มิณไอริณเริ่มวางระยะห่างและวางแผนออกไปจากชีวิตของแพนธาริน พยายามคิดหาหนทางที่เขาจะยอมให้ง่าย หากมีการฟ้องร้องกันแน่นอนว่าทั้งสองครอบครัวมองหน้ากันไม่ติดแน่
เขาเริ่มตามติดชีวิตเธอมากขึ้นอันนี้เรียกว่าน่าจะจับผิดเธอมากกว่า ไม่ว่าเธอจะออกไปไหนเขาจะคอยส่งคนตามตลอด
“ไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะเป็นถึงขนาดนี้” เทวัญมองลูกน้องของแพนธารินที่เดินไม่ไกลจากพวกเขา คงกลัวเสียหน้าเลยต้องทำเป็นหวงก้าง
“เข้าไปนั่งข้างในดีกว่าค่ะ” เธอไม่สนใจและไม่แคร์ใคร อยากทำอะไรก็เชิญ วันนี้ทั้งสองนัดกันออกมาคุยเรื่องของมิณไอริณ แต่ดูเหมือนงานจะไม่คืบหน้าเท่าไร เธอเองก็ปลีกตัวไปไหนไม่ได้เลย
“มีใบไม้ติดผมพี่หยิบออกให้” เทวัญโน้มตัวมาเล็กน้อยหยิบเศษใบไม้ออกจากศีรษะของหญิงสาว เป็นภาพที่เหมือนเทวัญกำลังจูบหญิงสาว แต่ความจริงคือใบหน้าอยู่ห่างกันมาก
“ลุกกลับมาเมื่อไหร่พี่จะพามาแนะนำให้รู้จัก”
“ลุก?” ลุกไหนอีกทำไมในเซลล์สมองถึงไม่เคยรู้จักหรือจำไม่ได้
“แฟนพี่เอง”
ที่จริงเทวัญแค่ช่วยเหลือเธอ เขาเป็นพวกรักไม้ป่าเดียวกันเหมือนกัน แต่ไม่แสดงออกและก็ห่วงใยมิณไอริณที่เป็นเสมือนน้องสาว
“ไอริณรอเจอเขาค่ะดีใจพี่เทวัญทิ้งลาย”
เทวัญเจ้าชู้ตามประสาคนโสดครอบครัวของเขารับรู้ดีว่าเขาไม่สามารถมีทายาทให้ได้เพราะเขาไม่ชอบผู้หญิง ซึ่งพวกท่านก็เข้าใจ มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าเขาชอบไม้ป่าเดียวกัน
ทั้งสองนั่งดื่มกาแฟกันไปเรื่อยๆ จนเทวัญเห็นภูวเรศเดินเข้ามาในร้านกับผู้ชายคนอื่นที่เขาไม่รู้จัก ทั้งสองนั่งอยู่ในมุมลับสายตาจึงมองไม่เห็น
“นั่นเพื่อนไอ้แพท”
เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นหน้าเพื่อนของแพนธารินหล่อขาวสูงตี๋สเปคหญิงไทย แต่เธอไม่ชอบผู้ชายแบบนี้ใบหน้าดูร้ายลึกเหมือนตัวร้ายในละคร
“พี่เคยเจอมัน”
“เจอที่ไหนคะ?”
เมื่อเห็นว่า... ภูวเรศเป็นเพื่อนรักที่สนิทมากๆ กับแพนธาริน เขาจึงได้นึกออกว่าเคยเจอหน้าที่ไหน เขาเคยไปเจอกับชายหนุ่มในบาร์เกย์แห่งหนึ่ง และภูวเรศออฟเด็กของเทวัญตัดหน้าเทวัญไปหนึ่งก้าว เพราะคืนนั้นเทวัญไปช้า
พูดแล้วเจ็บใจอยากจะกินหนุ่มอายุน้อยๆ แต่ถูกตัดหน้าไปเสียก่อน ท่าทางภูวเรศไม่ได้เหมือนเป็นพวกไม้ป่าเดียวกันเลย
“บาร์เกย์”
“อย่าบอกนะว่า…”
“พี่คิดว่าแบบนั้น”
ทำให้เธอปะติดปะต่อว่าที่จริง ไม่ได้มีศัตรูหัวใจแค่เพลงนาราคนเดียวหรือเปล่า น่าจะมีภูวเรศคือหนึ่งในนั้นด้วย แล้วทำไมเขาต้องทำเป็นส่งข้อความมาให้มิณไอริณรับรู้พฤติกรรมหรือเพราะว่าเขากำลังหึงหวงแพนธาริน
“พวกแอบแมนน่ากลัวมาก”
“ที่พยายามตีสนิทคุณแพทเพราะหลงรักเหรอแต่เป็นเพื่อนกันมานานแล้ว”
“นั้นดิมันไม่เคยมีแฟนเลยตามติดไอ้แพทตัวเป็นเงาเรื่องนี้พี่สืบให้เอง” ต้องมีอะไรมากกว่านี้
เทวัญอาสาไปส่งมิณไอริณที่บ้าน เธอส่งยิ้มและโบกมือลาชายหนุ่มอย่างน้อยก็ยังมีคนหวังดีกลับมิณไอริณด้วยความจริงใจ
“วันนั้นก็ไอ้หมอวันนี้ก็มัน เหนื่อยไหมที่ต้องสับรางอยากหย่ากับฉันแล้วใครมันเด็ดกว่ากัน” แพนธารินยิ้มเยาะที่เปลี่ยนไปเพราะมีตัวเลือกนี่เอง
“ก็เด็ดกว่าคุณนะคะ คุณมันห่วยแตก”
“มิณไอริณ!” เขาโกรธจนมือไม้สั่นที่ถูกหญิงสาวต่อว่าแบบนั้น เขานึกถึงภาพที่เธอสนิทกับผู้ชายคนอื่นจนเกิดไม่พอใจขึ้นมา
“คุณมันเลวฉันก็เลวเราก็เหมาะสมกันดี คุณไปเอาคนอื่นได้ฉันก็ไปเอาคนอื่นได้เหมือนกัน สังคมเท่าเทียมรู้จักไหม”
“ยอมรับแล้วล่ะสิว่าเคยอ้าขาให้มันแล้ว” เขากำข้อมือของมิณไอริณจนแทบแหลกคามือ
“แน่นอนค่ะคุณมันไม่เอาไหนไงจะบอกให้ว่าเขาแซ่บมาก พี่หมอก็ดี๊ดี…โอ๊ย” เธอล้มลงอย่างแรงจนหัวกระแทกกับขอบโต๊ะ หญิงสาวจับหน้าผากตัวเองที่มีน้ำเหลวๆ ไหลออกมาเธอเจ็บมึนหัวไปหมด
“ว้าย คุณหนูทำไมต้องรุนแรงกันขนาดนี้ด้วยใครก็ได้เอารถออกเร็วไปส่งคุณหนูที่โรงพยาบาล!” ป้าแจ่มเข้ามาช่วยหญิงสาวห้ามเลือด
ส่วนตัวต้นเหตุตกใจไม่คิดว่าเขาจะผลักหญิงสาวจนล้ม เขายืนมองมิณไอริณออกไปจากบ้านด้วยความสับสน จึงรีบตามไปที่โรงพยาบาล
เขาไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ ในใจเขาเริ่มหึงหวงจนทำเรื่องแย่ๆ มากขึ้น โดยเขาก็อยู่อย่างอึดอัด เพราะเทวัญเดินเข้าๆ ออกๆ ทำให้หงุดหงิดเป็นอย่างมากแล้วพอมิณไอริณยอมรับว่ามีอะไรกันทำให้เขายิ่งขาดสติ
มิณไอริณนอนอยู่บนเตียงคนไข้ไม่ทันไรก็เข้าโรงพยาบาลอีกแล้ว คนที่ทำแผลให้คือพี่หมอซึ่งเธอโทรบอกเขาก่อนที่จะมาถึง
“ดีนะครับแผลไม่ลึกมากกลับไปกินยาแก้ปวดแก้อักเสบไปทำท่าไหนถึงเลือดตกยางออก”
“เราทะเลาะกันค่ะไอริณสะดุดล้ม”
“ทะเลาะกันแรงแค่ไหนควรมีสติให้มาก ครั้งนี้แค่หัวแตกวันหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง” คัมภีร์ไม่เชื่อว่าหญิงสาวสะดุดล้ม แต่เธอยืนยันแบบนั้นเขาจึงเลิกเซ้าซี้
“พี่ช่วยพยุง”
“ขอบคุณค่ะ”
มิณไอริณกำลังจะลงจากเตียง โดยมีมือของพี่หมอช่วยพยุงตัวไว้ แต่แล้วมือหนาก็ฉวยเธอเข้ามาชนกับแผงอกของเขา ก่อนที่จะรวบตัวเธออุ้มขึ้นและจ้องมองหมอด้วยสายตาเขม็ง
“เป็นหมออย่าทำเกินหน้าที่ และเลิกวุ่นวายกับเมียฉันได้แล้วไม่กลัวคนเขาว่าหรือไงที่ชอบยุ่งกับเมียชาวบ้าน”
“คุณแพท!” เธอพยายามขัดขืนแต่กลัวว่าเขาจะปล่อยเธอร่วงลงพื้น เลยต้องเกาะลำคอเขาไว้แน่น เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นใบหน้าของเขาอย่างใกล้ชิด กรามคมเข้มน่าสัมผัสแต่นิสัยสวนทางกับหน้าตาเธอรับไม่ได้
“พักผ่อนซะ มัวแต่ร่านไปอ่อยผู้ชาย”
“ฉันถามคุณจริงๆ ที่คุณประวิงเวลาเพราะอะไรหรือเพราะว่าเสียหน้า? ฉันมั่นใจว่าตอนนี้คุณก็ไม่มีทางมิณไอริณแน่นอน” เธอถามเขาอย่างจริงจัง บางครั้งเหนื่อยมากที่ต้องสู้รบตบมือกับแพนธาริน
“หรือคุณอายที่ฉันยอมหย่าง่ายๆ”
เงียบ เขาไม่ยอมตอบจนหญิงสาวถอนหายใจออกมา แววตาของเขาไม่มีมิณไอริณอยู่ในนั้นเลยเรียกว่าไม่มีความผูกพันเลยสักนิด
“หย่ากันไปให้มันจบๆ ดีกว่าคุณจะควงใครก็เต็มที่ไปเลยไม่ต้องเจอหน้ากันปะทะอารมณ์ใส่กันไม่เบื่อบ้างหรือไง”
“เธอเบื่อ? ก็เธอเป็นคนเปลี่ยนไปพอมาคิดดูแล้วหย่ากันก็ง่ายไปอยู่ทรมานกันแบบนี้ไปจนตายดีกว่า” หัวใจของเขามันบอกแบบนั้นว่าเขายังไม่ควรปล่อยเธอไปตอนนี้ เขาสัมผัสได้ว่าเธอแตกต่างจากมิณไอริณ
“คุณแน่ใจใช่ไหมที่จะทำแบบนี้”
“ใช่! อยู่กันแบบเกลียดๆ ไปจนตายมันทรมานจิตใจดี”
“เอาสิ! เตรียมตัวรับแรงกระแทกได้เลย”
“พูดเรื่องอะไร”
“เชิญออกไปจากห้องฉันได้แล้วค่ะ”
หญิงสาวมองแผ่นหลังที่เดินออกจากห้องเธอไป จากที่แรกคิดว่าจะจบกันด้วยดี ในเมื่อเขาต้องการแบบนี้อย่าหาว่าเธอใจร้ายก็แล้วกัน
“คุณไม่โกรธฉันนะคะที่ฉันทำแบบนี้ คุณอย่ารักผู้ชายแบบนี้เลยค่ะ”
หญิงสาวมองรูปถ่ายของมิณไอริณเธอมีรอบยิ้มที่สดใส แต่รูปภาพแทบไม่เห็นเธอยิ้มเลยสักครั้งเพราะอะไรกันหนอทั้งสองถึงไม่ได้ลองเอยกัน แล้วเหตุผลอะไรที่ทำให้แพนธารินเกลียดภรรยาตัวเองขนาดนั้น
จะเกลียดกันเพราะไม่มีเหตุผลก็ไม่น่าใช่ ต้องมีอะไรมากกว่านั้นแต่ทำไมความทรงจำของมิณไอริณถึงไม่มี เธอคิดอะไรในอดีตไม่ออกเลย
“ฉันเหนื่อยเหมือนกันที่ต้องสู้รบกับคุณ ขอให้มันจบในเร็ววัน”
เธอไม่ชอบที่ต้องปะทะฝีปากกับใครอยากอยู่อย่างสงบสุข ใช้ชีวิตไปวันๆ ชีวิตคนรวยมันลำบากแบบนี้นี่เองไม่เหมือนเธอตอนนั้น แต่ละวันคิดแค่ว่าวันนี้จะเอาเงินที่ไหนไปซื้อข้าว แค่กินอิ่มมีที่ซุกหัวนอนก็เพียงพอแล้ว
หลังจากที่น้องไบรท์กับน้องแบล็คได้เข้าเรียนอนุบาลแล้ว แพนธารินก็คิดแต่ว่าชีวิตช่วงกลางวันเขาจะดีขึ้น แต่กลับไม่เป็นแบบนั้นเพราะลูกชายของเขาดันไปก่อเรื่องที่โรงเรียนเอาไว้จนเขาถูกเรียกให้ไปรับทราบพฤติกรรมของลูกชายทั้งสอง“เสร็จหรือยังคะ” เสียงของมิณไอริณดังขึ้นหลังจากเธอนั่งรอแพนธารินกับลูกสาวมาได้สักพักแล้ว“เสร็จแล้วครับ อันนี้เอาให้คุณแม่ด้วยครับ” แพนธารินส่งหน้ากากอนามัยให้กับลูกสาวเพื่อให้เจ้าหนูเอาไปให้แม่“อะไรคะเนี่ย” คิ้วสวยขมวดเข้าหากันอย่างเป็นคำถาม เมื่อเห็นสิ่งที่สามีฝากลูกสาวเอามาให้เธอ“หน้ากากไงครับ”“เอามาทำอะไรคะ ไอริณไม่ได้เป็นไข้นะคะ” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจสามีของเธอ“พี่ไม่ได้บอกว่าไอริณเป็นไข้ แต่พี่ไม่ชอบเวลาคนอื่นมอง”“หึงเหรอคะ” มิณไอริณลุกจากเก้าอี้ตรงไปหาแพนธารินเธอจ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มอย่างต้องการคำตอบ“ครับ หึง ไม่ชอบเลยเวลามีคนมอง”“ก็ไอริณสวยนิคะ”“ก็เพราะแบบนี้ไง พี่เลยไม่อยากให้เราไปไหน” แพนธารินหน้าตึงขึ้นมาทันที เวลาเขาเห็นใครมองมิณไอริณเขารู้สึกหงุดหงิดจนไม่อยากให้หญิงสาวออกไปไหน“ไม่แกล้งแล้ว เขาอยากมองก็มองไป แต่ไอริณไม่สนใจสักหน่อย น้องทิ
เช้าอันสดใสที่ใครหลายๆ คนต่างนับว่าเป็นการเริ่มต้นวันที่ดี แต่เหมือนจะไม่ใช่กับแพนธารินเขายังคงวนเวียนอยู่กับการเตรียมอาหารเช้าให้กับภรรยากับลูกชายฝาแฝดชายหนุ่มใช้เวลานานนับชั่วโมงในการเตรียมอาหารก่อนขึ้นไปดูภรรยาที่ยังคงนอนหลับอยู่ซึ่งตอนนั้นเองลูกชายของเขาทั้งสองคนกลับตื่น แพนธารินตรงเข้าไปอุ้มเด็กน้อยทั้งสองขึ้นแนบอกหวังเพียงว่าทั้งคู่จะไม่ร้อง“ชู่ว์ ไม่ร้องนะครับ เดี๋ยวพ่อพาลงไปเล่นข้างล่าง” แพนธารินเอ่ยเปล่า เขาอุ้มลูกชายฝาแฝดลงมาจากห้องด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับการหยอกล้ออย่างสนุกสนานชายหนุ่มทำหน้าที่เลี้ยงเด็กทั้งสองแทนผู้เป็นแม่ของพวกเขาอย่างมิณไอริณ เพราะเธอเพิ่งคลอดลูกมาได้เพียงแค่เดือนเศษ ร่างกายของหญิงสาวยังคงต้องพักผ่อนเพื่อฟื้นฟู“มาแล้ว ระวังให้ดี” เสียวหยอกล้อของพ่อลูกยังดังขึ้นเรื่อยๆ“ทำอะไรกันอยู่คะ” มิณไอริณที่แอบมองดูสามีเล่นกับลูกชายทั้งสองอย่างสนุกสนาน มาได้สักพักก็เอ่ยถาม “อ้าวไอริณมาตั้งแต่ตอนไหน” แพนธารินเดินไปประคองมิณไอริณมานั่งที่โซฟา ก่อนอุ้มลูกน้อยที่หญิงสาวอุ้มมาด้วยขึ้นแนบอก“มาทันเห็นคนโดนลูกแกล้ง” ใบหน้าสวยเอ่ยด้วยยิ้ม“งั้นเหรอครับ แล้วอยากโดน
แสงแดดส่องเข้ามาในห้องนอนแพนธารินพลิกตัวไปมาอย่างเกียจคร้าน แต่พอจะลุกแค่นั้นแหละ มีอะไรหนักๆ มาทับที่หน้าอกคิดว่าผีอำ “น้องแบล็คทำไมมาอยู่ตรงนี้ได้” เขาจับลูกชายวางลงข้างกาย “เย่นๆ” เด็ดน้อยพยายามปืนป่ายขึ้นมานั่งบนหน้าอกของผู้เป็นพ่ออีกครั้ง “อืมมม พักก่อนนะลูก” เล่นปลุกเขาตั้งแต่เช้าแล้วภรรยาเขาหายไปไหนตั้งแต่เช้า แพนธารินลุกขึ้นและอุ้มลูกลงไปตามหาภรรยา ในห้องโถงได้ยินเสียงแฝดพี่ร้องไห้เสียงดัง โดยมีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังปลอบอยู่ “นายเป็นใคร! เข้ามาทำอะไรในบ้านฉัน” “เอ่อ!” ลุกกำลังจะตอบแต่คนถามไม่ยอมปล่อยโอกาสแถมยังต่อว่าเขา มิณไอริณกับเทวัญที่ได้ยินเสียงของแพนธารินจึงรีบเข้ามา “พี่แพทเสียงดังทำไมคะ? ลูกก็อยู่ด้วย” “มัน...เขาคนนี้คือใคร” ในสมองของเขาไม่เคยรู้จักหรือเคยเห็นหน้ามาก่อน แต่พอโดนดุจึงเงียบทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับสิ่งที่เกิดขึ้น “พี่ลุกแฟนพี่เทวัญค่ะ” แพนธารินจึงเงียบเพราะเหมือนว่ากำลังทำให้เมียโกรธมากขึ้น และเขาต้องเป็นฝ่ายพาตัวเองออกไปจากห้องโถงเพราะถูกเชิญออกไป “พี่แพทมีประชุมเช้านี่คะต
มิณไอริณนั่งมองลูกชายคนโตที่อยู่ในอ้อมแขนของหมอคัมภีร์ ส่วนอีกคนหลับอยู่ในรถเข็นเด็ก “คนนี้หน้าเหมือนไอริณมาก” เขาจ้องมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ไม่ว่าจะผ่านมานานแค่ไหนสุดท้ายแล้วเขากับมิณไอริณก็เป็นได้แค่พี่น้อง “พี่หมอไม่คิดจะมีบ้างเหรอคะ” “พี่จะหาแม่ของลูกมาจากไหนบ้างานขนาดนี้” “มัวแต่ทำงานระวังจะแก่ก่อนนะคะ” เขาหล่อเขารวยหน้าที่การงานก็ดี สักวันต้องมีคนที่ดีเข้ามา พี่ไม่เคยคิดเรื่องนั้นถ้ามันใช่มันใช่ไปตั้งนานแล้ว” เหมือนที่เขาตามจีบหญิงสาว สุดท้ายแล้วความดีไม่ใช่ผลตอบแทนของความรัก “ไอริณต้องกลับแล้วค่ะพ่อเด็กๆ รออยู่” เธอกล่าวลาเขา พอเดินออกมาไม่ไกลก็เห็นแพนธารินนั่งรออยู่ พร้อมกับใบหน้าบูดบึ้ง “เบื่อทำไมต้องไม่ให้พี่ตามไปด้วย” ทำเหมือนแอบคบชู้ จะโกรธก็ไม่ได้เพราะตอนนี้เมียอยู่เหนือทุกอย่าง “ไม่ทำหน้างอแบบนั้นสิคะฝากลูกหน่อยนะคะ ไอริณจะไปเดินเล่น” เธอส่งลูกให้แพนธารินรีบเดินขึ้นรถอีกคันไม่อยากให้เขาหอบลูกตามเธอไปชอปปิ้งด้วย จากมาเฟียสู่พ่อลูกอ่อนอีกมืออุ้มลูก อีกมือเข็นรถการเลี้ยงลูกมันเหนื่อยกว่าทำงานหลายเท่า
แพนธารินขอเข้าไปดูหน้าลูกด้วย ในห้องคลอดหญิงสาวก็คิดว่า เจ้าของร่างเดิมคงต้องการแบบนี้ชายหนุ่มร้องไห้เมื่อเห็นหน้าลูกเขานั่งเฝ้าลูกทั้งสองกำลังหลับปุ๋ยอยู่บนรถเข็นเปลเด็ก ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ จะอุ้มท้องลูกเขาถึงสองคน“แพนธวัฒน์ – แพนเมธา ชื่อเล่นน้องอะไรดีนะ” เขานั่งครุ่นคิด“ไบรท์กับแบล็ค” เธอแอบตั้งชื่อลูกไว้แล้วมีแสงสว่างก็ต้องมีความมืดมน และเธอชอบชื่อนี้มาก“ชื่อเพราะดี” เขาเอามือจิ้มแก้มของลูกทำให้เด็กน้อยร้องไห้เสียงดัง จนมิณไอริณต้องต่อว่าเขาที่ไปแกล้งลูกเป็นครั้งแรกที่เธอให้นมลูกซึ่งเด็กน้อยดูดจนเธอรู้สึกเจ็บ พออีกคนดื่มนมจนอิ่มอีกคนร้องตาม แค่คนเดียวก็ว่าหนักแล้วตอนนี้มีถึงสองคนคืนนั้นมิณไอริณฝัน เจ้าของร่างเดิมมาขอร้อง ว่าให้เธอคืนดีกับแพนธาริน เธอจะไปเกิดแล้วและอวยพรให้หญิงสาวมีความสุขแพนธารินนอนกระสับกระส่ายไปมาในความฝันของเขา เห็นผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนมิณไอริณมายืนร้องไห้ ซึ่งเขาจำได้ว่าคนนี้คือมิณไอริณตัวจริง“ไอริณมาลาพี่แพทค่ะ ชาตินี้เราจากกันแล้วรักผู้หญิงคนนั้นให้มากๆ นะคะ”“ไอริณ” น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาหาเสียงตัวเองไม่เจอ นี่เป็นครั้งแรกที่ในใจของเขาไม่ได้
ภีมกับภามนั่งเฝ้าเจ้านายอยู่เกือบสามชั่วโมง ตั้งแต่ทั้งสองทะเลาะกันเจ้านายของพวกเขากลายเป็นคนเงียบขรึม ตามง้อภรรยาแต่เหมือนนายหญิงจะไม่ยอมยกโทษให้ง่ายๆ แพนธารินนั่งฟังคุณครูสอนอย่างตั้งอกตั้งใจ วันนี้เขาเข้าคอร์สเรียนการเลี้ยงลูก ทั้งสองเรียนมีเขาที่เป็นผู้ชายเพียงคนเดียว ชวนมิณไอริณมาแล้วแต่รายนั้นยังโกรธเขาอยู่ เขารู้สึกผิดที่ทำให้หญิงสาวเกือบเสียลูกไป จะโกรธเขาก็ไม่แปลก “คุณแพทฟังอีกรอบนะคะเวลาลูกอาเจียนเราต้องลูบหลังเบาๆ แบบนี้ค่ะ” คุณครูสาธิตให้เขาดูก่อน และลองให้เขาทำ “แบบนี้เหรอครับ” เขาทำตามที่คุณครูสอนทุกอย่าง“ใช่ค่ะเบาๆ นะคะ” ขนาดตุ๊กตายังทำแรงขนาดนี้ ถ้าเป็นคนจริงๆ น่าจะเหลือแค่ชื่อแพนธารินค่อยๆ ลูบหลังตุ๊กตาเด็กแต่เขาน่าจะลงแรงไปเยอะ ลูบไปลูบมาหัวตุ๊กตาหลุดร่วงลงไปกองอยู่ที่พื้น ทำให้ทุกคนหัวเราะเสียงดัง“เบาๆ สิคะ”“ผมขอเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นดีกว่าครับ”คุณครูจึงพามาสอนเรื่องการอาบน้ำให้เด็กแรกเกิด แพนธารินทำตามทุกอย่างเช่นเดิม แต่เหมือนจะหนักมืออีกเพราะตุ๊กตาเด็กคว่ำหน้าจมน้ำไปต่อหน้าต่อหน้า“กูไม่เรียนแล้ว” เขาเดินออกมาทันทีพร้อมใบหน้าที่