บทที่ 5 ท่านย่าจากบ้านใหญ่
"ใช่แล้วเจ้าค่ะท่านแม่ ข้าพบมันขึ้นอยู่ที่โคนต้นเกาลัดใหญ่ ลึกเข้าไปราวสองลี้ ต้องเป็นความเมตตาจากท่านเทพ ที่ดลใจให้ลูกอยากมาหาสมุนไพรในวันนี้แน่ๆเลยเจ้าค่ะ ลูกถึงได้พบเห็ดหลินจือสองดอกนี้เข้า" คำกล่าวอ้างที่อาจฟังดูเกินจริง หากแต่ไม่เกินจริงสำหรับครอบครัวสกุลมู่บ้านรอง ด้วยเพราะพวกเขา พบเจอปาฏิหาริย์อันเลิศรสมาหลายคืนติดกันแล้ว! ซูซื่อพนมมือขึ้น เงยหน้ากล่าวขอบคุณท่านเทพทั้งน้ำตา นางซาบซึ้งใจจนมิอาจบรรยายออกมาเป็นคำพูด เห็ดหลินจือทั้งสองดอกนี้ มีความหมายสำหรับครอบครัวของนางมากจริงๆ สามคนแม่ลูกสะพายตะกร้าขึ้นหลัง เดินลงเขาด้วยสีหน้าแช่มชื่น จนกระทั่ง… "พวกเจ้ากลับกันมาได้เสียทีนะ! ปล่อยให้ข้ารออยู่ตั้งนาน น่าโมโหจริงๆ!" เสียงแหลมสูงของ หลัวซื่อหรือหลัวอวี๋ ผู้ซึ่งเป็นมารดาของมู่เฟิงดังขึ้น หญิงชราหน้าตาท่าทางร้ายกาจ ยืนเท้าสะเอวอยู่หน้าบ้านรอง ข้างกายมีหลานสาวคนโปรดนาม มู่อวี๋โหรว ยืนหน้าขาวโบกพัดกลมเหยียดยิ้มหยัน ซูซื่อชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าหลัวซื่อยืนอยู่หน้าบ้าน ลักษณะท่าทางเหมือนตั้งใจมาหาเรื่อง "ท่านแม่ ข้ากับลูกๆไปเก็บผักป่า กับสมุนไพรบนเขามาเจ้าค่ะ" ซูซื่อตอบเสียงอ่อย ดูหวาดกลัวแม่สามียิ่ง มู่หนิงชิงมองผู้เป็นย่าและลูกพี่ลูกน้องของร่างนี้ด้วยสายตาเย็นชา ดูจากรูปร่างของทั้งสองคน สามารถคาดเดาได้ทันทีว่า อยู่ดีกินดีกว่าบ้านรองเป็นแน่แท้ อีกทั้งมีนิสัยชอบกดข่มเอารัดเอาเปรียบบ้านรอง เหมือนเนื้อหาในนิยายแนวชีวิตหลายเรื่อง และที่มาวันนี้ คงตั้งใจมาหาเรื่องซูซื่ออีกตามเคย "พวกเจ้าขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรอย่างนั้นรึ แบบนี้ก็แสดงว่านังตัวขาดทุนหายดีแล้วสินะ พรุ่งนี้เจ้าก็กลับไปทำงานที่บ้านข้าอย่างเดิมเสีย อย่าทำตัวขี้เกียจ ยกเรื่องลูกสาวป่วยมาอ้างอีก ว่าแต่ขึ้นเขาได้อะไรมาบ้าง ไหนเอามาดูซิ!” ร่างอวบอ้วนของหลัวซื่อก้าวมาหาซูซื่อ ยื่นมือมากระชากตะกร้า จากหลังลูกสะใภ้ตามความเคยชิน บ่อยครั้งที่นางแย่งชิงสมุนไพร หรือของป่าที่หามาได้ไปเป็นของตัวเอง ทางด้านมู่อวี๋โหรวก็ปรี่เข้ามาหามู่หนิงชิง เพื่อจะแย่งเอาตะกร้าจากหลังของอีกฝ่ายเช่นกัน ทว่าร่างบางเอี้ยวตัวหลบ ก่อนที่อีกฝ่ายแตะจะถูกตัว มู่อวี๋โหรวเลยเสียหลักล้มลงเข่ากระแทกพื้น "ว้าย! โอ้ย! มู่หนิงชิง! เจ้า เจ้ากล้าขัดขืนอย่างนั้นรึ ท่านย่าเจ้าคะ นังตัวขาดทุนไม่ยอมส่งตะกร้าให้ ทั้งยังผลักข้าล้มด้วยเจ้าค่ะ!" คนถูกกล่าวหาเรียวคิ้วขมวดเป็นปมทันที ดวงตาฉายแววอันตรายเตรียมตอบโต้ ทว่าเสียงเล็กของเด็กหญิงดังขึ้นเสียก่อน "ท่านโกหก! พี่สาวของข้าไม่ได้ผลักท่านเสียหน่อย ตัวเองสะดุดชายกระโปรงที่ใส่มาล้มลงไปเองแท้ๆ มาโทษพี่สาวข้าได้อย่างไร เป็นผู้ใหญ่พูดจาเหลวไหลแบบนี้ นิสัยไม่ดีนะเจ้าคะ" มู่หนิงอันเอ่ยค้านวาจาของมู่อวี๋โหรวด้วยสีหน้าบูดบึ้ง นางเห็นอยู่ชัดๆว่าอีกฝ่ายซุ่มซ่ามล้มลงไปเอง แต่กลับมากล่าวหาพี่สาวของนางหน้าด้านๆ มู่อวี๋โหรวลุกพรวดขึ้นมาจากพื้น เงื้อฝ่ามือเตรียมฟาดใส่ดวงหน้าเล็ก แต่กลับถูกมู่หนิงชิงคว้าแขนไว้ได้เสียก่อน "หากเจ้ากล้าแตะต้องนางแม้แต่ปลายเล็บ ก็อย่าหาว่าข้าโหดเหี้ยม" จิตสังหารแผ่ออกรอบกายมู่หนิงชิง น้ำเสียงเยียบเย็นจนคนฟังขนหัวลุก สายตาคมปลาบน่ากลัวจนมู่อวี๋โหรวชะงักค้าง ปฏิกิริยาของมู่อวี๋โหรว เรียกรอยยิ้มร้ายผุดขึ้นมุมปากของมู่หนิงชิง นางสะบัดแขนของอีกฝ่ายทิ้ง ก่อนใช้สองมือผลักเต็มแรง มู่อวี๋โหรวเสียหลักล้มกระแทกพื้นก้นจ้ำเบ้าอย่างจัง พลั่ก!! "โอ้ยยย!!" "แบบนี้สิ ถึงเรียกว่าถูกข้าผลัก!! เอ้า เอาไป! ตะกร้าของข้า เจ้าอยากได้นักมิใช่รึ! ได้แล้วก็รีบไสหัวไปให้พ้นหน้าบ้านข้าเสีย!“ มู่หนิงชิงกระแทกตะกร้าใส่ร่างคนบนพื้น ที่กำลังเริ่มสะอื้นไห้ด้วยความไม่ยินยอม ปกติมีแต่มู่อวี๋โหรวที่กลั่นแกล้ง หรือหาเรื่องมู่หนิงชิงอยู่ฝ่ายเดียว อีกฝ่ายไม่เคยตอบโต้ มีแต่จะหลบหลีกเพราะหวาดกลัว ทว่าวันนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด! ทั้งหลัวซื่อและซูซื่อต่างอ้าปากค้าง พวกนางไม่เคยเห็นมู่หนิงชิงต่อต้านหรือแข็งข้อมาก่อน ดรุณีตรงหน้าคือมู่หนิงชิงจริงๆอย่างนั้นหรือ?! "นังตัวขาดทุน! เจ้ากล้าทำร้ายโหรวเอ๋อร์ของข้าอย่างนั้นหรือ ซูซื่อ! เจ้าสั่งสอนลูกได้ดีนักนะ" หลัวซื่อแผดเสียงใส่มู่หนิงชิงและซูซื่อที่ยืนนิ่งค้างทำอะไรไม่ถูก "หยุด! หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ! คำก็นังตัวขาดทุน สองคำก็นังตัวขาดทุน ข้าอยากรู้นักว่านังหน้าวอก ที่แต่งหน้าอย่างกับจะไปเล่นงิ้วกลางทุ่งนาให้ควายขวิดนางนี้ ไม่ใช่ตัวขาดทุนหรืออย่างไร ห๊ะ! ท่านเอาอะไรมาวัดว่าใครขาดทุนหรือได้กำไร" มู่หนิงชิงสีหน้าเย็นชาแววตาเอาเรื่องพร้อมบวก เปล่งเสียงตอบโต้หลัวซื่ออย่างไร้ความยำเกรงบทที่ 15 ผู้ต้องสงสัย (ตอนปลาย) ดวงตาเมล็ดซิ่งคู่งามปิดลง เริ่มเค้นความทรงจำของมู่หนิงชิงในวันสุดท้าย… ช่วงสายของวันนั้น มู่หนิงชิงสะพายตะกร้าขึ้นหลัง เดินเข้าป่าเพื่อไปหาสมุนไพรและผักป่าตามปกติ เดินอยู่ราวสามเค่อจึงมุ่งไปยังตำแหน่งที่เคยพบกอเผือก กอเผือกอีกแล้ว!! ทว่ากลับชะงักฝีเท้า เพราะได้ยินเสียงร้องครวญครางของสตรีอยู่ไม่ไกล หญิงสาวก้าวไปข้างหน้ามือบางแหวกใบของต้นเผือกออก และได้เห็นบั้นท้ายของบุรุษ กำลังกระแทกใส่หว่างขาสตรี ที่ยืนพิงต้นไม้ยกขาข้างหนึ่งเกี่ยวเอวของเขาไว้ นางไม่เห็นหน้าของคนทั้งสองด้วยซ้ำ เพราะรีบหมุนตัวกลับมาจากภาพบัดสีที่ได้ประจักษ์กับตา เท้าของนางบังเอิญเหยียบลงบนกิ่งไม้แห้งจนเกิดเสียงดัง นางไม่รู้ว่าสองคนนั้นจะได้ยินหรือไม่ หลังผละมาจากตรงนั้น หญิงสาวเดินมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่เคยพบกลุ่มเห็ดโคนที่ขึ้นเป็นประจำ ซึ่งอยู่ตรงบริเวณต้นไม้ใหญ่ที่นางถูกลอบทำร้ายจากด้านหลัง…จนเสียชีวิตในที่สุด มู่หนิงชิงเปิดเปลือกตาขึ้น ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “อนิจจา…มู่หนิงชิง เจ้าต้องมาตายเพราะโดนคนสารเลวที่แอบมาเล่นชู้กันในป่าสังหาร เพียงเพื่อปกปิดความเลวระยำของพวกมัน!“ ดวงตาข
บทที่ 15 ผู้ต้องสงสัย (ตอนต้น) สัญญาเช่าพื้นที่หน้าร้านฝูจิ่นเริ่มขึ้นวันมะรืน ตามคำขอของมู่หนิงชิง หญิงสาวยังได้สั่งทำฉากกั้น โต๊ะไม้และกล่องใส่อาหาร สำหรับไว้ใช้ในวันเปิดร้าน จากร้านขายเครื่องเรือนในเครือตระกูลฟ่านอีกด้วย ส่วนภาชนะที่นางจะใช้สำหรับใส่เกี๊ยวซ่าขาย คือกระทงใบกล้วย หลังกลับมาจากในเมือง มู่หนิงชิงขอให้มารดาพาไปหาบ้านที่ปลูกกล้วยเพื่อขอซื้อใบ ขากลับเดินผ่านไร่ของบ้านใหญ่สกุลมู่ ก็ได้เห็นมู่ซาน มู่อวิ๋นเทารวมถึงหลัวซื่อ ซึ่งปกติไม่เคยมาช่วยงานที่ไร่ กำลังวุ่นวายอยู่กับการรดน้ำและกำจัดวัชพืช ในขณะที่ปากก็พ่นคำผรุสวาทไม่หยุด ซูซื่อเห็นทั้งสามแล้วก็ทอดถอนใจ ก่อนหันหลังมุ่งหน้ากลับบ้าน มู่หนิงชิงเพ่งเนตรปีศาจมองเข้าไปภายในบ้าน เพื่อดูว่ามีใครอยู่บ้าง พบว่ามู่อวี๋โหรวกำลังนอนเล่นอยู่บนตั่งเตียง สั่งให้น้องสาวช่วยเย็บเสื้อคลุมบุรุษตัวหนึ่งแทนตน ทว่าไร้เงาของฉวนซื่อที่ยามนี้ปกติต้องอยู่บ้าน… หลังกลับมาถึงบ้าน มู่หนิงชิงชวนบิดาและน้องทั้งสอง ไปเดินเล่นบนเขาโดยทิ้งแม่ไก่สายดุไว้เฝ้าบ้าน! นางต้องการออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างนี้ หากจะไปคนเดียวมู่เฟิงและซูซื่อคงไม
บทที่ 14 เกี๊ยวซ่ากับสัญญาเช่า (ตอนปลาย) เวลานี้ดวงตาของคู่งามของฟ่านฮุ่ยเจิน เป็นประกายระยับราวกับดวงดาวยามค่ำคืน นางยิ้มไม่หุบขณะชิมน้ำจิ้มแต่ละรส และเมื่อเกี๊ยวซ่าตัวสุดท้ายหมดลง… "อ๊ะ! หมดแล้วหรือ เอ่อ แม่นางมู่ หากข้าจะขอเพิ่มอีกสักจาน ท่านยังพอมีเกี๊ยวเหลือหรือไม่" น้ำเสียงเว้าวอน สีหน้าค่อนไปทางออดอ้อนเล็กน้อยของฟ่านฮุ่ยเจิน เรียกรอยยิ้มกว้างของมู่หนิงชิงได้อีกครั้ง "หากคุณหนูฟ่านต้องการ ข้าจะไปทอดเพิ่มให้ท่านทันที เพียงแต่ว่า…ท่านจะอนุญาตให้ข้ามาตั้งแผงขาย ยังหน้าร้านฝูจิ่นได้หรือไม่หรือเจ้าคะ" "ได้สิ! ได้แน่นอนอยู่แล้ว! ข้าจะร่างสัญญาเช่าให้ท่าน ระหว่างรอเกี๊ยวซ่าจานต่อไป เอ่อ ข้าอยากรู้ว่าวันนี้ท่านนำเกี๊ยวสดมาเยอะหรือไม่ หากข้าจะขอประเดิมอาหารของท่านเป็นเจ้าแรก ด้วยการเหมาเกี๊ยวซ่าที่ท่านนำมา ในวันนี้ทั้งหมดจะเป็นไปได้ไหม ทุกคนในครอบครัวของข้าต้องชื่นชอบเป็นแน่" ฟ่านฮุ่ยเจินที่ติดอกติดใจความอร่อยล้ำเลิศนี้ เอ่ยปากถามมู่หนิงชิงอย่างตรงไปตรงมา แม่ค้าหน้าใหม่ระบายยิ้มจนตาโค้ง พยักหน้าเป็นคำตอบด้วยความยินดี สัญญาเช่าหน้าร้านฝูจิ่นถูกร่างขึ้นระหว่างรอเกี๊ยวซ่าจานถัดไป
บทที่ 14 เกี๊ยวซ่ากับสัญญาเช่า (ตอนต้น) เสียงแม่ไก่ร้องปลุกสมาชิกในบ้าน ยามแสงทองเรืองรองสาดส่องย้อมขอบฟ้า ร่างบางบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนก้าวลงจากเตียง หลังจากที่ทุกคนในบ้านล้างหน้าล้างตาและทานมื้อเช้าเป็นที่เสร็จสรรพ ทั้งห้าชีวิตก็เตรียมตัวออกจากบ้านไปขึ้นเกวียน มู่หนิงชิงย่อตัวเอ่ยกับแม่ไก่แสนรู้ทั้งสาม ที่เดินมาส่งยังหน้าบ้านว่า “ฝากบ้านด้วยนะทุกคน ใครมาด้อมๆ มองๆ ดูแล้วไม่น่าไว้ใจ พวกเจ้าจัดการได้เลย!!!” กะต๊าก!!! แม่ไก่ทั้งสามตัวส่งเสียงตอบรับ ก่อนเดินแยกย้ายไปตามมุมต่างๆของบ้านเพื่อเฝ้าระวัง มู่หนิงชิงยกยิ้มด้วยความชอบใจ ในขณะที่บุพการีและน้องทั้งสองยืนอ้าปากค้างดวงตาเบิกโพลง “แม่ไก่จากแดนเทพช่างน่าทึ่งยิ่งนัก นอกจากออกไข่ใบใหญ่วันละสองฟองแล้ว ยังเฝ้าบ้านได้อีกด้วย“ มู่หนิงเฉิงเผยสีหน้าเหลือเชื่อ มองตามหลังแม่ไก่ตาแทบถลน สมาชิกทุกคนของสกุลมู่บ้านรอง ช่วยกันถือของที่จะนำไปในเมืองกันคนละอย่างสองอย่าง เพื่อไปให้ทันขึ้นเกวียนรอบแรก ครั้นจงหู่เห็นพวกเขาหอบหิ้วของพะรุงพะรังไปด้วย จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย คำตอบที่ได้รับกลับมา อยู่เหนือความคาดหมายของชราเล็กน้อย แต่กระนั
บทที่ 13 วางแผนขายเกี๊ยวซ่า (ตอนปลาย) แต๊กๆๆๆๆๆๆ!! เสียงรัวตะกร้อตีมือดังขึ้นในครัว ดึงความสนใจของซูซื่อที่กำลังเย็บชายกระโปรงใหม่ให้มู่หนิงอัน นางหยุดสิ่งที่ทำอยู่ เดินมาดูแม่ครัวคนใหม่ของบ้าน ซึ่งมีอุปกรณ์หน้าตาแปลกในมือ “นั่นมัน? เอ่อ…” “ท่านเทพให้มาเจ้าค่ะ” ร่างบางเงยหน้าบอกมารดา ก่อนก้มหน้ารัวตะกร้อในมือต่อ “ชิงเอ๋อร์ทำอะไรหรือให้แม่ช่วยดีกว่า ร่างกายลูกยังไม่แข็งแรง ออกแรงมากจะหน้ามืดเอานะ” “ใกล้เสร็จแล้วเจ้าค่ะท่านแม่” ซูซื่อยืนมองบุตรสาว รัวมือตีสิ่งที่อยู่ในชามใบใหญ่ด้วยความสนใจ ราวครึ่งเค่อต่อมา น้ำจิ้มสีเหลืองนวลข้นเหนียวก็เป็นอันเสร็จ มู่หนิงชิงเหงื่อซึมทั่วกรอบหน้า อ้าปากหอบหายใจ พลางนวดข้อมือจากความเมื่อยขบ ขณะหันมายิ้มให้กับมารดา “มายองเนสเสร็จแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ เหลือแค่ปรุงรสอีกนิดหน่อยเท่านั้น“ “มา มาอะไรนะชิงเอ๋อร์?!” ซูซื่อถามชื่อของน้ำจิ้มสีนวลนั้นซ้ำ นางไม่เคยได้ยินชื่อเรียกน้ำจิ้มแบบนี้มาก่อน “มา ยอง เนสสสส เจ้าค่ะ” มู่หนิงชิงเอ่ยทวนทีละคำให้มารดาฟังอีกรอบชัดๆ คนฟังพยักหน้าพลางกล่าวทวนคำบุตรสาว “อ่าา มา ยอง เนสซึ” “คิกๆๆ นั่นแหละเจ้าค่ะ
บทที่ 13 วางแผนขายเกี๊ยวซ่า (ตอนต้น) มู่หนิงชิงเดินกลับมาหาครอบครัว ด้วยสภาพครบสามสิบสองไม่ขาดไม่เกิน นางบอกกับมู่เฟิงว่ารุ่ยอ๋องเรียกไปคุยเรื่องเห็ดหลินจือแดงไม่มีอะไรที่น่ากังวล ในชั่วขณะนั้นเอง รถม้าคันหนึ่งก็มาจอดเทียบที่หน้าร้านฝูจิ่น หญิงสาวอายุราวสิบหกหนาว รูปร่างอรชรในชุดผ้าไหมเนื้อดีสีฟ้าอ่อนก้าวออกมาจากตัวรถ ใบหน้าสะคราญอ่อนหวานน่าทะนุถนอม มีรอยยิ้มประดับมุมปากบางเบาส่งให้หญิงสาวดูเป็นมิตร สาวใช้ก้าวลงมาก่อน ยื่นมือเพื่อรอประคองคุณหนูของตน ครั้นหลงจู๊ร้านฝูจิ่น เห็นว่าเป็นผู้ใดจึงปรี่เข้ามาทักทายด้วยความนอบน้อม “คุณหนูใหญ่ สบายดีนะขอรับ สมุดบัญชีเตรียมไว้ที่ห้องทำงานแล้วขอรับ” “ขอบคุณหลงจู๊ฝางมากเจ้าค่ะ…ไม่ทราบว่าลูกจ้างในร้านดูแลพวกท่านดีหรือไม่” ใบหน้าอ่อนหวานของ ฟ่านฮุ่ยเจิน หันมาหาครอบครัวของมู่เฟิง พร้อมเอ่ยถามในสิ่งทำเป็นประจำกับลูกค้าทุกคนของร้าน ชาวบ้านทุกคนในตลาดต่างรู้ดีว่า ตระกูลฟ่านเป็นตระกูลคหบดีใหญ่ ที่ร่ำรวยมากของเมืองอี้เฉิง นายท่านผู้เฒ่าฟ่าน สร้างเนื้อสร้างตัวมาด้วยมือของตนเอง พื้นเพเป็นเพียงพ่อค้าขายของหาบเร่มาก่อน ทว่าขยันขันแข็งฉลาดเฉลียว รู
บทที่ 12 พบหน้าพ่อหนุ่มลึกลับ อึดใจต่อมาเสียงทุ้มกังวานของซวินเหิงเยว่ก็ดังขึ้น เรียกสติของมู่หนิงชิงให้ตื่นจากภวังค์ “อะ แฮ่ม! เปิ่นหวางน่ามองขนาดนั้นเชียว แม่นางมู่ถึงได้จ้องตาไม่กะพริบแบบนี้" "ขะ ขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉันเสียมารยาทแล้ว" หญิงสาวสะบัดศีรษะเล็กน้อยเพื่อเรียกสติ นางเผลอมองนานไปหน่อย "หึ! รู้ตัวก็ดี รินชาเอาเองนะ มือเปิ่นหวางไม่ว่าง” มือแกร่งของอ๋องหนุ่ม ดันถาดชุดน้ำชามาให้หญิงสาว โดยไม่หันมองหน้านางด้วยซ้ำ "…" มู่หนิงชิง 'กวน…มาก' "ขอบพระทัยเพคะ แต่ชาของท่านอ๋องหม่อมฉันไม่อาจเอื้อมที่จะดื่มเพคะ…คือว่าสูงส่งเกินไปลิ้นของหม่อมไปถึงไม่ถึง ปกติดื่มแต่น้ำต้มสุก" ที่นางไม่กล้าดื่มเพราะกลัวโดนวางยาพิษต่างหาก "เฮอะ! มิใช่กลัวว่าจะโดนเปิ่นหวางวางยาพิษหรอกรึ!" ซวินเหิงเยว่แค่นเสียง เอ่ยวาจาประชด คล้ายรู้ทันความคิดของหญิงสาว "หม่อมฉันจะไปคิดเช่นนั้นได้อย่างไรเพคะ ไม่มี๊! ไม่มี! ท่านอ๋องเป็นถึงเจ้าเมือง จะทรงคิดร้ายต่อประชาชนของตนเองได้อย่างไรกัน ใช่หรือไม่เพคะ…เอ่อ ไม่ทราบว่าที่ท่านอ๋องเชิญหม่อมฉันมาพบ มีเรื่องอะไรจะถามไถ่หรือเพคะ" นางปฏิเสธเสียงสูงพลางรีบเอ่ยเข
บทที่ 12 พบหน้าพ่อหนุ่มลึกลับ เมื่อเกวียนของจงหู่จอดลง มู่หนิงชิงจึงขอให้บิดา ช่วยพาไปร้านขายข้าวสารและของแห้งอีกครั้ง นางอยากถามเถ้าแก่ของร้านฝูจิ่น เรื่องการขอตั้งแผงลอย ในชั่วขณะที่กำลังจะข้ามถนน หญิงสาวรู้สึกถึงการถูกจ้อง มาจากโรงเตี้ยมชื่อดังของย่านนั้น ครั้นแหงนมองขึ้นไปยังชั้นสองของโรงเตี๊ยมดังกล่าว สายตาของนางก็สบเข้ากับดวงตาสีเข้มคู่คมเย็นชาของคนคุ้นเคยเข้าพอดี ซวินเหิงเยว่ โบกพัดในมือเอื่อยเฉื่อย ยกมุมปากขึ้นบางเบา จับจ้องหญิงสาวสวมผ้าคาดปิดหน้าไม่วางตา “ไปพานางมาพบเปิ่นหวาง แล้วให้อย่าเอิกเกริก” ชายหนุ่มหุบพัดดังฉับ ก่อนหมุนตัวกลับเข้าไปด้านใน คนของรุ่ยอ๋องรับคำสั่งและรีบผละไป ปล่อยให้นายเหนือหัวนั่งจิบชาหลงจิ่งต้นฤดู ส่งกลิ่นหอมกรุ่นด้วยท่าทางสบายใจ “ท่านอ๋องรู้จักสตรีผู้นั้นด้วยหรือ ถึงให้ชิวยวี่ไปเชิญมาพบ” ชายหนุ่มรูปงามผิวสีน้ำผึ้ง รูปตายาวเรียว นัยน์ตาสีน้ำตาลดูเด็ดขาด ทว่าแววตากลับอบอุ่นอ่อนโยน เอ่ยปากถามบุรุษที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยความข้องใจ สหายรักสูงศักดิ์ของเขาผู้นี้ ปกติเกลียดการถูกสตรีเข้าหาหรือตามวอแวเป็นที่สุด ทว่าวันนี้กลับเอ่ยปากสั่งให้องครักษ
บทที่ 11 ของขวัญจากท่านเทพ มู่เฟิงและซูซื่อพยักหน้าหงึกๆ เป็นเชิงตอบ ผิดกับมู่หนิงเฉิงและมู่หนิงอัน ที่กำลังระบายยิ้มเต็มหน้าตามพี่สาว เจ้าหัวผักกาดน้อยทั้งสองก้าวเข้ามาข้างใน ก้มตัวลงค่อยๆ ยื่นมือน้อยๆ มาหาแม่ไก่เบื้องหน้า แม่ไก่ทั้งสามเหมือนจะเข้าใจเด็กๆ พวกมันก้มหัวลงให้พวกเขาสัมผัสด้วยความอ่อนโยน ก่อนก้าวเข้าไปซุกหน้าที่บ่าน้อยๆ ของพวกเขาอย่างนุ่มนวล พวงแก้มของเด็กทั้งคู่กลายเป็นสีระเรื่อด้วยความดีใจ ดวงตาไร้เดียงสาพร่างพราวจากความสุข เจ้าหัวผักกาดน้อยเงยหน้ามองพี่สาว ก่อนเอ่ยวาจาเป็นประโยคเดียวกัน "พี่ใหญ่ พวกข้าขอดูแลแม่ไก่สามตัวนี้ได้หรือไม่ขอรับ/เจ้าคะ" "ได้แน่นอนเฉิงเอ๋อร์ อันเอ๋อร์ รบกวนพวกเจ้าทั้งสองดูแลพวกมันให้ดีด้วยนะ" เด็กๆ ส่งเสียงขอบคุณอย่างพร้อมเพรียง หยัดกายขึ้นยืนและพาแม่ไก่สายดุทั้งสาม ออกไปยังหลังบ้านเพื่อให้อาหาร มู่หนิงชิงบอกพวกเด็กๆว่า แม่ไก่เหล่านี้กินธัญพืชและผักต่างๆได้ คืนนั้นมู่หนิงชิงจัดอาหารชุดใหญ่พิเศษ เพื่อฉลองอิสรภาพให้ครอบครัว พร้อมนำเหล้าองุ่นแดงรสเลิศ ออกมาจากมิติแห่งความอิ่มหนำให้มู่เฟิงและซูซื่อได้ลิ้มลอง "ชิงเอ๋อร์! ไยอาหารถึงได้มากมายเ