นางยังไม่คงไม่ท้อใจเมื่อถูกชินอ๋องปฏิเสธอาหารและขนมที่นางทำไปให้ นางยังคงสรรหาขนม อาหารแปลก น้ำสมุนไพรแปลกที่มีรสชาติหอมอร่อย แต่ไม่ว่าจะสรรหาสิ่งใดก็ตามมาปรุงให้เขา
เมื่อนำไปให้เขาลองชิม ถ้าเขาไม่ปฏิเสธตรงๆ เขาก็เททิ้งต่อหน้า หรือนำยื่นสิ่งของนั้นให้บ่าวที่ผ่านไปมาต่อหน้านางที่ยืนมองดูอยู่ อย่างไม่สนใจว่านางจะรู้สึกเช่นไร เมื่อได้เวลาเขากลับมาจากราชการในวัง นางมักจะไปยืนรอรับเข้าเมื่อกลับมาในทุกวันๆ
แต่เมื่อรถม้าของชินอ๋องมาถึงหน้าตำหนัก เขาก้าวลงจากรถม้าแล้วเห็นนางยืนอยู่ใกล้ประตูทางเข้าตำหนักเพื่อรอรับ เขาก็แกล้งทำเป็นไม่เห็นนาง แล้วเดินผ่านนางไปเหมือนนางไร้ตัวตนในสายตาเขา หรือบางครั้งหางตาเขาจะแลเห็นนางยิ้มแย้มให้เขา เขาก็จะแกล้งเมินมองไม่เห็น
แม้เมื่อเขาเดินผ่านไปเขาจะมองเห็นน้ำตาของนางไหลรินลงมาเปื้อนแก้มนวลทั้งสองข้าง ทั้งๆที่ใบหน้านั้นยังยิ้มให้เขาค้างอยู่อย่างนั้น
แม้จะมองเห็นความเจ็บปวดของนางอยู่เหมือนกัน แต่เขาคิดเสียว่านางควรจะได้รู้ว่าสิ่งที่นางทำมันส่งผลต่อตัวนางเองและผู้อื่นมากแค่ไหน เขาจึงเดินผ่านไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองนางที่ยืนมองตามหลังเขาจนลับสายตา
หลายวันต่อมา บ่ายวันหนึ่ง หลิวอี้เฟยมาเยี่ยมเขาที่ตำหนัก นางนำขนมที่ทำเองมาให้เขาชิมพร้อมน้ำชาตอนบ่าย เขาชวนนางไปนั่งเล่นกันที่ศาลากลางบึงบัวหน้าเรือนใหญ่ของเขา
ระหว่างที่เขาและนางคุยกันนั้น ท่านอ๋องหนุ่มชิมขนมนางอย่างเอร็ดอร่อยและบอกว่านางขนมนางอร่อยมากไม่เคยชิมขนมที่ไหนอร่อยเท่านี้เลย
ขณะนั้นหยางซิ่วอิงนางเดินผ่านมาตามทางเดินเล็กๆในสวน บังเอิญมองเข้าไปในศาลาก็เห็นสวามีของนางและหลิวอี้เฟยนั่งคุยกันอย่างสนิทสนม นางหยุดชะงักอยู่กับที่จ้องมองคนทั้งสองด้วยความเจ็บปวด เห็นชินอ๋องอ้าปากรับขนมที่หลิวอี้เฟยป้อนเข้าปากเขาอย่างเต็มอกเต็มใจ และยิ้มแย้มพูดคุยกัน พวกเขาหัวเราะกันเบาๆ อย่างสนิทสนม
แล้วอยู่ๆ ก็พลันมีความสว่างวาบเข้าในความคิดของนาง ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าการรักคนที่ไม่รักเรา ไม่ว่าจะทำดีแค่ไหน เอาอกเอาใจเขาแค่ไหนก็ตาม แต่คนที่ไม่ใช่อย่างไรก็ยังไม่ใช่อยู่เหมือนเดิม ความรักบางครั้งมันอาจจะไม่ต้องพยายามอะไรก็ได้ นางแค่รักเขาอย่างเด็กสาวที่ไร้เดียงสาคนหนึ่งเท่านั้นโดยไม่ได้มองความเป็นจริงเลย
ตอนนี้นางเข้าใจแล้ว น้ำตาหยดใสๆของนางร่วงหล่นลงมาเป็นสาย นางร้องไห้เงียบแล้วค่อยๆถอยออกไปจากตรงนั้น หางตาของชินอ๋องมองเห็นซิ่วอิงมายืนตั้งแต่แรกแล้ว เขาแกล้งทำเป็นพูดคุยกับหลิวอี้เฟยอย่างสนิทสนม อ้าปากรับขนมที่นางป้อนพลางชมไม่ขาดปาก หัวเราะหัวใคร่กับนางเบาๆ
ก็เพื่อต้องการให้ ซิ่วอิงเห็น เมื่อนางถอยออกไปเขาก็ทำตัวเรียบเฉยเหมือนเดิม เขาต้องการสั่งสอนนางให้เลิกเอาแต่ใจตนเองจนไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่น
ฝ่ายหยางซิ่วอิงเดินเรื่อยๆไปจนถึงเรือนเล็ก ขณะนั้นเหม่ยเอ๋อไม่อยู่ นางจึงเดินเรื่อยๆไปจนถึงริมสระบัวแล้วก้าวขาเล็กๆ ของนางลงไปในสระแล้วเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งจมมิดลงไปในบึงบัวนั้น เหม่ยเอ๋อเดินกลับมาจากครัวหลัก มองไปเห็นหลังของคุณหนูของนางไวๆ มองเห็นนางค่อยๆ จมลงไปในสระ นางกรีดร้องสุดเสียง ร้องตะโกนเรียกบ่าวชายที่กำลังกวาดใบไม้อยู่ให้กระโดดลงไปช่วยคุณหนูของนางขึ้นมาทุกคนตื่นตกใจวิ่งกรูกันลงไปในสระบัว บ่าวชายโดดลงไปในสระบัวไล่หลังกันสามสี่คน ต่างก็ช่วยกันงมหาพระชายาที่ตกน้ำไป เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจดังก้องไปจนถึงศาลากลางบึงบัว ท่านอ๋องหนุ่มผุดลุกขึ้นอย่างตกใจ เขารีบเดินออกมาจากศาลาแล้วตะโกนเรียกพ่อบ้านเสียงดังว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้น ถึงได้เกิดเสียงดังอึกทึกครึกโครมเช่นนี้
พ่อบ้านหลี่รีบวิ่งตรงมาหาท่านอ๋อง “ พระชายาหยางตกน้ำขอรับ ตอนนี้บ่าวกำลังช่วยกันงมขึ้นมาขอรับ ” หน้าของชินอ๋องถอดสีลงไปในทันใด เขาวิ่งตรงไปที่เรือนหลังเล็กในทันที เมื่อไปถึงบ่าวกำลังอุ้มพระชายาหยางขึ้นมาและอุ้มพานางตามหลังเหม่ยเอ๋อเข้าไปในเรือนหลังเล็กอย่างเร่งรีบ
สายๆวันต่อมาหลิวอี้เฟยทำขนมมาให้ชินอ๋องลองชิมอีก ทั้งสองพากันไปนั่งที่ศาลากลางบึงบัว เมื่อนั่งลงบ่าวรับใช้เอาน้ำชามาวางให้แล้วกลับออกไป ท่านอ๋องเอ่ยถามบ่าวนั้นขึ้นว่า " พระชายาอยู่ที่เรือนเล็กหรือไม่" บ่าวชายนั้นตอบว่า " พระชายาเดินเล่นที่หน้าเรือนเล็กขอรับ " ท่านอ๋องพยักหน้าให้เป็นเชิงว่าให้บ่าวไปได้ เขายิ้มกริ่มในใจอีกสักพักนางจะต้องเดินมาทางนี้แน่นอนแล้วจะเห็นว่าเขากำลังนั่งอยู่กับหลิวอี้เฟยจะดูสิว่าคราวนี้นางจะทำอย่างไร เวลาผ่านไปสักพักใหญ่นางเดินลัดเลาะมากับเหม่ยเอ๋อสาวใช้ของนางเขาเห็นนางตั้งแต่เดินลัดเลาะมาจากทางเรือนเล็กแล้ว แต่เมื่อมาถึงเส้นทางที่ผ่านหน้าศาลากลางสระนางกลับไม่หันมามองสักนิด แม้เขาจะแกล้งหัวเราะเสียงดังเพื่อเรียกความสนใจของนาง แต่นางกลับเดินผ่านไปเหมือนไม่เห็นเขากับหลิวอี้เฟยเช่นนั้นแล้วนางก็เดินออกประตูจวนไป โดยที่เขาไม่รู้ว่านางไปไหนกับใคร เขาเพิ่งจะนึกออกว่าเขาเป็นสวามีทำไมไม่รู้เวลานางไปไหนมาไหนทำไมไม่เคยบอกเขาเลยสักครั้ง อย่างนี้เวลานางออกไปพบบุรุษอื่นเขาจะทำอย่างไร ยิ่งมานึกถึงเจ้าแม่ทัพนั่นก็ดูแววตาน่าจะชอบพอนางอยู่ด้วยเขาไม่คิดว่าสองคนนั้นจะเป็น
บ่ายวันต่อมา ซิ่วอิงรู้สึกเบื่อๆเล็กน้อยและอากาศวันนี้ค่อนข้างร้อนนางจึงเข้าครัวให้เหม่ยเอ๋อนำมะม่วงไปล้างปอกเปลือกให้เรียบร้อยแล้วสอนหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ จากนั้นนางก็ลงมือทำน้ำปลาหวาน โดยใช้ปลาตากแห้งเมื่อวานมาทุบและตำให้ละเอียดนำไปเคี่ยวใส่เกลือและน้ำตาลลงไปเล็กน้อยทุบพริกที่ซื้อมาเมื่อวานลงไป ชิมรสดูพอกินได้ แก้ขัดเพราะสมัยนี้ไม่มีน้ำปลา วันหลังจะลองทำปลาร้าหมักดูเห็นมีไหที่ใช้ดองผักอยู่ที่ครัวหลักหลายใบ จะขอมาสักสองใบเอามาใช้หมักปลาร้า กลิ่นคงแรงน่าดูขณะนี้คิดก็หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว เหม่ยเอ๋อหันมามองพระชายาดูแจ่มใสอารมณ์ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก นางก็พลอยยิ้มมีความสุขไปด้วยเมื่อมะม่วงและน้ำปลาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็ออกไปนั่งหน้าชานเรือนเล็ก นั่งลงกินมะม่วงน้ำปลาหวานกัน ขณะนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งใส่ชุดสีขาวรูปร่างผึ่งผายใบหน้าก็หล่อเหลาปรากฏที่ตรงหน้าซิ่วอิงนางเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเขายิ้มให้นางจึงยิ้มตอบไป " พระชายาทำอะไรกันน่าสนุกนะ ข้ามาเยี่ยมเสด็จพี่จึงเดินเลยชมสวนในตำหนักนี้เห็นสวนสวยงาม จึงเดินเลยมาถึงเรือนนี้ " ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นยิ้มว่า " หม่อมฉันกับเหม่ยเอ๋อกำลังจะกินมะม่
บ่ายวันต่อมา ซิ่วอิงรู้สึกเบื่อๆเล็กน้อยและอากาศวันนี้ค่อนข้างร้อนนางจึงเข้าครัวให้เหม่ยเอ๋อนำมะม่วงไปล้างปอกเปลือกให้เรียบร้อยแล้วสอนหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ จากนั้นนางก็ลงมือทำน้ำปลาหวาน โดยใช้ปลาตากแห้งเมื่อวานมาทุบและตำให้ละเอียดนำไปเคี่ยวใส่เกลือและน้ำตาลลงไปเล็กน้อย ทุบพริกที่ซื้อมาเมื่อวานลงไป ชิมรสดูพอกินได้ แก้ขัดเพราะสมัยนี้ไม่มีน้ำปลาวันหลังจะลองทำปลาร้าหมักดูเห็นมีไหที่ใช้ดองผักอยู่ที่ครัวหลักหลายใบ จะขอมาสักสองใบเอามาใช้หมักปลาร้า กลิ่นคงแรงน่าดู ขณะนี้คิดก็หัวเราะคิกคักคนเดียว เหม่ยเอ๋อหันมามองพระชายาดูแจ่มใสอารมณ์ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากนางก็พลอยยิ้มมีความสุขไปด้วยเมื่อมะม่วงและน้ำปลาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็ออกไปนั่งหน้าชานเรือนเล็ก นั่งลงกินมะม่วงน้ำปลาหวานกัน ขณะนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งใส่ชุดสีขาวรูปร่างผึ่งผายใบหน้าก็หล่อเหลาปรากฏที่ตรงหน้าซิ่วอิง นางเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเขายิ้มให้นางจึงยิ้มตอบไป" พระชายาทำอะไรกันน่าสนุกนะ ข้ามาเยี่ยมเสด็จพี่จึงเดินเลยชมสวนในตำหนักนี้เห็นสวนสวยงาม จึงเดินเลยมาถึงเรือนนี้ " ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นยิ้มว่า " หม่อมฉันกับเหม่ยเอ๋อกำลังจะกินมะม่วงน้ำป
ซิ่วอิงคนใหม่ ยิ้มให้เขาพลางพิศดูใบหน้าหนุ่มหล่อล่ำตรงหน้า เขามีใบหน้าคมคาย ผิวคร้ามแดด หุ่นล่ำสันท่าทางองอาจ คาดว่าทรงนี้กล้ามต้องแน่นแน่นอน ซิคแพ็คหกลูกแน่ๆ เปกเลย แต่นางก็เก็บอาการกระดี้กระด้าไว้ " ไม่ได้พบกันเสียนานข้าจำแทบไม่ได้นะ " นางกล่าวยิ้มๆ จากนั้นรองแม่ทัพถังก็ชวนนางไปทานอาหารที่ภัตตาคารที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้ นางจึงเดินตามเขาไปพร้อมเหม่ยเอ๋อ เมื่อเดินไปถึงหน้าภัตตาคารทั้งสามขึ้นไปบนชั้นสองและเดินผ่านโต๊ะหลายโต๊ะไปจนถึงโต๊ะริมระเบียงติดถนนที่ผ่านตลาด ซิ่วอิงบอกว่านางอยากชมบรรยากาศในตลาดไปด้วยระหว่างทานอาหารกันทั้งสามนั่งลงเลือกอาหารที่ขึ้นชื่อมาหลายอย่าง รองแม่ทัพถังชี้ชวนนางให้เลือกอาหารที่นางชอบ เมื่อเสี่ยวเอ้อเอาอาหารที่สั่งไปมาวางบนโต๊ะ ซิ่วอิงคีบอาหารในจานมากินทีละอย่างชมเปาะว่าอร่อยอย่างที่รองแม่ทัพถังบอกเล่า ระหว่างที่ทั้งสามทานอาหารและคุยกันไปนั้นมีสายตาคมกริบคู่หนึ่งจ้องมามองไม่วางตา ชินอ๋องนั่นเอง เขานั่งสนทนากับสหายและองครักษ์ประจำกายของเขา เขาเห็นนางตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านกับบุรุษผู้หนึ่งท่าทางสนิทสนม เดินเลยผ่านโต๊ะที่เขานั่งไปไม่ทักทายเขาสักคำเหมือนนางไม
ช่วงสายๆ วันต่อมาซิ่วอิงชวนเหม่ยเอ๋อไปเที่ยวตลาดกัน จากนั้นจึงเรียกบ่าวชายที่ผ่านไปมาบริเวณนั้นให้ไปแจ้งพ่อบ้านให้เตรียมรถม้าให้นางจะไปตลาด สักพักก็พากันเดินออกไปขึ้นรถม้าหน้าตำหนักขณะที่ซิ่วอิงเดินลัดเลาะไปตามทางเดินเล็กๆ ผ่านสวนสวยงามภายในจวนจนกระทั่งผ่านหน้าเรือนของชินอ๋อง ซิ่วอิงเหลือบเห็นเจ้าตัวเขากำลังยืนคุยกับพ่อบ้านเหมือนกำลังเตรียมตัวจะออกไปข้างนอก แต่นางแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นเขา เดินผ่านเลยไปกับเหม่ยเอ๋อ เมื่อเหม่ยเอ๋อเห็นพระชายาไม่ทักทายหรือทำความเคารพท่านอ๋องนั้นนางก็แสร้งทำเป็นไม่เห็นไปด้วย พากันเดินออกไปหน้าประตูตำหนักเพื่อขึ้นรถม้าไปตลาด ชินอ๋องนั้นเห็นนางตั้งแต่เดินลัดเลาะออกมาจากเรือนเล็กของนางนั้น เขาจึงแกล้งทำเป็นยืนอยู่ตรงหน้าเรือนเพื่อนางผ่านมาจะได้เห็นเขาชัดๆ แต่นางกลับมองไม่เห็นเขาผ่านเลยไปเหมือนไม่มีใครยืนอยู่บริเวณนั้นชินอ๋องเลยหันไปมองทั้งซ้ายและขวาก็เห็นว่าข้างตัวเขาไม่มีต้นไม้หรืออะไรบังตัวเขาทำให้นางไม่เห็น แต่ทำไมนางเดินเลยผ่านไปเช่นนั้นเล่า เขางุนงุงยิ่งนักด้านซิ่วอิงกับเหม่ยเอ๋อเมื่อรถม้าถึงหน้าตลาดก็บอกให้คนขับไปหาที่จอดรอ หากนางเสร็จธุระแล้วจะมาร
เหม่ยเอ๋อตกใจ แต่คิดว่าอาจเป็นเพราะคุณหนูสลบไปนานหลายชั่วยามจึงเป็นเช่นนี้ " ที่นี่ตำหนักชินอ๋องเจ้าค่ะ คุณหนูเป็นบุตรีท่านราชครูหยาง ตอนนี้แต่งงานเข้ามาเป็นพระชายาของชินอ๋องได้เกือบหนึ่งเดือนแล้วเจ้าค่ะ “ เดี๋ยวนะฉันคือพระชายาชินอ๋อง ทำไมเรื่องมันดูคุ้นๆเหมือนในซีรี่ย์ที่เคยดูเลย อย่าบอกว่า นี่คือนางร้ายที่ชื่อหยางซิ่วอิงใช่ไหม ” ข้าชื่อหยางซิ่วอิงใช่ไหม “ เหม่ยเอ๋อพยักหน้า จ้องมองดูคุณหนูเพื่อดูว่านางมีอาการผิดปกติอะไรนอกจากความจำเสื่อมหรือไม่ ” คุณหนูเจ็บที่หัวหรือไม่เจ้าคะ “ พลอยใสอดีตดาราสาวที่ไม่ค่อยมีงานในวงการนานแล้ว เมื่อคืนหลับไปตื่นมาอีกทีอยู่ในร่างของนางร้ายในซีรี่ย์ที่ตัวเองเคยดู จึงพอใจเข้าใจเรื่องราวที่ผ่านมาอยู่บ้าง ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงสวมรอยไปทันที” ข้าไม่เจ็บแล้ว ตอนนี้รู้สึกดีขึ้น เพียงแต่ความจำสูญหายไปบางส่วน จำได้บ้างไม่ได้บ้าง เจ้าเชื่อเหม่ยเอ๋อใช่ไหม ลองเล่าเรื่องของข้าทุกเรื่องให้ข้าฟังหน่อย ข้าจะได้ทบทวนความจำบางอย่างเท่านั้น เผื่อจะอะไรได้บ้าง " เหม่ยเอ๋อพยักหน้า " แต่ก่อนอื่นคุณหนูต้องทานซุปร้อนๆ ก่อนนะเจ้าคะ คุณหนูยังไม่ได้ทานอะไรเลยทานซุปเ