บทที่ 5 ท่านย่าจากบ้านใหญ่
"ใช่แล้วเจ้าค่ะท่านแม่ ข้าพบมันขึ้นอยู่ที่โคนต้นเกาลัดใหญ่ ลึกเข้าไปราวสองลี้ ต้องเป็นความเมตตาจากท่านเทพ ที่ดลใจให้ลูกอยากมาหาสมุนไพรในวันนี้แน่ๆเลยเจ้าค่ะ ลูกถึงได้พบเห็ดหลินจือสองดอกนี้เข้า" คำกล่าวอ้างที่อาจฟังดูเกินจริง หากแต่ไม่เกินจริงสำหรับครอบครัวสกุลมู่บ้านรอง ด้วยเพราะพวกเขา พบเจอปาฏิหาริย์อันเลิศรสมาหลายคืนติดกันแล้ว! ซูซื่อพนมมือขึ้น เงยหน้ากล่าวขอบคุณท่านเทพทั้งน้ำตา นางซาบซึ้งใจจนมิอาจบรรยายออกมาเป็นคำพูด เห็ดหลินจือทั้งสองดอกนี้ มีความหมายสำหรับครอบครัวของนางมากจริงๆ สามคนแม่ลูกสะพายตะกร้าขึ้นหลัง เดินลงเขาด้วยสีหน้าแช่มชื่น จนกระทั่ง… "พวกเจ้ากลับกันมาได้เสียทีนะ! ปล่อยให้ข้ารออยู่ตั้งนาน น่าโมโหจริงๆ!" เสียงแหลมสูงของ หลัวซื่อหรือหลัวอวี๋ ผู้ซึ่งเป็นมารดาของมู่เฟิงดังขึ้น หญิงชราหน้าตาท่าทางร้ายกาจ ยืนเท้าสะเอวอยู่หน้าบ้านรอง ข้างกายมีหลานสาวคนโปรดนาม มู่อวี๋โหรว ยืนหน้าขาวโบกพัดกลมเหยียดยิ้มหยัน ซูซื่อชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าหลัวซื่อยืนอยู่หน้าบ้าน ลักษณะท่าทางเหมือนตั้งใจมาหาเรื่อง "ท่านแม่ ข้ากับลูกๆไปเก็บผักป่า กับสมุนไพรบนเขามาเจ้าค่ะ" ซูซื่อตอบเสียงอ่อย ดูหวาดกลัวแม่สามียิ่ง มู่หนิงชิงมองผู้เป็นย่าและลูกพี่ลูกน้องของร่างนี้ด้วยสายตาเย็นชา ดูจากรูปร่างของทั้งสองคน สามารถคาดเดาได้ทันทีว่า อยู่ดีกินดีกว่าบ้านรองเป็นแน่แท้ อีกทั้งมีนิสัยชอบกดข่มเอารัดเอาเปรียบบ้านรอง เหมือนเนื้อหาในนิยายแนวชีวิตหลายเรื่อง และที่มาวันนี้ คงตั้งใจมาหาเรื่องซูซื่ออีกตามเคย "พวกเจ้าขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรอย่างนั้นรึ แบบนี้ก็แสดงว่านังตัวขาดทุนหายดีแล้วสินะ พรุ่งนี้เจ้าก็กลับไปทำงานที่บ้านข้าอย่างเดิมเสีย อย่าทำตัวขี้เกียจ ยกเรื่องลูกสาวป่วยมาอ้างอีก ว่าแต่ขึ้นเขาได้อะไรมาบ้าง ไหนเอามาดูซิ!” ร่างอวบอ้วนของหลัวซื่อก้าวมาหาซูซื่อ ยื่นมือมากระชากตะกร้า จากหลังลูกสะใภ้ตามความเคยชิน บ่อยครั้งที่นางแย่งชิงสมุนไพร หรือของป่าที่หามาได้ไปเป็นของตัวเอง ทางด้านมู่อวี๋โหรวก็ปรี่เข้ามาหามู่หนิงชิง เพื่อจะแย่งเอาตะกร้าจากหลังของอีกฝ่ายเช่นกัน ทว่าร่างบางเอี้ยวตัวหลบ ก่อนที่อีกฝ่ายแตะจะถูกตัว มู่อวี๋โหรวเลยเสียหลักล้มลงเข่ากระแทกพื้น "ว้าย! โอ้ย! มู่หนิงชิง! เจ้า เจ้ากล้าขัดขืนอย่างนั้นรึ ท่านย่าเจ้าคะ นังตัวขาดทุนไม่ยอมส่งตะกร้าให้ ทั้งยังผลักข้าล้มด้วยเจ้าค่ะ!" คนถูกกล่าวหาเรียวคิ้วขมวดเป็นปมทันที ดวงตาฉายแววอันตรายเตรียมตอบโต้ ทว่าเสียงเล็กของเด็กหญิงดังขึ้นเสียก่อน "ท่านโกหก! พี่สาวของข้าไม่ได้ผลักท่านเสียหน่อย ตัวเองสะดุดชายกระโปรงที่ใส่มาล้มลงไปเองแท้ๆ มาโทษพี่สาวข้าได้อย่างไร เป็นผู้ใหญ่พูดจาเหลวไหลแบบนี้ นิสัยไม่ดีนะเจ้าคะ" มู่หนิงอันเอ่ยค้านวาจาของมู่อวี๋โหรวด้วยสีหน้าบูดบึ้ง นางเห็นอยู่ชัดๆว่าอีกฝ่ายซุ่มซ่ามล้มลงไปเอง แต่กลับมากล่าวหาพี่สาวของนางหน้าด้านๆ มู่อวี๋โหรวลุกพรวดขึ้นมาจากพื้น เงื้อฝ่ามือเตรียมฟาดใส่ดวงหน้าเล็ก แต่กลับถูกมู่หนิงชิงคว้าแขนไว้ได้เสียก่อน "หากเจ้ากล้าแตะต้องนางแม้แต่ปลายเล็บ ก็อย่าหาว่าข้าโหดเหี้ยม" จิตสังหารแผ่ออกรอบกายมู่หนิงชิง น้ำเสียงเยียบเย็นจนคนฟังขนหัวลุก สายตาคมปลาบน่ากลัวจนมู่อวี๋โหรวชะงักค้าง ปฏิกิริยาของมู่อวี๋โหรว เรียกรอยยิ้มร้ายผุดขึ้นมุมปากของมู่หนิงชิง นางสะบัดแขนของอีกฝ่ายทิ้ง ก่อนใช้สองมือผลักเต็มแรง มู่อวี๋โหรวเสียหลักล้มกระแทกพื้นก้นจ้ำเบ้าอย่างจัง พลั่ก!! "โอ้ยยย!!" "แบบนี้สิ ถึงเรียกว่าถูกข้าผลัก!! เอ้า เอาไป! ตะกร้าของข้า เจ้าอยากได้นักมิใช่รึ! ได้แล้วก็รีบไสหัวไปให้พ้นหน้าบ้านข้าเสีย!“ มู่หนิงชิงกระแทกตะกร้าใส่ร่างคนบนพื้น ที่กำลังเริ่มสะอื้นไห้ด้วยความไม่ยินยอม ปกติมีแต่มู่อวี๋โหรวที่กลั่นแกล้ง หรือหาเรื่องมู่หนิงชิงอยู่ฝ่ายเดียว อีกฝ่ายไม่เคยตอบโต้ มีแต่จะหลบหลีกเพราะหวาดกลัว ทว่าวันนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด! ทั้งหลัวซื่อและซูซื่อต่างอ้าปากค้าง พวกนางไม่เคยเห็นมู่หนิงชิงต่อต้านหรือแข็งข้อมาก่อน ดรุณีตรงหน้าคือมู่หนิงชิงจริงๆอย่างนั้นหรือ?! "นังตัวขาดทุน! เจ้ากล้าทำร้ายโหรวเอ๋อร์ของข้าอย่างนั้นหรือ ซูซื่อ! เจ้าสั่งสอนลูกได้ดีนักนะ" หลัวซื่อแผดเสียงใส่มู่หนิงชิงและซูซื่อที่ยืนนิ่งค้างทำอะไรไม่ถูก "หยุด! หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ! คำก็นังตัวขาดทุน สองคำก็นังตัวขาดทุน ข้าอยากรู้นักว่านังหน้าวอก ที่แต่งหน้าอย่างกับจะไปเล่นงิ้วกลางทุ่งนาให้ควายขวิดนางนี้ ไม่ใช่ตัวขาดทุนหรืออย่างไร ห๊ะ! ท่านเอาอะไรมาวัดว่าใครขาดทุนหรือได้กำไร" มู่หนิงชิงสีหน้าเย็นชาแววตาเอาเรื่องพร้อมบวก เปล่งเสียงตอบโต้หลัวซื่ออย่างไร้ความยำเกรงบทที่ 13 เส้นทางชีวิตใหม่ /2 วันเปิดร้านผู้คนต่างให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก พวกเขาได้รับแจกถั่วเคลือบน้ำตาลเสริมพลังปราณในกายเป็นสินค้าแนะนำ ทีแรกก็ไม่มีใครเชื่อว่า เพียงแค่ขนมขบเคี้ยวจะช่วยเสริมพลังธาตุในกายได้อย่างไร รวี่เยว่จึงมอบลูกกวาดเสริมพลังของแต่ละธาตุให้แต่ละคนลองกินดู “ลูกกวาดอัคคีที่ท่านลุงเพิ่งกินเข้าไป จะช่วยให้ปราณธาตุไฟของท่านแข็งแกร่งขึ้นสองส่วนในทันที และคงอยู่ครึ่งชั่วยามเจ้าค่ะ ท่านสามารถทดสอบพลังได้ทันที” รวี่เยว่ยืนเอามือไพล่หลัง บรรยายสรรพคุณสินค้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทว่าน้ำเสียงที่เปล่งออกมากลับทรงพลังกึกก้องจนหลายคนไม่กล้าพูดแทรก ครั้นชายวัยกลางคน ที่เพิ่งกินลูกกวาดสำหรับเสริมพลังธาตุไฟเข้าไป เริ่มต้นเดินพลังดูตามคำแนะนำ ฟึ่บ!! พลังธาตุไฟในมือของเขาแข็งแกร่งขึ้นสองส่วนในพริบตา ตามสรรพคุณที่กล่าวมาจริงๆ! “โอ้ พลังธาตุของข้าแข็งแกร่งขึ้นจริงๆด้วย ยอดเยี่ยมจริงๆ แม่หนูเจ้าขายราคาเท่าไหร่ข้าขอเหมาหมด!” ชายวัยกลางคนผู้มีพลังธาตุไฟ รีบควักถุงเงินออกจากมาแหวนยื่นให้รวี่เยว่ “เจ้าจะเหมาหมดคนเดียวได้อย่างไร! ข้าเองก็อยากได้เหมือนกัน” ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้า
บทที่ 13 เส้นทางชีวิตใหม่ /1 เมืองเทียนหวง เมืองหลวงอาณาจักรอู๋ซาง จวนเสนาธิการทหาร จดหมายจากแดนไกลลุกไหม้อยู่ในเตากำยาน กลางโถงรับรองของเรือนฟาหยาง ฮูหยินผู้เฒ่า เหวินกุ้ยเหริน มารดาของหวังเหลียง และมีศักดิ์เป็นป้าของ เหวินไป๋เหลียน ทอดมองหลานสาวคนโปรดที่เกิดจากเหวินไป๋เหลียนอย่างมาดหมาย ปีนี้หวังลู่เสียนอายุเก้าหนาว เด็กหญิงเกิดหลังหวังลี่ถิงเพียงหนึ่งเดือน จากที่เคยเป็นเพียงบุตรีของอนุ เวลานี้เด็กหญิงคือบุตรีของฮูหยินเอกอย่างสมบูรณ์ "เสียนเอ๋อร์ อีกไม่กี่วันเจ้าก็ต้องเดินทางไปสำนักเพลิงจักรพรรดิแล้ว เตรียมตัวพร้อมรึยัง" ผู้เป็นย่าเอ่ยถามด้วยสุ้มเสียงอ่อนโยน หวังลู่เสียนหน้าตาพริ้มเพราตั้งแต่เด็ก ฉายแววว่าจะเติบโตขึ้นเป็นหญิงงามเหมือนมารดา อีกทั้งเปี่ยมด้วยพรสวรรค์ อายุเพียงเก้าหนาวระดับตบะอยู่ที่หนิงชี่ขั้นปลายแล้ว สตรีสายเลือดตระกูลเหวินต่างหากที่สมควรมีชะตาหงส์ ไม่ใช่เด็กอีกคนตามคำทำนายของหอพยากรณ์!! "เสียนเอ๋อร์เตรียมตัวพร้อมแล้วเจ้าค่ะท่านย่า แต่ว่า…เสียนเอ๋อร์ไม่อยากจากท่านย่าไปเลย" เด็กหญิงในชุดผ้าไหมเนื้อดีสีชมพูอ่อนหวาน เอ่ยวาจาฉอเลาะเอาใจหญิงชรา ใบหน้าเล็กถูไ
บทที่ 12 การเปลี่ยนแปลง /2 ในโกดังเก็บสินค้าทางทิศตะวันตกของเมืองลวี่เฟิง ร่างเล็กของเด็กหญิงมีสภาพสะบักสะบอม ถูกจับมัดมือมัดเท้า ปากเล็กมีผ้ายัดไว้ ข้างกายมีชายชุดดำยืนคุมเชิงอยู่สองคน เผยคังก้าวเข้ามาในโกดัง พิศมองเด็กหญิงตรงหน้าด้วยสายตายากคาดเดา "อั่น เอ้าเอือง อ่วย อ้า อ้วย (ท่านเจ้าเมืองช่วยข้าด้วย)" เด็กหญิงส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เมื่อเห็นว่าใครก้าวเข้ามาในโกดัง ใบหน้าเล็กเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา “เอาผ้าอุดปากนางออก” เผยคังสั่งองครักษ์ หลังนั่งลงบนเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้เป็นที่เรียบร้อย ครั้นปราศจากผ้าอุดปาก เด็กหญิงก็รีบส่งเสียงขอความช่วยเหลือจากเจ้าเมืองลวี่เฟิงทันที "ท่านเจ้าเมืองเจ้าคะ ช่วยข้าด้วย มีคนใจร้ายจับข้ามาเจ้าค่ะ" ทว่าคนฟังกลับปรายตามองร่างเล็กอย่างเย็นชา "ข้าคงช่วยอะไรเจ้าไม่ได้หรอกนะแม่หนู เพราะข้าเองก็ได้รับคำสั่งมาอีกที" แววตาของรวี่เยว่เข้มขึ้นเมื่อได้ยินถ้อยคำจากปากเผยคัง นอกจากชายวัยกลางคนตรงหน้ายังมีใครที่ต้องการชีวิตของนางอีกหรือ "มีคนสั่งท่านเจ้าเมืองมาอย่างนั้นหรือเจ้าคะ! ใครหรือเจ้าคะ ไม่แน่ว่าอาจมีการเข้าใจผิดก็เป็นได้…ข้าเป็นแ
บทที่ 12 การเปลี่ยนแปลง /1 ชายชุดดำทั้งสองแทบไม่เชื่อสายตา เด็กหญิงตรงหน้ามีธาตุมืด! หรือแท้จริงแล้ว นางคือเผ่ามนุษย์สายเลือดมารสวรรค์ชั้นสูงของตำหนักเทวาอนธการ!! หากเป็นอย่างที่คิด พูดได้คำเดียวว่า ซวยแล้ว! ซวยทั้งพวกเขาและผู้ว่าจ้าง ในมหาพิภพทงเทียนถึงได้มีคำกล่าวไว้ว่า หาเรื่องใครก็หาไป แต่อย่าริอาจไปหาเรื่องคนตำหนักเทวาอนธการ! และอย่าไปยุยั่วคนตำหนักเทพอนันต์ ขนาดราชวงศ์ของทั้งสี่อาณาจักร ยังไม่มีใครกล้าแตะต้องพวกเขา!!! ความหวาดผวาจู่โจมจิตใจของนักฆ่าที่ยังรอดชีวิต เด็กหญิงตรงหน้าอายุเพียงเก้าหนาว ทว่าระดับตบะสูงถึงเจี๋ยตันขั้นกลาง แต่สิ่งที่น่าหวาดหวั่นกว่า คืออัคคีนิลกาฬในมือของนางต่างหาก!! การถูกช่วงชิงและควบคุมจิตวิญญาณ คือสิ่งที่นักบำเพ็ญเกรงกลัวเป็นที่สุด พวกเขามิอาจไปผุดไปเกิด แต่กลายเป็นวิญญาณรับใช้ของผู้ที่ช่วงชิงออกมาได้ และหากวิญญาณไม่ได้รับการปลดปล่อย ก็จะกลายเป็นทาสรับใช้ไปชั่วกัปชั่วกัลป์…ทรมานยิ่งกว่าตกนรก! “ข้าบอก ข้ายอมบอกแล้ว แต่ได้โปรดอย่าช่วงชิงจิตวิญญาณของข้าเลย” นักฆ่าอีกคนรีบส่งเสียงปากคอสั่น “จะ เจ้าเมืองเผยคังขอรับคุณหนู ที่ว่าจ้างพวกเราให้
บทที่ 11 ของขวัญจากอาจารย์ /2 วาจาของเด็กหญิงทำคนฟังขอบตาร้อนผ่าว คุณหนูของพวกนางช่างคนเป็นจิตใจงดงามและกตัญญูอย่างยิ่ง ช่างน่าเสียดายที่รองแม่ทัพเยว่หนิงลี่จากไปเร็วเหลือเกิน หวังว่าวิญญาณของนางที่อยู่บนสวรรค์จะมองเห็นและภูมิใจในตัวบุตรสาว ในขณะที่ทั้งสามกำลังยืนมองร้านที่ปิดประกาศว่าปล่อยให้เช่าอยู่นั้น บุรุษคนหนึ่งซึ่งเคยพบพวกนางอยู่สองสามครั้ง บังเอิญเดินผ่านมาแถวนั้นพอดี เขาจดจำได้อย่างแม่นยำว่าสาวใช้หน้าแฉล้มนางนั้นคือชุนอิ่ง และหญิงวัยกลางคนร่างท้วมที่มีไฝเหนือริมฝีปากด้านซ้ายคือแม่นมชุน ครั้นมองไปยังเด็กหญิงและได้เห็นใบหน้าเล็กของนาง ซึ่งเวลานี้ปราศจากปานสีชาดรูปเปลวเพลิงก็ตกตะลึง ไม่กี่เดือนก่อนตอนที่เขามาส่งจดหมายจากเมืองหลวงให้นาง เด็กหญิงยังดูอัปลักษณ์เพราะปานนั่นอยู่เลย ไยตอนนี้ถึงได้… และในชั่วขณะนั้นเอง "นั่นรวี่เยว่นี่ รวี่เยว่! เจ้านั่นเอง มาทำอะไรตรงนี้หรือ" เด็กหญิงที่ดูอายุมากกว่ารวี่เยว่สองสามปี ก้าวมาหาร่างเล็กอย่างดีใจ นางคือหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันอิสระ ที่ตกรอบไปในรอบที่สาม และนางก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขัน ที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์เดียวกันกับรวี่เยว่ หลัง
บทที่ 11 ของขวัญจากอาจารย์ /1 เผยคังบดกรามดังกรอด หันมาตวาดบุตรชายคนเล็กอย่างอย่างฉุนเฉียว "หุบปาก! หากมิใช่เพราะเจ้าพ่ายแพ้คู่แข่งที่ตบะอ่อนด้อยกว่า จนทำให้ตระกูลเผยขายหน้า! มีหรือพี่ชายของเจ้าจะลงมือ! ต่อไปห้ามพูดถึงเรื่องนี้อีก ตั้งใจฝึกฝนให้มากกว่านี้ เข้าใจหรือไม่!" แม้ว่าความจริงตัวเขารู้สึกอับอาย และเจ็บแค้นไม่น้อยไปกว่าบุตรชาย ทว่าจำเป็นต้องอดกลั้น ฝืนกลืนโทสะทั้งหมดลงท้อง ด้วยเพราะผู้ที่ทำร้ายเผยหลงจนบาดเจ็บสาหัส คือคนของไท่จื่อแห่งตำหนักเทพอนันต์ ที่แม้แต่ฮ่องเต้ยังต้องไว้หน้าอยู่หลายส่วน ตัวเขาเป็นเพียงเจ้าเมืองจึงมิอาจล่วงเกินอีกฝ่าย ยิ่งคิดยิ่งแค้นใจจนแทบจะกระอักเลือด! ผู้เป็นบิดาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก้าวมานั่งยังโต๊ะน้ำชากลางห้อง เอ่ยเรียกบุตรชายที่ยืนก้มหน้าเม้มปากแน่นอยู่ข้างมารดา ซึ่งเวลานี้กำลังได้รับการพัดวีจากสาวใช้หลังจากลมจับไปอีกรอบ "หู่เอ๋อร์มานี่ นั่งลง ข้าอยากรู้ว่าเด็กผู้หญิงที่ประลองชนะเจ้าวันนี้ เป็นใครมาจากไหน ใช่ศิษย์ของสำนักกระบี่จันทราหรือเปล่า" "นะ นาง นางเป็นผู้สมัครอิสระจากข้างนอกขอรับท่านพ่อ ส่วนเรื่องที่นางเป็นใครมาจากไหน ลูกเองก็ไม่ทราบ"