LOGINเมื่อหลี่ถงถง นักเรียนม.ปลายผู้รักความสงบได้ทะลุมิติเข้าไปอยู่ในนิยายที่เพิ่งอ่านจบ และได้เป็นนางร้ายที่ในอนาคตจะถูกกล่าวถึงสตรีที่ชั่วร้ายที่สุดในโลก และจะถูกสังหารตายอย่างน่าอนาถจากฝีมือของตัวร้าย
View More"อืม..."เปลือกตาสีอ่อนขนตาแพรยาวค่อยๆลืมขึ้นมาจากความมืด นัยตาสีแดงทับทิมค่อยๆตื่นจากฝัน แสงสว่างจากดวงอาทิตย์สีทองสาดส่องเข้ามาภายในห้องโปร่งที่ถูกจัดแต่งอย่างเรียบง่ายแต่มีราคาแพง
ร่างระหงในชุดขาวบางรีบลุกขึ้นมองไปรอบๆกายด้วยความตื่นตระหนก นี่มันเกิดอะไรขึ้น!? สองขวาซ้ายไม่ใช่ที่ที่หลี่ถงถงคุ้นเคย บรรยากาศโดยรอบแตกต่างจากที่เคยได้สัมผัส รอบๆห้องถูกจัดแต่งในแบบโบราณที่หลี่ถงถงของเคยเห็นตามสถานที่โบราณต่างๆ แต่ดูเหมือนไม่ใช่สถานที่เก่าโบราณดังเช่นที่เคยพบเจอ สัมผัสหนานุ่มฟูของเตียงนอนดูเหมือนจะไม่ใช่เนื้อผ้าสังเคราะห์ที่ซื้อได้จากตลาดร้านค้าทั่วไป ...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันน่ะ? หรือว่าจะโดนลักพาตัวมาเหรอ? หลี่ถงถงคิดในใจพลางฉุกคิดขึ้นอีกว่าใครมันจะมาลักพาตัวเด็กจนจนอย่างเธอกัน? ร่างบางหันไปมองรอบๆห้องอีกครั้ง ห้องใหญ่จัดแต่งเรียบง่ายแต่ราคาของตกแต่งนั้นดูไม่ใช่ของใช้ราคาถูก หรือฉันว่าจะเป็นทายาทเศรษฐีที่พลัดพรากมาจากครอบครัว และได้ถูกพ่อแม่ของฉันรับไปเลี้ยง? หลี่ถงถงมองกระถางหยกสีเขียวราคาแพง ก่อนจะฉุดคิดได้อีกครั้ง ...นั่นก็ไม่ใช่อีก เพราะว่าดีเอ็นเอบนหน้าของฉันและแม่ก็เหมือนกันซะขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่แม่ลูกกัน ฉันก็คงจะเป็นลูกหลานของคนอื่นที่หน้าตาเหมือนแม่แล้ว! หลี่ถงถงลุกขึ้นลงจากเตียงนุ่มก่อนที่สายตาจะสะดุดกับกระจกบานใหญ่ข้างๆ เงาในกระจกสะท้อนรูปลักษณ์ของสตรีรูปร่างบอบบาง ใบหน้างดงามร่างระหงสวมชุดขาวบางเผยผิวขาวใสผุดผ่องส่งสู่สายตาของหลี่ถงถง นัยตาสีแดงทับทิมงดงามสั่นไหว ริมฝีปากแดงอวบอิ่มอ้าค้าง "น.นี่มัน...คือฉันเหรอ!?"เสียงอุทานออกมาเสียงดังลั่นเรียกให้คนที่อยู่ใกล้ๆสนใจ... หลายนาทีผ่านไป... ตอนนี้หลี่ถงถงก็ได้รับรู้ความจริงอันแสนเจ็บปวดและยากเกินจะทนไหว นั่นก็คือหลี่ถงถงได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในนิยายเรื่อง'ปราบมังกร'ที่อ่านเจอในเว็บนิยาย และได้อยู่ในร่างของหลี่ถงถงที่มีชื่อเหมือนกันกับเธอจนน่าขนลุก ซ้ำร้ายยังได้เป็นนางร้ายในนิยายที่จะถูกตัวร้ายทรยศหักหลังและฆ่าตายอย่างน่าอนาจในอีกหนึ่งเดือนนับจากนี้อีก!!! "โอ้พระเจ้า จะให้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในนิยายทั้งทีทำไมต้องให้มาอยู่ในร่างที่ใกล้ตายแบบนี้ด้วยเจ้าคะ?" หลี่ถงถงกอดเข่าคร่ำครวญอย่างหมดอาลัยกับชีวิต ตอนนี้สถานที่นางอยู่คือโรงเตี้ยมใกล้ๆกับสถาบันการศึกษาของนิกายเป่ยซานที่หลี่ถงถงกำลังจะได้เข้าไปร่ำเรียนที่นั่น สำนักเรียนเป่ยซานเป็นสถาบันการฝึกสอนศิลปะการต่อสู้หลากหลายแขนงและหลี่ถงถงก็กำลังอยู่ในสถานะศิษย์ใหม่ที่กำลังจะได้สอบเข้าสำนักไป และในอีกสามวันจะถูกคัดเลือกเข้าไปเรียนตามสาขาที่ทางสำนักคัดเลือกให้ ในเนื้อหาบอกว่าหลี่ถงถงจะได้ไปอยู่ในสาขาการต่อสู้ที่เหล่าตัวเอกทั้งหลายอยู่ที่นั่นกันหมดและจะได้รู้จักกับตัวร้าย'ฉีหานฟง'ที่นั่งเรียนข้างกันตามที่สำนักได้จัดไว้ให้ และจะถูกเจ้าตัวร้ายนั้นหลอกล่อใช้เป็นเครื่องมืออย่างโหดร้าย ซึ่งหลี่ถงถงที่ถูกฉีหานฟงรู้ความจริงในเรื่องที่นางได้หลงรักอวี้ซือเหลียงข้างเดียวจึงหลอกลวงนางว่าหากนางช่วยตน ตนก็จะหาทางทำให้นางได้เข้าใกล้ชิดกันกับอวี้ซือเหลียงให้ และนางก็ยอมเชื่อฟังอย่างโง่งมเพราะเห็นว่าฉีหานฟงมีความสัมพันอันดีกับอวี้ซือเหลียงที่เป็นดั่งสหายรักกัน โดยที่หาได้รู้ไม่ว่าฉีหานฟงนั้นเพียงแค่หลอกลวงให้นางทำการกำจัดอวี้ซือเหลียงเท่านั้น แต่แผนการส่วนแรกที่ฉีหานฟงให้หลี่ถงถงทำก็ไม่ได้สำเร็จตามที่ฉีหานฟงได้คาดเอาไว้ เพราะนางดันไปก่อเรื่องกับหนิงอันที่เป็นนางเอกของนิยาย จนหนิงอันได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้ฉีหานฟงที่หลงรักหนิงอันรู้สึกโกรธแค้นและตัดสินใจหักหลังสังหารหลี่ถงถง และยังใส่ร้ายว่านางแอบคบหาสมาคมกับเหล่าปีศาจ ทั้งยังสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมาทำให้ร่างของหลี่ถงถงถูกเผาต่อหน้าของทุกคนในดินแดนได้รับความเกลียดชังจากผู้คน ป้ายวิญญาณของนางที่เป็นบุตรีของตระกูลหลี่ ตระกูลของขุนนางชั้นสูง หลุมศพของนางถูกเหยียบย่ำหยามเกียรติอย่างที่สุด จากนั้นนางก็ถูกขนานนามว่าสตรีปีศาจและชั่วร้ายหาใครเปรียบ... ...ช่างเป็นการตายที่น่าอนาจใจยิ่งนัก โชคยังดีที่ตอนนี้ยังสามารถหลบเลี่ยงการเข้าไปยุ่งพัวพันกับเหล่าตัวเอกได้ หากว่าฉันทำข้อสอบทางด้านสาขาอื่นได้ดีกว่าข้อสอบของสาขาต่อสู้ ฉันก็จะได้ไม่ได้เข้าไปเรียนในที่สาขาต่อสู้ และก็สามารถหลบเลี่ยงการตายได้แล้ว ตัวฉันนี่ฉลาดจริงๆ...หลี่ถงถงพูดในใจก่อนจัหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างมีความสุข วันนั้นเองในการสอบ หลี่ถงถงก็ได้ทำข้อสอบได้ง่ายดายเพราะว่าความรู้ความเข้าใจในโลกนิยายแห่งนี้ได้ถูกหลี่ถงถงอ่านมาจนจบหมดแล้ว และได้ถูกศึกษาอย่างละเอียดด้วยพลังของโอตาคุระดับสูงสุดโค้ดเนมผู้หมกมุ่น แต่หลี่ถงถงก็ได้พยายามควบคุมคะแนนให้อยู่ในระดับกลางเพราะไม่อยากโดดเด่นเกินหน้าเกินตาของผู้อื่น โดยหลี่ถงถงยึดแนวคิดที่ว่าตัวประกอบมักรอดไปจนจบท้ายเรื่องเสมอ ส่วนวิชาต่อสู้หลี่ถงถงก็ได้ทำข้อสอบให้ได้คะแนนต่ำที่สุดเท่าที่จะต่ำได้... "หึๆ แค่นี้ข้าก็จะรอดแล้ว..."หลี่ถงถงหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขหลังจากที่ได้สอบเสร็จ ณ หน้ากระดานรายชื่อ... หลี่ถงถงเดินแหวกฝูงศิษย์ที่ยืนอัดแน่นหน้ากระดานรายชื่อเข้าไปก่อนจะมองไล่เรียงรายชื่อของสาขาอื่นๆที่ไม่ใช่สาขาต่อสู้ แต่ว่ากลับไม่มีรายชื่อของนางอยู่ในนั้นเลยสักสาขา ก่อนนัยตาสีแดงทับทิมจะสบหันไปเห็นชื่อของตนในกระดาษรายชื่อของศิษย์ที่จะได้เข้าไปอยู่ในสาขาต่อสู้... ทะ...ทำไม...ชื่อของฉันถึงได้อยู่ในหนึ่งของสาขาต่อสู้ล่ะ!? นี่มันต้องมีอะไรผิดพลาดไปแล้วแน่ๆ!!!!หลังจากที่ทำแผลให้ฉีหานฟงเสร็จ หลี่ถงถงก็ได้พยุงร่างชายหนุ่มขึ้นเพื่อที่จะพาออกไปจากป่า ขนาดตัวของฉีหานฟงนั้นไม่ใช่เล็กๆ ทั้งยังหนักมากจนหลี่ถงถงต้องลำบากไม่น้อย "ให้ตายสิ! ปกติฉากแบบนี้มีแต่บุรุษช่วยพยุงร่างสตรีที่ได้รับบาดเจ็บมิใช่รึ? แล้วเหตุใดข้าจึงได้ต้องมาแบกบุรุษอกสามซอกเช่นนี้ด้วย? โลกช่างไม่ยุติธรรม!"ร่างบางบ่นออกมาอย่างหงุดหงิดนัยตาทับทิมหันมองทางข้างหน้าอย่างเบื่อหน่าย "ข้าก็ไม่อยากได้รับความช่วยเหลือจากสตรีที่ไร้เสน่ห์เช่นเจ้าเหมือนกันนั่นแหละ!"ฉีหานฟงเอ่ยตอบกลับอย่างไม่พอใจ "กล่าวเช่นนี้เดินเองเลยมั้ย?"หลี่ถงถงเหลือบสายตาไปมองตัวภาระอย่างฉีหานฟงที่ถูกพยุงอยู่พลางเอ่ยเสียงเรียบ "ชิ!"ชายหนุ่มหันหน้าหนีเพราะไม่สามารถตอบโต้อะไรกลับไปได้ "ถ้าเปลี่ยนจากข้าเป็นหนิงอัน ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะทำเช่นไร?"หลี่ถงถงหันหน้ากลับมามองทางและพาฉีหานฟงเดินต่อไปอย่างช้าๆเพราะกลัวว่าบาดแผลของเขาจะฉีกขาดเพิ่มอีก ชายหนุ่มคิดตามคำกล่าวของหลี่ถงถง หากตอนนี้เป็นหนิงอัน ตนคงไม่ยอมให้นางมาแบกข้าเช่นนี้แน่ และคงจะฝืนตนอย่างที่สุดเพื่อไม่ให้นางมาลำบาก... "แล้วที่เจ้าบอกว่าจะช่วยให
"เจ้าไหวมั้ย!?"หลี่ถงถงหันไปถามกับฉีหานฟงที่กำลังถูกงูอสรพิษสีมรกตจำนวนหนึ่งไล่ต้อน "อึก!!!!"ชายหนุ่มกัดฟันแน่น เพราะตอนนี้ไม่อาจที่จะต่อต้านการโจมตีของงูอสรพิษสีมรกตได้อีกแล้ว ฉึก!!! งูอสรพิษสีมรกตตัวหนึ่งใช้เกล็ดของมันเป็นอาวุธขนาดเล็กและได้คว้างเกล็ดนั้นใส่ที่ท้องของฉีหานฟงโดยที่ฉีหานฟงไม่สามารถหลบการโจมตีนั่นได้ เลือดไหลออกจากบาดแผลของชายหนุ่มเป็นจำนวนมาก แรงการโจมตีนั้นทำให้ฉีหานฟงไม่อาจที่จะพยุงตัวให้ลุกขึ้นมาได้อีกแล้วเหล่างูอสรพิษสีมรกตเมื่อเห็นว่าฉีหานฟงล้มลงแล้ว มันก็ได้รีบพุ่งเข้าไปจะโจมตีเขาทันทีเมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนั้น หลี่ถงถงก็กระโดดเข้าไปขวางรับการโจมตีแทนฉีหานฟงที่พลาดพลั่ง หยาดเหงื่อไหลลงผสมกับเลือดสีแดงเปื้อนใบหน้างามแต่กลับไม่มีเวลาเช็ดออก เคร้ง!!! เสียงดาบกระทบกับหางเกล็ดสีมรกตที่งูอสรพิษสีมรกตฟาดเข้ามาโจมตี โชคดีที่พลังของดาบของหลี่ถงถงนั้นสามารถต่อต้านเอาไว้ได้ "เจ้ามีหินเคลื่อนย้ายมิติหรือไม่!?"หลี่ถงถงเอ่ยถามฉีหานฟงเสียงดังสองมือกุมดาบกวัดแกว่งป้องกันการโจมตีของเหล่าสัตว์อสูรอย่างรวดเร็ว ฉีหานฟงมีท่าทีลังเลครู่หนึ่งก่อนตะพยักหน้าเบาๆ นั่นเลยทำใ
หลี่ถงถงเดินกลับไปที่จุดนัดรวมตัวพร้อมกับฟางซูที่เดินอยู่ข้างๆ "ถงถง!!!"หนิงอันที่เห็นว่าหลี่ถงถงเดินกลับมาแล้วก็รีบลุกขึ้นจากม้านั่งที่มีสองหนุ่มนั่งประกบซ้ายขวาทันที ก่อนจะพุ่งเข้าไปหาหลี่ถงถงดูเหมือนจะอึดอัดมากเลยสินะ แต่ก็ช่วยไม่ได้ มันคือชะตากรรมของนางเอกนี่นา...หลี่ถงถงเอ่ยในใจ "ฟางซูเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?"อวี้ซือเหลียงเอ่ยถามฟางซูอย่างสงสัยทันทีที่เห็นร่องรอยบาดแผลตามร่างกายของฟางซู ฟางซูส่ายหน้าเบาๆก่อนจะเอ่ยตอบไป"ไม่มีอะไร แค่พลาดตกบันไดเท่านั้น" "เจ้าไม่เป็นอะไรแน่หรือ?"หนิงอันเอ่ยถามฟางซืออย่างเป็นห่วง "ไม่เป็นไร พวกเจ้าไม่ต้องกังวลไป"ฟางซูตอบหนิงอันเสียงแผ่วเบา "งั้นก็ไปกันเถอะ สายแล้ว"หลี่ถงถงเอ่ยขึ้นท่ามกลางบรรยากาศอันแสนอึมครึมที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของตัวเอกทั้งสองผู้แสนดี ทั้งห้าออกเดินทางไปในทันทีโดยไม่รีรอเวลา กำหนดการทำภารกิจคือการเก็บดอกเบญจมาศสีทอง เวลาทำภารกิจคือสองวันหนึ่งคืนห้ามล่วงเลยเวลากำหนดเด็ดขาด ที่ทางสำนักได้ตั้งข้อกำหนดนี้ขึ้นมาก็เพราะว่าหากศิษย์คนใดไปทำภารกิจเกินเวลากำหนดจะตีความว่าพวกเขาเสียชีวิตหรือกำลังได้รับบาดเจ็บอยู่ เช่นเมื่อเกินเวลาไป
เมื่อตกลงรวมกลุ่มกันเสร็จ ทั้งห้าก็แยกย้ายกันไปเตรียมของเพื่อใช้ในการเดินทางทำภารกิจ หลี่ถงถงได้อาสาเป็นคนทำเรื่องยื่นขอทำภารกิจเพราะมีเรื่องอยากจะพูดคุยกับคนผู้หนึ่งด้วย "...เจ้า?" "ยินดีที่ได้พบนะ..." หลี่ถงถงเอ่ยกับคนที่นั่งหันหน้ามามองตนอย่างตกใจ หลายชั่วยามผ่านไป... ถึงเวลาเดินทางออกทำภารกิจ หลี่ถงถงกับหนิงอันเดินมาจุดนัดรวมตัวกัน ที่นั่นมีอวี้ซือเหลียงยืนรออยู่ก่อนแล้ว ด้านข้างมีฉีหานฟงที่ยืนหน้านิ่งมองไปรอบๆ "ฟางซูล่ะ?"หลี่ถงถงเอ่ยถามทั้งสองคนทันทีที่มาถึง สายตาเหลือบมองหาคนกะล่อนที่ไม่ได้อยู่ด้วย "คงกำลังมา"อวี้ซือเหลียงตอบพลางหันมองไปที่หนิงอันที่ยืนหลบอยู่หลังของหลี่ถงถง อา...ก็นางเป็นผู้หญิงนี่นะ(...) "รออีกสักครู่แล้วกัน"หลี่ถงถงพาหนิงอันไปนั่งตรงม้านั่งข้างๆ อวี้ซือเหลียงหันไปเห็นว่าข้างที่นั่งของหนิงอันว่างตนก็รีบไปนั่งทันที "!?"หนิงอันมีท่าทีเขินอายหนักกว่าเดิม พวงแก้มนวลขึ้นสีแดงก่ำมือบางทั้งสองจับแขนของหลี่ถงถงแน่น เฮ้อ...ทำไมผู้หญิงต้องเขินเวลาอยู่ใกล้คนที่ชอบแบบนี้กันด้วยนะ "หลี่ถงถง..." "หืม?"หลี่ถงถงเงยหน้าขึ้นมองฉีหานฟงที่เมื่อครู่เอ่ยเรียกตน "คือว
ในนิกายเป่ยซาน เงินที่ใช้จะเป็นแกนพลังในการแลกเปลี่ยน โดยที่ทองหรือเงินจากโลกภายนอกนั้นใช้กับที่นี่ไม่ได้ เพราะที่นี่ใช้แกนพลังในการแลกเปลี่ยนเท่านั้น เพื่อความเท่าเทียมกันของศิษย์ในนิกาย และแกนพลังนั้นยังสามารถใช้ในการบ่มเพาะพลังได้อีกด้วย วันนี้หลี่ถงถงจึงได้ไปที่กระดานภารกิจเพื่อจะหางานทำเงินมาใช้บ่มเพาะพลังและใช้แลกเปลี่ยนของอื่นๆที่จำเป็นต้องใช้ แต่ว่าภารกิจง่ายๆกลับถูกเหล่าศิษย์ใหม่เก็บเรียบไปหมดแล้ว เหลือแต่ภารกิจยากๆที่ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยง ชีวิตก็มีแค่ครั้งเดียว ใครมันจะไปกล้าเสี่ยงกัน? "เฮ้อ...มีแต่ภารกิจยากๆเลย..."หนิงอันเอ่ยออกมาอย่างเศร้าใจ หนิงอันเองก็ออกมาพร้อมกับหลี่ถงถง และก็ความสัมพันธ์ของทั้งสองนั้นเริ่มจะใกล้ชิดกันมากขึ้นแล้ว "เอาภารกิจนี้ดีรึไม่?"หลี่ถงถงชี้ไปที่ป้ายภารกิจหนึ่ง หนิงอันหันไปอ่านทันที "เก็บดอกเบญจมาศทองหรือ? แต่มันอันตรายนะถงถง ที่นั่นมีสัตว์อสูรที่มีพลังแข็งแกร่งเยอะมาก" หลี่ถงถงคิดตาม ลำพังแค่ข้าตัวคนเดียวมันก็ทำได้สะดวกอยู่หรอกนะ แต่ว่าหนิงอันนางคงจะอยากไปด้วยแน่ๆ..."เอาเช่นนี้ เรามาหาสมาชิกเพิ่มดีหรือไม่? สักสองสามคน รวมกลุ่มกันไว้ก็ได้ม
"ศิษย์ขอคาราวะท่านอาจารย์!!!"ทุกคนในห้องลุกขึ้นยืนทำความเคารพอาจารย์ประจำห้องนี้ที่เพิ่งเดินเข้ามาอย่างพร้อมเพรียงกัน "นั่งลงเถอะ"อาจารย์หนุ่มเดินเข้าไปนั่งลงที่โต๊ะหน้าห้องเรียนด้วยท่าทีสงบ เมื่อทุกคนเห็นว่าท่านนั่งลงแล้ว ทุกคนก็นั่งลงกลับเข้าที่ของตนเอง ท่านอาจารย์กวาดสายตามองสำรวจศิษย์ทุกคนอย่างละเอียดก่อนจะหันหน้ากลับมาและเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมแต่แผ่ซ่านไปด้วยความอบอุ่นชวนให้อุ่นใจ "ข้ามีนามว่าลู่หมิง หนึ่งปีต่อจากนี้พวกเจ้าจะได้อยู่ฝึกกับข้า หากมีสิ่งใดให้ช่วยเหลือก็สามารถมาบอกกับข้าได้เสมอ" เมื่อเห็นว่าทุกคนเข้าใจแล้วลู่หมิงก็ยกยิ้มออกมา เด็กที่นี่ทุกคนล้วนมีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้ จึงเป็นการง่ายที่จะสามารถกล่าวออกไปตรงๆตามวิถีนักรบได้ "ดีล่ะ! วินาทีนี้พวกเจ้าทุกคนจะต้องตั้งใจฝึกบ่มเพาะพลังให้มากขึ้น ทุกปี สำนักจะคัดสรรเลือกผู้มีพรสวรรค์ห้าคนของแต่ละสาขาเข้าไปอยู่ในเขตภายในชั้นต้นของนิกาย""โดยเขตภายในชั้นต้นนั้นจะมีทรัพยากรในการบ่มเพาะพลังสูงกว่าเขตภายนอกหลายเท่าตัว""จำเอาไว้ หากอยากแข็งแกร่งขึ้นพวกเจ้าจะต้องหมั่นฝึกฝนเพื่อจะได้เป็นหนึ่งในผู้คัดเลือกให้ได้ และถึ






Comments