ภายในตัวเมืองยังคงมีผู้คนจอแจอยู่ตลอดเส้นทางเหมือนดังเช่นทุกวัน แต่ทว่าวันนี้ดูจะครึกครื้นเป็นพิเศษ
หงเหม่ยหลงยังคงสวมใส่อาภรณ์สีชมพูอ่อนปักลายสีนวลชุดเดิม
ชุดที่เคยสวยงามบัดนี้มอมแมมกลายเป็นสีขุ่นอยู่หลายส่วน
หญิงสาวซึ่งเดินทางรอนแรมมาตามเส้นทางต่างๆของเมือง หากินโดยการขโมยเล็กขโมยน้อยเรื่อยมา รู้สึกได้ว่าเมืองตรงนี้ผู้คนช่างคึกคักกว่าเมืองก่อนหน้าที่ผ่านมา
พลันสายตาของนางเหลือบไปเห็นบรรดาหญิงสาวสวยงามมากหน้าหลายตายืนออกันอยู่บริเวณเพิงหน้าสถานที่อันโอ่อ่าใหญ่โตแห่งหนึ่ง
ที่นี่คงกำลังมีงานอยู่กระมัง หงเหม่ยหลงคิดในใจ
ทันใดนั้นพลันมีหญิงสาวนางหนึ่งเดินชนเข้ากับหงเหม่ยหลงจนหญิงสาวนางนั้นล้มลงไปกองกับพื้น ก่อนส่งเสียงแหลม
“โอ๊ย! เกะกะขวางทางจริงเชียว”
“ข้ากำลังรีบอยู่ เขารับสมัครเพียงวันนี้วันสุดท้ายแล้วด้วย” หญิงสาวนางนั้นรีบลุกขึ้นพร้อมกับบ่นพึมพัมอย่างหัวเสียไปตามทาง
“รับสมัครงานหรือ รับแต่สตรีหรือไร น่าสนใจ” หงเหม่ยหลงคิดไปพลางเดินเข้าไปดูในเพิงใกล้ๆ
นางกำลังรู้สึกเบื่อหน่อยกับการลักเล็กขโมยน้อยเต็มที
หงเหม่ยหลงเลือกเดินเข้าไปต่อแถวตามหญิงสาวคนอื่นๆเพื่อเข้าไปสมัครงานด้วยอีกคน
เมื่อถึงลำดับของหงเหม่ยหลง เสียงของบุคคลที่รับสมัครอยู่กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเหมือนเหนื่อยหน่ายกับภารกิจตรงหน้าเต็มที “เจ้าเป็นบุตรสาวบ้านไหน”
“หือ” หญิงสาวเอ่ยออกมา “สำคัญด้วยหรือ”
คนที่รับสมัครอยู่มองหงเหม่ยหลงตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนเอ่ยเสียงดุ “ท่าทางสกปรก มอมแมม หน้าตาไม่งดงามเท่าที่ควร ไม่ผ่าน”
“หือ!” หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยประโยคเดิม “สำคัญด้วยหรือ?”
“คนต่อไป”เสียงของบุคคลคนเดิมนี้กล่าวพลางยกมือไล่หงเหม่ยหลงให้หลบไป
หญิงสาวเพียงหรี่ตามอง นึกอยากฆ่าบุคคลผู้นี้ขึ้นมาหลายส่วนนัก
แต่เอาเถอะ นางจะปล่อยไปก่อน ถ้าเข้าแบบปกติดีๆไม่ได้ ก็ต้องแอบเข้าไป ไม่เห็นยาก หงเหม่ยหลงคิดได้ดังนั้นจึงเดินหายตัวไป
หงเหม่ยหลงเดินกลับออกมาจากสถานที่แห่งนั้นไม่ไกลกันนัก นางเลือกที่จะปีนขึ้นไปบนต้นไม้ต้นหนึ่ง หญิงสาวเลือกต้นที่มีความสูงมากพอที่จะมองเข้าไปด้านในสถานแห่งนี้
นางเพียงสังเกตแผนผังด้านในที่ประกอบไปด้วยเรือนเล็กเรือนน้อยและสังเกตการแต่งกายของบ่าวไพร่ข้างใน
ในสถานที่แห่งนี้มีจำนวนทหารและองครักษ์คอยรักษาความปลอดภัยอยู่ไม่น้อย
หญิงสาวเลือกทางที่มีช่องเพียงนิดเพื่อเข้าไปทางด้านหลังสุดของอาณาเขตอันใหญ่โตแห่งนี้ที่เป็นเรือนตากผ้า
นางเพียงหยิบฉวยเครื่องแต่งกายของบ่าวไพร่มาไว้ในมือแล้วออกมาอย่างรวดเร็ว
อยู่นานไม่ได้ เพราะการรักษาความปลอดภัยแน่นหนาเกินไป
เมื่อหงเหม่ยหลงเปลี่ยนผ้าจากชุดสีชมพูมอมแมมมาเป็นชุดบ่าวไพร่เสร็จแล้ว
นางเพียงแค่เดินเข้าจากด้านหน้าทำตัวให้เหมือนออกไปจ่ายตลาดมา
เมื่อเข้าไปได้ก็ทำตัวให้เสมือนว่าทำงานอยู่ในนั้น และก็รับค่าจ้างไป หญิงสาวคิดตามนั้นในใจ
แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าเดินไป เสียงร้องไห้ของเด็กสาวนางหนึ่งก็ดังขึ้นอยู่ด้านหลังของหงเหม่ยหลง
หญิงสาวหันไปมอง เห็นเป็นเด็กหญิงคนหนึ่งแต่งกายเหมือนกันกับนางตอนนี้ แต่เนื้อตัวมอมแมมเหมือนโดนทำร้ายร่างกายมา
มาถึงการวาดภาพศิลปะปลายพู่กัน สตรีอื่นๆต่างวาดภาพเป็นทิวทัศน์ ภูเขา แม่น้ำ บ้างก็วาดภาพรูปบุปผาต่างๆ ดูแล้วงดงามสบายตา แต่หงเหม่ยหลงกลับวาดภาพออกมาเป็นกระบวนท่าของการต่อสู้ต่างๆเต็มหน้ากระดาษ จนเหล่าทหารที่คอยอารักขาอยู่ภายในบริเวณการแข่งขันแทบจะเข้ามาแย่งชิงกัน เพื่อนำมันไปฝึกฝนจนสุดท้ายที่เรียกเสียงฮือฮาอย่างฉงนจากบรรดาผู้มาร่วมงานก็คือการเล่นดนตรี สาวงามนางอื่นปล่อยพลังนิ้วมือเพื่อเล่นดนตรีล้วนแล้วแต่เป็นเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะเสนาะหู จนได้คะแนนเต็มสิบส่วนกันถ้วนหน้า มีเพียงหงเหม่ยหลงที่ไม่ได้คะแนนเลยการเล่นดนตรีนั้นนับเป็นเรื่องที่ยากที่สุดสำหรับนางเพราะนางฝึกแต่ดาบ ฝึกแต่พลังฝ่ามือ ไม่เคยฝึกเล่นดนตรีใดๆ กิจกรรมทั่วไปสำหรับเหล่าสตรีนางมิเคยได้แตะต้องดังนั้นเมื่อนางเพียงแค่จรดปลายนิ้วเพื่อส่งพลังไปยังเครื่องดนตรีเหล่านั้น เครื่องดนตรีก็เป็นอันต้องเสียหาย บ้างก็สายขาด บ้างก็ปริแตก เปลี่ยนตัวใหม่ก็ยังเหมือนเดิม โจทย์ข้อนี้นางทำเครื่องดนตรีเสียหายไปหลายตัว จนนางต้องยอมแพ้หลี่ซ่งหมินที่นั่งมองหงเหม่ยหลงอยู่เขารู้ดีถึงสาเหตุนั้นเขาเคยเห็นพลังงานจากฝ่ามือนั้นของนางมาแล้ว ตอนที่นาง
เวลาผ่านไปอีกหนึ่งวัน การคัดเลือกสาวงามก็มาถึงณ ลานกว้างของวังหลี่ซ่งหมินหนาแน่นไปด้วยเหล่าสาวงาม แต่ละนางล้วนมีหน้าตาสวยสดงดงามหยาดเยิ้มจนหงเหม่ยหลงรู้สึกแสบตาไปหมด มองไปทางไหนก็มีแต่สตรีรูปโฉมเหนือคำบรรยาย เพียงไม่นานเหล่าขันทีทั้งหลายก็เดินทางเข้ามาทำให้รู้ว่าใกล้ถึงเวลาแข่งขันแล้วหงเหม่ยหลงมิได้มีอาการตื่นเต้นแต่อย่างใด เพียงแต่นางไม่ชินกับภาพแบบนี้เอาเสียเลยที่บ้านของนาง สำนักหมื่นโลกันตร์ มิใช่ไม่เคยจัดการแข่งขันแต่การแข่งขันที่บ้านของนางนั้นล้วนเป็นกิจกรรมแนวป่าเถื่อนแต่ละคนที่เข้าร่วมการแข่งขันล้วนแล้วแต่มีลักษณะหน้าตาโหดเหี้ยม ดุดัน มิได้เหมือนดั่งนางฟ้านางสวรรค์เช่นนี้แต่ที่นี่เวลานี้ทำให้นางพอเข้าใจในตัวของบุรุษที่นางแอบชื่นชมอยู่ในใจบุรุษอะไร ช่างเจ้าชู้ เจ้าสำราญ น่าหมั่นไส้ยิ่งนัก นางนึกเข่นเขี้ยวอยู่ในใจ นึกอยากจะฆ่าสตรีทุกคนในที่นี้เสียจริงเชียวและบุรุษที่หงเหม่ยหลงกำลังนึกเข่นเขี้ยวอยู่นั้น บัดนี้เขากำลังนั่งอยู่ด้านบนสุดของเวทีการแข่งขันแห่งนี้ซึ่งเดิมทีหลี่ซ่งหมินนั้นมิได้คิดที่จะเข้ามาดูการแข่งขันแต่อย่างใด เพียงแต่จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเหล่าขันทีไปเพี
“เจ้าควรจะทำให้สมองปลอดโปร่งขึ้นหลังจากได้อ่านหนังสือเหล่านั้นจนพอใจ” จู่ๆ หลี่ซ่งหมินก็เอ่ยขึ้น เพื่อชี้นำบางอย่างให้แก่หงเหม่ยหลงเขารู้สึกว่าอยากอยู่ใกล้ชิดนาง อยากคุยกับนางให้มากกว่านี้ หงเหม่ยหลงเพียงนั่งฟังนิ่งๆไม่ตอบรับคำใดๆ แต่ทว่าภายในใจกำลังเห็นด้วยกับความคิดนั้นของชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของถิ่นฐานแห่งนี้ แต่ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะกล่าวสิ่งใด หลี่ซ่งหมินก็ลุกขึ้นพร้อมทั้งถือวิสาสะจับกุมมือของหงเหม่ยหลงให้เดินตามตนออกมาจากในห้องหนังสือเสียอย่างนั้น “เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อน! ท่าน!” หงเหม่ยหลงเอ่ยได้แค่นั้นพลางลุกเดินตามออกมาอย่างฉงน หญิงสาวมองเห็นเหล่าบรรดาบ่าวไพร่ตามรายทางต่างเมียงมองมาทางนางเป็นสายตาเดียวกัน นั่นจึงทำให้นางไม่อาจกล่าวสิ่งใดได้อีกต่อไป ด้วยเพราะเกรงว่าอาจจะเป็นการไม่ให้เกียรติชายหนุ่มที่กำลังเดินอยู่ด้านหน้าของนางในยามนี้ เมื่อหลี่ซ่งหมินพาหงเหม่ยหลงเดินทอดน่องมาจนถึงสวนสวยแห่งหนึ่งภายในอุทยานของเขตวังของเขา เขาจึงค่อยๆหยุดเดินแต่ยังคงจับกุมมือของนางอยู่อย่างเอาแต่ใจ “ท่าน! ปล่อย! ปล่อยก่อน...” หงเ
หงเหม่ยหลงยอมมานั่งลงแต่โดยดี ด้วยเพราะรู้สึกผิดต่อการกระทำของตนเอง“ข้า เอ่อ...ขอโทษด้วยที่ถือวิสาสะเข้ามาในห้องของท่านยามวิกาลเช่นนี้” หงเหม่ยหลงเอ่ยขึ้น สีหน้างามที่มักจะดุดันของนางอ่อนโยนลงภายใต้แสงเทียนชายหนุ่มเพียงนั่งมองใบหน้านั้นมิได้กล่าวสิ่งใดหญิงสาวเห็นชายหนุ่มเงียบไปจึงเอียงหน้าไปทางเขาพลางขมวดคิ้วเป็นเชิงคำถาม “ท่านกำลังเคืองข้างั้นรึ”“เรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องเคือง ข้ามิได้ทำสิ่งใดที่เป็นความผิดร้ายแรงเสียหน่อย หนังสือหรือ ข้าก็ยังมิได้ขโมยไปสักเล่ม”ชายหนุ่มจ้องหน้านางก่อนกล่าว “ถ้าข้านอนหลับไปแล้ว เกรงว่าเจ้าจะขโมยมันจนหมด ไม่เหลือสักเล่ม”“ท่าน!” หญิงสาวถลึงตาใส่ ก่อนถอนหายใจ ยามเอ่ย“เฮ่อ....ท่านจะเอาอย่างไร ว่ามา”“ก็ไม่อย่างไร” ชายหนุ่มตอบหน้านิ่ง “ถ้าเจ้าอยากอ่านหนังสือก็อ่านได้เลย แต่ต้องอ่านที่นี่ ห้ามนำมันออกไป”“แม้ข้าจะนำมันออกไป ข้าย่อมนำมันมาคืน”“แต่ข้าไม่ให้นำมันไป เจ้าต้องนั่งอ่านมันในนี้”“ทำไมงั้นเล่า ท่านจะไม่หลับไม่นอนหรือยังไง”“ข้ายังไม่ง่วง” ใครจะหลับลง เขาคิดหญิงสาวก้มหน้าลง “ก็ได้ ก็ได้” พร้อมส่ายหน้าน้อยๆเป็นเชิงว่ายอมแพ้ “ข้ายอมท่านแล้ว” ห
ชายหนุ่มรู้ทันจึงเบี่ยงแขนหลบในท่าที่ยังกอดรัดฟัดเหวี่ยงนางอยู่ไม่ยอมปล่อยหญิงสาวก้มหน้าไล่งับแขนของเขาซ้ายทีขวาที เขาก็เบี่ยงหลบซ้ายทีขวาที จนร่างของทั้งคู่กลิ้งไปตามพื้น พัลวันพันตูอยู่อย่างนั้น เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ร่างบางเริ่มเหนื่อย การเคลื่อนไหวจึงหยุดนิ่งอยู่กับที่หญิงสาวหอบ แฮ่ก แฮ่ก จนตัวโยนอยู่ในอ้อมกอดแข็งแรงนั่น พอเริ่มหายเหนื่อยก็รู้สึกถึงลมหายใจร้อนระอุที่เป่ารดต้นคอจากด้านหลัง นางจึงตั้งท่าจะดิ้นอีก จนชายหนุ่มต้องยอมจำนนกับอาการพยศที่ไม่มีทีท่าว่าจะหมดฤทธิ์ง่ายๆ“เป็นข้าเอง หลี่ซ่งหมิน เจ้าของห้องนี้” เขาเอ่ยขึ้นในที่สุดหญิงสาวถึงกับชะงักหยุดดิ้น แต่เพียงอึดใจเดียวเท่านั้นนางก็ดิ้นต่ออย่างแรงชายหนุ่มอยากจะหัวเราะกับกิริยาของหญิงสาวเอาล่ะ! เขาต้องยอมนางจริงๆชายหนุ่มค่อยๆปล่อยแขนและขาของเขาที่รัดนางอยู่ ก่อนจะลุกขึ้นไปจุดเทียนเพื่อให้ความสว่างภายในห้องหญิงสาวรีบลุกขึ้นจัดเสื้อผ้า จัดทรงผมให้เข้าที่เมื่อจัดการกับตัวเองเรียบร้อย จึงเงยหน้าขึ้นมองหลี่ซ่ง หมินอย่างเต็มตา พบว่าเขายืนกอดอกมองนางอยู่ หญิงสาวถึงกับหน้าแดง ทำตาวาวดั่งแมวป่า จ้องมองเขาอย่างเอาเรื่อง ชายห
หนังสือเล่มหนาถูกปิดลง พร้อมกับเปลวไฟบนเชิงเทียนถูกเป่าให้ดับโดยบุรุษในห้องนั้น เขาลุกขึ้นเดินไปยังทิศทางที่มีชั้นหนังสือตั้งอยู่ ด้วยความเคยชิน เพื่อเก็บหนังสือในมือในขณะที่เขากำลังเดินไปยังห้องอีกห้องหนึ่งซึ่งเป็นเรือนนอนของเขาที่อยู่ติดกับห้องหนังสือ เขารู้สึกเหมือนมีฝีเท้ากำลังเดินเข้ามาใกล้บริเวณห้องหนังสือของเขา ประสาทสัมผัสของเขารับรู้ได้ว่าเจ้าของฝีเท้านั้นไม่ใช่คนของเขาอย่างแน่นอน เขาจึงเบี่ยงตัวหลบเข้าไปหลังชั้นหนังสือทันทีเขาซ่อนอยู่ในความมืด รอบุคคลที่กำลังเข้ามาเยือนเขาถึงถิ่นของเขาในมือของเขาแม้ไม่มีดาบหรืออาวุธใดๆ แต่เขามักจะพร้อมเสมอสำหรับการต่อสู้ประสบการณ์จากการถูกลอบสังหารทำให้เขามีความพร้อมอยู่เสมอ เสียงฝีเท้าของบุคคลปริศนาเงียบไป เหมือนยืนอยู่หน้าห้อง ผู้มาเยือนคงรอจะกำลังจังหวะเพื่อแน่ใจว่าเขาหลับแล้วเวลาผ่านไปครู่เดียว ในที่สุดประตูก็ถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบาแอ๊ด... และปิดลงอย่างแผ่วเบาเช่นเดิมชายหนุ่มหรี่ตาเพ่งมองอยู่ในความมืด พินิจพิจารณาผู้มาเยือนยามวิกาลเขาเห็นเป็นเงารูปร่างระหงสมส่วน ทำให้เขารู้ว่าผู้มาเยือนเป็นสตรีมิใช่บุรุษ นางเป็นใครกัน แอบเ