เด็กหญิงคนนั้นดึงชายผ้าของหญิงสาวไว้พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“พี่สาว ช่วยพาข้าน้อยเข้าไปด้วยเจ้าค่ะ ข้าน้อยเดินไม่ไหวแล้ว”
“เจ้าเป็นอะไร” หงเหม่ยหลงก้มถามเด็กสาวเนิบๆ
“ข้าน้อยโดนลากตัวไปทำโทษที่ตำหนักขององค์หญิง เว่ยฟางใกล้ๆกันนี่เจ้าค่ะและโดนขังอยู่ในนั้นอยู่สองวัน เมื่อครู่คนพวกนั้นพาข้าน้อยมาวางทิ้งไว้ตรงนี้เจ้าค่ะ” เด็กสาวตอบยาวเหยียด เหมือนเกรงว่าหงเหม่ยหลงจะไม่พานางเข้าไปด้วย
“เจ้าชื่ออะไร” หงเหม่ยหลงถามขึ้นพลางแบกสาวน้อยเอาไว้ที่ด้านหลังของตนแล้วค่อยๆเดินเข้ามาด้านในได้อย่างแนบเนียนไร้พิรุธใดๆ เพียงเพราะมีสาวน้อยนางนี้อยู่บนแผ่นหลัง
“เสี่ยวอิงเจ้าค่ะ” เด็กสาวตอบคำ
“อืม เจ้าคงกินเก่งน่าดู น้ำหนักตัวช่างไม่เข้ากันกับรูปร่างของเจ้า”
“ข้าน้อยหนักมากหรือเจ้าคะ”
“มาก”
“ข้าน้อยต้องขอโทษพี่สาวด้วย” เสี่ยวอิงพูดปนสะอื้น
“ไม่ต้องร้อง ให้ข้าพาไปทางไหน บอกมา” หงเหม่ยหลงถามเรื่อยๆมิได้แสดงอารมณ์ใดๆ
เสี่ยวอิงยกมือชี้ไป “ทางนั้นเจ้าค่ะ ข้าอยากไปหาท่านแม่”
หงเหม่ยหลงไปตามทางที่เสี่ยวอิงบอก เพียงไม่นานก็มีหญิงสูงวัยนางหนึ่งเดินเข้ามา พร้อมกับตะโกนเรียกสาวน้อย
“เสี่ยวอิง เสี่ยวอิงเป็นอย่างไรบ้าง”
“ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านแม่” เสี่ยวอิงตอบพลางสะอื้นไห้
“พี่สาวคนนี้ให้ข้าขี่หลังเข้ามา นางคงเจ็บหลังน่าดูเจ้าค่ะ”
หงเหม่ยหลงเพียงยืนมองอย่างนิ่งเฉยมิได้กล่าวสิ่งใด นางเพียงต้องการประเมินสถานการณ์ตรงหน้าอยู่เงียบๆ
แต่เหมือนหญิงสูงวัยเอะใจอะไรบางอย่าง ก่อนเอ่ยออกมาตามตรง
“เจ้าเป็นใครรึ” หญิงสูงวัยเดินเข้ามาใกล้หงเหม่ยหลงพลางหรี่ตามองอย่างวิเคราะห์
“เจ้าใส่ชุดบ่าวไพร่ของที่นี่ แต่ข้าจำได้ว่าไม่มีคนหน้าตาเช่นเจ้านะ” นางดูดีเกินกว่าจะเป็นบ่าวไพร่ สตรีสูงวัยคิดในใจ
หงเหม่ยหลงหรี่ตานิดหนึ่งก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงปกติอย่างแนบเนียนไม่มีตระหนกแต่อย่างใด
“ท่านจำบ่าวไพร่ของที่นี่ได้ไม่หมดหรอกกระมัง”
“ข้าย่อมจำได้ เพราะข้าเป็นหัวหน้าบ่าวไพร่ของที่นี่ ย่อมต้องจำได้จนหมด” หญิงสูงวัยกล่าวตามนั้น ทำเอาหงเหม่ยหลงนิ่งไป
ซวยล่ะสิ ไม่น่าเลย หญิงสาวนิ่งคิดอยู่ในใจ พลางมองไปที่เสี่ยวอิง ก่อนตัดสินใจพูดตามความจริง
“ข้าเห็นด้านนอกมีรับสมัครงาน ข้านึกสนใจขึ้นมา แต่ด้านหน้านั้นไม่รับข้า ข้าก็เลยเข้ามากับเสี่ยวอิง”
“เจ้าจะสมัครคัดเลือกสาวงามอย่างนั้นหรือ” หญิงสูงวัยถามขึ้น
“อืม ข้าแค่อยากได้งานทำ ได้ที่พัก ก็เท่านั้น ไม่ต้องการคัดเลือกจากด้านหน้าได้หรือไม่” หงเหม่ยหลงถามขึ้นบ้าง
หญิงสูงวัยส่ายหน้าน้อยๆ “เช่นนั้นย่อมทำไม่ได้ แต่เอาเถอะ ข้าจะลองช่วยให้เจ้าได้เข้าคัดเลือกก็แล้วกัน แต่จะได้หรือไม่นั้น ข้าไม่สามารถรับปากเจ้าได้”
“เช่นนั้นข้าขอพักค้างแรมที่นี่จนกว่าจะถึงวันคัดเลือกได้หรือไม่” เข้าพักสักสองสามวันหลังจากนั้นก็ตีสนิทเข้าพักไป เรื่อยๆแล้วก็ทำงานอยู่ที่นี่ไปโดยปริยาย หญิงสาวคิดในใจอย่างมีแผนการ
“ท่านแม่ พี่สาวเป็นคนใจดีไว้ใจได้ นางเพียรพยายามแบกข้าเข้ามา ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่มีใครแบกข้าเข้ามาหรอกเจ้าค่ะ” เสี่ยวอิงช่วยพูดพลางกระพริบตาให้หงเหม่ยหลงเป็นเชิงว่าตนเองมีวิธีช่วยเหลือหงเหม่ยหลงกระนั้น
หญิงสาวเพียงมองเด็กสาวนิ่งๆ มิได้กล่าวสิ่งใดต่อ
นางเพียงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเสี่ยวอิงช่วยพูดกับมารดาไปอย่างใจเย็น
ห้องส่วนตัวด้านในสุดของตำหนักราชบุตรเขย“แม่ทัพผู้นั่น น่าจะเริ่มเคลือบแคลงพวกเราแล้วเป็นแน่” หลี่ซ่งหมินกล่าววิเคราะห์ขณะช่วยหงเหม่ยหลงเปลี่ยนอาภรณ์อยู่ในห้องส่วนตัว“ข้ากำลังสนุกอยู่เชียว” หงเหม่ยหลงมุ่นคิ้วตอบอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่“สถานการณ์เริ่มตึงเครียดแล้ว จะเล่นสนุกอะไร” หลี่ซ่งหมินก้มหน้ามองหงเหม่ยหลงพลางเอ่ยเสียงดุ “แล้วที่ตามองค์ชายสามนั่นไป ให้เขาโอบไหล่ ข้ายังไม่ได้คิดบัญชี”“องค์ชายนั่นแรงเยอะมาก ข้ากับฉวนหยู่ร์ปลุกปล้ำกันพักใหญ่” หญิงสาวกล่าวพลางหัวเราะคิก หลี่ซ่งหมินถึงกับคิ้วกระตุกกับคำว่าปลุกปล้ำ“ข้าก็แรงเยอะใช่ย่อย เจ้าก็รู้” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเครียด“แน่นอน ข้ารู้” หญิงสาวยิ้มพราย อย่างนึกสนุก “เจ้า!” หลี่ซ่งหมินขมวดคิ้วมุ่นสีหน้าขัดเคือง“อะไร” หงเหม่ยหลงเอื้อมแขนโอบรอบลำคอของหลี่ซื่อ หมินพลางหยอกเย้า “ท่านกำลังหึงหวงข้าหรือ หืม...”หลี่ซ่งหมินก้มมองใบหน้าของนางที่กำลังส่งยิ้มเปี่ยมเสน่ห์พร้อมสายตาคมเฉี่ยวทอประกายระยิบระยับจึงบ่นพึมพำในลำคอ “ยั่วไม่ดูสถานการณ์”จบคำชายหนุ่มเอื้อมมือข้างหนึ่งโอบรอบเอวบางก่อนจะกระชับเข้ามาประชิดร่างของตน อีกข้างหนึ่งจับต้นขากลมก
การต่อสู้ที่ไม่คาดคิดจึงเกิดขึ้นฉับพลัน เยว่เทียนกับท่านแม่ทัพใหญ่ต่อสู้กันไปมา ด้วยฝีมือสูสีอย่างไม่มีใครยอมใคร“โอ๊วววว...ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงหนึ่งพลันดังออกมาจากภายในห้องขององค์ชายสาม เสียงนั้นทำหลี่ซ่งหมินและเยว่เทียนคิดมากทันทีแม่ทัพใหญ่ได้จังหวะกระชับมีดดาบในมือหมายฟาดฟันใส่เยว่เทียน ชายหนุ่มพลันได้สติหันขวับหลบได้อย่างหวุดหวิดแต่ยังไม่พ้นคมดาบที่ยาวยื่น จึงได้แผลลากยาวที่แผ่นอกสายหนึ่ง หลี่ซ่งหมินไม่รอช้ารีบกระโจนเข้าไปจัดการกับแม่ทัพใหญ่ผู้นั้นในทันที แม่ทัพใหญ่รู้สึกตัวว่าสู้หลี่ซ่งหมินไม่ได้ อีกทั้งยังได้แผลลากยาวที่แขนขวาและลำตัวจนเลือดชุ่ม จึงตัดสินใจพุ่งทะยานหลบเลี่ยงออกไปจากสายตาของทั้งสองหนุ่มฉับพลัน“ตามหรือไม่” เยว่เทียนถามขึ้นขณะทำท่าจะกระโจนตามออกไป“ไม่ต้อง” หลี่ซ่งหมินรีบปราม “เข้าไปดูข้างในก่อน”เมื่อสองหนุ่มเข้ามาถึงในห้องที่เป็นต้นเสียง ทั้งสองถึงกับชะงักงันถลึงตาโต หงเหม่ยหลงและหลิวฉวนหยู่ร์ในสภาพเปียกปอน อาภรณ์แนบสนิทเข้ารูปกับลำตัว เผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างเด่นชัด กำลังยืนคร่อมร่างขององค์ชายสามอยู่ในอ่างน้ำขนาดใหญ่“นั่นเจ้ากำลังทำอะไร” หลี่ซ่งหมินแล
ระหว่างทางเดินทอดยาวของอาณาเขตพระราชวังฝ่ายหน้า“ชายารักของข้า” เสียงทุ้มนุ่มลึกของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้นที่ด้านหลังของหลิวฉวนหยูร์และหงเหม่ยหลงที่กำลังเดินสำรวจพระราชวังตามคำสั่งของหลี่ซ่งหมิน“เจ้าเป็นชายารักของข้า ใช่หรือไม่” เสียงนั้นยังคงดังเนิบๆอยู่ด้านหลังของสองสาว“เจ้าเอาชุดชายาของเจ้านี่มารึ” หงเหม่ยหลงกระซิบถามโดยไม่หันหน้าไปมองหลิวฉวนหยู่ร์กลอกตาไปมา ก่อนตอบ “สงสัยจะใช่ ”“…” หงเหม่ยหลงมองหลิวฉวนหยู่ร์นิ่งๆก่อนทำท่าจะพากัน เดินผละไป เจ้าของเสียงนั้นเป็นบุรุษหนุ่มรูปงาม เขาคือองค์ชายสามแห่งแคว้นเว่ย เขารีบเดินมาดักหน้าทั้งสองเอาไว้ พลางเอ่ย“จะรีบไปไหน เจ้าคงเป็นสาวงามอุ่นเตียงของข้าเช่นกัน”เขากล่าวขณะยืนขวางทางหงเหม่ยหลงหญิงสาวเพียงหรี่ตามองไม่ตอบคำ หลิวฉวนหยู่ร์ก็เช่นกัน“แม้ข้านั้นจะมีชายาและสาวงามมากหน้าหลายตา แต่ข้าจำพวกเจ้าได้ดี งดงามอย่างนี้” ชายหนุ่มเอ่ยเกี้ยวพาราสีอย่างกรุ้มกริ่ม หลิวฉวนหยู่ร์นึกระอากับสายตาของบุคลากรในแคว้นนี้จริงๆ“ทูลองค์ชายสาม สตรีสองนางนี้ กระหม่อมคิดว่าไม่น่าไว้ใจ พะย่ะคะ เมื่อครู่กระหม่อมได้ยินเสียงทหารสองคนเหมือนถูกทำร้ายบริเวณนี้” เสีย
ข่าวการฆ่าตัวตายขององค์หญิงเว่ยเชี่ยนเสวี่ยสร้างความเศร้าโศกเสียใจในแก่คนในพระราชวังอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะฮ่องเต้และฮองเฮา ส่วนสาเหตุของการตัดสินใจฆ่าตัวตายนั้นยังคงถูกเก็บงำเอาไว้อย่างคลุมเครือ คงเหลือแต่ความเคลือบแคลงสงสัยเพราะบรรดาบ่าวไพร่ที่ติดตามองค์หญิงเว่ยเชี่ยนเสวี่ยนั้นถูกฮองเฮาสั่งประหารทั้งหมด จึงไม่มีใครคิดกล้าที่จะสืบสาวราวเรื่อง หรืออยากรู้เรื่องราวใดๆนอกจากความโศกเศร้าที่เกิดจากการฆ่าตัวตายขององค์หญิงเว่ยเชี่ยนเสวี่ยแล้วภายในพระราชวังแห่งนี้ยังวุ่นวายโกลาหลด้วยเรื่องการหายตัวไปของเหล่าองค์หญิงที่เสนอตัวเองเป็นชายาเชื่อมสัมพันธ์กับหลี่ซ่งหมินหลี่ซ่งหมินจึงถือโอกาสในขณะที่วังหลวงแห่งนี้กำลังวุ่นวาย วางแผนแทรกซึมเข้าไปในส่วนต่างๆของวังหลวงเยว่เทียนเข้าไปในกองทัพ เพื่อสืบข่าวการเคลื่อนไหวต่างๆของทางการทหาร รวมถึงคำสั่งเคลื่อนพลที่อาจจะเกิดขึ้นซือเว่ยคอยติดต่อกับสายลับและคอยสังเกตการกลุ่มที่อาจจะก่อกบฏ ทั้งยังส่งคนไปคอยยุยงปลุกปั่นโดยใช้ความวุ่นวายภายในราชสำนักในเวลานี้ให้เป็นประโยชน์เฟิงเหวินปลอมเป็นขันทีเพื่อเข้าถึงเหล่าเชื้อพระวงศ์ คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวต่างๆของพว
“เราไม่จำเป็นต้องใช้คนเยอะ ข้าพอจะมีแผนอยู่ในใจ” หลี่ซ่งหมินกล่าวขึ้นพร้อมกับเปิดแผนผังของพระราชวังออกให้ทุกคนได้ดูพร้อมกัน“ทูลองค์ชาย แผนผังแผ่นนี้ผู้ใดเป็นคนวาด” ซือเว่ยถาม ขึ้นเพราะแผนผังแผ่นนี้ช่างงดงามกว่าแผนผังทั่วไปมากมายนักเฟิงเหวินได้จังหวะจึงเอ่ยแทรก “ฝีมือเว่ยฟาง เมียรักของข้าเอง นางเก่งใช่ย่อย” ชายหนุ่มกล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิใจในภรรยาของตน“ช่างงดงามยิ่งนัก” ซือเว่ยหยิบขึ้นมาดูใกล้ๆ“จริงด้วย” เยว่เทียนแย่งมาดูบ้าง ชายหนุ่มทั้งสามจึงหันไปสนใจลวดลายบนแผนผังมากกว่าหลี่ซ่งหมินที่ตั้งใจจะวางแผนการศึกกับแคว้นเว่ย ทำให้หลี่ซ่งหมินได้แต่มองบรรดาลูกน้องตาปริบๆนี่เขาคิดถูกแล้วใช่หรือไม่? ขณะนี้ชายหนุ่มคิดทบทวนเกี่ยวกับตัวเขาเองเป็นที่แน่นอนแล้วสำหรับเขา หน้าที่ของโอรสย่อมสำคัญ หน้าที่รัชทายาทย่อมสำคัญ บ้านเมืองและประชาชนย่อมสำคัญแต่ที่สำคัญไม่แพ้กัน คือหน้าที่ของพ่อ และสามีหงเหม่ยหลงและหลี่หงจินหยาง ย่อมสำคัญไม่แพ้สิ่งใดและตัวเขาเองก็เริ่มเบื่อเต็มที กับการเป็นเบี้ยทางการเมืองเช่นนี้ตำแหน่งของเขาเป็นที่หมายปอง คนส่วนใหญ่อยากได้ตัวเขาเพราะความสามารถและตำแหน่งของเขาเดิมที
“เสด็จแม่เพคะ หม่อมฉันมิได้มีคนรัก และบุรุษผู้นั้น เป็นคนร้ายนำมาวางไว้ข้างกายหม่อมฉันจริงๆนะ เพคะ”เว่ยเชี่ยนเสวี่ยโอดครวญอย่างต่อเนื่องเมื่อกรามของนางกลับเข้าที่แล้ว“ทรงเชื่อหม่อมฉันนะเพคะ” นางยังคงโอดครวญฮองเฮายังคงนิ่งงัน นางเห็นกับตาว่าธิดาของนางนอนเหยียดยาวใต้ร่างของบุรุษผู้นั้นเว่ยเชี่ยนเสวี่ยยังคงส่งน้ำเสียงออดอ้อน “หม่อมฉันสู้อุตส่าห์เสแสร้งแกล้งป่วย ให้องค์ชายหลี่ซ่งหมินรั้งอยู่ไม่ต้องกลับไปหาหญิงคนรักที่แคว้นเดิม ขอแค่ทำให้เขาลืมรักเก่าจนสิ้น”นางกล่าวด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น “ในที่สุด ก็ได้อภิเษกสมรสแล้ว ไยหม่อมฉันจะต้องหน้ามืดตาบอด”ฮองเฮาเพียงปรายตามองธิดาของตนนิ่งๆ ต่อให้นางเชื่อ แล้วเหล่าบ่าวไพร่เล่า กี่สายตาที่ทอดมองภาพนั้นเว่ยเชี่ยนเสวี่ยยังคงส่งเสียงอ่อนหวาน“องค์ชายหลี่ซ่งหมินทั้งรูปงามทั้งตำแหน่งสูงส่ง หม่อมฉันใคร่ได้พระองค์ยิ่งนัก เสด็จแม่ ...หม่อมฉันถูกใส่ร้าย สตรีนางนั้น...”ฮองเฮาเอ่ยถามเมื่อเห็นเว่ยเชี่ยนเสวี่ยหยุดกล่าวกลางคัน “สตรีนางนั้น สตรีนางไหน ทำไม”“นางกำนัลเพคะ สตรีนางนั้นเป็นนางกำนัล”เว่ยเชี่ยนเสวี่ยรีบปาดน้ำตาก่อนจะพาร่างงดงามคลานเข่า