หน้าหลัก / รักโบราณ / นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง / บทที่ 4 วิธีหาเงินในตำนาน (ตอนปลาย)

แชร์

บทที่ 4 วิธีหาเงินในตำนาน (ตอนปลาย)

ผู้เขียน: ชวี่เหว่ย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-13 00:35:59

บทที่ 4 วิธีหาเงินในตำนาน (ตอนปลาย)

“ทางนี้มีมันป่าเจ้าค่ะท่านแม่!”

เมื่อขุดขึ้นมาใส่ตะกร้าเรียบร้อย ก็เดินเก็บเห็ดกินได้อีกสองสามชนิด รวมถึงสมุนไพรและผักป่าที่พบระหว่างทาง

หนึ่งชั่วยามต่อมา…

“ชิงเอ๋อร์ พวกเราเดินเข้ามาลึกพอสมควรแล้ว แม่ว่าพวกเรากลับกันเถิด น้องน่าจะเหนื่อยแล้วเหมือนกัน”

“ขอข้าเดินลึกเข้าไปอีกหน่อยเถิดเจ้าค่ะ มีลางสังหรณ์ว่าวันนี้จะได้พบของดี หากท่านแม่เหนื่อย นั่งพักรอลูกแถวนี้ก็ได้นะเจ้าคะ อันเอ๋อร์น้องอยู่ตรงนี้กับท่านแม่นะ อีกไม่เกินชั่วยามพี่ใหญ่จะกลับมา”

มู่หนิงชิงเอ่ยกับมารดาและน้องสาว น้ำเสียงเปี่ยมล้นด้วยความมั่นใจ นางมองเห็นบางสิ่งในระยะเกือบสองลี้ ค่อนไปทางทิศตะวันออก รูปร่างดูคล้ายเห็ดหลินจือขึ้นอยู่บนโคนต้นไม้ใหญ่มีหญ้าสูงบดบัง

“พี่ใหญ่ไปคนเดียวได้จริงๆ หรือเจ้าคะ” มู่หนิงอันเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วง นางกลัวพี่สาวเป็นลมลื่นล้มอีก

สายตาของมู่หนิงชิงอ่อนโยนขึ้นหลายส่วน นางย่อตัวลงลูบหัวทุยของเจ้าตัวน้อยด้วยความเอ็นดู

“ได้สิอันเอ๋อร์ อย่าลืมว่าช่วงนี้พวกเรามีเนื้อกินทุกวันแล้วนะ พี่ใหญ่แข็งแรงขึ้นเยอะ ไม่เป็นลมแน่นอนพี่สัญญา รอพี่อยู่ตรงนี้กับท่านแม่อย่าไปไหนไกล ตกลงนะ”

“อื้มม อันเอ๋อร์จะรอเจ้าค่ะ ไม่ไปไหนไกลแน่นอน”

คราแรกซูซื่อต้องการจะเอ่ยห้าม ทว่ายามได้เห็นแววตามุ่งมั่นของบุตรสาวคนโต นางจึงเปลี่ยนใจ

“ระวังตัวด้วยนะลูก หนึ่งชั่วยามพอนะ หากออกมาช้าแม่จะเข้าไปตาม” ที่นางกล้าปล่อยให้บุตรสาวไปคนเดียว เพราะเขตป่าแถวนี้ไม่มีสัตว์ใหญ่ มีเพียงไก่ป่าหรือกระต่ายหลงมาบ้างในบางครั้ง

“เจ้าค่ะท่านแม่”

ครั้นมารดาแลน้องสาวหายไปจากครรลองสายตา มู่หนิงชิงจึงเริ่มออกวิ่งเพื่อทดสอบสมรรถนะของร่างนี้ ปรากฏว่าเพียงวิ่งขึ้นทางชันนิดหน่อยก็หอบจนตัวโยน ขาแข้งสั่นพั่บๆร่างกายโงนเงนไปมา สภาพไม่ต่างจากลูกกวางที่เพิ่งคลอด

“แฮ่กๆๆ จะอ่อนแอเกินไปแล้ว วิ่งขึ้นทางชันยังไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำลมเกือบจับ! น่าอนาถจริง!”

นางสบถให้กับความอ่อนแอของร่างนี้ ก่อนแวบหายเข้าไปในมิติ

"สวัสดีมู่หนิงชิง" เสียงทักทายของเอไอในมิติแห่งความอิ่มหนำดังขึ้นเมื่อมู่หนิงชิงปรากฏตัว

สภาพของมู่หนิงชิงเข้าขั้นย่ำแย่ ขาสั่นจนเข่าอ่อนทรุดฮวบลงกับพื้น ใจสั่นหน้าซีดเผือดคล้ายจะเป็นลม นางตัดสินใจคลานไปหาช็อคโกแลตนม ตั้งใจจะเพิ่มน้ำตาลให้กับร่างกาย ทว่าหมดแรงเสียก่อนจะไปถึง…

“ช็อคโกแลตตต ซินดี้จ๋าช่วยส่งมาให้กล่องหนึ่งด่วนไม่มีแรงจะคลานต่อแล้ว” สิ้นคำวิงวอนต่อระบบเอไอ กล่องช็อคโกแลตยี่ห้อโปรดปรากฏขึ้นตรงหน้า

ติ้ง!!! กล่องสีน้ำตาลลายทองของช็อคโกแลตนมจากซีกโลกตะวันตกปรากฏขึ้น

มู่หนิงชิงรีบคว้ากล่องช็อคโกแลตขึ้นมาแกะห่อด้วยมือสั่นเทา หยิบเข้าปากไปหลายชิ้น ตามด้วยดื่มน้ำจากขวดที่มีฉลากเขียนว่า ไวตามินวอเตอร์ จนหมด รอจนกระทั่งขาหายสั่นดีจึงค่อยกลับออกมา

นางไม่อยากลมจับหัวฟาดพื้น จนเป็นเหตุให้ร่างนี้ตกตายอีกรอบ!

จารชนอย่างนางจะมาตายอนาถแบบนี้ไม่ได้ เสียชื่อหมด! รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่นเลยนะ!

เวลานี้มู่หนิงชิงเลยเปลี่ยนเป็นการเดินขึ้นเนิน โดยใช้ไม้ค้ำตามปกติแทน หลังจากเดินไปได้ราวสามเค่อ นางก็มาถึงที่หมาย ดวงตาของมู่หนิงชิงวาวโรจน์ขึ้นมาทันที

มือบางแหวกพงหญ้าออก เห็ดหลินจือแดงสภาพสมบูรณ์ ขนาดเท่าฝ่ามือบุรษสามดอก ขึ้นอยู่บนโคนต้นไม้ต้นนี้ นางตัดพวกมันออกมาด้วยความระมัดระวัง ก่อนกลับเข้าไปกรี๊ดในมิติ

“กรี๊ดดดดดด เห็ดหลินจือแดงในตำนานจริงๆด้วยยย รวยแล้วววว”

“นี่ซินดี้ รับซื้อเห็ดหลินจือแดงรึเปล่า” มู่หนิงชิงเอ่ยถามระบบเอไอเรื่องการขายสินค้า

“…กรุณวางสินค้าของท่านลงบนเครื่องประมวลผล เราจะทำการประเมินและจะให้คำตอบในสามสิบวินาที”

เครื่องประมวลที่ว่าหน้าตาคล้ายกล่องใสและมีฝาเปิดด้านหน้าปรากฏตรงหน้ามู่หนิงชิง

หญิงสาวลองใส่เห็ดหลินจือแดงดอกหนึ่งเข้าไปและปิดฝา เครื่องประมวลผลเริ่มทำการสแกนทันที…สามสิบวินาทีต่อมา

“จากการประมวลผล สิ่งที่เรียกว่าเห็ดหลินจือแดงดอกนี้ อยู่ในสภาพสมบูรณ์ถึงเก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์ ราคารับซื้ออยู่ที่สามร้อยตำลึงเงิน ซึ่งเป็นราคาสูงสุดตามมาตรฐานที่รับซื้อในมิตินี้ ท่านสามารถขายสินค้าให้ทางมิติแห่งความอิ่มหนำได้หากต้องการ”

คำตอบของเอไออยู่เหนือความคาดหมาย มู่หนิงชิงสูดหายใจลึกด้วยความตื่นเต้น ก่อนตัดสินขายเห็ดหลินจือดอกนั้น

”ว้าว! รับซื้อด้วยราคาสามร้อยตำลึงเลยเหรอ ขายด่วน!” นางเชื่อมั่นในมาตรฐานอันสูงสุดของระบบในมิติแห่งความอิ่มหนำ ราคาที่ให้มาต้องยุติธรรมอย่างแน่นอน

ใจจริงนางอยากจะขายเห็ดหลินจือทั้งหมดให้มิติ ทว่านางต้องมีข้ออ้างเรื่องที่มาที่ไปของเงินในกระเป๋าต่อครอบครัว จึงจำเป็นต้องเก็บอีกสองดอกที่เหลือไว้ก่อน

"…กรุณากดตกลงการซื้อขายบนหน้าจอ"

"…การขายสินค้าสำเร็จ ท่านต้องการเงินของโลกนี้ในรูปแบบก้อนตำลึงเงินหรือตำลึงทอง"

“ขอเป็นตำลึงเงินก้อนละสิบ สามสิบก้อนแล้วกันนะซินดี้”

ติ้ง!!! ถาดใส่ก้อนเงินตำลึงปรากฏอยู่ตรงหน้ามู่หนิงชิง มือบางหยิบมาลูบคลำด้วยความสนอกสนใจ จากนั้นจึงฉวยถาดใส่เงิน เดินไปวางไว้บนโต๊ะในห้องทำงานของเชฟใหญ่

“คนอย่างมู่หนิงชิง ไม่มีทางปล่อยให้ครอบครัวและตัวเองอดอยาก คิกๆๆ อยากรู้จริงๆ ว่าร้านขายยาในเมืองนี้จะรับซื้อในราคาเท่าไหร่ หากให้ราคาไม่ดีค่อยกลับมาขายให้ซินดี้อีกรอบ”

ราวสองเค่อต่อมา หญิงสาวก็มาปรากฏใกล้เส้นทางที่ตนแยกกับมารดาและน้องสาว ซูซื่อกำลังทำความสะอาดมันป่า โดยมีมู่หนิงอันเป็นผู้ช่วย ทั้งคู่ชะโงกมองมาเป็นระยะจนเห็นว่ามู่หนิงชิงเดินกลับมาแล้ว

“พี่ใหญ่กลับมาแล้ว ท่านแม่พี่ใหญ่กลับออกมาแล้วเจ้าค่ะ” เสียงเจื้อยแจ้วของเจ้าตัวน้อยดังขึ้น

“ท่านแม่เจ้าคะ ลูกพบสิ่งนี้เจ้าค่ะ” มือบางค่อยเปิดใบไม้ที่ใช้คลุมสมบัติล้ำค่าตามธรรมชาติออก ทั้งรูปร่างขนาดและสีของเห็ดหลินแดงสองดอกนี้สมบูรณ์อย่างที่สุด

ดวงตาของซูซื่อเบิกกว้าง ตกตะลึงยามเห็นสิ่งที่อยู่ในนั้น

“นี่ นี่มัน นี่มัน…เห็ดหลินจือแดง” เสียงของนางแผ่วเบา มือบางสั่นเทาจากความรู้สึกเหลือเชื่อ ขณะยื่นไปสัมผัสสมบัติล้ำค่าจากธรรมชาติ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 15 ผู้ต้องสงสัย (ตอนปลาย)

    บทที่ 15 ผู้ต้องสงสัย (ตอนปลาย) ดวงตาเมล็ดซิ่งคู่งามปิดลง เริ่มเค้นความทรงจำของมู่หนิงชิงในวันสุดท้าย… ช่วงสายของวันนั้น มู่หนิงชิงสะพายตะกร้าขึ้นหลัง เดินเข้าป่าเพื่อไปหาสมุนไพรและผักป่าตามปกติ เดินอยู่ราวสามเค่อจึงมุ่งไปยังตำแหน่งที่เคยพบกอเผือก กอเผือกอีกแล้ว!! ทว่ากลับชะงักฝีเท้า เพราะได้ยินเสียงร้องครวญครางของสตรีอยู่ไม่ไกล หญิงสาวก้าวไปข้างหน้ามือบางแหวกใบของต้นเผือกออก และได้เห็นบั้นท้ายของบุรุษ กำลังกระแทกใส่หว่างขาสตรี ที่ยืนพิงต้นไม้ยกขาข้างหนึ่งเกี่ยวเอวของเขาไว้ นางไม่เห็นหน้าของคนทั้งสองด้วยซ้ำ เพราะรีบหมุนตัวกลับมาจากภาพบัดสีที่ได้ประจักษ์กับตา เท้าของนางบังเอิญเหยียบลงบนกิ่งไม้แห้งจนเกิดเสียงดัง นางไม่รู้ว่าสองคนนั้นจะได้ยินหรือไม่ หลังผละมาจากตรงนั้น หญิงสาวเดินมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่เคยพบกลุ่มเห็ดโคนที่ขึ้นเป็นประจำ ซึ่งอยู่ตรงบริเวณต้นไม้ใหญ่ที่นางถูกลอบทำร้ายจากด้านหลัง…จนเสียชีวิตในที่สุด มู่หนิงชิงเปิดเปลือกตาขึ้น ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “อนิจจา…มู่หนิงชิง เจ้าต้องมาตายเพราะโดนคนสารเลวที่แอบมาเล่นชู้กันในป่าสังหาร เพียงเพื่อปกปิดความเลวระยำของพวกมัน!“ ดวงตาข

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 15 ผู้ต้องสงสัย (ตอนต้น)

    บทที่ 15 ผู้ต้องสงสัย (ตอนต้น) สัญญาเช่าพื้นที่หน้าร้านฝูจิ่นเริ่มขึ้นวันมะรืน ตามคำขอของมู่หนิงชิง หญิงสาวยังได้สั่งทำฉากกั้น โต๊ะไม้และกล่องใส่อาหาร สำหรับไว้ใช้ในวันเปิดร้าน จากร้านขายเครื่องเรือนในเครือตระกูลฟ่านอีกด้วย ส่วนภาชนะที่นางจะใช้สำหรับใส่เกี๊ยวซ่าขาย คือกระทงใบกล้วย หลังกลับมาจากในเมือง มู่หนิงชิงขอให้มารดาพาไปหาบ้านที่ปลูกกล้วยเพื่อขอซื้อใบ ขากลับเดินผ่านไร่ของบ้านใหญ่สกุลมู่ ก็ได้เห็นมู่ซาน มู่อวิ๋นเทารวมถึงหลัวซื่อ ซึ่งปกติไม่เคยมาช่วยงานที่ไร่ กำลังวุ่นวายอยู่กับการรดน้ำและกำจัดวัชพืช ในขณะที่ปากก็พ่นคำผรุสวาทไม่หยุด ซูซื่อเห็นทั้งสามแล้วก็ทอดถอนใจ ก่อนหันหลังมุ่งหน้ากลับบ้าน มู่หนิงชิงเพ่งเนตรปีศาจมองเข้าไปภายในบ้าน เพื่อดูว่ามีใครอยู่บ้าง พบว่ามู่อวี๋โหรวกำลังนอนเล่นอยู่บนตั่งเตียง สั่งให้น้องสาวช่วยเย็บเสื้อคลุมบุรุษตัวหนึ่งแทนตน ทว่าไร้เงาของฉวนซื่อที่ยามนี้ปกติต้องอยู่บ้าน… หลังกลับมาถึงบ้าน มู่หนิงชิงชวนบิดาและน้องทั้งสอง ไปเดินเล่นบนเขาโดยทิ้งแม่ไก่สายดุไว้เฝ้าบ้าน! นางต้องการออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างนี้ หากจะไปคนเดียวมู่เฟิงและซูซื่อคงไม

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 14 เกี๊ยวซ่ากับสัญญาเช่า (ตอนปลาย)

    บทที่ 14 เกี๊ยวซ่ากับสัญญาเช่า (ตอนปลาย) เวลานี้ดวงตาของคู่งามของฟ่านฮุ่ยเจิน เป็นประกายระยับราวกับดวงดาวยามค่ำคืน นางยิ้มไม่หุบขณะชิมน้ำจิ้มแต่ละรส และเมื่อเกี๊ยวซ่าตัวสุดท้ายหมดลง… "อ๊ะ! หมดแล้วหรือ เอ่อ แม่นางมู่ หากข้าจะขอเพิ่มอีกสักจาน ท่านยังพอมีเกี๊ยวเหลือหรือไม่" น้ำเสียงเว้าวอน สีหน้าค่อนไปทางออดอ้อนเล็กน้อยของฟ่านฮุ่ยเจิน เรียกรอยยิ้มกว้างของมู่หนิงชิงได้อีกครั้ง "หากคุณหนูฟ่านต้องการ ข้าจะไปทอดเพิ่มให้ท่านทันที เพียงแต่ว่า…ท่านจะอนุญาตให้ข้ามาตั้งแผงขาย ยังหน้าร้านฝูจิ่นได้หรือไม่หรือเจ้าคะ" "ได้สิ! ได้แน่นอนอยู่แล้ว! ข้าจะร่างสัญญาเช่าให้ท่าน ระหว่างรอเกี๊ยวซ่าจานต่อไป เอ่อ ข้าอยากรู้ว่าวันนี้ท่านนำเกี๊ยวสดมาเยอะหรือไม่ หากข้าจะขอประเดิมอาหารของท่านเป็นเจ้าแรก ด้วยการเหมาเกี๊ยวซ่าที่ท่านนำมา ในวันนี้ทั้งหมดจะเป็นไปได้ไหม ทุกคนในครอบครัวของข้าต้องชื่นชอบเป็นแน่" ฟ่านฮุ่ยเจินที่ติดอกติดใจความอร่อยล้ำเลิศนี้ เอ่ยปากถามมู่หนิงชิงอย่างตรงไปตรงมา แม่ค้าหน้าใหม่ระบายยิ้มจนตาโค้ง พยักหน้าเป็นคำตอบด้วยความยินดี 
 สัญญาเช่าหน้าร้านฝูจิ่นถูกร่างขึ้นระหว่างรอเกี๊ยวซ่าจานถัดไป

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 14 เกี๊ยวซ่ากับสัญญาเช่า (ตอนต้น)

    บทที่ 14 เกี๊ยวซ่ากับสัญญาเช่า (ตอนต้น) เสียงแม่ไก่ร้องปลุกสมาชิกในบ้าน ยามแสงทองเรืองรองสาดส่องย้อมขอบฟ้า ร่างบางบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนก้าวลงจากเตียง หลังจากที่ทุกคนในบ้านล้างหน้าล้างตาและทานมื้อเช้าเป็นที่เสร็จสรรพ ทั้งห้าชีวิตก็เตรียมตัวออกจากบ้านไปขึ้นเกวียน มู่หนิงชิงย่อตัวเอ่ยกับแม่ไก่แสนรู้ทั้งสาม ที่เดินมาส่งยังหน้าบ้านว่า “ฝากบ้านด้วยนะทุกคน ใครมาด้อมๆ มองๆ ดูแล้วไม่น่าไว้ใจ พวกเจ้าจัดการได้เลย!!!” กะต๊าก!!! แม่ไก่ทั้งสามตัวส่งเสียงตอบรับ ก่อนเดินแยกย้ายไปตามมุมต่างๆของบ้านเพื่อเฝ้าระวัง มู่หนิงชิงยกยิ้มด้วยความชอบใจ ในขณะที่บุพการีและน้องทั้งสองยืนอ้าปากค้างดวงตาเบิกโพลง “แม่ไก่จากแดนเทพช่างน่าทึ่งยิ่งนัก นอกจากออกไข่ใบใหญ่วันละสองฟองแล้ว ยังเฝ้าบ้านได้อีกด้วย“ มู่หนิงเฉิงเผยสีหน้าเหลือเชื่อ มองตามหลังแม่ไก่ตาแทบถลน 
 สมาชิกทุกคนของสกุลมู่บ้านรอง ช่วยกันถือของที่จะนำไปในเมืองกันคนละอย่างสองอย่าง เพื่อไปให้ทันขึ้นเกวียนรอบแรก ครั้นจงหู่เห็นพวกเขาหอบหิ้วของพะรุงพะรังไปด้วย จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย คำตอบที่ได้รับกลับมา อยู่เหนือความคาดหมายของชราเล็กน้อย แต่กระนั

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 13 วางแผนขายเกี๊ยวซ่า (ตอนปลาย)

    บทที่ 13 วางแผนขายเกี๊ยวซ่า (ตอนปลาย) แต๊กๆๆๆๆๆๆ!! เสียงรัวตะกร้อตีมือดังขึ้นในครัว ดึงความสนใจของซูซื่อที่กำลังเย็บชายกระโปรงใหม่ให้มู่หนิงอัน นางหยุดสิ่งที่ทำอยู่ เดินมาดูแม่ครัวคนใหม่ของบ้าน ซึ่งมีอุปกรณ์หน้าตาแปลกในมือ “นั่นมัน? เอ่อ…” “ท่านเทพให้มาเจ้าค่ะ” ร่างบางเงยหน้าบอกมารดา ก่อนก้มหน้ารัวตะกร้อในมือต่อ “ชิงเอ๋อร์ทำอะไรหรือให้แม่ช่วยดีกว่า ร่างกายลูกยังไม่แข็งแรง ออกแรงมากจะหน้ามืดเอานะ” “ใกล้เสร็จแล้วเจ้าค่ะท่านแม่” ซูซื่อยืนมองบุตรสาว รัวมือตีสิ่งที่อยู่ในชามใบใหญ่ด้วยความสนใจ ราวครึ่งเค่อต่อมา น้ำจิ้มสีเหลืองนวลข้นเหนียวก็เป็นอันเสร็จ มู่หนิงชิงเหงื่อซึมทั่วกรอบหน้า อ้าปากหอบหายใจ พลางนวดข้อมือจากความเมื่อยขบ ขณะหันมายิ้มให้กับมารดา “มายองเนสเสร็จแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ เหลือแค่ปรุงรสอีกนิดหน่อยเท่านั้น“ “มา มาอะไรนะชิงเอ๋อร์?!” ซูซื่อถามชื่อของน้ำจิ้มสีนวลนั้นซ้ำ นางไม่เคยได้ยินชื่อเรียกน้ำจิ้มแบบนี้มาก่อน “มา ยอง เนสสสส เจ้าค่ะ” มู่หนิงชิงเอ่ยทวนทีละคำให้มารดาฟังอีกรอบชัดๆ คนฟังพยักหน้าพลางกล่าวทวนคำบุตรสาว “อ่าา มา ยอง เนสซึ” “คิกๆๆ นั่นแหละเจ้าค่ะ

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 13 วางแผนขายเกี๊ยวซ่า (ตอนต้น)

    บทที่ 13 วางแผนขายเกี๊ยวซ่า (ตอนต้น) มู่หนิงชิงเดินกลับมาหาครอบครัว ด้วยสภาพครบสามสิบสองไม่ขาดไม่เกิน นางบอกกับมู่เฟิงว่ารุ่ยอ๋องเรียกไปคุยเรื่องเห็ดหลินจือแดงไม่มีอะไรที่น่ากังวล ในชั่วขณะนั้นเอง รถม้าคันหนึ่งก็มาจอดเทียบที่หน้าร้านฝูจิ่น หญิงสาวอายุราวสิบหกหนาว รูปร่างอรชรในชุดผ้าไหมเนื้อดีสีฟ้าอ่อนก้าวออกมาจากตัวรถ ใบหน้าสะคราญอ่อนหวานน่าทะนุถนอม มีรอยยิ้มประดับมุมปากบางเบาส่งให้หญิงสาวดูเป็นมิตร สาวใช้ก้าวลงมาก่อน ยื่นมือเพื่อรอประคองคุณหนูของตน ครั้นหลงจู๊ร้านฝูจิ่น เห็นว่าเป็นผู้ใดจึงปรี่เข้ามาทักทายด้วยความนอบน้อม “คุณหนูใหญ่ สบายดีนะขอรับ สมุดบัญชีเตรียมไว้ที่ห้องทำงานแล้วขอรับ” “ขอบคุณหลงจู๊ฝางมากเจ้าค่ะ…ไม่ทราบว่าลูกจ้างในร้านดูแลพวกท่านดีหรือไม่” ใบหน้าอ่อนหวานของ ฟ่านฮุ่ยเจิน หันมาหาครอบครัวของมู่เฟิง พร้อมเอ่ยถามในสิ่งทำเป็นประจำกับลูกค้าทุกคนของร้าน ชาวบ้านทุกคนในตลาดต่างรู้ดีว่า ตระกูลฟ่านเป็นตระกูลคหบดีใหญ่ ที่ร่ำรวยมากของเมืองอี้เฉิง นายท่านผู้เฒ่าฟ่าน สร้างเนื้อสร้างตัวมาด้วยมือของตนเอง พื้นเพเป็นเพียงพ่อค้าขายของหาบเร่มาก่อน ทว่าขยันขันแข็งฉลาดเฉลียว รู

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 12 พบหน้าพ่อหนุ่มลึกลับ (ตอนปลาย)

    บทที่ 12 พบหน้าพ่อหนุ่มลึกลับ อึดใจต่อมาเสียงทุ้มกังวานของซวินเหิงเยว่ก็ดังขึ้น เรียกสติของมู่หนิงชิงให้ตื่นจากภวังค์ “อะ แฮ่ม! เปิ่นหวางน่ามองขนาดนั้นเชียว แม่นางมู่ถึงได้จ้องตาไม่กะพริบแบบนี้" "ขะ ขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉันเสียมารยาทแล้ว" หญิงสาวสะบัดศีรษะเล็กน้อยเพื่อเรียกสติ นางเผลอมองนานไปหน่อย "หึ! รู้ตัวก็ดี รินชาเอาเองนะ มือเปิ่นหวางไม่ว่าง” มือแกร่งของอ๋องหนุ่ม ดันถาดชุดน้ำชามาให้หญิงสาว โดยไม่หันมองหน้านางด้วยซ้ำ "…" มู่หนิงชิง 'กวน…มาก' "ขอบพระทัยเพคะ แต่ชาของท่านอ๋องหม่อมฉันไม่อาจเอื้อมที่จะดื่มเพคะ…คือว่าสูงส่งเกินไปลิ้นของหม่อมไปถึงไม่ถึง ปกติดื่มแต่น้ำต้มสุก" ที่นางไม่กล้าดื่มเพราะกลัวโดนวางยาพิษต่างหาก "เฮอะ! มิใช่กลัวว่าจะโดนเปิ่นหวางวางยาพิษหรอกรึ!" ซวินเหิงเยว่แค่นเสียง เอ่ยวาจาประชด คล้ายรู้ทันความคิดของหญิงสาว "หม่อมฉันจะไปคิดเช่นนั้นได้อย่างไรเพคะ ไม่มี๊! ไม่มี! ท่านอ๋องเป็นถึงเจ้าเมือง จะทรงคิดร้ายต่อประชาชนของตนเองได้อย่างไรกัน ใช่หรือไม่เพคะ…เอ่อ ไม่ทราบว่าที่ท่านอ๋องเชิญหม่อมฉันมาพบ มีเรื่องอะไรจะถามไถ่หรือเพคะ" นางปฏิเสธเสียงสูงพลางรีบเอ่ยเข

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 12 พบหน้าพ่อหนุ่มลึกลับ (ตอนต้น)

    บทที่ 12 พบหน้าพ่อหนุ่มลึกลับ 
 เมื่อเกวียนของจงหู่จอดลง มู่หนิงชิงจึงขอให้บิดา ช่วยพาไปร้านขายข้าวสารและของแห้งอีกครั้ง นางอยากถามเถ้าแก่ของร้านฝูจิ่น เรื่องการขอตั้งแผงลอย ในชั่วขณะที่กำลังจะข้ามถนน หญิงสาวรู้สึกถึงการถูกจ้อง มาจากโรงเตี้ยมชื่อดังของย่านนั้น ครั้นแหงนมองขึ้นไปยังชั้นสองของโรงเตี๊ยมดังกล่าว สายตาของนางก็สบเข้ากับดวงตาสีเข้มคู่คมเย็นชาของคนคุ้นเคยเข้าพอดี ซวินเหิงเยว่ โบกพัดในมือเอื่อยเฉื่อย ยกมุมปากขึ้นบางเบา จับจ้องหญิงสาวสวมผ้าคาดปิดหน้าไม่วางตา “ไปพานางมาพบเปิ่นหวาง แล้วให้อย่าเอิกเกริก” ชายหนุ่มหุบพัดดังฉับ ก่อนหมุนตัวกลับเข้าไปด้านใน คนของรุ่ยอ๋องรับคำสั่งและรีบผละไป ปล่อยให้นายเหนือหัวนั่งจิบชาหลงจิ่งต้นฤดู ส่งกลิ่นหอมกรุ่นด้วยท่าทางสบายใจ “ท่านอ๋องรู้จักสตรีผู้นั้นด้วยหรือ ถึงให้ชิวยวี่ไปเชิญมาพบ” ชายหนุ่มรูปงามผิวสีน้ำผึ้ง รูปตายาวเรียว นัยน์ตาสีน้ำตาลดูเด็ดขาด ทว่าแววตากลับอบอุ่นอ่อนโยน เอ่ยปากถามบุรุษที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยความข้องใจ สหายรักสูงศักดิ์ของเขาผู้นี้ ปกติเกลียดการถูกสตรีเข้าหาหรือตามวอแวเป็นที่สุด ทว่าวันนี้กลับเอ่ยปากสั่งให้องครักษ

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 11 ของขวัญจากท่านเทพ (ตอนปลาย)

    บทที่ 11 ของขวัญจากท่านเทพ มู่เฟิงและซูซื่อพยักหน้าหงึกๆ เป็นเชิงตอบ ผิดกับมู่หนิงเฉิงและมู่หนิงอัน ที่กำลังระบายยิ้มเต็มหน้าตามพี่สาว เจ้าหัวผักกาดน้อยทั้งสองก้าวเข้ามาข้างใน ก้มตัวลงค่อยๆ ยื่นมือน้อยๆ มาหาแม่ไก่เบื้องหน้า แม่ไก่ทั้งสามเหมือนจะเข้าใจเด็กๆ พวกมันก้มหัวลงให้พวกเขาสัมผัสด้วยความอ่อนโยน ก่อนก้าวเข้าไปซุกหน้าที่บ่าน้อยๆ ของพวกเขาอย่างนุ่มนวล พวงแก้มของเด็กทั้งคู่กลายเป็นสีระเรื่อด้วยความดีใจ ดวงตาไร้เดียงสาพร่างพราวจากความสุข เจ้าหัวผักกาดน้อยเงยหน้ามองพี่สาว ก่อนเอ่ยวาจาเป็นประโยคเดียวกัน "พี่ใหญ่ พวกข้าขอดูแลแม่ไก่สามตัวนี้ได้หรือไม่ขอรับ/เจ้าคะ" "ได้แน่นอนเฉิงเอ๋อร์ อันเอ๋อร์ รบกวนพวกเจ้าทั้งสองดูแลพวกมันให้ดีด้วยนะ" เด็กๆ ส่งเสียงขอบคุณอย่างพร้อมเพรียง หยัดกายขึ้นยืนและพาแม่ไก่สายดุทั้งสาม ออกไปยังหลังบ้านเพื่อให้อาหาร มู่หนิงชิงบอกพวกเด็กๆว่า แม่ไก่เหล่านี้กินธัญพืชและผักต่างๆได้ คืนนั้นมู่หนิงชิงจัดอาหารชุดใหญ่พิเศษ เพื่อฉลองอิสรภาพให้ครอบครัว พร้อมนำเหล้าองุ่นแดงรสเลิศ ออกมาจากมิติแห่งความอิ่มหนำให้มู่เฟิงและซูซื่อได้ลิ้มลอง "ชิงเอ๋อร์! ไยอาหารถึงได้มากมายเ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status