บทที่ 4 วิธีหาเงินในตำนาน (ตอนปลาย)
“ทางนี้มีมันป่าเจ้าค่ะท่านแม่!” เมื่อขุดขึ้นมาใส่ตะกร้าเรียบร้อย ก็เดินเก็บเห็ดกินได้อีกสองสามชนิด รวมถึงสมุนไพรและผักป่าที่พบระหว่างทาง หนึ่งชั่วยามต่อมา… “ชิงเอ๋อร์ พวกเราเดินเข้ามาลึกพอสมควรแล้ว แม่ว่าพวกเรากลับกันเถิด น้องน่าจะเหนื่อยแล้วเหมือนกัน” “ขอข้าเดินลึกเข้าไปอีกหน่อยเถิดเจ้าค่ะ มีลางสังหรณ์ว่าวันนี้จะได้พบของดี หากท่านแม่เหนื่อย นั่งพักรอลูกแถวนี้ก็ได้นะเจ้าคะ อันเอ๋อร์น้องอยู่ตรงนี้กับท่านแม่นะ อีกไม่เกินชั่วยามพี่ใหญ่จะกลับมา” มู่หนิงชิงเอ่ยกับมารดาและน้องสาว น้ำเสียงเปี่ยมล้นด้วยความมั่นใจ นางมองเห็นบางสิ่งในระยะเกือบสองลี้ ค่อนไปทางทิศตะวันออก รูปร่างดูคล้ายเห็ดหลินจือขึ้นอยู่บนโคนต้นไม้ใหญ่มีหญ้าสูงบดบัง “พี่ใหญ่ไปคนเดียวได้จริงๆ หรือเจ้าคะ” มู่หนิงอันเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วง นางกลัวพี่สาวเป็นลมลื่นล้มอีก สายตาของมู่หนิงชิงอ่อนโยนขึ้นหลายส่วน นางย่อตัวลงลูบหัวทุยของเจ้าตัวน้อยด้วยความเอ็นดู “ได้สิอันเอ๋อร์ อย่าลืมว่าช่วงนี้พวกเรามีเนื้อกินทุกวันแล้วนะ พี่ใหญ่แข็งแรงขึ้นเยอะ ไม่เป็นลมแน่นอนพี่สัญญา รอพี่อยู่ตรงนี้กับท่านแม่อย่าไปไหนไกล ตกลงนะ” “อื้มม อันเอ๋อร์จะรอเจ้าค่ะ ไม่ไปไหนไกลแน่นอน” คราแรกซูซื่อต้องการจะเอ่ยห้าม ทว่ายามได้เห็นแววตามุ่งมั่นของบุตรสาวคนโต นางจึงเปลี่ยนใจ “ระวังตัวด้วยนะลูก หนึ่งชั่วยามพอนะ หากออกมาช้าแม่จะเข้าไปตาม” ที่นางกล้าปล่อยให้บุตรสาวไปคนเดียว เพราะเขตป่าแถวนี้ไม่มีสัตว์ใหญ่ มีเพียงไก่ป่าหรือกระต่ายหลงมาบ้างในบางครั้ง “เจ้าค่ะท่านแม่” ครั้นมารดาแลน้องสาวหายไปจากครรลองสายตา มู่หนิงชิงจึงเริ่มออกวิ่งเพื่อทดสอบสมรรถนะของร่างนี้ ปรากฏว่าเพียงวิ่งขึ้นทางชันนิดหน่อยก็หอบจนตัวโยน ขาแข้งสั่นพั่บๆร่างกายโงนเงนไปมา สภาพไม่ต่างจากลูกกวางที่เพิ่งคลอด “แฮ่กๆๆ จะอ่อนแอเกินไปแล้ว วิ่งขึ้นทางชันยังไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำลมเกือบจับ! น่าอนาถจริง!” นางสบถให้กับความอ่อนแอของร่างนี้ ก่อนแวบหายเข้าไปในมิติ "สวัสดีมู่หนิงชิง" เสียงทักทายของเอไอในมิติแห่งความอิ่มหนำดังขึ้นเมื่อมู่หนิงชิงปรากฏตัว สภาพของมู่หนิงชิงเข้าขั้นย่ำแย่ ขาสั่นจนเข่าอ่อนทรุดฮวบลงกับพื้น ใจสั่นหน้าซีดเผือดคล้ายจะเป็นลม นางตัดสินใจคลานไปหาช็อคโกแลตนม ตั้งใจจะเพิ่มน้ำตาลให้กับร่างกาย ทว่าหมดแรงเสียก่อนจะไปถึง… “ช็อคโกแลตตต ซินดี้จ๋าช่วยส่งมาให้กล่องหนึ่งด่วนไม่มีแรงจะคลานต่อแล้ว” สิ้นคำวิงวอนต่อระบบเอไอ กล่องช็อคโกแลตยี่ห้อโปรดปรากฏขึ้นตรงหน้า ติ้ง!!! กล่องสีน้ำตาลลายทองของช็อคโกแลตนมจากซีกโลกตะวันตกปรากฏขึ้น มู่หนิงชิงรีบคว้ากล่องช็อคโกแลตขึ้นมาแกะห่อด้วยมือสั่นเทา หยิบเข้าปากไปหลายชิ้น ตามด้วยดื่มน้ำจากขวดที่มีฉลากเขียนว่า ไวตามินวอเตอร์ จนหมด รอจนกระทั่งขาหายสั่นดีจึงค่อยกลับออกมา นางไม่อยากลมจับหัวฟาดพื้น จนเป็นเหตุให้ร่างนี้ตกตายอีกรอบ! จารชนอย่างนางจะมาตายอนาถแบบนี้ไม่ได้ เสียชื่อหมด! รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่นเลยนะ! เวลานี้มู่หนิงชิงเลยเปลี่ยนเป็นการเดินขึ้นเนิน โดยใช้ไม้ค้ำตามปกติแทน หลังจากเดินไปได้ราวสามเค่อ นางก็มาถึงที่หมาย ดวงตาของมู่หนิงชิงวาวโรจน์ขึ้นมาทันที มือบางแหวกพงหญ้าออก เห็ดหลินจือแดงสภาพสมบูรณ์ ขนาดเท่าฝ่ามือบุรษสามดอก ขึ้นอยู่บนโคนต้นไม้ต้นนี้ นางตัดพวกมันออกมาด้วยความระมัดระวัง ก่อนกลับเข้าไปกรี๊ดในมิติ “กรี๊ดดดดดด เห็ดหลินจือแดงในตำนานจริงๆด้วยยย รวยแล้วววว” “นี่ซินดี้ รับซื้อเห็ดหลินจือแดงรึเปล่า” มู่หนิงชิงเอ่ยถามระบบเอไอเรื่องการขายสินค้า “…กรุณวางสินค้าของท่านลงบนเครื่องประมวลผล เราจะทำการประเมินและจะให้คำตอบในสามสิบวินาที” เครื่องประมวลที่ว่าหน้าตาคล้ายกล่องใสและมีฝาเปิดด้านหน้าปรากฏตรงหน้ามู่หนิงชิง หญิงสาวลองใส่เห็ดหลินจือแดงดอกหนึ่งเข้าไปและปิดฝา เครื่องประมวลผลเริ่มทำการสแกนทันที…สามสิบวินาทีต่อมา “จากการประมวลผล สิ่งที่เรียกว่าเห็ดหลินจือแดงดอกนี้ อยู่ในสภาพสมบูรณ์ถึงเก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์ ราคารับซื้ออยู่ที่สามร้อยตำลึงเงิน ซึ่งเป็นราคาสูงสุดตามมาตรฐานที่รับซื้อในมิตินี้ ท่านสามารถขายสินค้าให้ทางมิติแห่งความอิ่มหนำได้หากต้องการ” คำตอบของเอไออยู่เหนือความคาดหมาย มู่หนิงชิงสูดหายใจลึกด้วยความตื่นเต้น ก่อนตัดสินขายเห็ดหลินจือดอกนั้น ”ว้าว! รับซื้อด้วยราคาสามร้อยตำลึงเลยเหรอ ขายด่วน!” นางเชื่อมั่นในมาตรฐานอันสูงสุดของระบบในมิติแห่งความอิ่มหนำ ราคาที่ให้มาต้องยุติธรรมอย่างแน่นอน ใจจริงนางอยากจะขายเห็ดหลินจือทั้งหมดให้มิติ ทว่านางต้องมีข้ออ้างเรื่องที่มาที่ไปของเงินในกระเป๋าต่อครอบครัว จึงจำเป็นต้องเก็บอีกสองดอกที่เหลือไว้ก่อน "…กรุณากดตกลงการซื้อขายบนหน้าจอ" "…การขายสินค้าสำเร็จ ท่านต้องการเงินของโลกนี้ในรูปแบบก้อนตำลึงเงินหรือตำลึงทอง" “ขอเป็นตำลึงเงินก้อนละสิบ สามสิบก้อนแล้วกันนะซินดี้” ติ้ง!!! ถาดใส่ก้อนเงินตำลึงปรากฏอยู่ตรงหน้ามู่หนิงชิง มือบางหยิบมาลูบคลำด้วยความสนอกสนใจ จากนั้นจึงฉวยถาดใส่เงิน เดินไปวางไว้บนโต๊ะในห้องทำงานของเชฟใหญ่ “คนอย่างมู่หนิงชิง ไม่มีทางปล่อยให้ครอบครัวและตัวเองอดอยาก คิกๆๆ อยากรู้จริงๆ ว่าร้านขายยาในเมืองนี้จะรับซื้อในราคาเท่าไหร่ หากให้ราคาไม่ดีค่อยกลับมาขายให้ซินดี้อีกรอบ” ราวสองเค่อต่อมา หญิงสาวก็มาปรากฏใกล้เส้นทางที่ตนแยกกับมารดาและน้องสาว ซูซื่อกำลังทำความสะอาดมันป่า โดยมีมู่หนิงอันเป็นผู้ช่วย ทั้งคู่ชะโงกมองมาเป็นระยะจนเห็นว่ามู่หนิงชิงเดินกลับมาแล้ว “พี่ใหญ่กลับมาแล้ว ท่านแม่พี่ใหญ่กลับออกมาแล้วเจ้าค่ะ” เสียงเจื้อยแจ้วของเจ้าตัวน้อยดังขึ้น “ท่านแม่เจ้าคะ ลูกพบสิ่งนี้เจ้าค่ะ” มือบางค่อยเปิดใบไม้ที่ใช้คลุมสมบัติล้ำค่าตามธรรมชาติออก ทั้งรูปร่างขนาดและสีของเห็ดหลินแดงสองดอกนี้สมบูรณ์อย่างที่สุด ดวงตาของซูซื่อเบิกกว้าง ตกตะลึงยามเห็นสิ่งที่อยู่ในนั้น “นี่ นี่มัน นี่มัน…เห็ดหลินจือแดง” เสียงของนางแผ่วเบา มือบางสั่นเทาจากความรู้สึกเหลือเชื่อ ขณะยื่นไปสัมผัสสมบัติล้ำค่าจากธรรมชาติบทที่ 13 เส้นทางชีวิตใหม่ /2 วันเปิดร้านผู้คนต่างให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก พวกเขาได้รับแจกถั่วเคลือบน้ำตาลเสริมพลังปราณในกายเป็นสินค้าแนะนำ ทีแรกก็ไม่มีใครเชื่อว่า เพียงแค่ขนมขบเคี้ยวจะช่วยเสริมพลังธาตุในกายได้อย่างไร รวี่เยว่จึงมอบลูกกวาดเสริมพลังของแต่ละธาตุให้แต่ละคนลองกินดู “ลูกกวาดอัคคีที่ท่านลุงเพิ่งกินเข้าไป จะช่วยให้ปราณธาตุไฟของท่านแข็งแกร่งขึ้นสองส่วนในทันที และคงอยู่ครึ่งชั่วยามเจ้าค่ะ ท่านสามารถทดสอบพลังได้ทันที” รวี่เยว่ยืนเอามือไพล่หลัง บรรยายสรรพคุณสินค้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทว่าน้ำเสียงที่เปล่งออกมากลับทรงพลังกึกก้องจนหลายคนไม่กล้าพูดแทรก ครั้นชายวัยกลางคน ที่เพิ่งกินลูกกวาดสำหรับเสริมพลังธาตุไฟเข้าไป เริ่มต้นเดินพลังดูตามคำแนะนำ ฟึ่บ!! พลังธาตุไฟในมือของเขาแข็งแกร่งขึ้นสองส่วนในพริบตา ตามสรรพคุณที่กล่าวมาจริงๆ! “โอ้ พลังธาตุของข้าแข็งแกร่งขึ้นจริงๆด้วย ยอดเยี่ยมจริงๆ แม่หนูเจ้าขายราคาเท่าไหร่ข้าขอเหมาหมด!” ชายวัยกลางคนผู้มีพลังธาตุไฟ รีบควักถุงเงินออกจากมาแหวนยื่นให้รวี่เยว่ “เจ้าจะเหมาหมดคนเดียวได้อย่างไร! ข้าเองก็อยากได้เหมือนกัน” ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้า
บทที่ 13 เส้นทางชีวิตใหม่ /1 เมืองเทียนหวง เมืองหลวงอาณาจักรอู๋ซาง จวนเสนาธิการทหาร จดหมายจากแดนไกลลุกไหม้อยู่ในเตากำยาน กลางโถงรับรองของเรือนฟาหยาง ฮูหยินผู้เฒ่า เหวินกุ้ยเหริน มารดาของหวังเหลียง และมีศักดิ์เป็นป้าของ เหวินไป๋เหลียน ทอดมองหลานสาวคนโปรดที่เกิดจากเหวินไป๋เหลียนอย่างมาดหมาย ปีนี้หวังลู่เสียนอายุเก้าหนาว เด็กหญิงเกิดหลังหวังลี่ถิงเพียงหนึ่งเดือน จากที่เคยเป็นเพียงบุตรีของอนุ เวลานี้เด็กหญิงคือบุตรีของฮูหยินเอกอย่างสมบูรณ์ "เสียนเอ๋อร์ อีกไม่กี่วันเจ้าก็ต้องเดินทางไปสำนักเพลิงจักรพรรดิแล้ว เตรียมตัวพร้อมรึยัง" ผู้เป็นย่าเอ่ยถามด้วยสุ้มเสียงอ่อนโยน หวังลู่เสียนหน้าตาพริ้มเพราตั้งแต่เด็ก ฉายแววว่าจะเติบโตขึ้นเป็นหญิงงามเหมือนมารดา อีกทั้งเปี่ยมด้วยพรสวรรค์ อายุเพียงเก้าหนาวระดับตบะอยู่ที่หนิงชี่ขั้นปลายแล้ว สตรีสายเลือดตระกูลเหวินต่างหากที่สมควรมีชะตาหงส์ ไม่ใช่เด็กอีกคนตามคำทำนายของหอพยากรณ์!! "เสียนเอ๋อร์เตรียมตัวพร้อมแล้วเจ้าค่ะท่านย่า แต่ว่า…เสียนเอ๋อร์ไม่อยากจากท่านย่าไปเลย" เด็กหญิงในชุดผ้าไหมเนื้อดีสีชมพูอ่อนหวาน เอ่ยวาจาฉอเลาะเอาใจหญิงชรา ใบหน้าเล็กถูไ
บทที่ 12 การเปลี่ยนแปลง /2 ในโกดังเก็บสินค้าทางทิศตะวันตกของเมืองลวี่เฟิง ร่างเล็กของเด็กหญิงมีสภาพสะบักสะบอม ถูกจับมัดมือมัดเท้า ปากเล็กมีผ้ายัดไว้ ข้างกายมีชายชุดดำยืนคุมเชิงอยู่สองคน เผยคังก้าวเข้ามาในโกดัง พิศมองเด็กหญิงตรงหน้าด้วยสายตายากคาดเดา "อั่น เอ้าเอือง อ่วย อ้า อ้วย (ท่านเจ้าเมืองช่วยข้าด้วย)" เด็กหญิงส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เมื่อเห็นว่าใครก้าวเข้ามาในโกดัง ใบหน้าเล็กเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา “เอาผ้าอุดปากนางออก” เผยคังสั่งองครักษ์ หลังนั่งลงบนเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้เป็นที่เรียบร้อย ครั้นปราศจากผ้าอุดปาก เด็กหญิงก็รีบส่งเสียงขอความช่วยเหลือจากเจ้าเมืองลวี่เฟิงทันที "ท่านเจ้าเมืองเจ้าคะ ช่วยข้าด้วย มีคนใจร้ายจับข้ามาเจ้าค่ะ" ทว่าคนฟังกลับปรายตามองร่างเล็กอย่างเย็นชา "ข้าคงช่วยอะไรเจ้าไม่ได้หรอกนะแม่หนู เพราะข้าเองก็ได้รับคำสั่งมาอีกที" แววตาของรวี่เยว่เข้มขึ้นเมื่อได้ยินถ้อยคำจากปากเผยคัง นอกจากชายวัยกลางคนตรงหน้ายังมีใครที่ต้องการชีวิตของนางอีกหรือ "มีคนสั่งท่านเจ้าเมืองมาอย่างนั้นหรือเจ้าคะ! ใครหรือเจ้าคะ ไม่แน่ว่าอาจมีการเข้าใจผิดก็เป็นได้…ข้าเป็นแ
บทที่ 12 การเปลี่ยนแปลง /1 ชายชุดดำทั้งสองแทบไม่เชื่อสายตา เด็กหญิงตรงหน้ามีธาตุมืด! หรือแท้จริงแล้ว นางคือเผ่ามนุษย์สายเลือดมารสวรรค์ชั้นสูงของตำหนักเทวาอนธการ!! หากเป็นอย่างที่คิด พูดได้คำเดียวว่า ซวยแล้ว! ซวยทั้งพวกเขาและผู้ว่าจ้าง ในมหาพิภพทงเทียนถึงได้มีคำกล่าวไว้ว่า หาเรื่องใครก็หาไป แต่อย่าริอาจไปหาเรื่องคนตำหนักเทวาอนธการ! และอย่าไปยุยั่วคนตำหนักเทพอนันต์ ขนาดราชวงศ์ของทั้งสี่อาณาจักร ยังไม่มีใครกล้าแตะต้องพวกเขา!!! ความหวาดผวาจู่โจมจิตใจของนักฆ่าที่ยังรอดชีวิต เด็กหญิงตรงหน้าอายุเพียงเก้าหนาว ทว่าระดับตบะสูงถึงเจี๋ยตันขั้นกลาง แต่สิ่งที่น่าหวาดหวั่นกว่า คืออัคคีนิลกาฬในมือของนางต่างหาก!! การถูกช่วงชิงและควบคุมจิตวิญญาณ คือสิ่งที่นักบำเพ็ญเกรงกลัวเป็นที่สุด พวกเขามิอาจไปผุดไปเกิด แต่กลายเป็นวิญญาณรับใช้ของผู้ที่ช่วงชิงออกมาได้ และหากวิญญาณไม่ได้รับการปลดปล่อย ก็จะกลายเป็นทาสรับใช้ไปชั่วกัปชั่วกัลป์…ทรมานยิ่งกว่าตกนรก! “ข้าบอก ข้ายอมบอกแล้ว แต่ได้โปรดอย่าช่วงชิงจิตวิญญาณของข้าเลย” นักฆ่าอีกคนรีบส่งเสียงปากคอสั่น “จะ เจ้าเมืองเผยคังขอรับคุณหนู ที่ว่าจ้างพวกเราให้
บทที่ 11 ของขวัญจากอาจารย์ /2 วาจาของเด็กหญิงทำคนฟังขอบตาร้อนผ่าว คุณหนูของพวกนางช่างคนเป็นจิตใจงดงามและกตัญญูอย่างยิ่ง ช่างน่าเสียดายที่รองแม่ทัพเยว่หนิงลี่จากไปเร็วเหลือเกิน หวังว่าวิญญาณของนางที่อยู่บนสวรรค์จะมองเห็นและภูมิใจในตัวบุตรสาว ในขณะที่ทั้งสามกำลังยืนมองร้านที่ปิดประกาศว่าปล่อยให้เช่าอยู่นั้น บุรุษคนหนึ่งซึ่งเคยพบพวกนางอยู่สองสามครั้ง บังเอิญเดินผ่านมาแถวนั้นพอดี เขาจดจำได้อย่างแม่นยำว่าสาวใช้หน้าแฉล้มนางนั้นคือชุนอิ่ง และหญิงวัยกลางคนร่างท้วมที่มีไฝเหนือริมฝีปากด้านซ้ายคือแม่นมชุน ครั้นมองไปยังเด็กหญิงและได้เห็นใบหน้าเล็กของนาง ซึ่งเวลานี้ปราศจากปานสีชาดรูปเปลวเพลิงก็ตกตะลึง ไม่กี่เดือนก่อนตอนที่เขามาส่งจดหมายจากเมืองหลวงให้นาง เด็กหญิงยังดูอัปลักษณ์เพราะปานนั่นอยู่เลย ไยตอนนี้ถึงได้… และในชั่วขณะนั้นเอง "นั่นรวี่เยว่นี่ รวี่เยว่! เจ้านั่นเอง มาทำอะไรตรงนี้หรือ" เด็กหญิงที่ดูอายุมากกว่ารวี่เยว่สองสามปี ก้าวมาหาร่างเล็กอย่างดีใจ นางคือหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันอิสระ ที่ตกรอบไปในรอบที่สาม และนางก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขัน ที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์เดียวกันกับรวี่เยว่ หลัง
บทที่ 11 ของขวัญจากอาจารย์ /1 เผยคังบดกรามดังกรอด หันมาตวาดบุตรชายคนเล็กอย่างอย่างฉุนเฉียว "หุบปาก! หากมิใช่เพราะเจ้าพ่ายแพ้คู่แข่งที่ตบะอ่อนด้อยกว่า จนทำให้ตระกูลเผยขายหน้า! มีหรือพี่ชายของเจ้าจะลงมือ! ต่อไปห้ามพูดถึงเรื่องนี้อีก ตั้งใจฝึกฝนให้มากกว่านี้ เข้าใจหรือไม่!" แม้ว่าความจริงตัวเขารู้สึกอับอาย และเจ็บแค้นไม่น้อยไปกว่าบุตรชาย ทว่าจำเป็นต้องอดกลั้น ฝืนกลืนโทสะทั้งหมดลงท้อง ด้วยเพราะผู้ที่ทำร้ายเผยหลงจนบาดเจ็บสาหัส คือคนของไท่จื่อแห่งตำหนักเทพอนันต์ ที่แม้แต่ฮ่องเต้ยังต้องไว้หน้าอยู่หลายส่วน ตัวเขาเป็นเพียงเจ้าเมืองจึงมิอาจล่วงเกินอีกฝ่าย ยิ่งคิดยิ่งแค้นใจจนแทบจะกระอักเลือด! ผู้เป็นบิดาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก้าวมานั่งยังโต๊ะน้ำชากลางห้อง เอ่ยเรียกบุตรชายที่ยืนก้มหน้าเม้มปากแน่นอยู่ข้างมารดา ซึ่งเวลานี้กำลังได้รับการพัดวีจากสาวใช้หลังจากลมจับไปอีกรอบ "หู่เอ๋อร์มานี่ นั่งลง ข้าอยากรู้ว่าเด็กผู้หญิงที่ประลองชนะเจ้าวันนี้ เป็นใครมาจากไหน ใช่ศิษย์ของสำนักกระบี่จันทราหรือเปล่า" "นะ นาง นางเป็นผู้สมัครอิสระจากข้างนอกขอรับท่านพ่อ ส่วนเรื่องที่นางเป็นใครมาจากไหน ลูกเองก็ไม่ทราบ"