หน้าหลัก / รักโบราณ / นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง / บทที่ 4 วิธีหาเงินในตำนาน (ตอนต้น)

แชร์

บทที่ 4 วิธีหาเงินในตำนาน (ตอนต้น)

ผู้เขียน: ชวี่เหว่ย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-13 00:35:49

บทที่ 4 วิธีหาเงินในตำนาน

“แม่สัญญาว่าจะไม่แพร่งพรายความลับสำคัญนี้เด็ดขาด ลูกสบายใจได้"

“อันเอ๋อร์ก็สัญญาเจ้าค่ะ”

“ข้าก็เหมือนกันขอรับ พี่ใหญ่วางใจได้”

สีหน้าของมู่หนิงชิงกลับมาผ่อนคลายอีกครั้ง หลังจากได้ยินทุกคนรับปากเป็นมั่นเหมาะ มือผอมบางเตรียมฉวยชามบะหมี่ของมารดาและบิดาไปล้าง ทว่ากลับต้องชะงักเพราะเสียงอุทานของซูซื่อ

“โอ้ แม่เพิ่งเห็นว่าชามใส่บะหมี่ช่างงดงามเหลือเกิน เนื้อกระเบื้องก็ดีมาก นี่คือชามที่ใช้ในสวรรค์เช่นนั้นหรือ พวกเราควรล้างแล้วเก็บไว้บูชา หรือท่านเทพที่มอบอาหารให้จะนำกลับคืนไป ชิงเอ๋อร์ลูกพอรู้หรือไม่ว่าพวกเราควรทำอย่างไรกับชามเหล่านี้ดี”

“…” มู่หนิงชิง ‘เอ่อ ไม่ใช่ชามจากสวรรค์ แต่เป็นชามที่ข้าสั่งทำขึ้นพิเศษ สำหรับใช้ในภัตตาคารของข้าต่างหากเจ้าคะ ยังมีเหลืออีกเพียบในมิติแห่งความอิ่มหนำ’

“ลูกคิดว่าพวกเราควรล้างให้สะอาด แล้วนำไปวางไว้บนโต๊ะในห้องของลูกก็ดีนะเจ้าคะ ท่านเทพจะได้นำชามทั้งห้าใบนี้กลับไป เผื่อได้ใช้ต่อคราวหน้า..” มู่หนิงชิงจำต้องหาข้ออ้างที่ฟังดูแล้วมีความเป็นไปได้ขึ้นมากล่าว

“ถ้าเช่นนั้นแม่ล้างเองดีกว่า ลูกๆไปนอนกันเถิด โดยเฉพาะชิงเอ๋อร์หากท่านเทพมาเข้าฝันลูกอีกครั้ง ช่วยขอบคุณท่านเทพแทนพ่อแม่และน้องๆด้วยนะลูก”

มู่หนิงชิงมุมปากกระตุกยิกๆ นางคงต้องขอบคุณตัวเองในฝันสินะ

“ได้เจ้าค่ะท่านแม่”

หญิงสาวและน้องๆต่างพากันกลับห้องของตน ปล่อยให้บิดามารดาช่วยกันล้างชามใส่บะหมี่จากสวรรค์!

ชีวิตประจำวันของมู่หนิงชิงยังคงเป็นปกติ ตื่นนอน กินข้าว ดื่มยา นอนพักต่อ พอตกดึกก็เข้าไปทำอาหารในมิติ

คืนนี้นางทำขาหมูตุ๋นน้ำแดงสองขาใหญ่ ทานกับหมั่นโถวแป้งขาวเนื้อนุ่มหอมกรุ่น มีผักคะน้าลวกและขิงดองกินเป็นเครื่องเคียงแก้เลี่ยน ตบท้ายด้วยชาสมุนไพรช่วยย่อย ส่วนอาหารที่เหลือ ถูกเก็บไว้เป็นอาหารเช้าของบิดาและน้องชายก่อนออกไปทำงาน หากเอาหมูตุ๋นไปทานที่ไร่ อาจถูกลุงใหญ่เพ่งเล็งเอาได้

คืนต่อมาๆ มู่หนิงชิงยังคงทำอาหารจำพวกเนื้อในปริมาณค่อนข้างมาก เพื่อที่จะได้เก็บส่วนที่เหลือไว้กินในวันถัดไป

ในที่สุดก็ถึงเวลาที่นางต้องออกไปทำกิจกรรมยอดนิยมในนิยายทะลุมิติ ยามที่ตัวเอกเกิดใหม่ในครอบครัว ซึ่งอาศัยอยู่ตามชนบทใกล้กับภูเขา!

นั่นก็คือ การเข้าป่าไปหาโสมหรือเห็ดหลินจือ ไม่ทำถือว่ามาไม่ถึง!!

ด้วยความสามารถของเนตรปีศาจ รับรองว่าไม่มีพลาด ตราบใดที่มีสมุนไพรเหล่านี้อยู่จริงบนภูเขา นางต้องหาพบแน่นอน!

หญิงสาวตื่นแต่เช้า แต่งตัวรัดกุมเตรียมสะพายตะกร้าขึ้นหลัง ทว่าถูกมารดาร้องทักเสียก่อน

“ชิงเอ๋อร์ นั่นลูกกำลังจะไปไหน ลูกสมควรนอนพักหลังกินข้าวกินยามิใช่หรือลูก”

มู่หนิงชิงแอบทอดถอนใจ นางเข้าใจความหวังดีของซูซื่อ แต่ถ้าจะให้นางเอาแต่นอนพักทั้งวันก็คงไม่ไหว ร่างกายนี้บอบบางมาก ทั้งผอมแห้งไร้ซึ่งกล้ามเนื้อและพละกำลัง จึงต้องการเริ่มฝึกฝนร่างกายโดยด่วน จารชนมือฉกาจอย่างนางต้องแข็งแกร่งและปราดเปรียว!!

“ข้าจะขึ้นเขาไปหาผักหาสมุนไพรสักหน่อยเจ้าค่ะท่านแม่ ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว หากจะให้วันๆ เอาแต่นอนเฉยๆ แล้วเมื่อไหร่ร่างกายจะกลับมาแข็งแรงกันล่ะเจ้าคะ”

ท่าทางจริงจังแววตามุ่งมั่นของมู่หนิงชิงที่แสดงออกมา ทำให้มารดาต้องมองบุตรสาวของตนใหม่

“แต่ว่า…” ซูซื่อเอ่ยกับมู่หนิงชิงเสียงแผ่ว

ซูซื่อรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของบุตรสาวตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา ชิงเอ๋อร์ที่เคยหัวอ่อนและขี้อาย เปลี่ยนเป็นคนละคน กระทั่งไม่มีท่าทีอิดออดยามต้องดื่มยา ทั้งเลิกทำหน้าเศร้าประหนึ่งคนอมทุกข์ แต่กลับดูสุขุมรอบคอบ ดวงตาที่เคยหม่นหมองท้อแท้ก็ดูใสกระจ่าง ค่อนไปทางมั่นอกมั่นใจด้วยซ้ำ

แม้กระทั่งวันนี้…

หากเป็นแต่ก่อนเพียงนางเอ่ยปากทักท้วง บุตรสาวก็จะรับฟังไม่เคยคัดค้านแม้แต่คำเดียว จะเอ่ยเพียงแค่ “เจ้าค่ะท่านแม่” และไม่พูดอะไรอีก

ทว่าตอนนี้ทั้งแววตาและท่าทาง ช่างดูคล้ายคนผู้นั้นเหลือเกิน…ดูท่าว่ามู่หนิงชิงคงเติบโตขึ้นแล้ว หลังจากผ่านเคราะห์กรรมจนเกือบคร่าชีวิต หากเป็นเช่นนั้นจริงนางก็วางใจ

“ถ้าหากท่านแม่เป็นกังวล เช่นนั้นพวกเราก็ไปด้วยกันดีหรือไม่เจ้าคะ ในบ้านไม่มีของมีค่าอะไร ไม่ต้องห่วงว่าจะมีคนมาขโมยของหรอกเจ้าค่ะ อันเอ๋อร์ก็คงอยากไปเดินเล่นกับพี่ใหญ่ใช่หรือไม่” มู่หนิงชิงหันไปหากองหนุน ที่ยืนทำตาแป๋วอย่างมีความหวังอยู่ข้างๆมารดา

ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือกอบ ดูกระตือรือร้นหลังได้ยินวาจาของพี่สาว

“ท่านแม่ อันเอ๋อร์ก็อยากไปช่วยพี่ใหญ่หาสมุนไพรเจ้าค่ะ พวกเราไปด้วยกันนะเจ้าคะ…นะเจ้าคะ” มือน้อยๆจับมือของมารดาแกว่งไปมา ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูจนซูซื่อใจอ่อนยวบ

ท้ายที่สุด ผู้เป็นมารดาก็พ่ายแพ้ให้กับความแน่วแน่ของบุตรสาวคนโต และการออดอ้อนของบุตรสาวคนเล็ก

“ก็ได้ๆ แต่ขอแม่ไปเตรียมตะกร้ากับน้ำดื่ม และเขียนบอกท่านพ่อไว้ก่อน เผื่อพวกเรากลับมาช้าหน่อย ท่านพ่อกับเฉิงเอ๋อร์จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” ซูซื่อผละไปเตรียมของ นางใช้เศษถ่านเขียนลงบนแผ่นไม้วางไว้บนโต๊ะกินข้าว

พี่สาวและน้องสาวหันมาส่งยิ้มให้กัน มู่หนิงชิงยกนิ้วโป้งชื่นชมเจ้าตัวเล็ก ที่รู้จักเข็นเรือตามน้ำ ยามนางเอ่ยปากชวน

“เจ้าตัวน้อยนี่ฉลาดไม่เบา แบบนี้ต้องสั่งสอนให้ดีๆ โตขึ้นรับรองว่าเฉียบ! ฮี่ๆๆๆ” มู่หนิงชิงพึมพำเสียงเบา หันหลังปิดบังแววตาและเสียงหัวเราะชั่วร้าย

ซูซื่อกลับมาพร้อมตะกร้าใส่ของ ซึ่งมีกระบอกน้ำดื่มและซาลาเปาไส้เนื้อสามลูกห่ออยู่ในนั้น หมวกกันแดดสำหรับมู่หนิงอัน รวมถึงอุปกรณ์หาของป่าอย่างง่ายๆ

การเดินเข้าป่าเพื่อหาสมุนไพรของทั้งสามจึงเริ่มต้นขึ้น

มู่หนิงชิงตื่นเต้นกับการได้เข้าป่า หลังจากทะลุมิติมาเป็นครั้งแรกอย่างมาก อากาศแสนบริสุทธิ์เช่นนี้ หาไม่ได้แล้วในโลกอนาคต เสียงนกร้องตามธรรมชาติ เสียงจิ้งหรีดเรไร หรือแม้กระทั่งหยาดน้ำค้างบนยอดหญ้า ล้วนสวยงามจับใจในความรู้สึกของมู่หนิงชิง

หญิงสาวกวาดตามองซ้ายทีขวาที ท่าทางตื่นตาตื่นใจ ทั้งไม่ลืมเพ่งมองบนพื้นดิน จนกระทั่งพบหัวมันป่ากอใหญ่ นางพุ่งตรงเข้าไปหาทันที

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 15 ผู้ต้องสงสัย (ตอนปลาย)

    บทที่ 15 ผู้ต้องสงสัย (ตอนปลาย) ดวงตาเมล็ดซิ่งคู่งามปิดลง เริ่มเค้นความทรงจำของมู่หนิงชิงในวันสุดท้าย… ช่วงสายของวันนั้น มู่หนิงชิงสะพายตะกร้าขึ้นหลัง เดินเข้าป่าเพื่อไปหาสมุนไพรและผักป่าตามปกติ เดินอยู่ราวสามเค่อจึงมุ่งไปยังตำแหน่งที่เคยพบกอเผือก กอเผือกอีกแล้ว!! ทว่ากลับชะงักฝีเท้า เพราะได้ยินเสียงร้องครวญครางของสตรีอยู่ไม่ไกล หญิงสาวก้าวไปข้างหน้ามือบางแหวกใบของต้นเผือกออก และได้เห็นบั้นท้ายของบุรุษ กำลังกระแทกใส่หว่างขาสตรี ที่ยืนพิงต้นไม้ยกขาข้างหนึ่งเกี่ยวเอวของเขาไว้ นางไม่เห็นหน้าของคนทั้งสองด้วยซ้ำ เพราะรีบหมุนตัวกลับมาจากภาพบัดสีที่ได้ประจักษ์กับตา เท้าของนางบังเอิญเหยียบลงบนกิ่งไม้แห้งจนเกิดเสียงดัง นางไม่รู้ว่าสองคนนั้นจะได้ยินหรือไม่ หลังผละมาจากตรงนั้น หญิงสาวเดินมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่เคยพบกลุ่มเห็ดโคนที่ขึ้นเป็นประจำ ซึ่งอยู่ตรงบริเวณต้นไม้ใหญ่ที่นางถูกลอบทำร้ายจากด้านหลัง…จนเสียชีวิตในที่สุด มู่หนิงชิงเปิดเปลือกตาขึ้น ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “อนิจจา…มู่หนิงชิง เจ้าต้องมาตายเพราะโดนคนสารเลวที่แอบมาเล่นชู้กันในป่าสังหาร เพียงเพื่อปกปิดความเลวระยำของพวกมัน!“ ดวงตาข

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 15 ผู้ต้องสงสัย (ตอนต้น)

    บทที่ 15 ผู้ต้องสงสัย (ตอนต้น) สัญญาเช่าพื้นที่หน้าร้านฝูจิ่นเริ่มขึ้นวันมะรืน ตามคำขอของมู่หนิงชิง หญิงสาวยังได้สั่งทำฉากกั้น โต๊ะไม้และกล่องใส่อาหาร สำหรับไว้ใช้ในวันเปิดร้าน จากร้านขายเครื่องเรือนในเครือตระกูลฟ่านอีกด้วย ส่วนภาชนะที่นางจะใช้สำหรับใส่เกี๊ยวซ่าขาย คือกระทงใบกล้วย หลังกลับมาจากในเมือง มู่หนิงชิงขอให้มารดาพาไปหาบ้านที่ปลูกกล้วยเพื่อขอซื้อใบ ขากลับเดินผ่านไร่ของบ้านใหญ่สกุลมู่ ก็ได้เห็นมู่ซาน มู่อวิ๋นเทารวมถึงหลัวซื่อ ซึ่งปกติไม่เคยมาช่วยงานที่ไร่ กำลังวุ่นวายอยู่กับการรดน้ำและกำจัดวัชพืช ในขณะที่ปากก็พ่นคำผรุสวาทไม่หยุด ซูซื่อเห็นทั้งสามแล้วก็ทอดถอนใจ ก่อนหันหลังมุ่งหน้ากลับบ้าน มู่หนิงชิงเพ่งเนตรปีศาจมองเข้าไปภายในบ้าน เพื่อดูว่ามีใครอยู่บ้าง พบว่ามู่อวี๋โหรวกำลังนอนเล่นอยู่บนตั่งเตียง สั่งให้น้องสาวช่วยเย็บเสื้อคลุมบุรุษตัวหนึ่งแทนตน ทว่าไร้เงาของฉวนซื่อที่ยามนี้ปกติต้องอยู่บ้าน… หลังกลับมาถึงบ้าน มู่หนิงชิงชวนบิดาและน้องทั้งสอง ไปเดินเล่นบนเขาโดยทิ้งแม่ไก่สายดุไว้เฝ้าบ้าน! นางต้องการออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างนี้ หากจะไปคนเดียวมู่เฟิงและซูซื่อคงไม

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 14 เกี๊ยวซ่ากับสัญญาเช่า (ตอนปลาย)

    บทที่ 14 เกี๊ยวซ่ากับสัญญาเช่า (ตอนปลาย) เวลานี้ดวงตาของคู่งามของฟ่านฮุ่ยเจิน เป็นประกายระยับราวกับดวงดาวยามค่ำคืน นางยิ้มไม่หุบขณะชิมน้ำจิ้มแต่ละรส และเมื่อเกี๊ยวซ่าตัวสุดท้ายหมดลง… "อ๊ะ! หมดแล้วหรือ เอ่อ แม่นางมู่ หากข้าจะขอเพิ่มอีกสักจาน ท่านยังพอมีเกี๊ยวเหลือหรือไม่" น้ำเสียงเว้าวอน สีหน้าค่อนไปทางออดอ้อนเล็กน้อยของฟ่านฮุ่ยเจิน เรียกรอยยิ้มกว้างของมู่หนิงชิงได้อีกครั้ง "หากคุณหนูฟ่านต้องการ ข้าจะไปทอดเพิ่มให้ท่านทันที เพียงแต่ว่า…ท่านจะอนุญาตให้ข้ามาตั้งแผงขาย ยังหน้าร้านฝูจิ่นได้หรือไม่หรือเจ้าคะ" "ได้สิ! ได้แน่นอนอยู่แล้ว! ข้าจะร่างสัญญาเช่าให้ท่าน ระหว่างรอเกี๊ยวซ่าจานต่อไป เอ่อ ข้าอยากรู้ว่าวันนี้ท่านนำเกี๊ยวสดมาเยอะหรือไม่ หากข้าจะขอประเดิมอาหารของท่านเป็นเจ้าแรก ด้วยการเหมาเกี๊ยวซ่าที่ท่านนำมา ในวันนี้ทั้งหมดจะเป็นไปได้ไหม ทุกคนในครอบครัวของข้าต้องชื่นชอบเป็นแน่" ฟ่านฮุ่ยเจินที่ติดอกติดใจความอร่อยล้ำเลิศนี้ เอ่ยปากถามมู่หนิงชิงอย่างตรงไปตรงมา แม่ค้าหน้าใหม่ระบายยิ้มจนตาโค้ง พยักหน้าเป็นคำตอบด้วยความยินดี 
 สัญญาเช่าหน้าร้านฝูจิ่นถูกร่างขึ้นระหว่างรอเกี๊ยวซ่าจานถัดไป

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 14 เกี๊ยวซ่ากับสัญญาเช่า (ตอนต้น)

    บทที่ 14 เกี๊ยวซ่ากับสัญญาเช่า (ตอนต้น) เสียงแม่ไก่ร้องปลุกสมาชิกในบ้าน ยามแสงทองเรืองรองสาดส่องย้อมขอบฟ้า ร่างบางบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนก้าวลงจากเตียง หลังจากที่ทุกคนในบ้านล้างหน้าล้างตาและทานมื้อเช้าเป็นที่เสร็จสรรพ ทั้งห้าชีวิตก็เตรียมตัวออกจากบ้านไปขึ้นเกวียน มู่หนิงชิงย่อตัวเอ่ยกับแม่ไก่แสนรู้ทั้งสาม ที่เดินมาส่งยังหน้าบ้านว่า “ฝากบ้านด้วยนะทุกคน ใครมาด้อมๆ มองๆ ดูแล้วไม่น่าไว้ใจ พวกเจ้าจัดการได้เลย!!!” กะต๊าก!!! แม่ไก่ทั้งสามตัวส่งเสียงตอบรับ ก่อนเดินแยกย้ายไปตามมุมต่างๆของบ้านเพื่อเฝ้าระวัง มู่หนิงชิงยกยิ้มด้วยความชอบใจ ในขณะที่บุพการีและน้องทั้งสองยืนอ้าปากค้างดวงตาเบิกโพลง “แม่ไก่จากแดนเทพช่างน่าทึ่งยิ่งนัก นอกจากออกไข่ใบใหญ่วันละสองฟองแล้ว ยังเฝ้าบ้านได้อีกด้วย“ มู่หนิงเฉิงเผยสีหน้าเหลือเชื่อ มองตามหลังแม่ไก่ตาแทบถลน 
 สมาชิกทุกคนของสกุลมู่บ้านรอง ช่วยกันถือของที่จะนำไปในเมืองกันคนละอย่างสองอย่าง เพื่อไปให้ทันขึ้นเกวียนรอบแรก ครั้นจงหู่เห็นพวกเขาหอบหิ้วของพะรุงพะรังไปด้วย จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย คำตอบที่ได้รับกลับมา อยู่เหนือความคาดหมายของชราเล็กน้อย แต่กระนั

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 13 วางแผนขายเกี๊ยวซ่า (ตอนปลาย)

    บทที่ 13 วางแผนขายเกี๊ยวซ่า (ตอนปลาย) แต๊กๆๆๆๆๆๆ!! เสียงรัวตะกร้อตีมือดังขึ้นในครัว ดึงความสนใจของซูซื่อที่กำลังเย็บชายกระโปรงใหม่ให้มู่หนิงอัน นางหยุดสิ่งที่ทำอยู่ เดินมาดูแม่ครัวคนใหม่ของบ้าน ซึ่งมีอุปกรณ์หน้าตาแปลกในมือ “นั่นมัน? เอ่อ…” “ท่านเทพให้มาเจ้าค่ะ” ร่างบางเงยหน้าบอกมารดา ก่อนก้มหน้ารัวตะกร้อในมือต่อ “ชิงเอ๋อร์ทำอะไรหรือให้แม่ช่วยดีกว่า ร่างกายลูกยังไม่แข็งแรง ออกแรงมากจะหน้ามืดเอานะ” “ใกล้เสร็จแล้วเจ้าค่ะท่านแม่” ซูซื่อยืนมองบุตรสาว รัวมือตีสิ่งที่อยู่ในชามใบใหญ่ด้วยความสนใจ ราวครึ่งเค่อต่อมา น้ำจิ้มสีเหลืองนวลข้นเหนียวก็เป็นอันเสร็จ มู่หนิงชิงเหงื่อซึมทั่วกรอบหน้า อ้าปากหอบหายใจ พลางนวดข้อมือจากความเมื่อยขบ ขณะหันมายิ้มให้กับมารดา “มายองเนสเสร็จแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ เหลือแค่ปรุงรสอีกนิดหน่อยเท่านั้น“ “มา มาอะไรนะชิงเอ๋อร์?!” ซูซื่อถามชื่อของน้ำจิ้มสีนวลนั้นซ้ำ นางไม่เคยได้ยินชื่อเรียกน้ำจิ้มแบบนี้มาก่อน “มา ยอง เนสสสส เจ้าค่ะ” มู่หนิงชิงเอ่ยทวนทีละคำให้มารดาฟังอีกรอบชัดๆ คนฟังพยักหน้าพลางกล่าวทวนคำบุตรสาว “อ่าา มา ยอง เนสซึ” “คิกๆๆ นั่นแหละเจ้าค่ะ

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 13 วางแผนขายเกี๊ยวซ่า (ตอนต้น)

    บทที่ 13 วางแผนขายเกี๊ยวซ่า (ตอนต้น) มู่หนิงชิงเดินกลับมาหาครอบครัว ด้วยสภาพครบสามสิบสองไม่ขาดไม่เกิน นางบอกกับมู่เฟิงว่ารุ่ยอ๋องเรียกไปคุยเรื่องเห็ดหลินจือแดงไม่มีอะไรที่น่ากังวล ในชั่วขณะนั้นเอง รถม้าคันหนึ่งก็มาจอดเทียบที่หน้าร้านฝูจิ่น หญิงสาวอายุราวสิบหกหนาว รูปร่างอรชรในชุดผ้าไหมเนื้อดีสีฟ้าอ่อนก้าวออกมาจากตัวรถ ใบหน้าสะคราญอ่อนหวานน่าทะนุถนอม มีรอยยิ้มประดับมุมปากบางเบาส่งให้หญิงสาวดูเป็นมิตร สาวใช้ก้าวลงมาก่อน ยื่นมือเพื่อรอประคองคุณหนูของตน ครั้นหลงจู๊ร้านฝูจิ่น เห็นว่าเป็นผู้ใดจึงปรี่เข้ามาทักทายด้วยความนอบน้อม “คุณหนูใหญ่ สบายดีนะขอรับ สมุดบัญชีเตรียมไว้ที่ห้องทำงานแล้วขอรับ” “ขอบคุณหลงจู๊ฝางมากเจ้าค่ะ…ไม่ทราบว่าลูกจ้างในร้านดูแลพวกท่านดีหรือไม่” ใบหน้าอ่อนหวานของ ฟ่านฮุ่ยเจิน หันมาหาครอบครัวของมู่เฟิง พร้อมเอ่ยถามในสิ่งทำเป็นประจำกับลูกค้าทุกคนของร้าน ชาวบ้านทุกคนในตลาดต่างรู้ดีว่า ตระกูลฟ่านเป็นตระกูลคหบดีใหญ่ ที่ร่ำรวยมากของเมืองอี้เฉิง นายท่านผู้เฒ่าฟ่าน สร้างเนื้อสร้างตัวมาด้วยมือของตนเอง พื้นเพเป็นเพียงพ่อค้าขายของหาบเร่มาก่อน ทว่าขยันขันแข็งฉลาดเฉลียว รู

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 12 พบหน้าพ่อหนุ่มลึกลับ (ตอนปลาย)

    บทที่ 12 พบหน้าพ่อหนุ่มลึกลับ อึดใจต่อมาเสียงทุ้มกังวานของซวินเหิงเยว่ก็ดังขึ้น เรียกสติของมู่หนิงชิงให้ตื่นจากภวังค์ “อะ แฮ่ม! เปิ่นหวางน่ามองขนาดนั้นเชียว แม่นางมู่ถึงได้จ้องตาไม่กะพริบแบบนี้" "ขะ ขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉันเสียมารยาทแล้ว" หญิงสาวสะบัดศีรษะเล็กน้อยเพื่อเรียกสติ นางเผลอมองนานไปหน่อย "หึ! รู้ตัวก็ดี รินชาเอาเองนะ มือเปิ่นหวางไม่ว่าง” มือแกร่งของอ๋องหนุ่ม ดันถาดชุดน้ำชามาให้หญิงสาว โดยไม่หันมองหน้านางด้วยซ้ำ "…" มู่หนิงชิง 'กวน…มาก' "ขอบพระทัยเพคะ แต่ชาของท่านอ๋องหม่อมฉันไม่อาจเอื้อมที่จะดื่มเพคะ…คือว่าสูงส่งเกินไปลิ้นของหม่อมไปถึงไม่ถึง ปกติดื่มแต่น้ำต้มสุก" ที่นางไม่กล้าดื่มเพราะกลัวโดนวางยาพิษต่างหาก "เฮอะ! มิใช่กลัวว่าจะโดนเปิ่นหวางวางยาพิษหรอกรึ!" ซวินเหิงเยว่แค่นเสียง เอ่ยวาจาประชด คล้ายรู้ทันความคิดของหญิงสาว "หม่อมฉันจะไปคิดเช่นนั้นได้อย่างไรเพคะ ไม่มี๊! ไม่มี! ท่านอ๋องเป็นถึงเจ้าเมือง จะทรงคิดร้ายต่อประชาชนของตนเองได้อย่างไรกัน ใช่หรือไม่เพคะ…เอ่อ ไม่ทราบว่าที่ท่านอ๋องเชิญหม่อมฉันมาพบ มีเรื่องอะไรจะถามไถ่หรือเพคะ" นางปฏิเสธเสียงสูงพลางรีบเอ่ยเข

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 12 พบหน้าพ่อหนุ่มลึกลับ (ตอนต้น)

    บทที่ 12 พบหน้าพ่อหนุ่มลึกลับ 
 เมื่อเกวียนของจงหู่จอดลง มู่หนิงชิงจึงขอให้บิดา ช่วยพาไปร้านขายข้าวสารและของแห้งอีกครั้ง นางอยากถามเถ้าแก่ของร้านฝูจิ่น เรื่องการขอตั้งแผงลอย ในชั่วขณะที่กำลังจะข้ามถนน หญิงสาวรู้สึกถึงการถูกจ้อง มาจากโรงเตี้ยมชื่อดังของย่านนั้น ครั้นแหงนมองขึ้นไปยังชั้นสองของโรงเตี๊ยมดังกล่าว สายตาของนางก็สบเข้ากับดวงตาสีเข้มคู่คมเย็นชาของคนคุ้นเคยเข้าพอดี ซวินเหิงเยว่ โบกพัดในมือเอื่อยเฉื่อย ยกมุมปากขึ้นบางเบา จับจ้องหญิงสาวสวมผ้าคาดปิดหน้าไม่วางตา “ไปพานางมาพบเปิ่นหวาง แล้วให้อย่าเอิกเกริก” ชายหนุ่มหุบพัดดังฉับ ก่อนหมุนตัวกลับเข้าไปด้านใน คนของรุ่ยอ๋องรับคำสั่งและรีบผละไป ปล่อยให้นายเหนือหัวนั่งจิบชาหลงจิ่งต้นฤดู ส่งกลิ่นหอมกรุ่นด้วยท่าทางสบายใจ “ท่านอ๋องรู้จักสตรีผู้นั้นด้วยหรือ ถึงให้ชิวยวี่ไปเชิญมาพบ” ชายหนุ่มรูปงามผิวสีน้ำผึ้ง รูปตายาวเรียว นัยน์ตาสีน้ำตาลดูเด็ดขาด ทว่าแววตากลับอบอุ่นอ่อนโยน เอ่ยปากถามบุรุษที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยความข้องใจ สหายรักสูงศักดิ์ของเขาผู้นี้ ปกติเกลียดการถูกสตรีเข้าหาหรือตามวอแวเป็นที่สุด ทว่าวันนี้กลับเอ่ยปากสั่งให้องครักษ

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 11 ของขวัญจากท่านเทพ (ตอนปลาย)

    บทที่ 11 ของขวัญจากท่านเทพ มู่เฟิงและซูซื่อพยักหน้าหงึกๆ เป็นเชิงตอบ ผิดกับมู่หนิงเฉิงและมู่หนิงอัน ที่กำลังระบายยิ้มเต็มหน้าตามพี่สาว เจ้าหัวผักกาดน้อยทั้งสองก้าวเข้ามาข้างใน ก้มตัวลงค่อยๆ ยื่นมือน้อยๆ มาหาแม่ไก่เบื้องหน้า แม่ไก่ทั้งสามเหมือนจะเข้าใจเด็กๆ พวกมันก้มหัวลงให้พวกเขาสัมผัสด้วยความอ่อนโยน ก่อนก้าวเข้าไปซุกหน้าที่บ่าน้อยๆ ของพวกเขาอย่างนุ่มนวล พวงแก้มของเด็กทั้งคู่กลายเป็นสีระเรื่อด้วยความดีใจ ดวงตาไร้เดียงสาพร่างพราวจากความสุข เจ้าหัวผักกาดน้อยเงยหน้ามองพี่สาว ก่อนเอ่ยวาจาเป็นประโยคเดียวกัน "พี่ใหญ่ พวกข้าขอดูแลแม่ไก่สามตัวนี้ได้หรือไม่ขอรับ/เจ้าคะ" "ได้แน่นอนเฉิงเอ๋อร์ อันเอ๋อร์ รบกวนพวกเจ้าทั้งสองดูแลพวกมันให้ดีด้วยนะ" เด็กๆ ส่งเสียงขอบคุณอย่างพร้อมเพรียง หยัดกายขึ้นยืนและพาแม่ไก่สายดุทั้งสาม ออกไปยังหลังบ้านเพื่อให้อาหาร มู่หนิงชิงบอกพวกเด็กๆว่า แม่ไก่เหล่านี้กินธัญพืชและผักต่างๆได้ คืนนั้นมู่หนิงชิงจัดอาหารชุดใหญ่พิเศษ เพื่อฉลองอิสรภาพให้ครอบครัว พร้อมนำเหล้าองุ่นแดงรสเลิศ ออกมาจากมิติแห่งความอิ่มหนำให้มู่เฟิงและซูซื่อได้ลิ้มลอง "ชิงเอ๋อร์! ไยอาหารถึงได้มากมายเ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status