Home / รักโบราณ / นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง / บทที่ 10 อิสรภาพของมู่เฟิง (ตอนปลาย)

Share

บทที่ 10 อิสรภาพของมู่เฟิง (ตอนปลาย)

last update Last Updated: 2025-05-13 01:25:30

บทที่ 10 อิสรภาพของมู่เฟิง

ชาวบ้านที่มามุงดูเหตุการณ์ เริ่มส่งเสียงกระซิบกระซาบ จนดังเข้าหูหลัวซื่อและมู่อวี๋โหรว ที่เดินมาสมทบย่าของตน

“ท่าทางมู่เฟิงคงหมดความอดทนแล้วจริงๆ ถึงได้ขอแยกบ้าน”

“เป็นข้านะ ขอแยกบ้านมานานแล้ว โดนพ่อแม่เอาเปรียบขนาดนี้”

“เจ้าดูเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่หลัวซื่อกับหลานสาวใส่สิ เทียบกับคนบ้านรองแล้ว เฮ้อ ช่างน่าอดสูจริงๆ”

”ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ต้องช่วยมู่เฟิงแยกบ้านให้ได้นะเจ้าคะ ข้าละสงสารครอบครัวนี้จับใจ” หญิงชรานาม แม่เฒ่าหมาน ช่วยขอร้องก่วงเทียนอีกแรง

หัวหน้าหมู่บ้านเต๋อถัง มองลูกบ้านที่มาให้กำลังใจมู่เฟิงด้วยแววตาประทับใจ

“ข้าต้องการพบมู่ซาน ไปตามเขามาพบข้า!” ก่วงเทียนเอ่ยเสียงเข้มกับหลัวซื่อ พลางก้าวขาเข้าไปในเขตบ้าน

หญิงชราสะบัดหน้าใส่ ก้าวฉับๆไปเรียกสามี ที่กำลังนั่งกินข้าวเช้าอยู่ใต้ต้นซิ่ง

บรรยากาศภายในลานบ้านสกุลมู่บ้านใหญ่ ราวกับพายุกำลังตั้งเค้า ก่วงเทียนนั่งอยู่บนเก้าอี้โดยมีสกุลมู่บ้านรองยืนอยู่ข้างๆ ในตำแหน่งตรงข้ามกับมู่ซานและสมาชิกบ้านใหญ่

“มู่ซาน ข้ามาวันนี้เพื่อจัดการธุระเรื่องแยกบ้านให้มู่เฟิง รบกวนเจ้าช่วยนำทะเบียนบ้านออกมาด้วย”

“ข้าไม่อนุญาตให้มู่เฟิงแยกบ้านขอรับ” มู่ซานยังคงดื้อรั้น ยืนกรานปฏิเสธเรื่องการขอแยกบ้านของบุตรชาย

“หึ! ข้าขอเตือนเจ้านะมู่ซาน ยอมแยกบ้านให้มู่เฟิงเสียดีๆ อย่าท่ามาก แล้วอย่าเอาคำว่าบุตรต้องกตัญญูต่อบุพการีมาอ้างกับข้า เพราะสิ่งที่มู่เฟิงทำให้เจ้ามาตลอด ล้วนอยู่ในสายตาของชาวบ้าน เห็นด้วยหรือไม่เจ้าพวกข้างนอกน่ะ!” ก่วงเทียนแค่นเสียงขึ้นจมูก จ้องตามู่ซานเขม็งยามเอ่ยปาก

จากนั้นจึงหันไปจ้องหน้าหลัวซื่อ ด้วยสายตาคมปลาบระคนกดดัน ทำหญิงชราปากมากถึงกับหน้าเผือดสี

“ส่วนเจ้าหลัวซื่อ หากข้าไม่ถามอย่าได้สอดปาก!!”

ชาวบ้านกลุ่มใหญ่ที่มุงกันอยู่หน้าบ้านของมู่ซาน พากันส่งเสียงสนับสนุนคำกล่าวของก่วงเทียน

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้านพูดถูก มู่ซาน หากยังมีจิตสำนึกของความเป็นพ่อ ก็ยอมให้มู่เฟิงแยกบ้านไปเสีย มู่เฟิงกับลูกเมียหาใช่ทาสของคนบ้านใหญ่เสียหน่อย”

“ใช่ๆ ถูกต้องแล้ว”

เสียงกดดันจากชาวบ้าน รวมถึงสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังของก่วงเทียน เริ่มทำให้มู่ซานรู้สึกไม่มั่นคง แต่ถึงกระนั้นจะยอมให้มู่เฟิงแยกบ้านไม่ได้ เขาหันไปมองบุตรชาย และเริ่มเอ่ยทวงบุญคุณในคราวนั้น

ทว่ากลับถูกก่วงเทียนตอกกลับด้วยตัวเลขในสมุดบัญชีที่อยู่ในมือ

“ผู้ช่วยสยง ราคาบ้านที่มู่เฟิงกับครอบครัวอาศัยอยู่ตอนนี้ หักลบกลบหนี้กับจำนวนเงินที่สกุลมู่บ้านใหญ่ ฉกฉวยจากการขายพืชผล ในระยะสิบกว่าปีที่ผ่านมาหมดรึยัง”

“จำนวนเงินที่ถูกฉกฉวยไป สามารถซื้อบ้านหลังนั้นได้อีกสี่หลังครึ่งเลยขอรับ ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน” ผู้ช่วยสยงตอบกลับมาเสียงดังให้ชาวบ้านได้ยินด้วย

“นี่ยังไม่รวมจำนวนเงินที่มู่เฟิงส่งมาให้เจ้า เมื่อครั้งที่เขาไปทำงานอยู่ในเมืองหลวงนะมู่ซาน ถึงเจ้าจะเป็นบิดา แต่กฎหมายลงโทษเรื่องการคดโกงผู้อื่น ไม่มีตรงไหนระบุไว้ว่า ห้ามลงโทษคนผิดที่เป็นบิดาของเจ้าทุกข์เสียด้วย

และข้าขอเตือนให้รู้ไว้ก่อน หากไม่อยากให้เรื่องถึงทางการ จนหลานชายคนโปรดของเจ้า ต้องมีประวัติด่างพร้อยเพราะปู่ของเขากระทำผิดกฎหมายล่ะก็ เจ้ารีบไปเอาทะเบียนบ้าน มาให้ข้าจัดการแยกบ้านให้มู่เฟิงเสียดีๆ”

คำขู่ของก่วงเทียนได้ผลชะงัด มู่อวิ๋นรีบลุกไปหยิบทะเบียนบ้านมามอบให้ทันที หากประวัติของมู่อวิ๋นเทาไม่เพรียบพร้อมชายหนุ่มก็จะหมดสิทธิ์สอบเป็นขุนนาง

ก่วงเทียนจัดการร่างหนังสือแยกบ้านให้มู่เฟิงและมู่ซาน โดยมีผู้ช่วยสยงและชาวบ้านอีกสองคนช่วยลงชื่อ พร้อมประทับลายนิ้วมือเป็นพยาน ชื่อของมู่เฟิงถูกขีดออกจากทะเบียนสกุลมู่บ้านใหญ่เป็นที่เรียบร้อย

แม้มู่ซานจะเดือดดาลจนแทบกระอักเลือด กลับทำได้เพียงกลืนเลือดลงท้อง ขณะประทับลายนิ้วมือยินยอมให้มู่เฟิงแยกบ้านตามปรารถนา

ในที่สุดมู่เฟิงและครอบครัวของเขาก็เป็นอิสระจากบ้านใหญ่ ไม่ต้องเป็นทาสของมู่ซานและหลัวซื่ออีกต่อไป

“ตามหลักเมื่อแยกบ้าน บ้านใหญ่ต้องแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้ เจ้าจะเอาอย่างไรมู่เฟิง” ก่วงเทียนเอ่ยถามชายหนุ่มที่ยืนตาแดงด้วยความปีติยินดีอยู่ข้างๆ

“เจ้าจะเอาอะไรอีก! ได้แยกบ้านสมใจแล้วนี่ เจ้าลูกอกตัญญู!! ข้าไม่น่าคลอดเจ้าออกมาเลยมู่เฟิง!!” เสียงแหลมรบกวนโสตประสาทของหลัวซื่อดังขึ้น นางไม่ยินยอมแบ่งเงินทองให้มู่เฟิงแน่

มู่เฟิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ หันไปกล่าวกับมารดาด้วยสีหน้าเย็นชา

“ท่านแม่ ข้าไม่ต้องการสิ่งใดจากสกุลมู่บ้านใหญ่ขอรับ ขอท่านหัวหน้าหมู่บ้านเป็นพยาน แต่ยังมีอีกเรื่องที่ข้าต้องการประกาศให้ทุกคนได้รับรู้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าและครอบครัวจะไม่ขอทำไร่กับสกุลมู่อีกแล้วขอรับ!!”

ถ้อยคำของมู่เฟิงมิต่างจากสายฟ้า ที่ผ่าลงมากลางลานบ้านสกุลมู่ หากมู่เฟิงและครอบครัวไม่มาช่วยพวกเขาทำไร่ แล้วพืชผลที่เพิ่งลงดินไปใครจะดูแล ลำพังแค่เพียงตัวมู่ซานและมู่อวิ๋น ไม่มีทางที่จะดูแลพืชผลพวกนั้นได้ทั่วถึงแน่!

“เจ้าไม่มาทำไร่แล้วใครจะทำ!” เสียงของหลัวอวี๋ดังขึ้นด้วยความเดือดดาล

“นั่นมันก็เป็นเรื่องของพวกท่านแล้ว ไม่เกี่ยวกับพวกข้าอีกต่อไป” มู่หนิงชิงช่วยตอบแทนบิดา สีหน้าของนางเผยถึงความสาแก่ใจ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยดูร้ายกาจ

หลัวซื่อโมโหจนหน้าคล้ำ หอบหายใจหนักหน่วงจนอกสะท้อนขึ้นลง หญิงชราทรุดตัวลงนั่งจากอาการหน้ามืด

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Rose88
สมน้ำหน้าหลัวซื่อ กระอักเลือดตายไปเลย
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ ดำเนินแผนการ (ตอนปลาย)

    บทที่ 78 ดำเนินแผนการ (ตอนปลาย) หลินฮองเฮานั่งชันเข่าหลังชิดผนังเตียง แขนสองข้างโอบกอดตนเองจากความเหน็บหนาว เสียงที่ดังรบกวนในตำหนักเย็นยามค่ำคืน ประหนึ่งเสียงของผีร้ายกรีดร้องคอยหลอกหลอน รบกวนสภาพจิตใจของนางจนแทบเสียสติอยู่รอมร่อ ดวงตาของนางแดงช้ำ จากการร้องไห้คร่ำครวญมาสองวันสองคืน จนน้ำตาแทบไหลเป็นสายเลือด จากที่เคยดูอ่อนเยาว์มีสง่าราศี บัดนี้ดูทรุดโทรมและแก่ขึ้นสิบปีภายในระยะเวลาสั้นๆ บาดแผลฉกรรจ์บนดวงหน้าสร้างความเจ็บปวดไม่น้อยในฤดูหนาว นางพยายามฝืนทนต่อความง่วงงุนที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทว่าสุดท้ายแล้วร่างกายก็มิอาจต้านทานต่อความเหนื่อยล้า หลินเจาถิงผล็อยหลับในที่สุด เซียวหนิงชิงเพ่งเนตรปีศาจสำรวจตำหนักเย็นอยู่ครู่หนึ่ง ครั้นพบเป้าหมายที่ตามหา ดวงตาคู่งามทอประกายชั่วร้ายวาวโรจน์ในบัดดล เอี๊ยดดด เสียงบานประตูห้องของหลินฮองเฮาเปิดออก ตามด้วยเสียงแแมวร้องฟังดูวังเวง เมี้ยวววว เมี้ยววววว…คนบนเตียงสะดุ้งตื่นอย่างเสียขวัญ รู้สึกถึงสัมผัสจากมือผอมแห้งเย็นยะเยือก กำลังลูบไล้ลงบนแก้มซ้ายของนาง "หลินเจาถิงงง หลินเจาถิงงงง" เสียงเยียบเย็นยานคางฟังแล้วขนหัวลุก คล้ายดังแว่วมาจาก

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ ดำเนินแผนการ (ตอนต้น)

    บทที่ 78 ดำเนินแผนการ (ตอนต้น) หากคำกล่าวของแม่เล้าเป็นเรื่องจริง บุรุษผู้นี้อาจเป็นตัวช่วยที่เขากำลังมองหา "พานักสังคีตคนนั้นมาให้นายท่านของข้าดูตัวทันที หลังจากที่เขาเล่นดนตรีเสร็จ" ผู้ติดตามโยนถุงเงินให้แม่เล้า อีกฝ่ายรับไปด้วยรอยยิ้มกว้าง คาดเดาจากน้ำหนัก ก็พอรู้ว่าจำนวนเงินในถุงคงไม่ใช่น้อยๆ "แน่นอนเจ้าค่ะนายท่าน" ครึ่งชั่วยามถัดมา แม่เล้าก็เดินมาเคาะประตูห้องรับรองส่วนตัวของลูกค้าเงินหนัก เพื่อขออนุญาตพาเอ้อร์หลิงเข้าไปพบตามที่รับปากไว้ "นายท่าน ข้าน้อยพาคนมาแล้วเจ้าค่ะ" ผู้ติดตามเปิดประตูออก แม่เล้าก้าวเข้าไปก่อน ตามด้วยร่างสูงของเอ้อร์หลิงในชุดสีขาวบริสุทธิ์ สวมหน้ากากสีขาวเข้ากันกับชุดปิดบังใบหน้าครึ่งบน เพียงแค่ได้เห็นรูปร่างและท่วงท่าอันสง่างามราวคุณชายจากตระกูลใหญ่ บุรุษหลังฉากพยักหน้าอย่างพอใจ เอ่ยปากสั่งให้เขาถอดเสื้อคลุมและหน้ากากออก ทว่าคำตอบที่ได้รับ คนฟังถึงกับคิ้วกระตุก "ข้าน้อยต้องขออภัยนายท่านด้วยจริงๆขอรับ เนื่องจากตัวข้าน้อย ขายเพียงความสามารถทางดนตรีและการร่ายรำ หาใช่ขายเรือนกาย ขอนายท่านโปรดอภัยให้ด้วยขอรับ" เอ้อร์หลิงประสานมือค้อมเอวอย่างน

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง    บทที่ 78 ปลาฮุบเหยื่อ (ตอนปลาย)

    บทที่ 78 ปลาฮุบเหยื่อ (ตอนปลาย) หญิงสาวปรือตาฉ่ำน้ำตอบรับเขาอย่างลืมตัว "เจ้าเก่งเหลือเกิน อื้ออ ถูกใจข้ายิ่งนัก แรงอีกหน่อย อ๊าา ข้าเกือบถึงอีกแล้ว" เสียงครวญครางด้วยความสุขสมของหญิงสาว ดังเข้าหูชายหนุ่มอีกคนที่นั่งรออยู่ข้างห้อง มือแกร่งกำเข้ากันแน่นจนข้อนิ้วลั่น ถอนหายใจออกมาหนักหน่วง ก่อนยกจอกสุราขึ้นกระดกจนหมดในรวดเดียว ผู้ติดตามที่มาด้วยยืนก้มหลุบตาต่ำ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ผ่านไปแล้วสามเค่อ การเคลื่อนไหวในห้องข้างๆ ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง อีกทั้งเสียงเนื้อกระทบกันเคล้าเสียงครวญครางด้วยความเมามันกลับดังขึ้นเรื่อยๆ ช่างเสียดแทงหูของผู้ได้ยินยิ่งนัก ปัง! "มันจะทำกันนานเกินไปแล้วนะ!" เขาตบโต๊ะด้วยความขุ่นเคือง เค้นเสียงเอ่ยลอดไรฟัน ใบหน้าหล่อเหลาดำทะมึนอย่างหงุดหงิด ผู้ติดตามยังคงเงียบงันไร้ซึ่งวาจา ทว่าต่างแอบคิดเหมือนกันไม่มีผิด 'ดูท่าเจ้าหนุ่มนั่นคงมีฝีไม้ลายมือเรื่องอย่างว่าน่าดู นางถึงได้ครางเสียงหลงขนาดนี้…' ราวสองเค่อต่อมาเสียงการเคลื่อนไหวก็เงียบลง ร่างกายเปลือยเปล่าขาวผ่องของหญิงสาว นอนทับอกแกร่งของชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มอิ่มเอม นางหอบหายใจจากความเหนื่อยอ่

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 78 ปลาฮุบเหยื่อ (ตอนต้น)

    บทที่ 79 ปลาฮุบเหยื่อ (ตอนต้น) "หัวหน้าหมอหลวงฟ่งปรุงยาถอนพิษได้หรือไม่" สุรเสียงของซวินเหิงเยว่เต็มไปด้วยความกังวลขณะรับสั่งถาม หวายกงกงส่ายหน้า “ท่านหมอฟ่งกำลังตรวจสอบหาที่มาของพิษอยู่พะย่ะค่ะ หากไม่ทราบว่าเป็นพิษชนิดใด ก็มิอาจปรุงยาถอนได้ ระหว่างนี้จึงได้ทำการฝังเข็มเพื่อชะลอการแพร่กระจายของพิษไว้ก่อน“ "กงกงโปรดรออยู่ที่นี่สักครู่" รับสั่งเสร็จก็เดินหายไปยังห้องนอน และกลับออกมาพร้อมกล่องใบเล็กในมือ ก้มลงกระซิบบางอย่างกับหวายกงกง วันรุ่งขึ้นข่าวเรื่องฮ่องเต้ประชวรได้ถูกแจ้งแก่ขุนนางที่มารอประชุมเช้า ราชกิจทั้งหลายถูกโอนไปให้องค์รัชทายาทรับผิดชอบแทนชั่วคราว ตำหนักหวงหยาง องค์ชายห้าซวินเหอเยี่ยนสีหน้าเต็มไปด้วยคำถาม หลังจากกลับออกมาจากวังหลวง ทั้งที่ปกติพระบิดาของเขามีพระวรกายแข็งแรงมาตลอด นานๆครั้งถึงจะเป็นหวัดเพราะต้องลมเย็นสักครา ทว่าจู่ๆกลับทรงประชวรหนักจนถึงขั้นมิอาจเข้าประชุมเช้า ครั้นจะขอเข้าเยี่ยมพระอาการ กลับถูกหวายกงกงห้ามไว้ โดยอ้างว่าที่ฝ่าบาทประชวร เป็นเพราะทรงเสียพระทัยเรื่องการสิ้นพระชนม์ของไทเฮา รวมทั้งเรื่องของฮองเฮาและตระกูลหลิน หัวหน้าหมอหลวงฟ่งกำชับให

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง    บทที่ 77 ดิ้นรน (ตอนปลาย)

    บทที่ 77 ดิ้นรน (ตอนปลาย) "หรานซิง พวกเราไม่มีเวลาแล้ว หากเจ้าไม่ยอมร่วมมือกับข้า ตำแหน่งฮองเฮาที่เจ้าใฝ่ฝันคงกลายเป็นของผู้อื่น รีบตัดสินใจเสีย!" รับสั่งสุรเสียงเด็ดขาดจนคนฟังสะดุ้งเฮือก พระชายาหลินหรานซิงกำหมัดใต้แขนเสื้อแน่น สูดหายใจลึกหลุบดวงเนตรลงต่ำ พยักหน้ารับปากคำขอของสวามีอย่างจำใจ "ขอบใจเจ้ามากชายารัก ขอบใจจริงๆ" ซวินเทียนอวิ๋นดึงร่างระหงของชายาเอกมากอดแนบอก พร่ำบอกขอบใจนางซ้ำไปซ้ำมาด้วยความโล่งอก "แต่ว่า…จะไปหาคนผู้นั้นมาจากที่ไหนหรือเพคะ" หลินหรานซิงเอ่ยถามสวามีด้วยความกังวล แม้ภายในใจไม่ยินยอมแต่เมื่อลงเรือลำเดียวกันแล้ว นางก็ต้องให้ความร่วมมือ แม้ว่าหนทางนี้จะอันตราย "เจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้าจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง เจ้าเตรียมตัวให้พร้อมไว้ก็พอ" ช่วงสายของวันเดียวกันนั้น รถม้าไร้สัญลักษณ์จอดอยู่หน้าจวนเพื่อรอรับเอ้อร์หลิง ชายหนุ่มอยู่ในชุดสีขาวมีเสื้อคลุมกันหนาวสีดำคลุมทับ หันมาโบกมือร่ำลานายเหนือหัว และว่าที่นายหญิงด้วยรอยยิ้มสดใสก่อนก้าวขึ้นรถม้าไป ราวหนึ่งครึ่งชั่วยามต่อมา รถม้าคันดังกล่าวได้จอดเทียบประตูทางเข้าด้านข้างหออ้ายเสิน หอโคมแดงชื่อดังของเมือ

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 77 ดิ้นรน (ตอนต้น)

    บทที่ 77 ดิ้นรน (ตอนต้น) จิตสังหารแผ่ออกรอบพระวรกายฮ่องเต้ กดข่มหลินฮองเฮาจนแทบหายใจไม่ออก ดวงเนตรนางหงส์สั่นระริกรูม่านตาหดเล็กจากความกลัวที่ผุดขึ้นจากจิตใต้สำนึก โอรสสวรรค์ละพระหัตถ์จากดวงหน้าของหลินเจาถิง ยืนฟังนางแก้ตัวด้วยรอยยิ้มเหยียดหยัน "ฝ่า ฝ่าบาททะ ทรงรับสั่งเรื่องอะไรเพคะ นักพรตอะไรกัน ทรงไปฟังใครที่ไหนมาเพคะ เรื่องเมื่อสิบห้าปีก่อนอะไรกันหม่อมฉันไม่เข้าใจ" ท่าทางของนางลนลานเอ่ยปฏิเสธเสียงแข็ง ตัวนักพรตหวู่หุนเองตายไปนานแล้ว ถึงครอบครัวอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่ แต่จะเอาหลักฐานอะไรมาปรักปรำนาง หนำซ้ำตอนที่ครอบครัวของนักพรตหวู่หุนเดินทางออกจากเมืองหลวง นางสั่งให้คนของสำนักคุ้มภัยตระกูลหลิน ตรวจค้นข้าวของที่พวกเขานำติดตัวไปรวมถึงค้นตัวของทุกคน ไม่มีจดหมายหรือเอกสารใดๆ ซุกซ่อนอยู่ทั้งสิ้น ทว่าสิ่งที่หลินฮองเฮาไม่รู้ นั่นคือเรื่องที่นักพรตหวู่หุนได้แอบส่งภาพวาดสำคัญ ฝากพ่อค้าที่รู้จักกันกลับไปยังแดนเหนือเพื่อมอบให้หลานชาย ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะล้มป่วย "หลินเจ้าถิง ข้ามีคำสารภาพผิดของนักพรตหวู่หุนอยู่ในมือ ถึงเจ้ายืนกรานปฏิเสธก็หนีไม่พ้น ชีวิตคนบริสุทธิ์มากมายเจ้าต้องชดใช้ให

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status