บทที่ 41 ครอบครัวว่านกั๋วกง (ตอนปลาย) สุ่ยกงกงหยุดวาจาไว้แค่นั้น ลอบสังเกตปฏิกิริยาของอีกฝ่ายชั่วอึดใจ จากนั้นจึงเอ่ยถ้อยคำที่เหลือ “ท่านอ๋องให้ข้าน้อยแจ้งท่านกั๋วกงว่า อีกสามวันจะทรงจะมีเวลาว่างช่วงเช้าหากท่านกั๋วกงต้องการพบ ก็สามารถมาที่จวนเจ้าเมืองได้ แต่ว่าต้องเป็นก่อนเที่ยงนะขอรับ ท่านอ๋องทรงงานยุ่งมาก" กลุ่มหอการค้าที่ว่ามีหย่งหนานโหว สองพี่น้องตระกูลฟ่านและเถ้าแก่เนี้ยเซียวหนิงชิง พวกเขากำลังปรึกษากันเรื่องงานเลี้ยงวันเกิด ในเดือนหน้าของรุ่ยอ๋องว่าจะจัดในรูปแบบใดดี ส่วนที่บอกว่าต้องมาพบก่อนช่วงเที่ยง เป็นเพราะซวินเหิงเยว่ต้องไปกินอาหารฝีมือคนรักทุกวัน เขาไม่ชอบให้ใครมารบกวนเวลากินข้าว ลูกน้องทุกคนต่างรู้ดี ว่ายามที่รุ่ยอ๋องยามโมโหหิวน่ากลัวแค่ไหน!! ว่านกั๋วกงสีหน้าบึ้งตึง สะบัดแขนเสื้อกล่าวกับสุ่ยกงกงด้วยความไม่พอใจ ก่อนหมุนตัวก้าวขึ้นรถม้า "ได้! อีกสามวันข้าจะไปพบท่านอ๋อง กงกงช่วยแจ้งให้ด้วย!” "แต่ว่าท่านพี่เจ้าคะ พวกเรา…" เอ่ยได้เพียงเท่านั้นจิ้งซื่อก็เงียบปาก ยามได้เห็นสายตาของสามี บุตรชายคนรองที่นั่งรถม้าคันเดียวกับบิดามารดา ปิดผ้าม่านลงหลังจากบิดาก้าวกลับเข้ามา
บทที่ 41 ครอบครัวว่านกั๋วกง (ตอนต้น), แววตาของซวินเหิงเยว่เข้มขึ้น พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ เขาหันไปสบตากับจ้าวหลิวเหว่ย ทั้งสองสื่อสารกันผ่านทางสายตา เซียวหนิงชิงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ จึงกระซิบถามคนรักด้วยความเป็นห่วง “มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าเพคะ” ทว่าอ๋องหนุ่มกลับทำเพียงส่ายหน้าน้อยๆ แย้มรอยยิ้มอ่อนโยนกลับมาเป็นคำตอบแทน คนถามเลยไม่เซ้าซี้ต่อ หากเขาอยากบอกก็คงเอ่ยขึ้นมาเองทีหลัง งานเลี้ยงเปิดร้านเล่อไฉ่เฟิ่งผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แขกทุกคนล้วนมีสีหน้าแช่มชื่น ลูกพี่ลูกน้องอย่างมู่อวี๋ฉิง เวลานี้ทำงานเป็นเสี่ยวเอ้อร์คอยดูแลลูกค้าสตรีโดยเฉพาะ เด็กสาวร้องขอให้เซียวหนิงชิงมอบงานให้นางทำ นางไม่ต้องการอยู่เฉยๆ แต่อยากทำงานตอบแทนบุญคุณครอบครัวสกุลเซียว ทางด้านมู่อวิ๋นและมู่อวิ๋นเทา ครั้นทราบว่าก่วงเทียนอนุญาตให้คนสกุลเซียวพาตัวมู่อวี๋ฉิงไปก็เดือดดาล สองพ่อลูกเลยไปโวยวายกับหัวหน้าหมู่บ้านอย่างคนไร้ความคิด สุดท้ายเลยถูกมือปราบจากศาลอำเภอเวินเก๋อควบคุมตัวไปสอบสวน นายอำเภอตัดสินลงโทษโบยพวกเขาตามกฎ อีกทั้งข่มขู่ไว้ว่า หากกล้าไปวุ่นวายกับมู่อวี๋ฉิงและคนสกุลเซียว ทางการจะจับพวกเขา
บทที่ 40 ชีวิตใหม่ (ตอนปลาย) ในวันที่เถ้าแก่เฮ่อหมดสัญญาเช่า และเตรียมย้ายกลับไปอยู่บ้านที่ต่างเมือง เซียวหนิงชิงเข้าครัวทำอาหารเลี้ยงส่งเขาด้วยตนเอง เพื่อแสดงความขอบคุณเถ้าแก่เฮ่อและพ่อครัวใหญ่ ที่มีน้ำใจกับนางตั้งแต่วันแรกที่ได้พบ ส่วนลูกจ้างคนอื่นๆเช่นหลงจู๊ เสี่ยวเอ้อร์ รวมถึงผู้ช่วยในครัวทุกคน เซียวหนิงชิงได้เจรจาเรื่องที่นางต้องการจะจ้างพวกเขาให้ทำงานด้วยต่อกันไว้ล่วงหน้าแล้ว ลูกจ้างเหล่านั้นล้วนยินดีเพราะไม่ต้องไปหางานใหม่ให้วุ่นวาย อีกทั้งค่าจ้างก็ไม่ต่างจากเดิมมาก เถ้าแก่เนี้ยสัญญาว่า หากกิจการไปได้ดีพวกเขาจะได้ขึ้นค่าจ้างอย่างแน่นอน!! มีเพียงสามคนที่ย้ายตามเถ้าแก่เฮ่อกลับไป เพราะมาจากเมืองเดียวกันและเพราะอายุที่มากขึ้น ซึ่งเซียวหนิงชิงก็มิได้คัดค้าน การปรับปรุงร้านใหม่ซึ่งมีฟ่านจงเหยียนเป็นผู้รับผิดชอบดูแล เสร็จก่อนกำหนดที่ตั้งไว้หลายวัน ในที่สุดวันฤกษ์งามยามดีเปิดร้าน เล่อไฉ่เฟิ่ง อย่างเป็นทางการก็มาถึง ครอบครัวสกุลเซียวทุกคนแต่งกายด้วยชุดสีแดงเพื่อความเป็นศิริมงคล ไม่เว้นแม้แต่แม่ไก่ทั้งสาม ที่วันนี้มีผ้าสีแดงผูกที่คอเป็นเครื่องประดับ สุ่ยกงกงเอ็นดูแม่ไก่ทั้ง
บทที่ 40 ชีวิตใหม่ (ตอนต้น) เซียวหนิงชิงหิ้วผ้าไปตากบริเวณข้างบ้าน ซึ่งแดดกำลังส่องโดยมีเจ้าหัวผักกาดน้อยสองหัวเป็นลูกมือ เซียวเฟิงกำลังเตรียมกรงสำหรับแม่ไก่แต่ละตัว จูเอ๋อร์ จีเอ๋อร์ และจื่อเอ๋อร์ ยืนห้อมล้อมชายหนุ่มด้วยความสนใจใคร่รู้ พวกมันชะโงกหน้ามาดูว่าท่านพ่อของบ้านกำลังทำสิ่งใด "พรุ่งนี้พวกเราต้องย้ายบ้านกันแล้วนะ พวกเจ้าทั้งสามตัวก็อย่าอาละวาดระหว่างเดินทางล่ะ ในเมืองผู้คนมากมาย ทำตัวสงบเสงี่ยมหน่อย หากเสียงดังขึ้นมาพวกทหารมาจับพวกเจ้าไปข้าไม่รู้ด้วยนะ" แม่ไก่ทั้งสามเอียงคอฟังท่านพ่ออย่างตั้งใจพลางผงกหัวหงึกๆรับคำ เป็นเชิงสัญญาว่าพวกมันจะเชื่อฟังคำของท่านพ่อ "เด็กดี พวกเจ้าช่างฉลาดกันจริงๆ" เซียวเฟิงยกมือลูบหัวแม่ไก่ทั้งสามด้วยความเอ็นดู เขารักพวกมันเหมือนลูกแท้ๆ ยามกลับมาบ้านหลังขายของ ต้องรีบวิ่งไปดูที่หลังบ้านว่าแม่ไก่ทั้งสามยังปลอดภัยดีอยู่เปล่า เซียวหนิงชิงและน้องทั้งสองหัวเราะคิกคัก เมื่อเห็นว่าบิดาของตนคุยกับแม่ไก่มิต่างกัน 'ท่านพ่อช่างเป็นคนจิตใจดีจริงๆ หากใจดีเกินไปก็มักถูกผู้อื่นรังแกหรือเอาเปรียบอยู่เสมอ เห็นทีข้าต้องเตือนเขาเสียหน่อยว่าต้องหัดใจแข็งไว้
บทที่ 39 สะสางบัญชีแค้น (ตอนปลาย) "อย่าพยายามหน่อยเลย พวกเจ้าไม่มีวันกลับออกไปจากป่าแห่งนี้ได้อีกแล้ว แหม ยิงทีเดียวได้นกสองตัวเป็นแบบนี้เองสินะ" สีหน้าของทั้งเผยปินและฉวนซื่อเต็มไปด้วยความตื่นกลัว ยามได้เสียงเยียบเย็นของหญิงสาวที่ลอยมาตามลม ฝีเท้าของมัจจุราชในร่างโฉมงามก้าวเข้ามาใกล้ พลางกดปุ่มที่สร้อยคอและเข็ดขัด เซียวหนิงชิงในชุดสีดำแปลกตาปรากฏต่อหน้าชายโฉดหญิงชั่ว "ท่านป้าสะใภ้ ข้าอุตส่าห์ไม่บอกใครเรื่องของท่าน แต่ท่านก็ไม่คิดจะกลับตัวกลับใจ ยังคงทำชั่วต่อไม่เลิก สมควรตายแล้วเจ้าค่ะ ส่วนเจ้า! กล้าเอาไม้ฟาดหัวข้า สารเลว!!!" ผลัวะ!!!!! เซียวหนิงชิงแสยะยิ้มหวดเต็มวงสวิง นางเอาคืนแบบเดียวกันด้วยไม้เบสบอล ฟาดมาฟาดกลับไม่โกง!! "สบายใจได้เอาคืนแล้ว ต่อไปก็ถึงเวลาส่งชายโฉดอย่างเจ้าไปลงนรกล่ะนะ" ฟิ้ว! เสียงปืนเลเซอร์ดังขึ้นเบาๆ ตามมาด้วยกลิ่นไหม้ หน้าผากของเผยปินเป็นรูโบ๋ สิ้นใจทั้งที่ดวงตายังเบิกโพลง ฉวนซื่อตกใจสติแตกเตรียมอ้าปากกรีดร้อง ทว่าถูกฝ่าเท้าของเซียวหนิงชิงอุดปากเสียก่อน อีกทั้งมิอาจขยับร่างกายส่วนอื่นได้ เพราะกระดูกสันหลังถูกทำลายจากปืนเลเซอร์ที่ยิงมาครั้งแรก "ช
บทที่ 39 สะสางบัญชีแค้น (ตอนต้น) อากาศยามเช้าในวันนี้ ไม่ได้อบอ้าวดั่งเช่นที่ผ่านมา เสียงไก่ขันรับรุ่งอรุณของวันใหม่ ปลุกชาวบ้านหมู่บ้านเต๋อถังให้ตื่นจากนิทรา หลายคนเตรียมของไปขายในเมือง หลายคนแบกจอบแบกเสียมมุ่งสู่ไร่นาของตนดังเช่นทุกวัน ฉวนซื่อเวลานี้ผิวคล้ำขึ้นเยอะจากการไปทำไร่ เดินแบกตะกร้าผ้าเตรียมไปซักที่แม่น้ำตามปกติ นางปล่อยให้มู่อวี๋ฉิงได้นอนพักผ่อนนานขึ้นในวันนี้ จึงมิได้ปลุกบุตรสาวคนเล็กให้มาช่วยซักผ้า เซียวหนิงชิงเองก็นำผ้าไปซักที่ริมแม่น้ำเช่นกัน โดยขอให้มารดาช่วยเตรียมอาหารให้ทุกคนแทนนาง หญิงชาวบ้านหลายคนเห็นหญิงสาว จึงเอ่ยถามเรื่องที่สกุลเซียวกำลังจะย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง ครั้นฉวนซื่อที่มาถึงพอดี ได้ยินบทสนทนาเข้า จึงวางตะกร้าและรุดมาถามไถ่ด้วยความใคร่รู้ นางลอบมองเซียวหนิงชิงที่งดงามขึ้นจนผิดหูผิดตา ร่างกายที่เคยผ่ายผอมกลับมีน้ำมีนวลกำลังดี ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่งไม่ซีดเหลืองดังแต่ก่อน เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ดูดีไม่เก่าซีด ผิดกับนางและบุตรสาวคนเล็กในเวลานี้ ราวกับว่าพวกนางแม่ลูก สลับที่กับเซียวหนิงชิงและซูซื่อกันอย่างไรอย่างนั้น ดูท่าว่าข่าวลือเรื่องที่อดีตสกุลมู่บ้า