บ่ายวันต่อมา ท่านรองแม่ทัพถังมาขอพบพระชายาหยาง บ่าวในจวนจึงพาท่านรองแม่ทัพเดินลัดเลาะผ่านเรือนใหญ่ไปทางด้านหลังตำหนักจนถึงสุดมุมรั้วที่แสดงอาณาเขตของตำหนักชินอ๋อง เขารู้สึกแปลกใจมากที่พระชายามาอยู่ที่เรือนหลังเล็กท้ายตำหนักเช่นนี้
คิ้วเข้มของเขาขมวดมุ่น เฝ้าครุ่นคิดว่าชีวิตในตำหนักของซิ่วอิงจะลำบากยากแค้นหรือไม่ เมื่อเดินไปถึงหน้าเรือนหลังเล็ก บ่าวชายเข้าไปเคาะประตูเรือนและแจ้งว่าท่านรองแม่ทัพมาขอพบพระชายา
เหม่ยเอ๋อเดินออกเปิดประตูเรือน “ คารวะท่านรองแม่ทัพถังเจ้าค่ะ อีกสักครู่พระชายาจะออกมาพบท่านเจ้าค่ะ เชิญท่านนั่งรอที่ม้านั่งตรงนี้ก่อนนะเจ้าค่ะ บ่าวจะไปยกน้ำชามาให้”
รองแม่ทัพถังส่งยิ้มให้เหม่ยเอ๋ออย่างคุ้นเคย และทรุดนั่งลงตามที่นางบอกหันมองไปรอบๆบริเวณเรือนหลังเล็กนี้ มันก็ร่มรื่นน่าอยู่ดีอยู่หรอกสวนหน้าเรือนก็สวยงาม ลมพัดเย็นสบายแต่มันจะสมศักดิ์ศรีของพระชายาชินอ๋องอย่างนั้นหรือ เขาครุ่นคิดอย่างข้องใจ
สักพักซิ่วอิงก็เดินออกมา ตามด้วยเหม่ยเอ๋อที่นำป้านน้ำชามาวางบนโต๊ะตัวเล็กข้างหน้าทั้งสองและรินน้ำชาใส่จอกวางตรงหน้าของทั้งคู่ จากนั้นจึงถอยออกไป
“ เจ้าอยู่ที่นี่สบายดีอย่างนั้นหรือ เมื่อก่อนเจ้าอยู่ที่จวนท่านราชครู เป็นคุณหนูในห้องหอ เป็นบุตรีคนเดียวของท่านราชครูต้องการอะไรก็ได้สมปรารถนา จะมาทนอดอู้อยู่เรือนเล็กเช่นนี้ เจ้าทำใจได้อย่างนั้นหรือ ”
รองแม่ทัพเอ่ยถามนาง พลางพิศดูใบหน้้าหวานนั้นอย่างเป็นห่วง “ ข้าอยู่ได้เจ้าค่ะ เรือนหลังนี้มันเล็กไปหน่อยก็จริงแต่ว่าเครื่องใช้ในเรือนก็ครบครันอีกทั้งบริเวณโดยรอบร่มรื่นย์ บรรยากาศดีมากนะเจ้าคะ ที่สำคัญเป็นอิสระ ไม่ต้องมีใครมารบกวนเราเจ้าค่ะ ”
ท่านรองแม่ทัพมองใบหน้าหวานนิ่งนาน เพื่อค้นหาความทุกข์ในใบหน้านัั้น เห็นนางทำหน้าเฉยๆ ไม่ทุกข์อันใดก็รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก “ เจ้าไม่คิดหรือว่าชินอ๋องทำเช่นนี้หยามท่านราชครูและเจ้ามากที่ส่งเจ้ามาอยู่เรือนเล็กท้ายตำหนักเช่นนี้ ”
ซิ่วอิงส่งยิ้มน้อยๆให้ท่านรองแม่ทัพ “ ไม่ใช่ความผิดของเขาที่ไม่รักข้า เพราะเขาไม่ได้รักข้าตั้งแต่แรกแล้วเจ้าค่ะ ข้าขอร้องท่านพ่อให้ขอราชโองการบีบบังคับให้เขาต้องแต่งงานกับข้า รับข้าเป็นพระชายาโดยที่เขาไม่ได้เต็มใจเลยแม้แต่น้อย เขามีคนรักของเขาอยู่แล้วคือแม่นางหลิวอี้เฟยบุตรีเสนาบดีฝั่งซ้ายไงล่ะเจ้าคะ ท่านพอจะรู้จักหรือไม่ ” ท่านรองแม่ทัพพยักหน้า
“ นางเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองนี้ ข้าย่อมรู้จักนาง แต่ไม่ได้นึกชอบพอนางหรอกนะ เพราะข้ามีคนที่ข้าชอบพออยู่นานแล้ว เพียงแต่ข้ายังไม่ได้บอกกับนางแค่นั้นเอง” ท่านรองแม่ทัพมองหน้าซิ่วอิงอย่างมีความหมาย ดวงตามีประกายแปลกๆอยู่ในนั้น
ซิ่วอิงนึกคิดเอาว่าคนที่ว่านั้นคงไม่ใช่นางหรอกใช่ไหม จากนั้นใบหน้าหวานก็แดงระเรื่อขึ้นมาน้อย ๆ ท่านรองแม่ทัพมองนางมีท่าทีเขินอายน้อยๆ ก็ยิ้มอย่างพอใจ เขามีความหวังขึ้นมาทันที ถ้านางก็มีใจตรงกัน เขาก็ดีใจนัก
แต่ตอนนี้ปัญหาใหญ่คือต้องหาทางให้นางหย่าขาดกับชินอ๋องให้ได้ เขาจะลองปรึกษากับท่านพ่อและท่านราชครูดูว่ามีหนทางใดจะทำได้บ้างเนื่องจากเป็นสมรสพระราชทาน จะให้ทั้งสองหย่าขาดกันเองนั้นทำไม่ได้
ซิ่วอิงเชิญชวนเขาอยู่ทานอาหารค่ำกับนาง นางจะย่างเนื้อและทำน้ำจิ้มแจ่วแซ่บ ๆ ให้เขาลองชิมรับรองเขาจะต้องร้องว๊าวอย่างแน่นอน
จากนั้นจึงเรียกเหม่ยเอ๋อให้นั่งรถม้าไปซื้อเนื้อ,แตงกวา,มะนาว และเครื่องปรุงอีกเล็กน้อย และหากมีผลไม้อะไรก็ซื้อกลับมาด้วย พลางหยิบเงินให้เหม่ยเอ๋อไปหนึ่งตำลึง
จากนั้นบอกให้ท่านแม่ทัพอย่างยิ้มแย้มว่าให้นั่งเล่นรอที่หน้าเรือนสักครู่นางจะเข้าไปทำน้ำจิ้มไว้รอเหม่ยเอ๋อ
หลายวันต่อมา ท่านราชครูมาบอกเรื่องจะต้องไปงานเลี้ยงฉลองยศของขุนนางใหม่่ในอีกสามวัน ขุนนางทั้งหมดทั้งใหม่และเก่าต้องไปร่วมฉลองงานนี้กันรวมถึงครอบครัวด้วย ท่านราชครูถามบุตรสาวว่า " เจ้าอยากจะไปเปิดหูเปิดตาในงานเลี้ยงนี้ไหมดูไหม จะได้สดชื่นขึ้น " ซิ่วอิงสนใจทันที " ไปเจ้าค่ะ " นางอยากไปเพราะอยากไปเห็นบรรยากาศงานเลี้ยงในวังหลวง ซิ่วอิงเตรียมตัวที่จะไปงานและออกไปซื้อหาชุดใหม่ที่จะใส่ไปงานเลี้ยงในวังนางรื้อค้นเครื่องประดับที่จะใส่ให้เข้ากับชุดใหม่ เช้าวันงานนางลุกขึ้นอาบน้ำอย่างพิถีพิถันจนเสร็จเรียบร้อย เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดใหม่ที่เตรียมไว้และให้เหม่ยเอ๋อทำผมให้ นางเลือกใช้ปิ่นที่นางซื้อมาใหม่และไม่ต้องใส่เครื่องประดับให้มากจนเกินไปและแต่งหน้าแบบสมัยใหม่ที่นางชำนาญจนเหม่ยเอ๋อตกตะลึงถึงกับเอ่ยว่า " วันนี้คุณหนูของบ่าวงามเหลือเกินเจ้าคะ "เมื่อเสร็จแล้วทั้งสองรีบเดินออกไปหาท่านพ่อที่รออยู่ที่รถม้าหน้าจวน จากนั้นทั้งสองพ่อลูกก็ขึ้นรถม้าเพื่อตรงไปยังงานที่วังหลวงเมื่อไปถึงหน้างานขันทีขานชื่อท่านราชครูและบุตรสาวคืออย่างซิ่วอิ่งมาถึงแล้วจากนั้นทั้งสองเดินตรงเข้าไปในงานสายตาหล
ซิ่วอิงเดินน้ำตาไหลรินผ่านสีหน้าตกใจของพ่อบ้านเกาไปโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ พ่อบ้านเกาไม่รู้จะทำอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ ซิ่วอิงเมื่อเดินไปถึงเรือนหลังเล็กก็บอกให้เหม่ยเอ๋อเก็บข้าวของทั้งหมด และให้ไปตามบ่าวมาช่วยเก็บและให้บ่าวชายช่วยกันขนของทั้งหมดที่เป็นของนางขึ้นรถม้าให้หมด หากรถม้าไม่พอให้ไปนำมาจากจวนของนางเหม่ยเอ๋อก็พอจะรู้เหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นแม้นางจะไม่เห็นภาพนั้นแต่นางได้ยินเสียงนั้นชัดเจนและมองเข้าไปในศาลาก็เห็นลางๆว่าเป็นชินอ๋องกับหลิวอี้เฟย นางจึงไม่กล้าซักถามอะไรพระชายาได้แต่รีบทำตามคำสั่งเท่านั้นเมื่อเก็บข้าวของทุกอย่างเรียบร้อยไม่ให้หลงเหลือสิ่งใดที่เป็นของนางไว้ แล้วก็พากันขนขึ้นรถม้าตรงไปที่จวนท่านราชครูทันที เมื่อไปถึงท่านราชครูตื่นตกใจเมื่อเห็นบุตรสาวขนข้าวของกลับมาเป็นจำนวนมากแสดงว่าคงเก็บมาทั้งหมดแล้วรวมทั้งสินเดิมของเจ้าสาว จึงให้บ่าวขนของไปเก็บทั้งหมดและจูงมือบุตรีไปนั่งในห้องโถงกลาง พลางซักถามเรื่องราว ซิ่วอิงเล่าให้ฟังคร่าวๆ ไม่ได้เล่ารายละเอียดทั้งหมดแต่ท่านราชครูก็พอคาดเดาเหตุการณ์ได้ จึงบอกนางว่าตามใจนางว่าจะทำอย่างไรต่อจะหย่ากับชินอ๋องก็ได้ ท่านจะไปขอร้อ
บ่ายวันรุ่งขี้นหลิวอี้เฟยนำน้ำแกงสมุนไพรมาให้ท่านอ๋องลองชิมอีกนางบอกว่าเป็นสูตรที่ได้มาจากญาติทางฝ่ายมารดาของนาง จึงเพิ่งทดลองทำเป็นครั้งแรกและได้เอามาให้ท่านอ๋องลองชิมท่านอ๋อง ชวนนางไปนั่งที่ศาลากลางบึงบัวเหมือนเดิมทั้งสองคุยกันปกติแต่นางสังเกตว่าครั้งนี้ท่านอ๋องดูรักษาระยะห่างห่างกับนางมากกว่าทุกครั้งและไม่ค่อยพูดคุยหยอกเย้านางเหมือนเดิมและนัยน์ตาของเขาที่เคยกรุ้มกริ่มเวลามองนางนั้นตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นเฉยชาไม่ค่อยมองนาง อย่างพึงใจเช่นทุกครั้งระหว่างที่ท่านอ๋องเผลอนางสลับโถที่นางใช้ใส่น้ำแกงสมุนไพรนั้นเปลี่ยนเป็นอีกอันนึงให้ท่านอ๋องเมื่อท่านอ๋องยกขึ้นดื่มไปได้ซักครู่หนึ่งก็รู้สึกรุ่มร้อนแปลกๆเหงื่อกาฬไหล และรู้สึกว่ามีกำหนัดมากขึ้นผิดปกติ หันไปมองอี้เฟยรู้สึกต้องการนางขึ้นมาอย่างรุนแรงผิดปกติ เมื่อเห็นยาปลุกกำหนัดออกฤทธิ์แล้ว หลิวอี้เฟยลุกขึ้นแล้วลงไปนั่งบนตักของท่านอ๋อง สองมือของนางโน้มศีรษะของท่านอ๋องลงมาประกบจูบปากจิ้มลิ้มของนางทันทีท่านอ๋องตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก ลิ้นเล็กของนางก็สอดเข้าไปในปากของท่านอ๋องไม่ให้ทันได้ตั้งตัวทำให้ชินอ๋องทำอะไรไม่ถูก เหตุด้วยฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดชนิด
บ่ายวันต่อมา ซิ่วอิงรู้สึกเบื่อๆเล็กน้อยและอากาศวันนี้ค่อนข้างร้อนนางจึงเข้าครัวให้เหม่ยเอ๋อนำมะม่วงไปล้างปอกเปลือกให้เรียบร้อยแล้วสอนหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ จากนั้นนางก็ลงมือทำน้ำปลาหวาน โดยใช้ปลาตากแห้งเมื่อวานมาทุบและตำให้ละเอียดนำไปเคี่ยวใส่เกลือและน้ำตาลลงไปเล็กน้อย ทุบพริกที่ซื้อมาเมื่อวานลงไป ชิมรสดูพอกินได้ แก้ขัดเพราะสมัยนี้ไม่มีน้ำปลาวันหลังจะลองทำปลาร้าหมักดูเห็นมีไหที่ใช้ดองผักอยู่ที่ครัวหลักหลายใบ จะขอมาสักสองใบเอามาใช้หมักปลาร้า กลิ่นคงแรงน่าดูขณะนี้คิดก็หัวเราะคิกคักคนเดียว เหม่ยเอ๋อหันมามองพระชายาดูแจ่มใสอารมณ์ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากนางก็พลอยยิ้มมีความสุขไปด้วยเมื่อมะม่วงและน้ำปลาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็ออกไปนั่งหน้าชานเรือนเล็ก นั่งลงกินมะม่วงน้ำปลาหวานกัน ขณะนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งใส่ชุดสีขาวรูปร่างผึ่งผายใบหน้าก็หล่อเหลาปรากฏที่ตรงหน้าซิ่วอิง นางเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเขายิ้มให้นางจึงยิ้มตอบไป" พระชายาทำอะไรกันน่าสนุกนะ ข้ามาเยี่ยมเสด็จพี่จึงเดินเลยชมสวนในตำหนักนี้เห็นสวนที่นี่สวยงามนัก จึงเดินเลยมาถึงเรือนนี้ " ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นยิ้มว่า " หม่อมฉันกับเหม่ยเอ๋อกำลัง
ชินอ๋องชักรูดลำกายแกร่งสองสามครั้งจากนั้นสอดลำกายใหญ่นั้นเข้าไปที่ร่องอวบ ค่อยผลักดันมันเข้าไปจนสุด “อ๊าย อ๊าย อ๊ะ”สะโพกอวบสั่นกระตุกอีกครั้ง จากนั้นเขาค่อยๆขยับโยกลำกายแกร่งเข้าสุดออกสุดช้าๆ ค่อยเร่งความเร็วขึ้น ควงบั้นเอวเป็นวงกลมกดกระแทกตอกเข้าไปแรงขึ้นเรื่อยๆ ตับ ตับ ตับ ตับ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นห้อง ชินอ๋องขย่มคนใต้ร่างจนเตียงสั่นไหว หัวเตียงกระทบผนังดังกึกๆ ทั้งสองร้องครวญครางประสานกันดังลั่นจนออกไปหน้าเรือนนอน เหม่ยเอ๋อที่นั่งอยู่หน้าเรือน ค่อยๆถอยออกไปจากบริเวณนี้ ใบหน้าแดงก่ำ “อ๊าย อ๊ะ อ๊ะ ท่านอ๋องแรงขึ้นอีกเพคะ อ๊าย อ๊าก อ๊าก” ร่างหนาขย่มโยกร่างอวบอย่างรุนแรง ส่วนคนใต้ร่างก็ไม่ยอมแพ้ร่อนสะโพกผายรับกายแกร่งเป็นจังหวะเดียวกัน สองแขนเรียวยกโอบลำคอหนา สองขาเรียวงามก็เกี่ยวรัดบั้นเอวหนาไว้แน่น ตับ ตับตับ ตับ ชินอ่องกระแทกลำกายแกร่งเข้าออกสุดแรงจนนางแทบจะจมไปกับเตียงอ๋องหนุ่มปลดปล่อยสายธารรักเข้าไปในร่องรักของชายาจนหมดทุกหยาดหยด ชินอ๋องหมดแรงลงนอนกอดชายารักแน่น หอมแก้มนวลดังฟอดใหญ่“ เมียจ๋า เมียรักของพี่ พี่ไม่ยอมให้เจ้าเป็นของผู้อื่นง่ายๆหรอก พี่จะไม่ยอมหย่าให้เจ้า
“ ท่านทำบ้าอะไร เห็นไหมแขกของหม่อมฉันกลับไปแล้ว เขายังไม่ทานอะไรเลย เนื้อย่างนี่ข้าทำให้เขาลองชิมดูเขายังไม่ได้ลองชิมดูสักคำเลย ” ซิ่วอิงหันไปเอ็ดชินอ๋อง “ เปิ่นหวางทำอะไรผิดก็เจ้าเป็นเมียเปิ่นหวาง เมื่อเจ้ามีแขกมาเยี่ยมในตำหนักเปิ่นหวางก็ต้องมาช่วยเจ้ารับแขกก็ถูกต้องแล้ว ส่วนเนื้อย่างแสนอร่อยนี้ เปิ่นหวางเป็นสวามีของเจ้า ปกติแล้วเจ้าก็ทำอาหารมาให้เปิ่นหวางชิมอยู่บ่อยๆ เมื่อแขกกลับไปแล้วเราก็มานั่งทานเนื้อย่างกันสองคนเถอะนะเมียจ๋า ” ชินอ๋องพูดพร้อมกับโอบกอดนางอีกครั้งและก้มใบหน้าหล่อคมของเขาดอมดมและซุกไซร้แถวซอกคอของนางอีกด้วย เหม่ยเอ๋อตาค้างแล้วก็ค่อยๆถอยออกไปจากตรงบริเวณนั้นทันที ซิ่วอิงตีแขนแกร่งเบาๆ “ ท่านอ๋องจะบ้าหรือไง ใครเป็นเมียท่านกัน อย่ามาพูดซี้ซั้วนะ ผู้อื่นได้ยิน เข้าใจผิดเลยเห็นไหม อีกไม่นานเราจะหย่าขาดจากกันแล้ว ท่านก็อดทนรอหน่อยก็แล้วกัน หรือจะแต่งหลิวอี้เฟยเข้ามาเลยก็ได้ หม่อมฉันไม่ได้ว่าอะไรเพราะอีกหน่อยหม่อมฉันก็จะย้ายกลับจวนของท่านพ่อแล้ว ” ชินอ๋องตะลึงค้างนางคิดจะหย่าจากเขาอย่างนั้นหรือ แถมบอกให้เขาแต่งหลิวอี้เฟยเข้ามาอีกด้วย แสดงว่านางคิดจะหย่าจ