Home / รักโบราณ / นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง / บทที่ 4 วิธีหาเงินในตำนาน (ตอนต้น)

Share

บทที่ 4 วิธีหาเงินในตำนาน (ตอนต้น)

last update Last Updated: 2025-05-13 00:35:49

บทที่ 4 วิธีหาเงินในตำนาน

“แม่สัญญาว่าจะไม่แพร่งพรายความลับสำคัญนี้เด็ดขาด ลูกสบายใจได้"

“อันเอ๋อร์ก็สัญญาเจ้าค่ะ”

“ข้าก็เหมือนกันขอรับ พี่ใหญ่วางใจได้”

สีหน้าของมู่หนิงชิงกลับมาผ่อนคลายอีกครั้ง หลังจากได้ยินทุกคนรับปากเป็นมั่นเหมาะ มือผอมบางเตรียมฉวยชามบะหมี่ของมารดาและบิดาไปล้าง ทว่ากลับต้องชะงักเพราะเสียงอุทานของซูซื่อ

“โอ้ แม่เพิ่งเห็นว่าชามใส่บะหมี่ช่างงดงามเหลือเกิน เนื้อกระเบื้องก็ดีมาก นี่คือชามที่ใช้ในสวรรค์เช่นนั้นหรือ พวกเราควรล้างแล้วเก็บไว้บูชา หรือท่านเทพที่มอบอาหารให้จะนำกลับคืนไป ชิงเอ๋อร์ลูกพอรู้หรือไม่ว่าพวกเราควรทำอย่างไรกับชามเหล่านี้ดี”

“…” มู่หนิงชิง ‘เอ่อ ไม่ใช่ชามจากสวรรค์ แต่เป็นชามที่ข้าสั่งทำขึ้นพิเศษ สำหรับใช้ในภัตตาคารของข้าต่างหากเจ้าคะ ยังมีเหลืออีกเพียบในมิติแห่งความอิ่มหนำ’

“ลูกคิดว่าพวกเราควรล้างให้สะอาด แล้วนำไปวางไว้บนโต๊ะในห้องของลูกก็ดีนะเจ้าคะ ท่านเทพจะได้นำชามทั้งห้าใบนี้กลับไป เผื่อได้ใช้ต่อคราวหน้า..” มู่หนิงชิงจำต้องหาข้ออ้างที่ฟังดูแล้วมีความเป็นไปได้ขึ้นมากล่าว

“ถ้าเช่นนั้นแม่ล้างเองดีกว่า ลูกๆไปนอนกันเถิด โดยเฉพาะชิงเอ๋อร์หากท่านเทพมาเข้าฝันลูกอีกครั้ง ช่วยขอบคุณท่านเทพแทนพ่อแม่และน้องๆด้วยนะลูก”

มู่หนิงชิงมุมปากกระตุกยิกๆ นางคงต้องขอบคุณตัวเองในฝันสินะ

“ได้เจ้าค่ะท่านแม่”

หญิงสาวและน้องๆต่างพากันกลับห้องของตน ปล่อยให้บิดามารดาช่วยกันล้างชามใส่บะหมี่จากสวรรค์!

ชีวิตประจำวันของมู่หนิงชิงยังคงเป็นปกติ ตื่นนอน กินข้าว ดื่มยา นอนพักต่อ พอตกดึกก็เข้าไปทำอาหารในมิติ

คืนนี้นางทำขาหมูตุ๋นน้ำแดงสองขาใหญ่ ทานกับหมั่นโถวแป้งขาวเนื้อนุ่มหอมกรุ่น มีผักคะน้าลวกและขิงดองกินเป็นเครื่องเคียงแก้เลี่ยน ตบท้ายด้วยชาสมุนไพรช่วยย่อย ส่วนอาหารที่เหลือ ถูกเก็บไว้เป็นอาหารเช้าของบิดาและน้องชายก่อนออกไปทำงาน หากเอาหมูตุ๋นไปทานที่ไร่ อาจถูกลุงใหญ่เพ่งเล็งเอาได้

คืนต่อมาๆ มู่หนิงชิงยังคงทำอาหารจำพวกเนื้อในปริมาณค่อนข้างมาก เพื่อที่จะได้เก็บส่วนที่เหลือไว้กินในวันถัดไป

ในที่สุดก็ถึงเวลาที่นางต้องออกไปทำกิจกรรมยอดนิยมในนิยายทะลุมิติ ยามที่ตัวเอกเกิดใหม่ในครอบครัว ซึ่งอาศัยอยู่ตามชนบทใกล้กับภูเขา!

นั่นก็คือ การเข้าป่าไปหาโสมหรือเห็ดหลินจือ ไม่ทำถือว่ามาไม่ถึง!!

ด้วยความสามารถของเนตรปีศาจ รับรองว่าไม่มีพลาด ตราบใดที่มีสมุนไพรเหล่านี้อยู่จริงบนภูเขา นางต้องหาพบแน่นอน!

หญิงสาวตื่นแต่เช้า แต่งตัวรัดกุมเตรียมสะพายตะกร้าขึ้นหลัง ทว่าถูกมารดาร้องทักเสียก่อน

“ชิงเอ๋อร์ นั่นลูกกำลังจะไปไหน ลูกสมควรนอนพักหลังกินข้าวกินยามิใช่หรือลูก”

มู่หนิงชิงแอบทอดถอนใจ นางเข้าใจความหวังดีของซูซื่อ แต่ถ้าจะให้นางเอาแต่นอนพักทั้งวันก็คงไม่ไหว ร่างกายนี้บอบบางมาก ทั้งผอมแห้งไร้ซึ่งกล้ามเนื้อและพละกำลัง จึงต้องการเริ่มฝึกฝนร่างกายโดยด่วน จารชนมือฉกาจอย่างนางต้องแข็งแกร่งและปราดเปรียว!!

“ข้าจะขึ้นเขาไปหาผักหาสมุนไพรสักหน่อยเจ้าค่ะท่านแม่ ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว หากจะให้วันๆ เอาแต่นอนเฉยๆ แล้วเมื่อไหร่ร่างกายจะกลับมาแข็งแรงกันล่ะเจ้าคะ”

ท่าทางจริงจังแววตามุ่งมั่นของมู่หนิงชิงที่แสดงออกมา ทำให้มารดาต้องมองบุตรสาวของตนใหม่

“แต่ว่า…” ซูซื่อเอ่ยกับมู่หนิงชิงเสียงแผ่ว

ซูซื่อรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของบุตรสาวตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา ชิงเอ๋อร์ที่เคยหัวอ่อนและขี้อาย เปลี่ยนเป็นคนละคน กระทั่งไม่มีท่าทีอิดออดยามต้องดื่มยา ทั้งเลิกทำหน้าเศร้าประหนึ่งคนอมทุกข์ แต่กลับดูสุขุมรอบคอบ ดวงตาที่เคยหม่นหมองท้อแท้ก็ดูใสกระจ่าง ค่อนไปทางมั่นอกมั่นใจด้วยซ้ำ

แม้กระทั่งวันนี้…

หากเป็นแต่ก่อนเพียงนางเอ่ยปากทักท้วง บุตรสาวก็จะรับฟังไม่เคยคัดค้านแม้แต่คำเดียว จะเอ่ยเพียงแค่ “เจ้าค่ะท่านแม่” และไม่พูดอะไรอีก

ทว่าตอนนี้ทั้งแววตาและท่าทาง ช่างดูคล้ายคนผู้นั้นเหลือเกิน…ดูท่าว่ามู่หนิงชิงคงเติบโตขึ้นแล้ว หลังจากผ่านเคราะห์กรรมจนเกือบคร่าชีวิต หากเป็นเช่นนั้นจริงนางก็วางใจ

“ถ้าหากท่านแม่เป็นกังวล เช่นนั้นพวกเราก็ไปด้วยกันดีหรือไม่เจ้าคะ ในบ้านไม่มีของมีค่าอะไร ไม่ต้องห่วงว่าจะมีคนมาขโมยของหรอกเจ้าค่ะ อันเอ๋อร์ก็คงอยากไปเดินเล่นกับพี่ใหญ่ใช่หรือไม่” มู่หนิงชิงหันไปหากองหนุน ที่ยืนทำตาแป๋วอย่างมีความหวังอยู่ข้างๆมารดา

ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือกอบ ดูกระตือรือร้นหลังได้ยินวาจาของพี่สาว

“ท่านแม่ อันเอ๋อร์ก็อยากไปช่วยพี่ใหญ่หาสมุนไพรเจ้าค่ะ พวกเราไปด้วยกันนะเจ้าคะ…นะเจ้าคะ” มือน้อยๆจับมือของมารดาแกว่งไปมา ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูจนซูซื่อใจอ่อนยวบ

ท้ายที่สุด ผู้เป็นมารดาก็พ่ายแพ้ให้กับความแน่วแน่ของบุตรสาวคนโต และการออดอ้อนของบุตรสาวคนเล็ก

“ก็ได้ๆ แต่ขอแม่ไปเตรียมตะกร้ากับน้ำดื่ม และเขียนบอกท่านพ่อไว้ก่อน เผื่อพวกเรากลับมาช้าหน่อย ท่านพ่อกับเฉิงเอ๋อร์จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” ซูซื่อผละไปเตรียมของ นางใช้เศษถ่านเขียนลงบนแผ่นไม้วางไว้บนโต๊ะกินข้าว

พี่สาวและน้องสาวหันมาส่งยิ้มให้กัน มู่หนิงชิงยกนิ้วโป้งชื่นชมเจ้าตัวเล็ก ที่รู้จักเข็นเรือตามน้ำ ยามนางเอ่ยปากชวน

“เจ้าตัวน้อยนี่ฉลาดไม่เบา แบบนี้ต้องสั่งสอนให้ดีๆ โตขึ้นรับรองว่าเฉียบ! ฮี่ๆๆๆ” มู่หนิงชิงพึมพำเสียงเบา หันหลังปิดบังแววตาและเสียงหัวเราะชั่วร้าย

ซูซื่อกลับมาพร้อมตะกร้าใส่ของ ซึ่งมีกระบอกน้ำดื่มและซาลาเปาไส้เนื้อสามลูกห่ออยู่ในนั้น หมวกกันแดดสำหรับมู่หนิงอัน รวมถึงอุปกรณ์หาของป่าอย่างง่ายๆ

การเดินเข้าป่าเพื่อหาสมุนไพรของทั้งสามจึงเริ่มต้นขึ้น

มู่หนิงชิงตื่นเต้นกับการได้เข้าป่า หลังจากทะลุมิติมาเป็นครั้งแรกอย่างมาก อากาศแสนบริสุทธิ์เช่นนี้ หาไม่ได้แล้วในโลกอนาคต เสียงนกร้องตามธรรมชาติ เสียงจิ้งหรีดเรไร หรือแม้กระทั่งหยาดน้ำค้างบนยอดหญ้า ล้วนสวยงามจับใจในความรู้สึกของมู่หนิงชิง

หญิงสาวกวาดตามองซ้ายทีขวาที ท่าทางตื่นตาตื่นใจ ทั้งไม่ลืมเพ่งมองบนพื้นดิน จนกระทั่งพบหัวมันป่ากอใหญ่ นางพุ่งตรงเข้าไปหาทันที

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 13 เส้นทางชีวิตใหม่ /2

    บทที่ 13 เส้นทางชีวิตใหม่ /2 วันเปิดร้านผู้คนต่างให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก พวกเขาได้รับแจกถั่วเคลือบน้ำตาลเสริมพลังปราณในกายเป็นสินค้าแนะนำ ทีแรกก็ไม่มีใครเชื่อว่า เพียงแค่ขนมขบเคี้ยวจะช่วยเสริมพลังธาตุในกายได้อย่างไร รวี่เยว่จึงมอบลูกกวาดเสริมพลังของแต่ละธาตุให้แต่ละคนลองกินดู “ลูกกวาดอัคคีที่ท่านลุงเพิ่งกินเข้าไป จะช่วยให้ปราณธาตุไฟของท่านแข็งแกร่งขึ้นสองส่วนในทันที และคงอยู่ครึ่งชั่วยามเจ้าค่ะ ท่านสามารถทดสอบพลังได้ทันที” รวี่เยว่ยืนเอามือไพล่หลัง บรรยายสรรพคุณสินค้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทว่าน้ำเสียงที่เปล่งออกมากลับทรงพลังกึกก้องจนหลายคนไม่กล้าพูดแทรก ครั้นชายวัยกลางคน ที่เพิ่งกินลูกกวาดสำหรับเสริมพลังธาตุไฟเข้าไป เริ่มต้นเดินพลังดูตามคำแนะนำ ฟึ่บ!! พลังธาตุไฟในมือของเขาแข็งแกร่งขึ้นสองส่วนในพริบตา ตามสรรพคุณที่กล่าวมาจริงๆ! “โอ้ พลังธาตุของข้าแข็งแกร่งขึ้นจริงๆด้วย ยอดเยี่ยมจริงๆ แม่หนูเจ้าขายราคาเท่าไหร่ข้าขอเหมาหมด!” ชายวัยกลางคนผู้มีพลังธาตุไฟ รีบควักถุงเงินออกจากมาแหวนยื่นให้รวี่เยว่ “เจ้าจะเหมาหมดคนเดียวได้อย่างไร! ข้าเองก็อยากได้เหมือนกัน” ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้า

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 13 เส้นทางชีวิตใหม่ /1

    บทที่ 13 เส้นทางชีวิตใหม่ /1 เมืองเทียนหวง เมืองหลวงอาณาจักรอู๋ซาง จวนเสนาธิการทหาร จดหมายจากแดนไกลลุกไหม้อยู่ในเตากำยาน กลางโถงรับรองของเรือนฟาหยาง ฮูหยินผู้เฒ่า เหวินกุ้ยเหริน มารดาของหวังเหลียง และมีศักดิ์เป็นป้าของ เหวินไป๋เหลียน ทอดมองหลานสาวคนโปรดที่เกิดจากเหวินไป๋เหลียนอย่างมาดหมาย ปีนี้หวังลู่เสียนอายุเก้าหนาว เด็กหญิงเกิดหลังหวังลี่ถิงเพียงหนึ่งเดือน จากที่เคยเป็นเพียงบุตรีของอนุ เวลานี้เด็กหญิงคือบุตรีของฮูหยินเอกอย่างสมบูรณ์ "เสียนเอ๋อร์ อีกไม่กี่วันเจ้าก็ต้องเดินทางไปสำนักเพลิงจักรพรรดิแล้ว เตรียมตัวพร้อมรึยัง" ผู้เป็นย่าเอ่ยถามด้วยสุ้มเสียงอ่อนโยน หวังลู่เสียนหน้าตาพริ้มเพราตั้งแต่เด็ก ฉายแววว่าจะเติบโตขึ้นเป็นหญิงงามเหมือนมารดา อีกทั้งเปี่ยมด้วยพรสวรรค์ อายุเพียงเก้าหนาวระดับตบะอยู่ที่หนิงชี่ขั้นปลายแล้ว สตรีสายเลือดตระกูลเหวินต่างหากที่สมควรมีชะตาหงส์ ไม่ใช่เด็กอีกคนตามคำทำนายของหอพยากรณ์!! "เสียนเอ๋อร์เตรียมตัวพร้อมแล้วเจ้าค่ะท่านย่า แต่ว่า…เสียนเอ๋อร์ไม่อยากจากท่านย่าไปเลย" เด็กหญิงในชุดผ้าไหมเนื้อดีสีชมพูอ่อนหวาน เอ่ยวาจาฉอเลาะเอาใจหญิงชรา ใบหน้าเล็กถูไ

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 12 การเปลี่ยนแปลง /2

    บทที่ 12 การเปลี่ยนแปลง /2 ในโกดังเก็บสินค้าทางทิศตะวันตกของเมืองลวี่เฟิง ร่างเล็กของเด็กหญิงมีสภาพสะบักสะบอม ถูกจับมัดมือมัดเท้า ปากเล็กมีผ้ายัดไว้ ข้างกายมีชายชุดดำยืนคุมเชิงอยู่สองคน เผยคังก้าวเข้ามาในโกดัง พิศมองเด็กหญิงตรงหน้าด้วยสายตายากคาดเดา "อั่น เอ้าเอือง อ่วย อ้า อ้วย (ท่านเจ้าเมืองช่วยข้าด้วย)" เด็กหญิงส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เมื่อเห็นว่าใครก้าวเข้ามาในโกดัง ใบหน้าเล็กเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา “เอาผ้าอุดปากนางออก” เผยคังสั่งองครักษ์ หลังนั่งลงบนเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้เป็นที่เรียบร้อย ครั้นปราศจากผ้าอุดปาก เด็กหญิงก็รีบส่งเสียงขอความช่วยเหลือจากเจ้าเมืองลวี่เฟิงทันที "ท่านเจ้าเมืองเจ้าคะ ช่วยข้าด้วย มีคนใจร้ายจับข้ามาเจ้าค่ะ" ทว่าคนฟังกลับปรายตามองร่างเล็กอย่างเย็นชา "ข้าคงช่วยอะไรเจ้าไม่ได้หรอกนะแม่หนู เพราะข้าเองก็ได้รับคำสั่งมาอีกที" แววตาของรวี่เยว่เข้มขึ้นเมื่อได้ยินถ้อยคำจากปากเผยคัง นอกจากชายวัยกลางคนตรงหน้ายังมีใครที่ต้องการชีวิตของนางอีกหรือ "มีคนสั่งท่านเจ้าเมืองมาอย่างนั้นหรือเจ้าคะ! ใครหรือเจ้าคะ ไม่แน่ว่าอาจมีการเข้าใจผิดก็เป็นได้…ข้าเป็นแ

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 12 การเปลี่ยนแปลง /1

    บทที่ 12 การเปลี่ยนแปลง /1 ชายชุดดำทั้งสองแทบไม่เชื่อสายตา เด็กหญิงตรงหน้ามีธาตุมืด! หรือแท้จริงแล้ว นางคือเผ่ามนุษย์สายเลือดมารสวรรค์ชั้นสูงของตำหนักเทวาอนธการ!! หากเป็นอย่างที่คิด พูดได้คำเดียวว่า ซวยแล้ว! ซวยทั้งพวกเขาและผู้ว่าจ้าง ในมหาพิภพทงเทียนถึงได้มีคำกล่าวไว้ว่า หาเรื่องใครก็หาไป แต่อย่าริอาจไปหาเรื่องคนตำหนักเทวาอนธการ! และอย่าไปยุยั่วคนตำหนักเทพอนันต์ ขนาดราชวงศ์ของทั้งสี่อาณาจักร ยังไม่มีใครกล้าแตะต้องพวกเขา!!! ความหวาดผวาจู่โจมจิตใจของนักฆ่าที่ยังรอดชีวิต เด็กหญิงตรงหน้าอายุเพียงเก้าหนาว ทว่าระดับตบะสูงถึงเจี๋ยตันขั้นกลาง แต่สิ่งที่น่าหวาดหวั่นกว่า คืออัคคีนิลกาฬในมือของนางต่างหาก!! การถูกช่วงชิงและควบคุมจิตวิญญาณ คือสิ่งที่นักบำเพ็ญเกรงกลัวเป็นที่สุด พวกเขามิอาจไปผุดไปเกิด แต่กลายเป็นวิญญาณรับใช้ของผู้ที่ช่วงชิงออกมาได้ และหากวิญญาณไม่ได้รับการปลดปล่อย ก็จะกลายเป็นทาสรับใช้ไปชั่วกัปชั่วกัลป์…ทรมานยิ่งกว่าตกนรก! “ข้าบอก ข้ายอมบอกแล้ว แต่ได้โปรดอย่าช่วงชิงจิตวิญญาณของข้าเลย” นักฆ่าอีกคนรีบส่งเสียงปากคอสั่น “จะ เจ้าเมืองเผยคังขอรับคุณหนู ที่ว่าจ้างพวกเราให้

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 11 ของขวัญจากอาจารย์ /2

    บทที่ 11 ของขวัญจากอาจารย์ /2 วาจาของเด็กหญิงทำคนฟังขอบตาร้อนผ่าว คุณหนูของพวกนางช่างคนเป็นจิตใจงดงามและกตัญญูอย่างยิ่ง ช่างน่าเสียดายที่รองแม่ทัพเยว่หนิงลี่จากไปเร็วเหลือเกิน หวังว่าวิญญาณของนางที่อยู่บนสวรรค์จะมองเห็นและภูมิใจในตัวบุตรสาว ในขณะที่ทั้งสามกำลังยืนมองร้านที่ปิดประกาศว่าปล่อยให้เช่าอยู่นั้น บุรุษคนหนึ่งซึ่งเคยพบพวกนางอยู่สองสามครั้ง บังเอิญเดินผ่านมาแถวนั้นพอดี เขาจดจำได้อย่างแม่นยำว่าสาวใช้หน้าแฉล้มนางนั้นคือชุนอิ่ง และหญิงวัยกลางคนร่างท้วมที่มีไฝเหนือริมฝีปากด้านซ้ายคือแม่นมชุน ครั้นมองไปยังเด็กหญิงและได้เห็นใบหน้าเล็กของนาง ซึ่งเวลานี้ปราศจากปานสีชาดรูปเปลวเพลิงก็ตกตะลึง ไม่กี่เดือนก่อนตอนที่เขามาส่งจดหมายจากเมืองหลวงให้นาง เด็กหญิงยังดูอัปลักษณ์เพราะปานนั่นอยู่เลย ไยตอนนี้ถึงได้… และในชั่วขณะนั้นเอง "นั่นรวี่เยว่นี่ รวี่เยว่! เจ้านั่นเอง มาทำอะไรตรงนี้หรือ" เด็กหญิงที่ดูอายุมากกว่ารวี่เยว่สองสามปี ก้าวมาหาร่างเล็กอย่างดีใจ นางคือหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันอิสระ ที่ตกรอบไปในรอบที่สาม และนางก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขัน ที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์เดียวกันกับรวี่เยว่ หลัง

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 11 ของขวัญจากอาจารย์ /1

    บทที่ 11 ของขวัญจากอาจารย์ /1 เผยคังบดกรามดังกรอด หันมาตวาดบุตรชายคนเล็กอย่างอย่างฉุนเฉียว "หุบปาก! หากมิใช่เพราะเจ้าพ่ายแพ้คู่แข่งที่ตบะอ่อนด้อยกว่า จนทำให้ตระกูลเผยขายหน้า! มีหรือพี่ชายของเจ้าจะลงมือ! ต่อไปห้ามพูดถึงเรื่องนี้อีก ตั้งใจฝึกฝนให้มากกว่านี้ เข้าใจหรือไม่!" แม้ว่าความจริงตัวเขารู้สึกอับอาย และเจ็บแค้นไม่น้อยไปกว่าบุตรชาย ทว่าจำเป็นต้องอดกลั้น ฝืนกลืนโทสะทั้งหมดลงท้อง ด้วยเพราะผู้ที่ทำร้ายเผยหลงจนบาดเจ็บสาหัส คือคนของไท่จื่อแห่งตำหนักเทพอนันต์ ที่แม้แต่ฮ่องเต้ยังต้องไว้หน้าอยู่หลายส่วน ตัวเขาเป็นเพียงเจ้าเมืองจึงมิอาจล่วงเกินอีกฝ่าย ยิ่งคิดยิ่งแค้นใจจนแทบจะกระอักเลือด! ผู้เป็นบิดาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก้าวมานั่งยังโต๊ะน้ำชากลางห้อง เอ่ยเรียกบุตรชายที่ยืนก้มหน้าเม้มปากแน่นอยู่ข้างมารดา ซึ่งเวลานี้กำลังได้รับการพัดวีจากสาวใช้หลังจากลมจับไปอีกรอบ "หู่เอ๋อร์มานี่ นั่งลง ข้าอยากรู้ว่าเด็กผู้หญิงที่ประลองชนะเจ้าวันนี้ เป็นใครมาจากไหน ใช่ศิษย์ของสำนักกระบี่จันทราหรือเปล่า" "นะ นาง นางเป็นผู้สมัครอิสระจากข้างนอกขอรับท่านพ่อ ส่วนเรื่องที่นางเป็นใครมาจากไหน ลูกเองก็ไม่ทราบ"

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status