ซิ่วอิงเดินสำรวจดูเรือนเล็กท้ายจวนหลังที่นางต้องมาอยู่นี้ มันก็ไม่ได้แย่จนเกินไป หากทำความสะอาดเสียหน่อย น่าจะพออยู่ได้ เรือนนี้มีห้องว่างสองห้อง มีโถงกลางหนึ่งห้อง เปิดหน้าต่างบานยาวได้สองข้างของตัวเรือน
มองไปด้านขวามือมีบึงบัวขนาดไม่ใหญ่มากมีบัวสีชมพูสลับขาวบานเต็มบึง มีนกกระยางหาจับปลาอยู่หลายตัว เมื่อเปิดหน้าต่างทุกบานแล้วมีลมโชยเข้ามาเย็นสดชื่นเพราะเรือนอยู่ริมน้ำ
นางสั่งให้เหม่ยเอ๋อไปตามบ่าวชายมาช่วยขนสินเดิมของนางและข้าวของที่ขนมาจากจวนท่านราชครูแล้วแต่ยังไม่มีใครเดินกลับมา ระหว่างรอนางเดินไปนั่งที่ริมเตียงที่ยังไม่ได้ปูฟูกอะไรเลย เพียงเช็ดทำความสะอาดฝุ่นให้พอนั่งได้
นางยังเดินกระเผลกอยู่เลยเพราะยังเจ็บที่กลางกายมาก ชินอ๋องไม่ได้ถนอมนางเลย เขาเหมือนคนคลั่งไปแล้ว สาดความใคร่ใส่นาง
ดังเช่นหญิงคณิกาที่เขาซื้อหามาบำเรอ ไม่ได้ถนอมนางเช่นพระชายาของเขาเลย นางครุ่นคิดมาถึงตรงนี้น้ำตานางไหลออกมาเป็นทางโดยไม่รู้ตัว นางรู้ว่าสิ่งที่นางทำมันไม่ถูกต้อง แต่นางรักชินอ๋องเหลือเกิน หากว่าเขาไปตบแต่งกับผู้อื่นนางคงจะเจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก
แต่เมื่อมาถึงตอนนี้นางใคร่ครวญดูแล้ว มีเสี้ยวหนึ่งในความคิดของนางคล้ายลังแลไม่แน่ใจว่าระหว่างสิ่งที่นางทำลงไปนี้ กับเสียชินอ๋องไปให้ผู้อื่นนั้น สิ่งไหนจะทำให้นางเจ็บปวดมากกว่ากัน นางทอดถอนใจเอนหลังพิงหัวเตียงนั้นอย่างอ่อนแรง
เหม่ยเอ๋อเดินเข้ามาในเรือนเล็กบ่าวขนของมาทั้งหมดแล้วเจ้าค่ะ จะให้นำไปเก็บที่ไหนดี ซิ่วอิงเงยหน้าขึ้น “สินเดิมที่เป็นของมีค่าเอามาเก็บไว้ใต้เตียงนี้ กับด้านหลังตู้ตรงนั้น ส่วนพวกของใช้ก็เอาวางไว้ที่ห้องโถง พวกเครื่องครัวอาหารแห้งต่างๆนำไปเก็บไว้ในครัว ” นางชี้มือบอกเหม่ยเอ๋อ แล้วก็นั่งลงครุ่นคิดเรื่องเดิมอีกครั้ง อย่างน้อยเรือนนี้ครัวเล็กๆอยู่จะได้ทำอาหารเองได้ไม่ต้องคอยไปพึ่งพาครัวของเรือนใหญ่
ตอนนี้นางถอยไม่ได้อีกแล้วเมื่อขอสมรสพระราชทานจะหย่าก็ไม่ได้ จำต้องทนอยู่ที่นี่ จึงต้องทำให้พออยู่กันได้ สินเดิมนางมีมากมาย เอาทะยอยมาใช้บ้างก็ได้โดยไม่ต้องไปขอพึ่งพาชินอ๋อง แต่นางจำต้องพยายามทำดีกับเขาไว้ ลองเอาใจเข้าสักหน่อยเขาอาจจะพอมองเห็นความรักของนางบ้าง
เมื่อครุ่นคิดมาถึงตรงนี้ นางก็มีกำลังใจขึ้น ลองพยายามดูปกตินางไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกับเขานักหากนางพยายามมากขึ้นอีกสักหน่อยทุกอย่างอาจจะดีขึ้นก็ได้
วันต่อมาซิ่วอิงทำขนมเสร็จแล้วจึงเดินไปหาที่อ๋องที่ห้องหนังสือ นางเคาะประตูแล้วบอกเขาว่านางเอาขนมที่ทำเองมาให้เขาลองชิม ข้างในห้องเงียบไปพักหนึ่งก่อนเขาจะตอบกลับมาว่า “ข้าไม่หิว ยังไม่อยากกินอะไร เจ้าเอากลับไปกินเอง แล้วอย่ามาเสนอหน้าให้ข้าเห็นอีก “
เมื่อเขาพูดตัดรอนถึงขนาดนั้น นางก็ไม่กล้าผลักประตูห้องหนังสือเข้าไปเพื่อไปอ้อนวอนให้เข้าลองชิมขนมที่นางตั้งใจทำเพื่อเขา เหม่ยเอ๋อเฝ้ามองใบหน้าที่เศร้าลงทันตาของคุณหนูเมื่อท่านอ๋องปฏิเสธขนมที่นางตั้งใจทำมาให้
นางยื่นจานขนมนั้นให้เหม่ยเอ๋อ ” เจ้าเอาไปกินเถิดหากไม่กินยกให้ใครไปก็ได้ ” จากนั้นซิ่วอิงก็เดินหงอยกลับไปตามทางเดิม
อีกวันนางก็พยายามทำเหมือนเดิมอีกโดยการทำอาหารมาให้ท่านอ๋อง เขาเพียงปรายตามมองจานอาหารนั้นและบอกให้บ่าวเอาไปเททิ้ง ซิ่วอิงยืนอึ้งงันไป “ข้าอุตส่าห์ตื่นแต่เช้าไปตลาดเพื่อสรรหาของดีๆมาทำให้ท่านลองชิมดูนะ จะเอาไปเททิ้งง่ายๆอย่างนั้นได้อย่างไร ”
ชินอ๋องหันมองนาง “สิ่งที่สำคัญสำหรับเจ้า มันไม่ได้สำคัญสำหรับข้า เจ้าเข้าใจหรือไม่” จบแล้วเขาก็เดินจากไป ทิ้งนางอึ้งงันอยู่ตรงนั้น พร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินลงมาช้า ๆ
สายๆวันต่อมาหลิวอี้เฟยทำขนมมาให้ชินอ๋องลองชิมอีก ทั้งสองพากันไปนั่งที่ศาลากลางบึงบัว เมื่อนั่งลงบ่าวรับใช้เอาน้ำชามาวางให้แล้วกลับออกไป ท่านอ๋องเอ่ยถามบ่าวนั้นขึ้นว่า " พระชายาอยู่ที่เรือนเล็กหรือไม่" บ่าวชายนั้นตอบว่า " พระชายาเดินเล่นที่หน้าเรือนเล็กขอรับ " ท่านอ๋องพยักหน้าให้เป็นเชิงว่าให้บ่าวไปได้ เขายิ้มกริ่มในใจอีกสักพักนางจะต้องเดินมาทางนี้แน่นอนแล้วจะเห็นว่าเขากำลังนั่งอยู่กับหลิวอี้เฟยจะดูสิว่าคราวนี้นางจะทำอย่างไร เวลาผ่านไปสักพักใหญ่นางเดินลัดเลาะมากับเหม่ยเอ๋อสาวใช้ของนางเขาเห็นนางตั้งแต่เดินลัดเลาะมาจากทางเรือนเล็กแล้ว แต่เมื่อมาถึงเส้นทางที่ผ่านหน้าศาลากลางสระนางกลับไม่หันมามองสักนิด แม้เขาจะแกล้งหัวเราะเสียงดังเพื่อเรียกความสนใจของนาง แต่นางกลับเดินผ่านไปเหมือนไม่เห็นเขากับหลิวอี้เฟยเช่นนั้นแล้วนางก็เดินออกประตูจวนไป โดยที่เขาไม่รู้ว่านางไปไหนกับใคร เขาเพิ่งจะนึกออกว่าเขาเป็นสวามีทำไมไม่รู้เวลานางไปไหนมาไหนทำไมไม่เคยบอกเขาเลยสักครั้ง อย่างนี้เวลานางออกไปพบบุรุษอื่นเขาจะทำอย่างไร ยิ่งมานึกถึงเจ้าแม่ทัพนั่นก็ดูแววตาน่าจะชอบพอนางอยู่ด้วยเขาไม่คิดว่าสองคนนั้นจะเป็น
บ่ายวันต่อมา ซิ่วอิงรู้สึกเบื่อๆเล็กน้อยและอากาศวันนี้ค่อนข้างร้อนนางจึงเข้าครัวให้เหม่ยเอ๋อนำมะม่วงไปล้างปอกเปลือกให้เรียบร้อยแล้วสอนหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ จากนั้นนางก็ลงมือทำน้ำปลาหวาน โดยใช้ปลาตากแห้งเมื่อวานมาทุบและตำให้ละเอียดนำไปเคี่ยวใส่เกลือและน้ำตาลลงไปเล็กน้อยทุบพริกที่ซื้อมาเมื่อวานลงไป ชิมรสดูพอกินได้ แก้ขัดเพราะสมัยนี้ไม่มีน้ำปลา วันหลังจะลองทำปลาร้าหมักดูเห็นมีไหที่ใช้ดองผักอยู่ที่ครัวหลักหลายใบ จะขอมาสักสองใบเอามาใช้หมักปลาร้า กลิ่นคงแรงน่าดูขณะนี้คิดก็หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว เหม่ยเอ๋อหันมามองพระชายาดูแจ่มใสอารมณ์ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก นางก็พลอยยิ้มมีความสุขไปด้วยเมื่อมะม่วงและน้ำปลาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็ออกไปนั่งหน้าชานเรือนเล็ก นั่งลงกินมะม่วงน้ำปลาหวานกัน ขณะนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งใส่ชุดสีขาวรูปร่างผึ่งผายใบหน้าก็หล่อเหลาปรากฏที่ตรงหน้าซิ่วอิงนางเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเขายิ้มให้นางจึงยิ้มตอบไป " พระชายาทำอะไรกันน่าสนุกนะ ข้ามาเยี่ยมเสด็จพี่จึงเดินเลยชมสวนในตำหนักนี้เห็นสวนสวยงาม จึงเดินเลยมาถึงเรือนนี้ " ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นยิ้มว่า " หม่อมฉันกับเหม่ยเอ๋อกำลังจะกินมะม่
บ่ายวันต่อมา ซิ่วอิงรู้สึกเบื่อๆเล็กน้อยและอากาศวันนี้ค่อนข้างร้อนนางจึงเข้าครัวให้เหม่ยเอ๋อนำมะม่วงไปล้างปอกเปลือกให้เรียบร้อยแล้วสอนหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ จากนั้นนางก็ลงมือทำน้ำปลาหวาน โดยใช้ปลาตากแห้งเมื่อวานมาทุบและตำให้ละเอียดนำไปเคี่ยวใส่เกลือและน้ำตาลลงไปเล็กน้อย ทุบพริกที่ซื้อมาเมื่อวานลงไป ชิมรสดูพอกินได้ แก้ขัดเพราะสมัยนี้ไม่มีน้ำปลาวันหลังจะลองทำปลาร้าหมักดูเห็นมีไหที่ใช้ดองผักอยู่ที่ครัวหลักหลายใบ จะขอมาสักสองใบเอามาใช้หมักปลาร้า กลิ่นคงแรงน่าดู ขณะนี้คิดก็หัวเราะคิกคักคนเดียว เหม่ยเอ๋อหันมามองพระชายาดูแจ่มใสอารมณ์ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากนางก็พลอยยิ้มมีความสุขไปด้วยเมื่อมะม่วงและน้ำปลาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็ออกไปนั่งหน้าชานเรือนเล็ก นั่งลงกินมะม่วงน้ำปลาหวานกัน ขณะนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งใส่ชุดสีขาวรูปร่างผึ่งผายใบหน้าก็หล่อเหลาปรากฏที่ตรงหน้าซิ่วอิง นางเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเขายิ้มให้นางจึงยิ้มตอบไป" พระชายาทำอะไรกันน่าสนุกนะ ข้ามาเยี่ยมเสด็จพี่จึงเดินเลยชมสวนในตำหนักนี้เห็นสวนสวยงาม จึงเดินเลยมาถึงเรือนนี้ " ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นยิ้มว่า " หม่อมฉันกับเหม่ยเอ๋อกำลังจะกินมะม่วงน้ำป
ซิ่วอิงคนใหม่ ยิ้มให้เขาพลางพิศดูใบหน้าหนุ่มหล่อล่ำตรงหน้า เขามีใบหน้าคมคาย ผิวคร้ามแดด หุ่นล่ำสันท่าทางองอาจ คาดว่าทรงนี้กล้ามต้องแน่นแน่นอน ซิคแพ็คหกลูกแน่ๆ เปกเลย แต่นางก็เก็บอาการกระดี้กระด้าไว้ " ไม่ได้พบกันเสียนานข้าจำแทบไม่ได้นะ " นางกล่าวยิ้มๆ จากนั้นรองแม่ทัพถังก็ชวนนางไปทานอาหารที่ภัตตาคารที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้ นางจึงเดินตามเขาไปพร้อมเหม่ยเอ๋อ เมื่อเดินไปถึงหน้าภัตตาคารทั้งสามขึ้นไปบนชั้นสองและเดินผ่านโต๊ะหลายโต๊ะไปจนถึงโต๊ะริมระเบียงติดถนนที่ผ่านตลาด ซิ่วอิงบอกว่านางอยากชมบรรยากาศในตลาดไปด้วยระหว่างทานอาหารกันทั้งสามนั่งลงเลือกอาหารที่ขึ้นชื่อมาหลายอย่าง รองแม่ทัพถังชี้ชวนนางให้เลือกอาหารที่นางชอบ เมื่อเสี่ยวเอ้อเอาอาหารที่สั่งไปมาวางบนโต๊ะ ซิ่วอิงคีบอาหารในจานมากินทีละอย่างชมเปาะว่าอร่อยอย่างที่รองแม่ทัพถังบอกเล่า ระหว่างที่ทั้งสามทานอาหารและคุยกันไปนั้นมีสายตาคมกริบคู่หนึ่งจ้องมามองไม่วางตา ชินอ๋องนั่นเอง เขานั่งสนทนากับสหายและองครักษ์ประจำกายของเขา เขาเห็นนางตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านกับบุรุษผู้หนึ่งท่าทางสนิทสนม เดินเลยผ่านโต๊ะที่เขานั่งไปไม่ทักทายเขาสักคำเหมือนนางไม
ช่วงสายๆ วันต่อมาซิ่วอิงชวนเหม่ยเอ๋อไปเที่ยวตลาดกัน จากนั้นจึงเรียกบ่าวชายที่ผ่านไปมาบริเวณนั้นให้ไปแจ้งพ่อบ้านให้เตรียมรถม้าให้นางจะไปตลาด สักพักก็พากันเดินออกไปขึ้นรถม้าหน้าตำหนักขณะที่ซิ่วอิงเดินลัดเลาะไปตามทางเดินเล็กๆ ผ่านสวนสวยงามภายในจวนจนกระทั่งผ่านหน้าเรือนของชินอ๋อง ซิ่วอิงเหลือบเห็นเจ้าตัวเขากำลังยืนคุยกับพ่อบ้านเหมือนกำลังเตรียมตัวจะออกไปข้างนอก แต่นางแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นเขา เดินผ่านเลยไปกับเหม่ยเอ๋อ เมื่อเหม่ยเอ๋อเห็นพระชายาไม่ทักทายหรือทำความเคารพท่านอ๋องนั้นนางก็แสร้งทำเป็นไม่เห็นไปด้วย พากันเดินออกไปหน้าประตูตำหนักเพื่อขึ้นรถม้าไปตลาด ชินอ๋องนั้นเห็นนางตั้งแต่เดินลัดเลาะออกมาจากเรือนเล็กของนางนั้น เขาจึงแกล้งทำเป็นยืนอยู่ตรงหน้าเรือนเพื่อนางผ่านมาจะได้เห็นเขาชัดๆ แต่นางกลับมองไม่เห็นเขาผ่านเลยไปเหมือนไม่มีใครยืนอยู่บริเวณนั้นชินอ๋องเลยหันไปมองทั้งซ้ายและขวาก็เห็นว่าข้างตัวเขาไม่มีต้นไม้หรืออะไรบังตัวเขาทำให้นางไม่เห็น แต่ทำไมนางเดินเลยผ่านไปเช่นนั้นเล่า เขางุนงุงยิ่งนักด้านซิ่วอิงกับเหม่ยเอ๋อเมื่อรถม้าถึงหน้าตลาดก็บอกให้คนขับไปหาที่จอดรอ หากนางเสร็จธุระแล้วจะมาร
เหม่ยเอ๋อตกใจ แต่คิดว่าอาจเป็นเพราะคุณหนูสลบไปนานหลายชั่วยามจึงเป็นเช่นนี้ " ที่นี่ตำหนักชินอ๋องเจ้าค่ะ คุณหนูเป็นบุตรีท่านราชครูหยาง ตอนนี้แต่งงานเข้ามาเป็นพระชายาของชินอ๋องได้เกือบหนึ่งเดือนแล้วเจ้าค่ะ “ เดี๋ยวนะฉันคือพระชายาชินอ๋อง ทำไมเรื่องมันดูคุ้นๆเหมือนในซีรี่ย์ที่เคยดูเลย อย่าบอกว่า นี่คือนางร้ายที่ชื่อหยางซิ่วอิงใช่ไหม ” ข้าชื่อหยางซิ่วอิงใช่ไหม “ เหม่ยเอ๋อพยักหน้า จ้องมองดูคุณหนูเพื่อดูว่านางมีอาการผิดปกติอะไรนอกจากความจำเสื่อมหรือไม่ ” คุณหนูเจ็บที่หัวหรือไม่เจ้าคะ “ พลอยใสอดีตดาราสาวที่ไม่ค่อยมีงานในวงการนานแล้ว เมื่อคืนหลับไปตื่นมาอีกทีอยู่ในร่างของนางร้ายในซีรี่ย์ที่ตัวเองเคยดู จึงพอใจเข้าใจเรื่องราวที่ผ่านมาอยู่บ้าง ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงสวมรอยไปทันที” ข้าไม่เจ็บแล้ว ตอนนี้รู้สึกดีขึ้น เพียงแต่ความจำสูญหายไปบางส่วน จำได้บ้างไม่ได้บ้าง เจ้าเชื่อเหม่ยเอ๋อใช่ไหม ลองเล่าเรื่องของข้าทุกเรื่องให้ข้าฟังหน่อย ข้าจะได้ทบทวนความจำบางอย่างเท่านั้น เผื่อจะอะไรได้บ้าง " เหม่ยเอ๋อพยักหน้า " แต่ก่อนอื่นคุณหนูต้องทานซุปร้อนๆ ก่อนนะเจ้าคะ คุณหนูยังไม่ได้ทานอะไรเลยทานซุปเ