เมื่อเหม่ยเอ๋อกลับมาแล้ว ซิ่วอิงให้นางนำเนื้อไปทำความสะอาดและมาแล่เป็นแผ่นขนาดพอดี เพื่อจะนำไปย่าง ส่วนซิ่วอิงก็มาผสมน้ำจิ้มที่แจ่วที่นางเตรียมส่วนผสมไว้แล้ว
ขณะนั้นนางนำมะนาวที่เหลือมาทำเป็นน้ำมะนาวเมื่อทำเสร็จแล้วนำหม้อเคลือบที่ใส่น้ำมะนาวไปแช่ในน้ำเย็น เสียดายที่ไม่มีน้ำแข็ง ถ้ามีอาหารมื้อนี้คงอร่อยเหาะยิ่งกว่านี้
เมื่อเตรียมวัตถุดิบทั้งหมดเสร็จแล้ว ก็ทะยอยนำมันออกไปวางไว้ตรงหน้าเรือนและให้เหม่ยเอ๋อยกเตาถ่านเล็กๆออกจากครัวไปวางไว้หน้าเรือน
ท่านรองแม่ทัพลุกมาดูการตระเตรียมการนั้นอย่างนึกสนุก เขาช่วยก่อไฟในเตาและหยิบถ่านไม้ใส่ลงไปรอจนไฟติดถ่านกระเด็นเป็นสะเก็ดไฟไปรอบ ๆ ทุกคนกระโดดหลบสะเก็ดไฟนั้นและหัวเราะกันสนุกสนาน
จากนั้นเมื่อถ่านติดไฟแดงและไม่มีสะเก็ดไฟออกมาแล้ว ท่านรองแม่ทัพจึงนำเนื้อย่างขึ้นบนตระแกรงเหล็กนั้นจนเต็ม เสียงหัวเราะกันสนุกสนามดังไปถึงสวนหน้าเรือนใหญ่
ชินอ๋องเพิ่งเดินกลับมาจากข้างนอก เอ่ยถามพ่อบ้านว่ามีใครมาที่จวนหรือเปล่าเสียงหัวเราะดังลั่น หนึ่งในเสียงนั้นเขาจำได้ดีว่ามันคือเสียงพระชายาของเขานั่นเอง “ ท่านรองแม่ทัพถังมาเยี่ยมพระชายาขอรับ ” ชินอ๋องเมื่อได้ยินดังนั้น กรามแกร่งขบเข้าหากัน หนอย!! มาเหยียบจมูกกันถึงที่เลยหรือ
แม่เมียตัวดีนั่นก็เหมือนกันคงจะไปให้ความหวังชายอื่นล่ะสิ มันถึงได้กล้าเข้ามาถึงตำหนักนี้ ไม่สนใจว่าหญิงที่มันมาเกี้ยวจะมีผัวแล้ว ถ้าอย่างนั้นเขาต้องแสดงตัวให้มันรู้เสียบ้าง
เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงเดินตรงไปที่เรือนหลังเล็กท้ายตำหนักทันที เมื่อเดินไปถึงหน้าเรือนเห็นเจ้ารองแม่ทัพนั่งกำลังยืนย่างเนื้ออยู่บนเตา และแม่เมียตัวดีของเขาก็ยืนอยู่ข้างกัน
ทั้งสองพูดคุยกระเซ้าเย้าหยอกกันพลางส่งยิ้มให้กันหวานหยด ใบหน้าคมของชินอ๋องบึ้งตึงขึ้นมาทันที จะลองดีกับเขาใช่ไหม
กล้ามาหาเมียเขาถึงในตำหนัก แล้วแม่เมียตัวดีนั่นก็เหมือนกันตัวเองมีผัวแล้วยังจะอยากจะทำตัวเป็นดอกซิ่งแดงยื่นออกไปจากกำแพงอีก เมื่อคิดดังนั้นเขาจึงเดินตรงไปหาทั้งสองทันที เมื่อเดินไปถึงตัวซิ่วอิงแล้วเขาโอบกอดนางจากด้านหลัง
“เมียจ๋า ทำอะไรกินกันไม่บอกผัวล่วงหน้าจะได้รีบกลับมาให้เร็วกว่านี้ ” จากนั้นใบหน้าคมคายก็หอมแก้มนวลนั้นดังฟอด
“อ๊าย ท่านทำบ้าอะไร ” ซิ่วอิงตกใจที่เห็นชินอ๋องทำอะไรแปลกที่เขาไม่เคยทำ ส่วนท่านแม่ทัพก็ยืนตะลึงงันที่เห็นชินอ๋องหอมแก้มซิ่วอิงอย่างรักใคร่ ไหนว่าเขาไม่รักไม่ได้ชอบซิ่วอิงอย่างไรเล่า แล้วนี่อะไรกัน
ระหว่างที่ทุกคนตะลังงันอยู่ ชินอ๋องก็เอ่ยขึ้นว่า “ ไหนวันนี้ทำอะไรให้ผัวกินบ้างจ๊ะ เมื่อก่อนเจ้าทำขนมให้ผัวตั้งหลายอย่างวันนี้จะทำเนื้อย่างทำไมไม่บอกล่วงหน้าเล่า ไหนเหม่ยเอ๋อเอามาลองชิมดูสิว่าวันนี้ฝีมือเมียเปิ่นหวางจะอร่อยเหมือนอย่างเคยหรือไม่ ” เขาออกปากเรียกตัวเองว่าผัวและเรียกซิ่วอิงว่าเมียอย่างไม่กระดากเลยสักนิด ใบหน้าหล่อเหลานั้นยิ้มแย้มอารมณ์ดี เหมือนสิ่งที่เขาทำนี้เป็นปกติธรรมดาอย่างนั้นแหละ
แม้แต่เหม่ยเอ๋อก็อ้าปากหวอที่เห็นท่าทางของชินอ๋องที่แปลกไป เมื่อตั้งสติได้นางรีบยกจานที่มีเนื้อย่างร้อนๆนั้นและถ้วยเล็กใส่น้ำจิ้มพร้อมตะเกียบยื่นให้ชินอ๋อง
เขาคีบเนื้อมาจิ้มน้ำจิ้มนั้นพลางใส่ปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย “ วันนี้ฝีมือเจ้ายังดีเหมือนเคยนะเมียรัก เปิ่นหวางต้องกินข้าวคล่องคอแน่เลยค่ำนี้ แล้วคืนนี้เปิ่นหวางจะนอนกับเจ้าที่นี่นะเมียจ๋า ”
ท่านรองแม่ทัพตาค้างตกตะลึงไป เพราะตั้งตัวไม่ทันกับท่าทางของชินอ๋องนี่มันอะไร ไหนบอกว่าเขาไม่เต็มใจแต่งนางเข้ามา การแสดงออกนี่เรียกว่ายิ่งกว่าเต็มใจเสียด้วยซ้ำ แถมยังบอกว่าคืนนี้จะมานอนด้วยกัน
รองแม่ทัพหนุ่มจึงได้ตัดสินใจเอ่ยขึ้นว่า “ ตอนนี้ก็ค่ำมากแล้ว ข้าขอตัวกลับจวนก่อนนะ มีเรื่องราชการจะปรึกษาท่านพ่อด้วย ” จากนั้นทำความเคารพชินอ๋องและหันหลังเดินออกไปจากเรือนเล็กทันที ด้วยหัวใจที่วูบโหวงลงไปทันทีอย่างหาหลักอันใดมิได้
หลายวันต่อมา ท่านราชครูมาบอกเรื่องจะต้องไปงานเลี้ยงฉลองยศของขุนนางใหม่่ในอีกสามวัน ขุนนางทั้งหมดทั้งใหม่และเก่าต้องไปร่วมฉลองงานนี้กันรวมถึงครอบครัวด้วย ท่านราชครูถามบุตรสาวว่า " เจ้าอยากจะไปเปิดหูเปิดตาในงานเลี้ยงนี้ไหมดูไหม จะได้สดชื่นขึ้น " ซิ่วอิงสนใจทันที " ไปเจ้าค่ะ " นางอยากไปเพราะอยากไปเห็นบรรยากาศงานเลี้ยงในวังหลวง ซิ่วอิงเตรียมตัวที่จะไปงานและออกไปซื้อหาชุดใหม่ที่จะใส่ไปงานเลี้ยงในวังนางรื้อค้นเครื่องประดับที่จะใส่ให้เข้ากับชุดใหม่ เช้าวันงานนางลุกขึ้นอาบน้ำอย่างพิถีพิถันจนเสร็จเรียบร้อย เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดใหม่ที่เตรียมไว้และให้เหม่ยเอ๋อทำผมให้ นางเลือกใช้ปิ่นที่นางซื้อมาใหม่และไม่ต้องใส่เครื่องประดับให้มากจนเกินไปและแต่งหน้าแบบสมัยใหม่ที่นางชำนาญจนเหม่ยเอ๋อตกตะลึงถึงกับเอ่ยว่า " วันนี้คุณหนูของบ่าวงามเหลือเกินเจ้าคะ "เมื่อเสร็จแล้วทั้งสองรีบเดินออกไปหาท่านพ่อที่รออยู่ที่รถม้าหน้าจวน จากนั้นทั้งสองพ่อลูกก็ขึ้นรถม้าเพื่อตรงไปยังงานที่วังหลวงเมื่อไปถึงหน้างานขันทีขานชื่อท่านราชครูและบุตรสาวคืออย่างซิ่วอิ่งมาถึงแล้วจากนั้นทั้งสองเดินตรงเข้าไปในงานสายตาหล
ซิ่วอิงเดินน้ำตาไหลรินผ่านสีหน้าตกใจของพ่อบ้านเกาไปโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ พ่อบ้านเกาไม่รู้จะทำอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ ซิ่วอิงเมื่อเดินไปถึงเรือนหลังเล็กก็บอกให้เหม่ยเอ๋อเก็บข้าวของทั้งหมด และให้ไปตามบ่าวมาช่วยเก็บและให้บ่าวชายช่วยกันขนของทั้งหมดที่เป็นของนางขึ้นรถม้าให้หมด หากรถม้าไม่พอให้ไปนำมาจากจวนของนางเหม่ยเอ๋อก็พอจะรู้เหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นแม้นางจะไม่เห็นภาพนั้นแต่นางได้ยินเสียงนั้นชัดเจนและมองเข้าไปในศาลาก็เห็นลางๆว่าเป็นชินอ๋องกับหลิวอี้เฟย นางจึงไม่กล้าซักถามอะไรพระชายาได้แต่รีบทำตามคำสั่งเท่านั้นเมื่อเก็บข้าวของทุกอย่างเรียบร้อยไม่ให้หลงเหลือสิ่งใดที่เป็นของนางไว้ แล้วก็พากันขนขึ้นรถม้าตรงไปที่จวนท่านราชครูทันที เมื่อไปถึงท่านราชครูตื่นตกใจเมื่อเห็นบุตรสาวขนข้าวของกลับมาเป็นจำนวนมากแสดงว่าคงเก็บมาทั้งหมดแล้วรวมทั้งสินเดิมของเจ้าสาว จึงให้บ่าวขนของไปเก็บทั้งหมดและจูงมือบุตรีไปนั่งในห้องโถงกลาง พลางซักถามเรื่องราว ซิ่วอิงเล่าให้ฟังคร่าวๆ ไม่ได้เล่ารายละเอียดทั้งหมดแต่ท่านราชครูก็พอคาดเดาเหตุการณ์ได้ จึงบอกนางว่าตามใจนางว่าจะทำอย่างไรต่อจะหย่ากับชินอ๋องก็ได้ ท่านจะไปขอร้อ
บ่ายวันรุ่งขี้นหลิวอี้เฟยนำน้ำแกงสมุนไพรมาให้ท่านอ๋องลองชิมอีกนางบอกว่าเป็นสูตรที่ได้มาจากญาติทางฝ่ายมารดาของนาง จึงเพิ่งทดลองทำเป็นครั้งแรกและได้เอามาให้ท่านอ๋องลองชิมท่านอ๋อง ชวนนางไปนั่งที่ศาลากลางบึงบัวเหมือนเดิมทั้งสองคุยกันปกติแต่นางสังเกตว่าครั้งนี้ท่านอ๋องดูรักษาระยะห่างห่างกับนางมากกว่าทุกครั้งและไม่ค่อยพูดคุยหยอกเย้านางเหมือนเดิมและนัยน์ตาของเขาที่เคยกรุ้มกริ่มเวลามองนางนั้นตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นเฉยชาไม่ค่อยมองนาง อย่างพึงใจเช่นทุกครั้งระหว่างที่ท่านอ๋องเผลอนางสลับโถที่นางใช้ใส่น้ำแกงสมุนไพรนั้นเปลี่ยนเป็นอีกอันนึงให้ท่านอ๋องเมื่อท่านอ๋องยกขึ้นดื่มไปได้ซักครู่หนึ่งก็รู้สึกรุ่มร้อนแปลกๆเหงื่อกาฬไหล และรู้สึกว่ามีกำหนัดมากขึ้นผิดปกติ หันไปมองอี้เฟยรู้สึกต้องการนางขึ้นมาอย่างรุนแรงผิดปกติ เมื่อเห็นยาปลุกกำหนัดออกฤทธิ์แล้ว หลิวอี้เฟยลุกขึ้นแล้วลงไปนั่งบนตักของท่านอ๋อง สองมือของนางโน้มศีรษะของท่านอ๋องลงมาประกบจูบปากจิ้มลิ้มของนางทันทีท่านอ๋องตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก ลิ้นเล็กของนางก็สอดเข้าไปในปากของท่านอ๋องไม่ให้ทันได้ตั้งตัวทำให้ชินอ๋องทำอะไรไม่ถูก เหตุด้วยฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดชนิด
บ่ายวันต่อมา ซิ่วอิงรู้สึกเบื่อๆเล็กน้อยและอากาศวันนี้ค่อนข้างร้อนนางจึงเข้าครัวให้เหม่ยเอ๋อนำมะม่วงไปล้างปอกเปลือกให้เรียบร้อยแล้วสอนหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ จากนั้นนางก็ลงมือทำน้ำปลาหวาน โดยใช้ปลาตากแห้งเมื่อวานมาทุบและตำให้ละเอียดนำไปเคี่ยวใส่เกลือและน้ำตาลลงไปเล็กน้อย ทุบพริกที่ซื้อมาเมื่อวานลงไป ชิมรสดูพอกินได้ แก้ขัดเพราะสมัยนี้ไม่มีน้ำปลาวันหลังจะลองทำปลาร้าหมักดูเห็นมีไหที่ใช้ดองผักอยู่ที่ครัวหลักหลายใบ จะขอมาสักสองใบเอามาใช้หมักปลาร้า กลิ่นคงแรงน่าดูขณะนี้คิดก็หัวเราะคิกคักคนเดียว เหม่ยเอ๋อหันมามองพระชายาดูแจ่มใสอารมณ์ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากนางก็พลอยยิ้มมีความสุขไปด้วยเมื่อมะม่วงและน้ำปลาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็ออกไปนั่งหน้าชานเรือนเล็ก นั่งลงกินมะม่วงน้ำปลาหวานกัน ขณะนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งใส่ชุดสีขาวรูปร่างผึ่งผายใบหน้าก็หล่อเหลาปรากฏที่ตรงหน้าซิ่วอิง นางเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเขายิ้มให้นางจึงยิ้มตอบไป" พระชายาทำอะไรกันน่าสนุกนะ ข้ามาเยี่ยมเสด็จพี่จึงเดินเลยชมสวนในตำหนักนี้เห็นสวนที่นี่สวยงามนัก จึงเดินเลยมาถึงเรือนนี้ " ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นยิ้มว่า " หม่อมฉันกับเหม่ยเอ๋อกำลัง
ชินอ๋องชักรูดลำกายแกร่งสองสามครั้งจากนั้นสอดลำกายใหญ่นั้นเข้าไปที่ร่องอวบ ค่อยผลักดันมันเข้าไปจนสุด “อ๊าย อ๊าย อ๊ะ”สะโพกอวบสั่นกระตุกอีกครั้ง จากนั้นเขาค่อยๆขยับโยกลำกายแกร่งเข้าสุดออกสุดช้าๆ ค่อยเร่งความเร็วขึ้น ควงบั้นเอวเป็นวงกลมกดกระแทกตอกเข้าไปแรงขึ้นเรื่อยๆ ตับ ตับ ตับ ตับ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นห้อง ชินอ๋องขย่มคนใต้ร่างจนเตียงสั่นไหว หัวเตียงกระทบผนังดังกึกๆ ทั้งสองร้องครวญครางประสานกันดังลั่นจนออกไปหน้าเรือนนอน เหม่ยเอ๋อที่นั่งอยู่หน้าเรือน ค่อยๆถอยออกไปจากบริเวณนี้ ใบหน้าแดงก่ำ “อ๊าย อ๊ะ อ๊ะ ท่านอ๋องแรงขึ้นอีกเพคะ อ๊าย อ๊าก อ๊าก” ร่างหนาขย่มโยกร่างอวบอย่างรุนแรง ส่วนคนใต้ร่างก็ไม่ยอมแพ้ร่อนสะโพกผายรับกายแกร่งเป็นจังหวะเดียวกัน สองแขนเรียวยกโอบลำคอหนา สองขาเรียวงามก็เกี่ยวรัดบั้นเอวหนาไว้แน่น ตับ ตับตับ ตับ ชินอ่องกระแทกลำกายแกร่งเข้าออกสุดแรงจนนางแทบจะจมไปกับเตียงอ๋องหนุ่มปลดปล่อยสายธารรักเข้าไปในร่องรักของชายาจนหมดทุกหยาดหยด ชินอ๋องหมดแรงลงนอนกอดชายารักแน่น หอมแก้มนวลดังฟอดใหญ่“ เมียจ๋า เมียรักของพี่ พี่ไม่ยอมให้เจ้าเป็นของผู้อื่นง่ายๆหรอก พี่จะไม่ยอมหย่าให้เจ้า
“ ท่านทำบ้าอะไร เห็นไหมแขกของหม่อมฉันกลับไปแล้ว เขายังไม่ทานอะไรเลย เนื้อย่างนี่ข้าทำให้เขาลองชิมดูเขายังไม่ได้ลองชิมดูสักคำเลย ” ซิ่วอิงหันไปเอ็ดชินอ๋อง “ เปิ่นหวางทำอะไรผิดก็เจ้าเป็นเมียเปิ่นหวาง เมื่อเจ้ามีแขกมาเยี่ยมในตำหนักเปิ่นหวางก็ต้องมาช่วยเจ้ารับแขกก็ถูกต้องแล้ว ส่วนเนื้อย่างแสนอร่อยนี้ เปิ่นหวางเป็นสวามีของเจ้า ปกติแล้วเจ้าก็ทำอาหารมาให้เปิ่นหวางชิมอยู่บ่อยๆ เมื่อแขกกลับไปแล้วเราก็มานั่งทานเนื้อย่างกันสองคนเถอะนะเมียจ๋า ” ชินอ๋องพูดพร้อมกับโอบกอดนางอีกครั้งและก้มใบหน้าหล่อคมของเขาดอมดมและซุกไซร้แถวซอกคอของนางอีกด้วย เหม่ยเอ๋อตาค้างแล้วก็ค่อยๆถอยออกไปจากตรงบริเวณนั้นทันที ซิ่วอิงตีแขนแกร่งเบาๆ “ ท่านอ๋องจะบ้าหรือไง ใครเป็นเมียท่านกัน อย่ามาพูดซี้ซั้วนะ ผู้อื่นได้ยิน เข้าใจผิดเลยเห็นไหม อีกไม่นานเราจะหย่าขาดจากกันแล้ว ท่านก็อดทนรอหน่อยก็แล้วกัน หรือจะแต่งหลิวอี้เฟยเข้ามาเลยก็ได้ หม่อมฉันไม่ได้ว่าอะไรเพราะอีกหน่อยหม่อมฉันก็จะย้ายกลับจวนของท่านพ่อแล้ว ” ชินอ๋องตะลึงค้างนางคิดจะหย่าจากเขาอย่างนั้นหรือ แถมบอกให้เขาแต่งหลิวอี้เฟยเข้ามาอีกด้วย แสดงว่านางคิดจะหย่าจ