LOGINหลี่ถงถงในร่างของนางร้ายในนิยายนอนซบลงกับเตียงนุ่ม น้ำตาไหลรื้นลงเปื้อนผ้าปูที่นอนอย่างหมดอาลัยตายอยาก
ทั้งๆที่พยายามตอบเลี่ยงข้อถูกไปขนาดนั้นแล้วแท้ๆ มันยากกว่าหาข้อถูกเสียอีก แล้วเหตุใดข้าจึงได้เข้าไปอยู่ในสาขาเฮ็งซวยนั้นได้!? หรือว่าคะแนนยี่สิบต่อร้อยมันยังเยอะเกินไป? รู้เช่นนั้นข้าสู้ตอบเหลือแค่สามคะแนนในร้อยคะแนนเต็มซะดีกว่า "ฮือ...ไม่อยากไปเรียนเลย มาต่างโลกไม่เห็นจะสนุกเหมือนที่คิดไว้เลย!"หลี่ถงถงเอ่ยคร่ำครวญออกมาอย่าเศร้าใจ ...แต่ในเมื่อเรื่องมันเดินมาเป็นแบบนี้แล้วก็คงจะต้องไปต่องั้นสินะ? คงต้องวางแผนใหม่แล้ว... ก๊อกก๊อกก๊อก... จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ร่างบางลุกขึ้นนั่งจัดชุดในเข้าที่ก่อนจะเอ่ยอนุญาตให้คนเข้ามา สตรีในชุดสาวใช้สีชมพูอ่อนเดินเข้ามาภายในห้อง ในมือถือถาดอาหารสุดหรูเพื่อเอามาให้คุณหนูที่นั่งมองตนนิ่งๆจากเตียงนอน "คะ.คุณหนู...ข้า...ได้จับเตรียมสิ่งของให้ท่านเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ...หะ.ให้ข้านำไปจัดที่หอพักในสำนักให้เลยหรือไม่เจ้าคะ?"ร่างบางวางอาหารเสร็จก็เดินเข้าไปพูดกับคนเป็นนายด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา หลี่ถงถงมองเด็กสาวตรงหน้าอย่างละเอียด ดูเหมือนว่านางคงจะกลัวเจ้าของร่างนี้มากเลยงั้นสินะ ในเนื้อหานิยายบอกเอาไว้ว่าหลี่ถงถงในนิยายเป็นคนร้ายกาจ นิสัยก็ค่อนข้างแย่เอาการ... นางคงจะถูกหลี่ถงถงในนิยายทุบตีด่าว่าทำร้ายมาสารพัดงั้นสินะ...หลี่ถงถงคิดวิเคราะห์ในใจ "ไม่ต้อง ข้าจะนำไปเอง" สาวใช้ร่างเล็กสะดุ้งตกใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหลี่ถงถงอย่างไม่อยากเชื่อสายตา "ออกไปซะ" "เจ้า...เจ้าค่ะ!" เมื่อเห็นว่าสาวใช้คนนั้นเดินออกไปจากห้องแล้ว หลี่ถงถงก็ทรุดตัวนอนลงบนเตียงต่อ มันก็ดีแล้วที่ได้เป็นนางร้ายที่ร่ำรวย แต่ว่าท่าทีของผู้คนที่มีให้กับฉันนี่ช่างขัดตาขัดใจเสียเหลือเกิน...หลี่ถงถงกล่าวในใจก่อนจะค่อยๆหลับตาลงเข้าสู่ห้วงนิทรา... ในความฝัน หลี่ถงถงได้พบกับร่างของหลี่ถงถงนางร้ายในนิยายที่กำลังใช้ชีวิตอยู่ตามปกติ นางก่อเรื่องไม่เว้นวันจนมีแต่คนเอือมระอากับการกระทำของนาง แต่ว่านางกลับไม่เคยเข้าไปพัวพันกับสิ่งที่ไม่ดีเลย นางก่อเรื่องไปทั่วก็จริง แต่ว่านางก็ไม่ได้ทำร้ายร่างกายของผู้ใด แต่นางเพียงแค่ทำลายข้าวของ พูดจาดุร้ายใส่ผู้อื่นด้วยนิสัยใจร้อนเอาแต่ใจของตนเพียงเท่านั้น เพราะนิสัยหยาบคายหยาบกระด้างของนาง จึงทำให้ผู้คนหวาดกลัวต่อนาง และจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับนางทุกครั้ง ...ไร้สาระยิ่งนัก นางไม่ได้ทำร้ายทุบตีผู้อื่นเสียหน่อย เหตุใดต้องหวาดกลัวนางถึงเช่นนั้นด้วย? "เฮ้อ...ช่างมันเถอะ ยังไงชื่อเสียงของนางก็ยังมีประโยชน์ต่อตัวข้าอยู่" ณ ภายนิกายเป่ยซาน... ...ศาลาดอกบัวบาน "ท่านนักปราชญ์เหตุใดจึงได้ให้ศิษย์หลี่ถงถงที่ได้คะแนนต่ำเช่นนั้นเข้าเรียนที่สาขาต่อสู้ของข้าด้วยขอรับ?"ลู่หมิง อาจารย์ผู้ควบคุมสาขาต่อสู้ ณ ปัจจุบันเอ่ยถาม'จ้าวไท่เถียน'ผู้อาวุโสชั้นสูงหนึ่งในสามเสาหลักผู้ค้ำจุนนิกายเป่ยซานหรือก็คือนักปราชญ์เพียงผู้เดียวในนิกาย จ้าวไท่เถียนยกยิ้มสงบขึ้นมาก่อนจะเอ่ยตอบลู่หมิงไป"นางเหมาะสมกับการต่อสู้ที่สุดแล้ว" ลู่หมิงขมวดคิ้วสงสัยเจตนาคนตรงหน้า หมายความว่าอย่างไรที่บอกว่านางเหมาะกับการต่อสู้? "อีกไม่นานเจ้าก็จะรู้เอง"น้ำเสียงทุ่มสงบเอ่ยขึ้นทำให้ลู่หมิงรู้สึกวางใจ หลี่ถงถง...ช่างเป็นคนที่น่าสนุกยิ่งนัก มือหนายกกระดาษคำตอบขึ้นมาอ่าน ริมฝีปากยกสูงขึ้น ทางด้านหลี่ถงถง เมื่อจัดเตรียมวางข้าวของในหอพักเสร็จ หลี่ถงถงก็นอนราบลงบนเตียงแข็งอย่างเงียบๆ "เหตุใดเราจึงได้มานอนห้องเดียวกับคุณหนูหลี่ผู้นั้นด้วยนะ ช่างเป็นโชคร้ายเสียจริง"เสียงกระซิบของเพื่อนร่วมห้องนอนของหลี่ถงถงดังขึ้น "ชู่ว! เดี๋ยวนางก็ได้ยินหรอก! เจ้าไม่กลัวนางมาทำร้ายเจ้าหรือ?"หญิงสาวอีกคนเอ่ยขึ้นตักเตือนสหายของตนเสียงเบา อา...ให้ตายสิ ข้าได้ยินหมดแล้วล่ะ ห้องพักของเหล่าศิษย์ถูกจัดให้พักร่วมกัน แยกชายหญิงชัดเจน โดยแต่ละห้องจะจัดให้พักห้องละสี่คน ห้องของหลี่ถงถง มีสมาชิกสองคนที่มาจากตระกูลขุนนางชั้นกลาง จากตระกูลเซียว และตระกูลหลิน ส่วนอีกคน... "แต่ที่ข้ารับไม่ได้ที่สุดเลยคือได้นอนกับสตรีชั้นต่ำที่มาจากชนชั้นสามัญชน กลิ่นสาปโคลนของนางช่างเหม็นหึ่งกวนจมูกของข้ายิ่งนัก!"เสียงกระซิบดังขึ้นอีกครา สายตาสองคู่หันไปมองสตรีร่างบางที่นั่งจัดของของตนด้วยใบหน้าเศร้าหมอง หลี่ถงถงหันไปมองคนที่ถูกพูดถึงด้วยสายตานิ่งเรียบ นางคือหนิงอัน นางเอกในนิยายผู้มีรูปลักษณ์งดงามดั่งเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ ช่างเป็นพล็อตนิยายที่ซ้ำซากจำเจยิ่งนักที่เขียนให้นางเอกเป็นคนชั้นต่ำที่ให้ผู้คนรังแกกดขี่ ส่วนพระเอกเป็นองค์รัชทายาทผู้รักความยุติธรรม ขี่ม้าขาวมาปกป้องสตรีบอบบางเช่นนางและตกหลุมรักกันในวินาทีนั้น... น้ำเน่า แต่สาเหตุที่ทำให้ข้าได้อ่านนิยายเรื่องนี้ก็เพราะมันเป็นนิยายที่บรรยายเรื่องราวแอคชั่นเสียส่วนใหญ่ต่างหากจึงทำใจยอมรับเรื่องรักๆน้ำเน่าเช่นนี้ได้ ในเนื้อหานิยายบอกเล่าตอนนี้เอาไว้อยู่ โดยมีเนื้อความว่าหลี่ถงถงนางได้ช่วยปกป้องหนิงอันจากปากสกปรกของสองสาวนั่น และได้เป็นเพื่อนกันในที่สุด แต่ว่าก็ได้เป็นเพียงแค่วันเดียวเพราะเมื่อหลี่ถงถงนางเห็นว่าหนิงอันนั้นได้ใกล้ชิดกับอวี้ซือเหลียงที่เป็นรักเดียวของนาง ...จากนั้นนางก็ไม่คิดที่จะปกป้องหนิงอันอีกต่อไป และยังซ้ำเติมด้วยซ้ำ ก็เป็นนางร้ายนี่นะ บทมันก็ต้องเป็นแบบนั้นแหละ... แต่ว่าฉันก็ไม่ได้รู้สึกรักใคร่อะไรพระเอกนั่น ออกจะรำคาญด้วยซ้ำ "ข้าอยากจะระบายอากาศลบกลิ่นเน่าเสียของนางออกไปยิ่งนัก!" "ใช่ๆ ตัวเหม็นก็เหม็น ทั้งยังอัปลักษณ์เสียจนข้าพะอืดพะอมเลย!" "นั่นสิๆ..." ที่พูดเพราะอิจฉาหนิงอันที่สวยกว่าตนงั้นสินะ ช่างน่ารำคาญซะจริง...หลี่ถงถงเอ่ยในใจ "คงต้องขอให้ผู้ดูแลหอพักช่วยย้ายขยะเน่าเช่นนางออกไป..." "หนวกหูชะมัด เงียบหน่อยไม่ได้รึไง?" "!?"ทั้งสองคนนั้นตกใจที่อยู่ๆก็ได้ยินคนนอนอยู่พูดขึ้น ก่อนจะเร่งสงบปากสงบคำของตนเอาไว้อย่างหวาดกลัว ส่วนหนิงอันหันมามองหลี่ถงถงที่นอนหันหลังให้ตนอยู่ ที่นอนของนางอยู่ข้างๆติดกับหลี่ถงถงที่เลือกนอนเตียงติดหน้าต่าง ส่วนอีกสองสาวก็นอนอยู่ตรงข้ามกับเตียงของตนและหลี่ถงถง เมื่อสองสาวนั่นเงียบ ความสงบก็กลับสู่ห้องนี้อีกครั้ง ทำให้หลี่ถงถงรู้สึกดียิ่งนักและคิดว่าดีแล้วที่พูดออกไป "คือ...คือว่า...คุณหนูหลี่...ข้า..."น้ำเสียงหวานดังตะกุกตะกักข้างหูของหลี่ถงถง ทำให้หลี่ถงถงที่กำลังจะหลับตื่นขึ้นมา คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างนึกรำคาญก่อนจะเอ่ยถามออกไป "มีอะไร?" เมื่อหนิงอันได้ยินเสียงเย็นชาของหลี่ถงถง หนิงอันก็ชะงักลมหายใจของตนทันทีก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเบา "อึก...ขอบ...ขอบคุณเจ้าค่ะ..." หลี่ถงถงหลุบตาลงเมื่อได้ยินคำขอบคุณอันแสนจริงใจของหนิงอัน ดูเหมือนเธอจะเข้าใจผิดคิดว่าฉันช่วยเธองั้นสินะ...ให้ตายเถอะ! ฉันไม่น่าพูดออกไปจริงๆเลยนั่นแหละ...หลี่ถงถงเอ่ยในใจอย่างนึกรำคาญ "น่ารำคาญ" หลี่ถงถงเอ่ยออกไปตามใจคิด แต่กลับไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนกล่าวนั้นจะทำให้หนิงอันรู้สึกปลาบปลื้มชอบนางขึ้นไปอีกขั้น ทะ...เท่ยิ่งนัก! หนิงอันกล่าวในใจด้วยแววตาที่เปล่งประกายหลังจากที่ทำแผลให้ฉีหานฟงเสร็จ หลี่ถงถงก็ได้พยุงร่างชายหนุ่มขึ้นเพื่อที่จะพาออกไปจากป่า ขนาดตัวของฉีหานฟงนั้นไม่ใช่เล็กๆ ทั้งยังหนักมากจนหลี่ถงถงต้องลำบากไม่น้อย "ให้ตายสิ! ปกติฉากแบบนี้มีแต่บุรุษช่วยพยุงร่างสตรีที่ได้รับบาดเจ็บมิใช่รึ? แล้วเหตุใดข้าจึงได้ต้องมาแบกบุรุษอกสามซอกเช่นนี้ด้วย? โลกช่างไม่ยุติธรรม!"ร่างบางบ่นออกมาอย่างหงุดหงิดนัยตาทับทิมหันมองทางข้างหน้าอย่างเบื่อหน่าย "ข้าก็ไม่อยากได้รับความช่วยเหลือจากสตรีที่ไร้เสน่ห์เช่นเจ้าเหมือนกันนั่นแหละ!"ฉีหานฟงเอ่ยตอบกลับอย่างไม่พอใจ "กล่าวเช่นนี้เดินเองเลยมั้ย?"หลี่ถงถงเหลือบสายตาไปมองตัวภาระอย่างฉีหานฟงที่ถูกพยุงอยู่พลางเอ่ยเสียงเรียบ "ชิ!"ชายหนุ่มหันหน้าหนีเพราะไม่สามารถตอบโต้อะไรกลับไปได้ "ถ้าเปลี่ยนจากข้าเป็นหนิงอัน ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะทำเช่นไร?"หลี่ถงถงหันหน้ากลับมามองทางและพาฉีหานฟงเดินต่อไปอย่างช้าๆเพราะกลัวว่าบาดแผลของเขาจะฉีกขาดเพิ่มอีก ชายหนุ่มคิดตามคำกล่าวของหลี่ถงถง หากตอนนี้เป็นหนิงอัน ตนคงไม่ยอมให้นางมาแบกข้าเช่นนี้แน่ และคงจะฝืนตนอย่างที่สุดเพื่อไม่ให้นางมาลำบาก... "แล้วที่เจ้าบอกว่าจะช่วยให
"เจ้าไหวมั้ย!?"หลี่ถงถงหันไปถามกับฉีหานฟงที่กำลังถูกงูอสรพิษสีมรกตจำนวนหนึ่งไล่ต้อน "อึก!!!!"ชายหนุ่มกัดฟันแน่น เพราะตอนนี้ไม่อาจที่จะต่อต้านการโจมตีของงูอสรพิษสีมรกตได้อีกแล้ว ฉึก!!! งูอสรพิษสีมรกตตัวหนึ่งใช้เกล็ดของมันเป็นอาวุธขนาดเล็กและได้คว้างเกล็ดนั้นใส่ที่ท้องของฉีหานฟงโดยที่ฉีหานฟงไม่สามารถหลบการโจมตีนั่นได้ เลือดไหลออกจากบาดแผลของชายหนุ่มเป็นจำนวนมาก แรงการโจมตีนั้นทำให้ฉีหานฟงไม่อาจที่จะพยุงตัวให้ลุกขึ้นมาได้อีกแล้วเหล่างูอสรพิษสีมรกตเมื่อเห็นว่าฉีหานฟงล้มลงแล้ว มันก็ได้รีบพุ่งเข้าไปจะโจมตีเขาทันทีเมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนั้น หลี่ถงถงก็กระโดดเข้าไปขวางรับการโจมตีแทนฉีหานฟงที่พลาดพลั่ง หยาดเหงื่อไหลลงผสมกับเลือดสีแดงเปื้อนใบหน้างามแต่กลับไม่มีเวลาเช็ดออก เคร้ง!!! เสียงดาบกระทบกับหางเกล็ดสีมรกตที่งูอสรพิษสีมรกตฟาดเข้ามาโจมตี โชคดีที่พลังของดาบของหลี่ถงถงนั้นสามารถต่อต้านเอาไว้ได้ "เจ้ามีหินเคลื่อนย้ายมิติหรือไม่!?"หลี่ถงถงเอ่ยถามฉีหานฟงเสียงดังสองมือกุมดาบกวัดแกว่งป้องกันการโจมตีของเหล่าสัตว์อสูรอย่างรวดเร็ว ฉีหานฟงมีท่าทีลังเลครู่หนึ่งก่อนตะพยักหน้าเบาๆ นั่นเลยทำใ
หลี่ถงถงเดินกลับไปที่จุดนัดรวมตัวพร้อมกับฟางซูที่เดินอยู่ข้างๆ "ถงถง!!!"หนิงอันที่เห็นว่าหลี่ถงถงเดินกลับมาแล้วก็รีบลุกขึ้นจากม้านั่งที่มีสองหนุ่มนั่งประกบซ้ายขวาทันที ก่อนจะพุ่งเข้าไปหาหลี่ถงถงดูเหมือนจะอึดอัดมากเลยสินะ แต่ก็ช่วยไม่ได้ มันคือชะตากรรมของนางเอกนี่นา...หลี่ถงถงเอ่ยในใจ "ฟางซูเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?"อวี้ซือเหลียงเอ่ยถามฟางซูอย่างสงสัยทันทีที่เห็นร่องรอยบาดแผลตามร่างกายของฟางซู ฟางซูส่ายหน้าเบาๆก่อนจะเอ่ยตอบไป"ไม่มีอะไร แค่พลาดตกบันไดเท่านั้น" "เจ้าไม่เป็นอะไรแน่หรือ?"หนิงอันเอ่ยถามฟางซืออย่างเป็นห่วง "ไม่เป็นไร พวกเจ้าไม่ต้องกังวลไป"ฟางซูตอบหนิงอันเสียงแผ่วเบา "งั้นก็ไปกันเถอะ สายแล้ว"หลี่ถงถงเอ่ยขึ้นท่ามกลางบรรยากาศอันแสนอึมครึมที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของตัวเอกทั้งสองผู้แสนดี ทั้งห้าออกเดินทางไปในทันทีโดยไม่รีรอเวลา กำหนดการทำภารกิจคือการเก็บดอกเบญจมาศสีทอง เวลาทำภารกิจคือสองวันหนึ่งคืนห้ามล่วงเลยเวลากำหนดเด็ดขาด ที่ทางสำนักได้ตั้งข้อกำหนดนี้ขึ้นมาก็เพราะว่าหากศิษย์คนใดไปทำภารกิจเกินเวลากำหนดจะตีความว่าพวกเขาเสียชีวิตหรือกำลังได้รับบาดเจ็บอยู่ เช่นเมื่อเกินเวลาไป
เมื่อตกลงรวมกลุ่มกันเสร็จ ทั้งห้าก็แยกย้ายกันไปเตรียมของเพื่อใช้ในการเดินทางทำภารกิจ หลี่ถงถงได้อาสาเป็นคนทำเรื่องยื่นขอทำภารกิจเพราะมีเรื่องอยากจะพูดคุยกับคนผู้หนึ่งด้วย "...เจ้า?" "ยินดีที่ได้พบนะ..." หลี่ถงถงเอ่ยกับคนที่นั่งหันหน้ามามองตนอย่างตกใจ หลายชั่วยามผ่านไป... ถึงเวลาเดินทางออกทำภารกิจ หลี่ถงถงกับหนิงอันเดินมาจุดนัดรวมตัวกัน ที่นั่นมีอวี้ซือเหลียงยืนรออยู่ก่อนแล้ว ด้านข้างมีฉีหานฟงที่ยืนหน้านิ่งมองไปรอบๆ "ฟางซูล่ะ?"หลี่ถงถงเอ่ยถามทั้งสองคนทันทีที่มาถึง สายตาเหลือบมองหาคนกะล่อนที่ไม่ได้อยู่ด้วย "คงกำลังมา"อวี้ซือเหลียงตอบพลางหันมองไปที่หนิงอันที่ยืนหลบอยู่หลังของหลี่ถงถง อา...ก็นางเป็นผู้หญิงนี่นะ(...) "รออีกสักครู่แล้วกัน"หลี่ถงถงพาหนิงอันไปนั่งตรงม้านั่งข้างๆ อวี้ซือเหลียงหันไปเห็นว่าข้างที่นั่งของหนิงอันว่างตนก็รีบไปนั่งทันที "!?"หนิงอันมีท่าทีเขินอายหนักกว่าเดิม พวงแก้มนวลขึ้นสีแดงก่ำมือบางทั้งสองจับแขนของหลี่ถงถงแน่น เฮ้อ...ทำไมผู้หญิงต้องเขินเวลาอยู่ใกล้คนที่ชอบแบบนี้กันด้วยนะ "หลี่ถงถง..." "หืม?"หลี่ถงถงเงยหน้าขึ้นมองฉีหานฟงที่เมื่อครู่เอ่ยเรียกตน "คือว
ในนิกายเป่ยซาน เงินที่ใช้จะเป็นแกนพลังในการแลกเปลี่ยน โดยที่ทองหรือเงินจากโลกภายนอกนั้นใช้กับที่นี่ไม่ได้ เพราะที่นี่ใช้แกนพลังในการแลกเปลี่ยนเท่านั้น เพื่อความเท่าเทียมกันของศิษย์ในนิกาย และแกนพลังนั้นยังสามารถใช้ในการบ่มเพาะพลังได้อีกด้วย วันนี้หลี่ถงถงจึงได้ไปที่กระดานภารกิจเพื่อจะหางานทำเงินมาใช้บ่มเพาะพลังและใช้แลกเปลี่ยนของอื่นๆที่จำเป็นต้องใช้ แต่ว่าภารกิจง่ายๆกลับถูกเหล่าศิษย์ใหม่เก็บเรียบไปหมดแล้ว เหลือแต่ภารกิจยากๆที่ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยง ชีวิตก็มีแค่ครั้งเดียว ใครมันจะไปกล้าเสี่ยงกัน? "เฮ้อ...มีแต่ภารกิจยากๆเลย..."หนิงอันเอ่ยออกมาอย่างเศร้าใจ หนิงอันเองก็ออกมาพร้อมกับหลี่ถงถง และก็ความสัมพันธ์ของทั้งสองนั้นเริ่มจะใกล้ชิดกันมากขึ้นแล้ว "เอาภารกิจนี้ดีรึไม่?"หลี่ถงถงชี้ไปที่ป้ายภารกิจหนึ่ง หนิงอันหันไปอ่านทันที "เก็บดอกเบญจมาศทองหรือ? แต่มันอันตรายนะถงถง ที่นั่นมีสัตว์อสูรที่มีพลังแข็งแกร่งเยอะมาก" หลี่ถงถงคิดตาม ลำพังแค่ข้าตัวคนเดียวมันก็ทำได้สะดวกอยู่หรอกนะ แต่ว่าหนิงอันนางคงจะอยากไปด้วยแน่ๆ..."เอาเช่นนี้ เรามาหาสมาชิกเพิ่มดีหรือไม่? สักสองสามคน รวมกลุ่มกันไว้ก็ได้ม
"ศิษย์ขอคาราวะท่านอาจารย์!!!"ทุกคนในห้องลุกขึ้นยืนทำความเคารพอาจารย์ประจำห้องนี้ที่เพิ่งเดินเข้ามาอย่างพร้อมเพรียงกัน "นั่งลงเถอะ"อาจารย์หนุ่มเดินเข้าไปนั่งลงที่โต๊ะหน้าห้องเรียนด้วยท่าทีสงบ เมื่อทุกคนเห็นว่าท่านนั่งลงแล้ว ทุกคนก็นั่งลงกลับเข้าที่ของตนเอง ท่านอาจารย์กวาดสายตามองสำรวจศิษย์ทุกคนอย่างละเอียดก่อนจะหันหน้ากลับมาและเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมแต่แผ่ซ่านไปด้วยความอบอุ่นชวนให้อุ่นใจ "ข้ามีนามว่าลู่หมิง หนึ่งปีต่อจากนี้พวกเจ้าจะได้อยู่ฝึกกับข้า หากมีสิ่งใดให้ช่วยเหลือก็สามารถมาบอกกับข้าได้เสมอ" เมื่อเห็นว่าทุกคนเข้าใจแล้วลู่หมิงก็ยกยิ้มออกมา เด็กที่นี่ทุกคนล้วนมีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้ จึงเป็นการง่ายที่จะสามารถกล่าวออกไปตรงๆตามวิถีนักรบได้ "ดีล่ะ! วินาทีนี้พวกเจ้าทุกคนจะต้องตั้งใจฝึกบ่มเพาะพลังให้มากขึ้น ทุกปี สำนักจะคัดสรรเลือกผู้มีพรสวรรค์ห้าคนของแต่ละสาขาเข้าไปอยู่ในเขตภายในชั้นต้นของนิกาย""โดยเขตภายในชั้นต้นนั้นจะมีทรัพยากรในการบ่มเพาะพลังสูงกว่าเขตภายนอกหลายเท่าตัว""จำเอาไว้ หากอยากแข็งแกร่งขึ้นพวกเจ้าจะต้องหมั่นฝึกฝนเพื่อจะได้เป็นหนึ่งในผู้คัดเลือกให้ได้ และถึ







