หลังจากนั่งร้องไห้ได้สักพักนางรู้สึกไม่สบายใจจึงออกไปเดินเล่นที่ถนนหน้าจวนของนางเดินไปเรื่อยๆนางไม่ให้บ่าวตามไปนางอยากคิดอะไรคนเดียว เดินไปสักพักฝนก็ตกลงพรำๆ
แต่นางก็ไม่ได้สนใจปล่อยให้ตัวเองเปียกปอนอย่างนั้นแล้วเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมาย นางเดินจนถึงทางออกจากเมืองเดินเลยไปถึงป่าเมาะที่เป็นเส้นทางออกนอกเมือง ขณะนั้นรอบข้างของนางเริ่มมืดมิดแล้ว นางก็ไม่รับรู้เพียงเดินต่อไปเท่านั้น
สักพักเสียงม้าวิ่งตรงมาข้างหน้านาง อี้เฟยได้ยินเสียงแต่ก็ไม่ได้หลบทางให้ม้า ยังคงเดินอย่างไม่รู้สติต่อไป รองแม่ทัพถึงเห็นสตรีเดินท่ามกลางสายฝนจนเสื้อผ้าเปียกปอน ผมแนบลู่ติดศีรษะ เขาเพ่งมองไปให้เห็นชัดๆ นั่นคือหลิวอี้เฟยนี่นา
นางเป็นอะไรกันทำไมถึงเดินอย่างไม่รู้สติเช่นนั้น เขาบังคับม้าให้หยุดวิ่งตรงหน้านาง และจูงม้าไปผูกไว้ที่ต้นไม้ข้างทาง เดินกลับมาเพื่อไถ่ถามว่านางจะไปที่ใด นางไม่สนใจเขายังเดินต่อไป เขาจึงตรงไปตบหน้านางจนหน้าหัน
นางถึงได้สติหันมามองเขา แล้วร้องไห้ออกมา รองแม่ทัพถังโอบกอดนางไว้ เขาสงสารที่นางเป็นแบบนี้ทั้งๆที่เดิมนางเป็นสตรีอับดับหนึ่งของเมืองเป็นที่หมายปองของบุรุษมากมาย แต่เพราะความรักทำให้นางตาบอดทำผิดพลาดไปจนเป็นที่อับอายเช่นนี้ นางคงเสียใจมากเขากอดนางไว้
นางกอดตอบเขาร้องไห้จนตัวสั่น เขาพานางเข้าไปนั่งริมทางลึกเข้าไปเพราะกลัวคนผ่านมาเห็นนางจะเสื่อมเสียมากกว่าเดิม เมื่อนั่งลงข้างกันใต้ต้นไม้ใหญ่เพื่อหลบละอองฝน เขาจับไหล่นางให้หันมามองเขา
“ ข้าไม่ดีตรงไหน ไม่สวยอย่างนั้นหรือ ทำไมไม่มีใครต้องการข้า ฮือๆๆ ” นางคร่ำครวญออกมาและเริ่มจะร้องไห้อีก เขาตัดสินใจประกบจูบนางสอดลิ้นสากเข้าไปในปากของนางเกี่ยวพันลิ้นเล็กจนนางยอมจูบตอบเขาทั้งสองจูบกันดูดดื่มจนลืมบรรยากาศรอบๆข้าง
จากนั้นเขาไล้เลียไปตามแก้มนวลปลั่งนั้น ไล้เลียใบหูเล็กของนาง มือหนาแหวกสาปเสื้อที่เปียกปอนของนางออกจากหลุดจากไหล่มน และก้มลงเลี้ยไล้ยอดอกสีน้ำตาลของนางจนแข็งเป็นไต นางครวญครางเบาๆ
มือบางกดศีรษะของรองแม่ทัพถังจนชิดอกอวบ เขาดูดดึงยอดอกของนางจนแก้มตอบ อ้าปากกลืนกินอกอวบเข้าไปเกือบทั้งเต้าแล้วปล่อยออก จากนั้นก็ก้มลงดูดดึงจนนางสั่นระริกครวญครางด้วยความเสียวซ่าน
มือหนากอบกุมเนินอวบด้านล่างจากนั้นนิ้วร้ายสอดเข้าไปในร่องอวบจนสุดปลายนิ้วและขยับเข้าออกเป็นจังหวะกระชั้นจนสะโพกอวบกระตุกเกร็งเสร็จสม
จากนั้นเขาสาวลำกายสองสามครั้ง แล้วสอดมันเข้าไปในร่องอวบนั้นจนมิดด้าม จากนั้นขยับโยกเข้าสุดออกสุด ร่างอวบครางกระเส่า ร่างหนาเร่งขยับโยกขย่มนางแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ทั้งสองครวญครางผสานกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อดัง ตับ ตับ ตับ ตับ จนทั้งสองกระตุกเกร็งเสร็จสมพร้อมกันๆ ร่างหนาปลดปล่อยสายธารรักเข้าไปในร่องอวบจนหมด เขาลงนอนกอดรัดนางไว้แน่น
“ เจ้าสวยงามที่สุดแล้ว ข้าต้องการเจ้านะ ข้าจะส่งคนไปทาบทามเจ้าให้เร็วที่สุด เราจะแต่งงานกันนะ เมียของข้า” เขายกศีรษะขึ้นหอมแก้มนางเบาๆ หลิวอี้เฟยหันไปมองใบหน้าคมสันที่เพิ่งจะเป็นสามีหมาดๆ นางยกมือขึ้นลูบใบหน้าเขา น้ำตานางไหลริน “ ท่านต้องการข้าใช่ไหม รักข้าใช่ไหม”
ใบหน้าคมคายพยักหน้ารับ หอมแก้มนวลอีกฟอดใหญ่ นางซุกตัวกับอกของเขา พลางยกมือเช็ดน้ำตาของนาง แม้คนอื่นจะไม่ต้องการนาง แต่ชายคนนี้เป็นของนางแล้ว นางโอบกอดเขาแน่น
“ ท่านอย่าหลอกข้านะ ” ร่างหนายกศีรษะขึ้นมองสบตานางชัดๆ “ ข้าจะเป็นสามีที่ดีของเจ้า อย่าห่วงเลย เตรียมตัวแต่งงานเถิดนะ อย่าสนใจเรื่องของคนอื่นอีกเลย ” พูดจบเข้ากอดร่างบางเอาไว้กับอกของเขา
เมื่อเสร็จจากภาระกิจในวังชินอ๋องตรงกลับตำหนักทันทีเขารีบตรงไปที่ห้องนอนของเขาที่ขังพระชายาของตนเองไว้เปิดประตูเข้าไปนางนอนหลับอยู่บนเตียงของเขาเขาจึงรีบไปอาบน้ำชำระกายใส่เสื้อคลุมกายแล้วเดินตรงไปหานางเขาขึ้นไปคร่อมนางบนเตียงพรมจูบไปบนใบหน้าหวานนั้นจนพอใจ จึงถอดชุดของนางและแกะเครื่องประดับของนางออกจนหมดเมื่อเห็นอกอวบขาวที่เขาฝันถึงมาหลายคืนนั้นแล้ว ก็อ้าปากดูดดึงผลอิงเถาทีละข้างจนร่างอวบร้องครางเบาๆ ร่างนางสั่นระริกแม้นอนหลับอยู่ก็ดิ้นกระสับกระส่ายไปมาด้วยความเสียวซ่าน เมื่อดูดดื่มอกอวบจนพอใจแล้วนั้นก็ไล้เลียเมียรักไปทั้งร่างเขาคิดถึงนางมากเหลือเกิน เมื่อไล้เลียลงไปจนถึงเนินอวบ มือหนาแหวกออกจนเห็นกลางร่องอวบชัดเจน เข้าไล้เลียไปมาและดูดดึงเมล็ดดอกไม้นั้นอย่างแรงจนมันบวมเป่ง สะโพกผ่านแอ่นขึ้นตามใบหน้าคม “ อ๊าย อ๊าย อ๊ะ ท่านอ๋อง อย่านะ ” ท่านอ๋องเงยหน้ามองชายาเห็นนางตื่นแล้วกำลังดินรนหนีเขา “ ตื่นแล้วหรือเมียรัก ผัวกำลังปรนเปรอเจ้าอยู่นะ อยู่นิ่งๆนะ ” ว่าแล้วก็ก้มลงดูดดึงเมล็ดดอกไม้นั้นต่อ สะโพกผายร่อนไปมาอย่างร่านร้อน จนกระตุกเกร็งเสร็จสมไปทันที ร่างหน้าลุกขึ้นถอดเสื้อคลุมกายออก
หลังจากนั่งร้องไห้ได้สักพักนางรู้สึกไม่สบายใจจึงออกไปเดินเล่นที่ถนนหน้าจวนของนางเดินไปเรื่อยๆนางไม่ให้บ่าวตามไปนางอยากคิดอะไรคนเดียว เดินไปสักพักฝนก็ตกลงพรำๆแต่นางก็ไม่ได้สนใจปล่อยให้ตัวเองเปียกปอนอย่างนั้นแล้วเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมาย นางเดินจนถึงทางออกจากเมืองเดินเลยไปถึงป่าเมาะที่เป็นเส้นทางออกนอกเมือง ขณะนั้นรอบข้างของนางเริ่มมืดมิดแล้ว นางก็ไม่รับรู้เพียงเดินต่อไปเท่านั้น สักพักเสียงม้าวิ่งตรงมาข้างหน้านาง อี้เฟยได้ยินเสียงแต่ก็ไม่ได้หลบทางให้ม้า ยังคงเดินอย่างไม่รู้สติต่อไป รองแม่ทัพถึงเห็นสตรีเดินท่ามกลางสายฝนจนเสื้อผ้าเปียกปอน ผมแนบลู่ติดศีรษะ เขาเพ่งมองไปให้เห็นชัดๆ นั่นคือหลิวอี้เฟยนี่นานางเป็นอะไรกันทำไมถึงเดินอย่างไม่รู้สติเช่นนั้น เขาบังคับม้าให้หยุดวิ่งตรงหน้านาง และจูงม้าไปผูกไว้ที่ต้นไม้ข้างทาง เดินกลับมาเพื่อไถ่ถามว่านางจะไปที่ใด นางไม่สนใจเขายังเดินต่อไป เขาจึงตรงไปตบหน้านางจนหน้าหันนางถึงได้สติหันมามองเขา แล้วร้องไห้ออกมา รองแม่ทัพถังโอบกอดนางไว้ เขาสงสารที่นางเป็นแบบนี้ทั้งๆที่เดิมนางเป็นสตรีอับดับหนึ่งของเมืองเป็นที่หมายปองของบุรุษมากมาย แต่เพราะความรักทำ
เสนาบดีหลิวถือโอกาสที่ฮ่องเต้และเหล่าอ๋องและองค์ชายทั้งหลายอยู่พร้อมหน้ากัน เดินออกไปเบื้องหน้าพระพักตร์เอ่ยขึ้นว่า" กระหม่อมขอใช้ตำแหน่งเสนาบดีฝ่ายซ้ายที่ทำงานรับใช้ฝ่าบาทมาหลายสิบปี ขอพระองค์เมตตาประทานอนุญาติให้ชินอ๋องรับบุตรีของกระหม่อมเป็นพระชายารองด้วย เพราะนางได้ตกเป็นของชินอ๋องแล้ว นางจะไม่สามารถแต่งให้ใครได้อีกพะยะค่ะ “ชินอ๋องตกตะลึงที่เสนาบดีหลิวกล้าใช้ฝ่าบาทมาบีบบังคับเขา ตอนนี้เขาคงไม่ยอมให้ใครมาบีบบังคับเขาอีกแล้ว จะมีเมียขอเป็นคนเลือกเองบ้าง จึงลุกขึ้นตอบโต้ท่านเสนาบดีหลิวว่า“ หากเปิ่นหวางได้เสียกับนางเพราะเต็มใจ เปิ่นหวางจะไม่ขัดท่านเลยจะรับนางเข้ามาเป็นชายารองเองโดยที่ไม่ต้องให้ท่านร้องขอ แต่นี่นางวางยาปลุกกำหนัดเปิ่นหวางทำให้ต้องทำเรื่องน่าอับอายนั่นต่อหน้าบ่าวไพร่ในจวนจนเกิดเรื่องเล่าลือไปทั่วทำให้เป็นที่น่าขายหน้าต่อศักดิ์ศรีของราชวงศ์ ตอนนี้พระชายาก็หนีกลับไปที่จวนท่านราชครูเพราะเรื่องนี้ ยังจะต้องตามไปง้องอนนางไม่รู้นางจะหายโกรธเปิ่นหวางหรือไม่ เรื่องนี้ทำให้เปิ่นหวางเสื่อมเสียอับอายมาก จึงไม่สามารถรับนางเข้ามาเป็นพระชายารองได้ หากนางไม่ได้ทำเรื่องอ
หลายวันต่อมา ท่านราชครูมาบอกเรื่องจะต้องไปงานเลี้ยงฉลองยศของขุนนางใหม่่ในอีกสามวัน ขุนนางทั้งหมดทั้งใหม่และเก่าต้องไปร่วมฉลองงานนี้กันรวมถึงครอบครัวด้วย ท่านราชครูถามบุตรสาวว่า " เจ้าอยากจะไปเปิดหูเปิดตาในงานเลี้ยงนี้ไหมดูไหม จะได้สดชื่นขึ้น " ซิ่วอิงสนใจทันที " ไปเจ้าค่ะ " นางอยากไปเพราะอยากไปเห็นบรรยากาศงานเลี้ยงในวังหลวง ซิ่วอิงเตรียมตัวที่จะไปงานและออกไปซื้อหาชุดใหม่ที่จะใส่ไปงานเลี้ยงในวังนางรื้อค้นเครื่องประดับที่จะใส่ให้เข้ากับชุดใหม่ เช้าวันงานนางลุกขึ้นอาบน้ำอย่างพิถีพิถันจนเสร็จเรียบร้อย เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดใหม่ที่เตรียมไว้และให้เหม่ยเอ๋อทำผมให้ นางเลือกใช้ปิ่นที่นางซื้อมาใหม่และไม่ต้องใส่เครื่องประดับให้มากจนเกินไปและแต่งหน้าแบบสมัยใหม่ที่นางชำนาญจนเหม่ยเอ๋อตกตะลึงถึงกับเอ่ยว่า " วันนี้คุณหนูของบ่าวงามเหลือเกินเจ้าคะ "เมื่อเสร็จแล้วทั้งสองรีบเดินออกไปหาท่านพ่อที่รออยู่ที่รถม้าหน้าจวน จากนั้นทั้งสองพ่อลูกก็ขึ้นรถม้าเพื่อตรงไปยังงานที่วังหลวงเมื่อไปถึงหน้างานขันทีขานชื่อท่านราชครูและบุตรสาวคืออย่างซิ่วอิ่งมาถึงแล้วจากนั้นทั้งสองเดินตรงเข้าไปในงานสายตาหล
ซิ่วอิงเดินน้ำตาไหลรินผ่านสีหน้าตกใจของพ่อบ้านเกาไปโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ พ่อบ้านเกาไม่รู้จะทำอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ ซิ่วอิงเมื่อเดินไปถึงเรือนหลังเล็กก็บอกให้เหม่ยเอ๋อเก็บข้าวของทั้งหมด และให้ไปตามบ่าวมาช่วยเก็บและให้บ่าวชายช่วยกันขนของทั้งหมดที่เป็นของนางขึ้นรถม้าให้หมด หากรถม้าไม่พอให้ไปนำมาจากจวนของนางเหม่ยเอ๋อก็พอจะรู้เหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นแม้นางจะไม่เห็นภาพนั้นแต่นางได้ยินเสียงนั้นชัดเจนและมองเข้าไปในศาลาก็เห็นลางๆว่าเป็นชินอ๋องกับหลิวอี้เฟย นางจึงไม่กล้าซักถามอะไรพระชายาได้แต่รีบทำตามคำสั่งเท่านั้นเมื่อเก็บข้าวของทุกอย่างเรียบร้อยไม่ให้หลงเหลือสิ่งใดที่เป็นของนางไว้ แล้วก็พากันขนขึ้นรถม้าตรงไปที่จวนท่านราชครูทันที เมื่อไปถึงท่านราชครูตื่นตกใจเมื่อเห็นบุตรสาวขนข้าวของกลับมาเป็นจำนวนมากแสดงว่าคงเก็บมาทั้งหมดแล้วรวมทั้งสินเดิมของเจ้าสาว จึงให้บ่าวขนของไปเก็บทั้งหมดและจูงมือบุตรีไปนั่งในห้องโถงกลาง พลางซักถามเรื่องราว ซิ่วอิงเล่าให้ฟังคร่าวๆ ไม่ได้เล่ารายละเอียดทั้งหมดแต่ท่านราชครูก็พอคาดเดาเหตุการณ์ได้ จึงบอกนางว่าตามใจนางว่าจะทำอย่างไรต่อจะหย่ากับชินอ๋องก็ได้ ท่านจะไปขอร้อ
บ่ายวันรุ่งขี้นหลิวอี้เฟยนำน้ำแกงสมุนไพรมาให้ท่านอ๋องลองชิมอีกนางบอกว่าเป็นสูตรที่ได้มาจากญาติทางฝ่ายมารดาของนาง จึงเพิ่งทดลองทำเป็นครั้งแรกและได้เอามาให้ท่านอ๋องลองชิมท่านอ๋อง ชวนนางไปนั่งที่ศาลากลางบึงบัวเหมือนเดิมทั้งสองคุยกันปกติแต่นางสังเกตว่าครั้งนี้ท่านอ๋องดูรักษาระยะห่างห่างกับนางมากกว่าทุกครั้งและไม่ค่อยพูดคุยหยอกเย้านางเหมือนเดิมและนัยน์ตาของเขาที่เคยกรุ้มกริ่มเวลามองนางนั้นตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นเฉยชาไม่ค่อยมองนาง อย่างพึงใจเช่นทุกครั้งระหว่างที่ท่านอ๋องเผลอนางสลับโถที่นางใช้ใส่น้ำแกงสมุนไพรนั้นเปลี่ยนเป็นอีกอันนึงให้ท่านอ๋องเมื่อท่านอ๋องยกขึ้นดื่มไปได้ซักครู่หนึ่งก็รู้สึกรุ่มร้อนแปลกๆเหงื่อกาฬไหล และรู้สึกว่ามีกำหนัดมากขึ้นผิดปกติ หันไปมองอี้เฟยรู้สึกต้องการนางขึ้นมาอย่างรุนแรงผิดปกติ เมื่อเห็นยาปลุกกำหนัดออกฤทธิ์แล้ว หลิวอี้เฟยลุกขึ้นแล้วลงไปนั่งบนตักของท่านอ๋อง สองมือของนางโน้มศีรษะของท่านอ๋องลงมาประกบจูบปากจิ้มลิ้มของนางทันทีท่านอ๋องตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก ลิ้นเล็กของนางก็สอดเข้าไปในปากของท่านอ๋องไม่ให้ทันได้ตั้งตัวทำให้ชินอ๋องทำอะไรไม่ถูก เหตุด้วยฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดชนิด