคนหนึ่งถาม
“ไม่น่าใช่ ชาวต่างชาติน่ะ เขาคงไม่รู้หรอกว่าฉันเป็นใคร”
นาเดียตอบโดยแสดงสีหน้าไม่สบายใจ
วงของพวกเธอยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ชาวต่างชาติที่ติดตามเคป๊อปกลุ่มใหญ่ก็ยังไม่รู้จักพวกเธอ มีเพียงแฟนส่วนน้อยเท่านั้น ทว่าที่มีโอกาสจัดงานมีตเล็กๆ ที่นี่เพราะซีอีโอของพวกเธอหาลู่ทางได้ ซึ่งนาเดียมาเดาได้ในตอนนี้ว่าคงเพราะสิ่งที่พวกเขาบังคับให้เธอกับเพื่อนทำนั่นเอง
“เสียดายเห็นหน้าไม่ชัด จะได้ให้การ์ดกับทีมงานช่วยระวังให้”
ทีมงานอีกคนบอกก่อนจะถามเธอ
“แล้วทำไมมาคนเดียว ซูจินกับคนอื่นล่ะ ถึงเป็นในโรงแรมบางทีซาแซงก็ตามเข้ามาได้นะ”
“ฉันปวดท้องก็เลยกลับขึ้นมาก่อนน่ะค่ะ”
“อ้าว ปวดท้อง? ไม่สบายเหรอ เอายาไหม”
ทีมงานถามอย่างเป็นห่วงและต่างก็รีบเข้ามาพยุงเธอทั้งคู่
“ไม่เป็นไรมาก แค่อยากเข้าห้องน้ำ”
นาเดียแสร้งทำเสียงอ่อย
“พี่ๆ จะไปกินข้าวใช่ไหม รีบไปเถอะค่ะ ห้องฉันอยู่แค่นี้เอง”
หญิงสาวยิ้มแหยพร้อมกับพยักหน้าถี่ๆ ขณะที่ทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างตัดสินใจไม่ได้เธอจึงรีบย้ำ
“ผู้ชายคนนั้นก็คงไปชั้นของเขาแล้ว ไม่มีอะไรแล้วล่ะค่ะ”
ในที่สุดทีมงานก็ยอมลงลิฟต์ไปขณะที่นาเดียหันหลังรีบเดินไปยังห้องของตัวเอง
[1] ซาแซง เป็นคำเรียกสั้นๆ จากคำว่า ซาแซงแฟน ในภาษาเกาหลีหมายถึง ผู้ที่ชื่นชอบศิลปินจนตามติดชีวิตส่วนตัวมากเกินความพอดี โดยพยายามใกล้ชิดศิลปินจนถึงขั้นรุกล้ำความเป็นส่วนตัว
=====
เสียงเล็กสั่นตะกุกตะกัก ตัวเธอเกร็งจนต้องหยุดหายใจไปด้วย สัมผัสจากปากกระด้างไม่เพียงนาบลงมา เข้ายังเม้มผิวเนื้ออ่อน ทั้งยังส่งลิ้นเย็นชื้นออกมาแตะสลับอีกด้วย รอยจูบปะพรมไปทั่วคอข้างหนึ่งของเธอ ทำเอานาเดียสะดุ้งน้อยๆ เป็นระยะ งอตัวหดคอหนีแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะเขายังสามารถเปลี่ยนมาซุกไซ้อีกด้านได้อีก นั่นยิ่งทำให้หญิงสาวขนลุกไปทั้งท้ายทอย“หยะ...อย่า”เธอพยายามห้าม ทว่าก็ไม่เป็นผล แขนกำยำข้างหนึ่งโอบรอบเอวของเธอ ร่างหนาเบียดกดให้เธอชิดผนังยิ่งขึ้นจนแทบขยับไม่ได้ ริมฝีปากร้อนเล็มสลับไล้เลียแล้วไล่ระเรื่อยลงต่ำผ่านเสื้อยืด ฝังปากกับจมูกสูดดมซุกเบียดทรวงงาม มืออีกข้างวางเกาะหมับบนก้อนเนื้ออวบอิ่มเต็มกำมือ ก่อนจะเคล้นเบาๆ ทำเอาร่างเล็กถึงกับผวาขึ้น ทว่าก็ราวกับนำเสนอตัวเองให้ชายหนุ่มมากยิ่งขึ้นไปด้วยแม้มีเสื้อผ้าขวางกั้นแต่การแตะต้องของอีกฝ่ายก็ทำให้นาเดียร้อนไปทั้งตัว ขาอ่อนแรงอย่างไม่เคยเป็น ทว่าก่อนจะทรุดลงเข่าแข็งแกร่งก็แทรกเข้ามาระหว่างหน้าขาขวางไม่ให้ตัวเธอต่ำลง“อื้อ”หญิงสาวอดที่จะปล่อยเสียงสั่นแปลกๆ ออกมาได้ ความรู้สึกบางอย่างพลุ่งขึ้นจากสัมผัสแปลกใหม่กลางร่าง ทั้งยังรับรู้ได้ถึงมือ
คลินตันเงียบตั้งแต่มาขึ้นมอเตอร์ไซค์กระทั่งมาถึงเซฟเฮาส์ วันนี้ชายหนุ่มไม่ได้ให้คีย์การ์ดกับเธอ นาเดียจึงต้องยืนรออีกฝ่ายอยู่หน้าบ้าน เขากลับมาหลังจอดรถที่ส่วนจอดรถและเก็บหมวกเรียบร้อย บ้านหลังนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทำให้เธอทึ่ง ที่จอดรถแยกเป็นสัดส่วน มีสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกายมีเครื่องเล่นหลายชนิดติดกระจกอยู่ริมสระว่ายน้ำ ประตูก็สามารถใช้คีย์การ์ดหรือกดรหัสก็ได้ ทว่านาเดียไม่รู้รหัสจึงต้องรอชายหนุ่มเมื่อเปิดประตูบ้านแล้วนาเดียก็เข้ามาก่อน แม้ปกติคลินตันจะพูดน้อยอยู่แล้วทว่าตอนนี้เธอกลับรู้สึกถึงความอึมครึมกดดันแปลกๆ จึงคิดว่าเลี่ยงไปก่อนน่าจะดีกว่า ทว่าอยู่ๆ อีกฝ่ายก็พูดขึ้น“แปลกนะ ทั้งที่กลัวเวลาซ้อนมอเตอร์ไซค์ผม แต่คุณกลับอยากขึ้นรถแข่งซูเปอร์คาร์”หญิงสาวชะงักเท้า ก่อนจะหันกลับไปมองเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่ตามเธอเข้ามา ชายหนุ่มจ้องเธอด้วยแววตาเย็นชาทว่ากลับดูเชือดเฉือนผิดปกติ“ฉันก็แค่อยากลองดู”เธอไม่รู้จะพูดอะไร เพราะจะปฏิเสธว่าไม่อยากลองนั่งมันก็ขัดกับสิ่งที่ทำไปแล้ว“ทำไม เพราะซูเปอร์คาร์มันแพง แรงเร้าใจกว่าอย่างนั้นเหรอ”คิ้วเรียวสวยขมวดกับคำพูดกวนชวนหาเรื่องของชายหนุ่ม“ค
“ว่าไงนะ”“นาเดียอยากลองนั่งซูเปอร์คาร์กับเจมมี่น่ะ”ไมลี่ตอบหลังคลินตันถามย้ำพวกเธอมายังโรงรถแล้วก็เห็นคลินตันกับช่างสามคนกำลังตรวจเช็กรถแข่งคันหรูอยู่ ทั้งหมดเดินเข้าไปแล้วเจมมี่ก็ถามเกี่ยวกับรถของตนว่าเรียบร้อยหรือไม่จะได้ลองขับเลย พอคลินตันตอบว่าตามสบาย เจมมี่บอกต่อทันที‘งั้นฉันขอพาสาวน้อยคนนี้ไปลองรถด้วยก็แล้วกันนะ’คลินตันถึงกับหันมองหนุ่มหล่ออีกคนในทันที คิ้วเข้มขมวดพร้อมถามซ้ำไมลี่จึงเป็นฝ่ายตอบ ทำให้ชายหนุ่มเปลี่ยนเป้าหมายมายังเธอแทน นาเดียอึกอักขยับปากจะพูดแต่ไมลี่ก็แทรกขึ้นอีกครั้ง“แหม อย่ามองน้องเขาด้วยสายตาแบบนั้นสิคลิน ดุแบบนี้ใครจะไปกล้าตอบล่ะ เอางี้ ฉันเองก็อยากรู้ว่ารถปรับแต่งเครื่องใหม่ของเจมมี่จะแรงดีสักแค่ไหนเหมือนกัน งั้นเรามาแข่งกับเขาดีไหม นาเดียไปกับเจมมี่ ฉันจะไปกับคุณเอง”หญิงสาวจัดการเองเสร็จสรรพ ซึ่งนาเดียรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายน่าจะอยากหาโอกาสอยู่ใกล้กับคลินตัน และอยากให้เธอสนับสนุน เพราะไมลี่เหลือบมาทางด้วยสายตาขอร้อง เธอจึงได้แต่กระอักกระอ่วนใจแล้วพึมพำเสียงเบา“เอ่อ...ก็...น่าสนใจเหมือนกันนะคะ”คำพูดของเธอทำให้คลินตันตาวาววับ แววตาคมดุฉายออกมาอย่างชัดเ
นาเดียมองตอบสาวสวยด้วยสายตามึนงงว่างเปล่า ไม่รู้ต้องทำอย่างไรในสถานการณ์กระอักกระอ่วนแบบนี้เพราะรับรู้ได้ถึงไอบางอย่างแผ่จากแววตาหญิงสาวอีกคนเมื่อได้ยินว่าเธอเป็นใคร แม้จะลำบากใจแต่เธอก็ไม่รู้จะเริ่มพูดกับอีกฝ่ายอย่างไร จะแก้ตัวก็คงแปลกๆ เหมือนเธอร้อนตัวอาจจะเพราะเห็นสีหน้าไม่สบายใจและอึดอัดของเธอ สุดท้ายคนที่พูดขึ้นมาก่อนก็เป็นอีกฝ่าย“ไฮ ฉันไมลี่”“นาเดียค่ะ”ไมลี่ส่งยิ้มให้เธอ ก่อนจะหันไปบอกสองหนุ่มที่คุยกันเรื่องงานด้วยสีหน้าจริงจัง“พวกคุณทำงาน ให้นาเดียไปกับฉันดีกว่า รออยู่ในนี้เธอคงเบื่อ”“จะไปไหน”คลินตันหันมาถาม ใบหน้าคมนิ่งแต่มีรังสีดุจากแววตา เขาเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง แล้วกลับไปจ้องเอาคำตอบจากไมลี่“ฉันจะพาเธอนั่งเล่นกินขนมกับน้ำที่คาเฟ่ข้างหน้านี่แหละ”“อืม ไปเถอะ”เมื่อรู้พิกัดแล้วเขาก็พยักหน้ารับง่ายๆ แล้วกลับไปสนใจเรื่องงานต่อนาเดียเดินตามไมลี่ออกไปอย่างไม่คิดมากเช่นกันเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ได้มีปัญหาอะไร นั่นน่าจะหมายความว่าปลอดภัยสำหรับเธอ“เธอรู้จักกับคลินได้ยังไงเหรอ”หลังจากสั่งเครื่องดื่มกับเค้กของทั้งสองคนเรียบร้อย ไมลี่ก็ถามขึ้นทันที นาเดียเข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายต
เช้าวันต่อมานาเดียอ่านข้อความตอบกลับจากซูจิน แล้วก็พิมพ์ตอบอีกครู่ใหญ่ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำซูจินบอกว่าสำนักข่าวให้ความสนใจในการตีแผ่ข่าวบริษัทของพวกเธอ และช่วยเหลือในการหาสำนักกฎหมายให้ด้วย บรรดาแฟนคลับต่างก็รวมตัวกันแท็กข้อความให้กำลังใจพวกเธอและบอกว่าจะอยู่เคียงข้างเสมอ ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ได้รับรู้ว่าเธอบาดเจ็บจากการพยายามช่วยเพื่อนร่วมวง จึงยังไม่สามารถเดินทางกลับเกาหลีได้ในตอนนี้ และต่างก็แท็กขอให้เธอหายเร็วๆ ด้วยเช่นกัน แม้ยังมีแฟนคลับไม่มากนักแต่สิ่งที่เห็นก็ทำให้รู้สึกดีและอุ่นใจไม่น้อยจนถึงกับน้ำตาซึมหลังจากนาเดียเข้าไปอ่านแท็กนั้นมีค่ายติดต่อเข้ามาสองสามค่ายเกี่ยวกับการเซ็นสัญญาแต่ซูจินกับพี่ๆ ในวงอยากคุยกันในตอนที่เธออยู่ด้วย จึงขอเวลาจัดการเรื่องการฟ้องร้องให้เรียบร้อยเสียก่อนสาวร่างเล็กลงไปข้างล่างก็พบกับคนที่เพิ่งวิ่งออกกำลังกายจนเหงื่อท่วมกำลังจะกลับเข้าห้องของเขา“วันนี้เราจะไปที่ทำงานของผม”ชายหนุ่มบอกทันทีที่เห็นเธอ แต่แม้นาเดียจะทำหน้าแปลกใจเขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรนอกจากเอ่ยสั่ง“กินอาหารเช้าให้เรียบร้อยเสีย”พูดจบเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในชุดเสื้อยืดแขนตัดสีดำเปียกจ
คลินตันกลับมาอีกครั้งในลุคที่นาเดียต้องนึกอ่อนใจกับตัวเอง เพียงแค่ชายหนุ่มใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงวอร์มตัวเดิมเธอก็คิดว่าอีกฝ่ายดูเซ็กซี่อย่างไม่น่าให้อภัยแล้ว หญิงสาวเหลือบมองร่างสูงใหญ่เพียงนิดแล้วปอกมันฝรั่งในมือต่อ ไม่ต้องการให้ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าจิตใจเธอไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัวเลยแม้แต่น้อยคงเพราะได้เห็นกล้ามแน่นๆ ของอีกฝ่าย โดยไม่เคยได้เห็นของจริงเต็มๆ มาก่อนนั่นแหละ เธอจึงสติฟุ้งซ่านแบบนี้ไม่แฟร์เลยสักนิด ทั้งที่เขาไม่ให้เธอใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นออกนอกห้อง แต่ตัวเองกลับถอดเสื้อเดินไปเดินมาเสียอย่างนั้นหญิงสาวคิดขณะมองชายหนุ่มล้างชิ้นปลาที่แพ็คมา และราวกับรู้ว่าเธอมองคลินตันเองก็หันมาทางเธอเช่นกัน เขาเหลือบมองมันฝรั่งก่อนจะพูดขึ้น“หั่นเสร็จแล้วก็เตรียมจานเตรียมซอส ผมทอดเอง”“มีซอสเหรอคะ”“ใช่ ผมซื้อสำเร็จรูปมาแล้ว อยู่ในตู้เย็นนั่นแหละ”เธอพยักหน้าเข้าใจ“งั้นฉันทำสลัดเพิ่มด้วยดีกว่า”“เยี่ยม”คลินตันยกนิ้วให้นาเดียจึงยิ้มตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาตินาเดียหั่นมันฝรั่งในขนาดที่คิดว่าพอดี แล้วก็เอาผักในตู้เย็นที่พอทำสลัดได้มาล้างหั่นเสร็จก็โรยเกลือ พริกไทย และน้ำมันมะกอก







