ในหอพักนักศึกษาหญิงของมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านรังสิต เธอกำลังกวาดสายตาอ่านบรรทัดสุดท้ายของ นวนิยายจีนโบราณออนไลน์เรื่อง ‘บ่วงนางหงส์’ ในไอแพดด้วยกิริยาหน้านิ่วคิ้วขมวด
“สวีเจียงหลัวถูกฝังทั้งเป็น...ไป๋อี้เฉินครองบัลลังก์ปกครองต้าหรงกับยัยนางเอกเจ้ามารยาแบบเจียงหลีอย่างราบรื่นทั้งที่เด็กในท้องคือลูกของพระร้าย...จบ”
เรียวปากเล็กพึมพำฉากจบอีกครั้ง ก่อนใบหน้างามจะบิดเบี้ยวไม่ชวนมองสักนิด
“จบ...จบเชี่ยอะไรกัน! พระเอกฆ่าเมียพร้อมลูกตัวเองแท้ๆ แล้วเลี้ยงลูกชู้ตัวจริงเนี่ยนะ ไม่สมเหตุสมผลที่สุด!!!”
อรรัมภาหรือที่เพื่อน ๆ เรียกว่า ไอ้รัม ทิ้งไอแพดลงที่นอนด้วยท่าทางราวจะบ้าคลั่ง สองมือยกขึ้นขยี้ผมตัวเองในขณะที่ดวงตาคู่สวยมีน้ำตาแทบไหลซึม ไม่ใช่เพราะซาบซึ้ง แต่เพราะอารมณ์โกรธแค้นในความชั่วร้ายที่พระเอกนางเอกของเรื่องได้ลงเอยอย่างแฮปปี้ ทั้งที่นางร้ายกับครอบครัวพร้อมลูกในท้องโดนฝังทั้งเป็นแบบโคตรจะอนาถ!
“หึ! ยัยคนแต่ง! นี่แกเป็นนักเขียนโรคจิตใช่ไหม!!”
เสียงด่าทอดังก้องไปทั่วห้องพัก ยังดีว่ารูมเมทของเธอยังคงไม่กลับมาไม่อย่างนั้นเธอคงโดนมันด่าอีกแน่ที่เอาแต่หมกมุ่นกับสามีทิพย์ในนิยายเกินไปอีกแน่นอน
“ฉันหรืออุตส่าห์รีบอ่าน ขนาดมีรายงานต้องส่งอาจารย์ในอีก3 วันแท้ๆ ฉันยังวางเอาไว้ก่อน วันนี้มีรับน้องฉันก็แอบโดดแล้วดูสิ ยัยนักเขียนโรคจิตนั่นกับเขียนตอนจบมาแบบนี้ ฉันจะเครซี่!”
เพราะพอเมื่อคืนพอแจ้งเตือนว่า e-book ออกใหม่เป็นนิยายของนักเขียนที่ตนเองติดตามและเป็นนิยายเรื่องเพรียวนางหงส์หญิงสาวก็ไม่รอช้ารีบจ่ายเงินซื้อทันที เพราะลุ้นมาตลอดว่าสุดท้ายตอนจบ สวีเจียงหลัวจะตาสว่างแล้ว ฆ่าทั้งไอ้พระเอกเฮงซวย กับยัยน้องสาวเจ้ามารยาจากนั้นตัวเองก็กลายเป็นไทเฮา เลี้ยงลูกสวยๆ ใครจะคิดจุดจบจะหักมุมได้ขนาดนี้ ไหนละบ่วงนางหงส์ที่ว่า บ่วงนางหงส์ที่เธอคิดกับที่นักเขียนวางพล็อตเอาไว้ดูทรงจะเป็นละความหมาย ยิ่งคิด อรรัมภาก็ยิ่งด่าทอผู้เขียนต่อไปด้วยความโกรธแค้น
“ยัยนักเขียนโรคจิต เขียนพระเอกได้สารเลว! ชั่วช้า! สันดานอัปรีย์! ไหนคำโปรยเอ่ยถึงสวีเจียงเพรียวแล้วยังเคยบอกว่าสวีเจียงหลัวเป็นลูกรักของนักเขียนที่สุดไง ที่ไหนได้ยัยนักเขียนตัวแสบเธอดันมาฆ่าลูกรักตัวเองตอนจบได้!”
เธอพ่นลมหายใจฟึดฟัด โมโหยัยนักเขียนโรคจิตจนด่าทอบรรพบุรุษอีกฝ่ายไปสิบแปดรุ่นได้ ด่าไปด่ามาเลยคอแห้งต้องหยิบขวดน้ำขึ้นกระดกทีเดียวครึ่งขวด ก่อนขยำผ้าขนหนูบนหัวลงมาเช็ดหน้าปาดเหงื่อแล้วถอดแว่นกลมที่เลื่อนหล่นมาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้
“แล้วอะไร...นางเอกใสซื่อ น่าสงสาร โอ๊ย! น่าสงสารพ่อง!”
อรรัมภายื่นมือไปหยิบมือถือ เปิดเรตติ้งในเว็บรีวิวทันที กวาดตาดูคะแนนหัวใจสีแดงห้าดวงเรียงพรืดพร้อมคอมเมนต์อวย
‘น้ำตาไหล พระเอกนางเอกสมกันที่สุด! และสะใจมาก นางร้ายได้ชดใช้กรรมที่เคยหลอกพระร้ายแบบไป๋อี้หาน!’ คอมเมนต์บนสุดว่าอย่านั้น
“สมกัน ใช่พระเอกนางเอกคือสมกันมาก สมกันอย่างกับผีเน่าโลงผุ! แล้วมาสะใจอะไรก่อน สะใจที่นางร้ายต้องตาย พวกเธอลืมอะไรไปไหม เจียงหลัวท้องอยู่นะ ไร้ศีลธรรมที่สุด!”
อรรัมภาถึงจะเป็นคนรุ่นใหม่ แต่การนอกใจ และฆ่าลูกในไส้แบบนี้เธอค่อนข้างรับไม่ได้อย่างแรง แค่แต่งทั้งพี่และน้องตอนที่เธออ่านมาได้ครึ่งเรื่องก็เหลือรับแล้วนะ แต่ตอนจบแบบนี้นักอ่านพันธุ์แท้แบบเธอรับไม่ได้!
‘พระเอกคนดี รักมั่นที่สุด!’
“เวรเถอะ! รักมั่นกับผีนะสิ! เลือกเมียน้อยที่มาทีหลังไม่พอยัง ฆ่าเมียตัวเองพร้อมกับลูกด้วยวิธีฝังทั้งเป็นเนี่ยน่ะนะ! แล้วอะไรคือรักมั่นคง ถ้ามั่นคงจริง ต้องเลือกเจียงหลัวสิ ไม่ใช่เลือกแม่ดอกบัวขาวเจียงหลี!”
และยังอีกมากมายที่อวยทั้งนักเขียนและพระเอกนางเอก แต่กลับสาปแช่งนางร้ายเช่นสวีเจียงหลัว อรรัมภา โกรธนักเขียนนะ อยากไปเมนต์ด่าระบายอารมณ์ แต่คิดไม่คิดมา เธอมันพวกมีอารยธรรม ตนเองไม่ถูกใจก็ไม่ใช่ความผิดของนักเขียน นักศึกษาสาวจึงแค่กดให้หัวใจห้าดวงแต่ไม่รีวิวอะไรทั้งนั้น
เธอเคืองอยู่!
แต่เคืองก็ส่วนหนึ่งเธอไม่ถูกใจตอนจบ ก็อีกเรื่องการไปคอมเมนต์ด่าทอหรือหักคะแนนหัวใจนักเขียนเธอไม่ทำเด็ดขาด เพราะคนเราความคิดเห็นต่างกันได้ไม่มีใครผิดใครถูก แต่เธอขัดใจไง!
“จบอะไรแบบนี้กันนะคุณนักเขียน! พระเอกฆ่าเมียกับลูกแท้ๆ เพราะระแวงกลัวเมียจะทรยศ คนแบบเจียงหลัวเนี่ยนะ จะทรยศรักอีพระเอกจนยอมทุกอย่างขนาดนั้น ส่วนเจียงหลีนอกจากเสียสละตัวเองยอมไปนอนกับตัวร้ายจนตั้งท้องก็ไม่เคยช่วยเหลืออะไรกลับยอมรับได้เฉย แต่ไม่ยอมรับลูกแท้ๆ โคตรไม่สมเหตุสมผล!”
ขณะนั้นเองเสียงไขและเปิดประตูห้องก็ดังแกรกขึ้น “อ้าว ไอ้รัมแกเป็นอะไร หน้าตาเหมือนคนโดนผัวนอกใจ”
เพียงจันทร์ เพื่อนร่วมห้องและร่วมคณะ กลับมาจากข้างนอกเห็นอรรัมภานั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดจึงอดใส่ใจไม่ได้
“ฉันไม่เคยมีแฟน จะเอาผัวที่ไหนมานอกใจ” ตอบแล้วอรรัมภาก็เบะปากมองบน
“ฉันไม่ได้หมายถึงผัวในชีวิตจริง คนแบบแกก็ต้องผัวทิพย์ ผัวในซีรีส์ ผัวในโลกนิยายอยู่แล้วสิ ว่าไง ผัวคนล่าสุดนอกใจเหรอ” เพียงจันทร์ถามอย่างรู้จักอรรัมภาดี
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ แต่เรื่องนี้แต่แรกฉันก็ไม่ได้เชียร์ไอ้พระเอกธงแดงอยู่แล้วที่รู้สึกเหมือนถูกหักหลังคงเป็นนักเขียนมากว่าน่ะแก่”
“ทำไมเหรอรัม?”
“ก็นิยายมันชื่อเรื่อง ‘บ่วงนางหงส์’ใช่ไหม และตลอดเรื่องสวีเจียงหลัวก็เป็นตัวเอกชูโรงมาตลอด นางเก่ง เฉลียวฉลาดมาก แล้วบทพระเอกก็มักพึ่งพาเจียงหลัวทุกสถานการณ์ แถมช่วงกลางเรื่อง อีพระเอกมันยังรับน้องสาวของเจียงหลัวเป็นพระชายารองอีกฉันเลยไม่ชอบมัน”
“เออ สมควรหมั่นไส้จริง เอาน้องเมียมาทำเมียอีกคนถ้าเป็นสมัย70ปีก่อนคงไม่แปลกแต่นี่มันปี2025แล้วไหม ทำไมถึงนักเขียนถึงให้บทนี้กับพระเอกวะ”
“ใช่ไหมล่ะ! แต่เห็นว่าแนวผัวชั่วมันขายดี คนเขียนเลยเขียนให้มันชั่วสุดทาง แต่ฉันก็ดันคาดหวัง ว่าตอนจบเจียงหลัวจะตาสว่าง จัดการพวกมัน แล้วอยู่สวยๆ กับลูกหรือหาสามีใหม่อะไรแบบนี้เพราะนางเก่งและฉลาดจะเป็นฮ่องเต้หญิงยังได้ แต่สุดท้ายดันตายอนาถ...โคตรจะนอยด์!”
เพียงจันทร์หัวเราะเบาๆ
“เออๆ เลิกนอยด์ก่อน วันนี้ฉันร่วมกิจกรรมรับน้องแทนแกไปแล้ว แต่คืนนี้แกหนีงานเลี้ยงไม่ได้นะ ไอ้รัม!”
อรรัมภาแค่นเสียงในลำคอ ดวงตาแดงก่ำเพราะทั้งโกรธทั้งเคือง แต่วันนี้เธอก็แอบกินแรงเพื่อนสาวคนสนิทจริง อาศัยที่เพียงจันทร์กำลังคุยๆ กับรุ่นพี่วันนี้เพราะไม่มีเรียน เธอจึงโดดกิจกรรมรับน้องแล้วให้เพื่อนลากับรุ่นพี่บอกว่าเธอป่วยแต่ความจริงเธอแค่อยากหยุดอยู่หอพักอ่านนิยายเท่านั้นเอง
“เฮ้อ! ขอฉันด่านักเขียนกับไอ้พระเอกเฮงซวยนี่อีกสิบประโยคได้ไหมแก”
“ไม่ต้องแล้ว แกคงนั่งด่ามาทั้งชั่วโมงแล้ว” เพียงจันทร์ถอนหายใจระอาคนยังไม่ยอมมูฟออนออกจากนิยายที่อ่านจบไปแล้ว
“คืนนี้แกต้องไปนะ ฉันขี้เกียจเป็นคนโกหกกับรุ่นพี่แล้ว”
“รู้แล้วน่า โอ๊ย! แต่ฉันยังโมโหอยู่เลยว่ะ”
“โมโหอะไรก็เก็บไว้ในใจ รีบไปอาบน้ำเลยไปอาบน้ำให้ใจเย็นไง หรือหากยังไม่เย็นแกก็กินเบียร์ล้างแค้นเอาดีไหม”
“เออ! อย่างนั้นคืนนี้ฉันต้องดื่มให้สาแก่ใจ จะได้เมาจนลืมตอนจบของยัยนักเขียนโรคจิตนั่นไปเสียที”
เสียงเพียงจันทร์หัวเราะออกมาเสียงพลิ้ว ก่อนจะเอ่ยเหน็บแนมแม่เพื่อนตัวดีของตนเองไปเล็กน้อย
“แกนี่มันจริงๆ เลยไอ้รัม จะโกรธอะไรขนาดนั้น”
“แกไม่ใช่สายนิยายจะไปเข้าใจอะไร!” อรรัมภาพูดแค่นั้นก็หายเข้าไปอาบน้ำ ก่อนจะกลับออกมาแล้วเพียงจันทร์ก็เข้าไปใช้ต่อ
ตอนที่๒||เมื่อสวรรค์ทอดทิ้งข้าแต่พญายมกลับเห็นใจลมหายใจเฮือกสุดท้ายของ ‘นางสาวอรรัมภา จิตพิสุทธิ์’ สิ้นสุดลงพร้อมกับจิตสุดท้ายที่น้อยอกน้อยใจสวรรค์ความมืดกลืนกินทุกสรรพสิ่ง โลกของนักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ปีที่2 เงียบงันจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใดคล้ายกับหญิงสาวตกลงไปอยู่ในห้วงอวกาศ กว้างใหญ่แต่ว่างเปล่า ทว่าไม่หนาวเหน็บกัดลึกเข้ากระดูกดังที่เคยได้ยินได้ฟังมา กลับอบอุ่นกำลังสบาย แต่รอบข้างมีแค่ความเงียบงันไม่มีแม้แต่เสียงของลมพัดหวีดหวิวและในห้วงว่างนั้นเองกลับมีเสียงหนึ่งก็ดังก้องขึ้นในห้วงคำนึงของวิญญาณสาว“เจ้า…ช่างเป็นคนประหลาดนัก…มีแต่ผู้คนขอพรจากสวรรค์ แต่เจ้ากลับใฝ่หานรก…ครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่ข้าก็ชอบนะ…เพราะคนเช่นเจ้ายากนักจะหาเจอในหนึ่งหมื่นปี”เสียงนั้นหนักแน่น เหมือนสะท้อนออกมาจากใต้ดินหมื่นฟุต อรรัมภาลืมตาขึ้นช้า ๆ พบว่าตัวเองยืนอยู่กลางลานกว้างมิได้มืดมิดทว่าก็มิได้สว่างไสว คงเพราะรอบกายมีหมอกสีเทาลอยอ้อยอิ่งอยู่เต็มไปหมดก็เป็นได้ตรงหน้าคือร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสากลดำยี่ห้อดัง ใบหน้าขาวราวกับหยก แต่เครื่องหน้าของเขากลับคมเข้มโดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นทั้งว่างเปล่าและมืด
ใช้เวลาราวชั่วโมงเศษพวกเธอก็ลงจากห้องพัก เดินฝ่าลมร้อนตอนหัวค่ำตรงไปยังหน้ามหาวิทยาลัยแล้วเรียกรถไปยังร้านที่นัดกับพวกรุ่นพี่เอาไว้พอถึงร้านประจำที่รุ่นพี่ชอบนัดรวมตัว อรรัมภา ไปทักทายทั้งเพื่อนร่วมคณะและรุ่นพี่จนครบจึงปลีกตัวมาทรุดนั่งมุมสุดที่ประจำตามประสาพวกโลกส่วนตัวสูงแต่จำเป็นต้องเข้าสังคมบ้าง ขณะเพื่อนคนอื่นส่งแก้วเบียร์มาให้ เธอถอนใจรับไปดื่มเงียบ ๆ เช่นเดิมปล่อยให้ทุกคนสนุกสนานกันไปส่วนเธอชอบเฝ้าโต๊ะนังมองมากกว่าให้ตาย...ฉันนี่มันโง่เองที่คาดหวังตอนจบดี ๆ ...พอดื่มไปหลายแก้วและไม่มีใครมารบกวน ความคิดของอรรัมภากลับหวนไปถึงชีวิตรันทดของสวีเจียงหลัวอีกครั้งเจียงหลัวของฉัน...ถ้าฉันอยู่ในเรื่อง...ฉันจะลากไอ้พระเอกกับนางเอกลงนรกช่วยเธอเอง!“เฮ้ย ไอ้รัม ไม่ออกไปเต้นเหรอวะ!” เสียงเพื่อนเรียก แต่เธอไม่ตอบ เพียงยกแก้วขึ้นซดจนหมดกระทั่งใกล้เที่ยงคืน เสียงเพลงเริ่มเบาลง ผู้คนทยอยกลับ เพียงจันทร์บอกเสียงอ้อแอ้เล็กน้อย “ฉันจะไปต่อกับรุ่นพี่เพรียวนะ แกกลับหอคนเดียวได้ใช่ไหม?”“ได้...เดี๋ยวจะแวะกินก๋วยเตี๋ยวแถวหอก่อนกลับ แกเองก็ระวังด้วยล่ะอย่าหลงคนหล่อจนลืมรักตัวเองนะเว้ย”“เออ! ฉันไม่
ในหอพักนักศึกษาหญิงของมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านรังสิต เธอกำลังกวาดสายตาอ่านบรรทัดสุดท้ายของ นวนิยายจีนโบราณออนไลน์เรื่อง ‘บ่วงนางหงส์’ ในไอแพดด้วยกิริยาหน้านิ่วคิ้วขมวด“สวีเจียงหลัวถูกฝังทั้งเป็น...ไป๋อี้เฉินครองบัลลังก์ปกครองต้าหรงกับยัยนางเอกเจ้ามารยาแบบเจียงหลีอย่างราบรื่นทั้งที่เด็กในท้องคือลูกของพระร้าย...จบ”เรียวปากเล็กพึมพำฉากจบอีกครั้ง ก่อนใบหน้างามจะบิดเบี้ยวไม่ชวนมองสักนิด“จบ...จบเชี่ยอะไรกัน! พระเอกฆ่าเมียพร้อมลูกตัวเองแท้ๆ แล้วเลี้ยงลูกชู้ตัวจริงเนี่ยนะ ไม่สมเหตุสมผลที่สุด!!!”อรรัมภาหรือที่เพื่อน ๆ เรียกว่า ไอ้รัม ทิ้งไอแพดลงที่นอนด้วยท่าทางราวจะบ้าคลั่ง สองมือยกขึ้นขยี้ผมตัวเองในขณะที่ดวงตาคู่สวยมีน้ำตาแทบไหลซึม ไม่ใช่เพราะซาบซึ้ง แต่เพราะอารมณ์โกรธแค้นในความชั่วร้ายที่พระเอกนางเอกของเรื่องได้ลงเอยอย่างแฮปปี้ ทั้งที่นางร้ายกับครอบครัวพร้อมลูกในท้องโดนฝังทั้งเป็นแบบโคตรจะอนาถ!“หึ! ยัยคนแต่ง! นี่แกเป็นนักเขียนโรคจิตใช่ไหม!!”เสียงด่าทอดังก้องไปทั่วห้องพัก ยังดีว่ารูมเมทของเธอยังคงไม่กลับมาไม่อย่างนั้นเธอคงโดนมันด่าอีกแน่ที่เอาแต่หมกมุ่นกับสามีทิพย์ในนิยายเกินไปอีกแน่นอน“
แถมออกไปแล้วนางก็หัวเราะทั้งน้ำตา เสียงหัวเราะแผ่วต่ำปนเศร้าและแค้นเคือง“หุบปากของเจ้าเสียเจียงหลัว อย่ามาใส่ร้ายฮองเฮาของเจิ้น!”“ใส่ร้าย?! ไป๋อี้เฉิน แต่ต้นจนจบล้วนเป็นท่านที่ใส่ร้ายป้ายสีคนไปทั่วกลับผิดเป็นถูกกลับขาวเป็นดำ ไอ้ตัวบัดซบ!” สวีเจียงหลัวกรีดร้องด่าทอออกมาด้วยความคับแค้นใจยิ่ง“เพราะข้ารักท่านจึงยอมทำสิ่ง และเพราะวางใจเจ้าข้าจึงมีวันนี้ พวกเจ้ามันหญิงร้ายชายชั่ว!”เผียะ!เพียงประโยคด่าทอจบลงใบหน้างามก็สะบัดตามแรงตบของบุรุษที่สวีเจียงหลัวรักเขาสุดจิตสุดใจ นางหันกลับมาปรายตามองไป๋อี้เฉินที่ยังคงเยียบเย็นดั่งภูผาน้ำแข็งทั้งที่เขาเพิ่งจะตบหน้าสตรีเช่นนางจนลำคอแทบหัก!“เจ้ามันต่ำช้า ไม่ใช่คน เด็กในครรภ์ของข้านี้ คือเลือดเนื้อตนเองเจ้าย่อมซาบซึ้งเกินกว่าผู้ใดไป๋อี้เฉิน!”กล่าวแล้วนางก็ยกมือกุมที่หน้าท้องตนเองตามสัญชาตญาณของมารดาปกป้องบุตร ถึงนางจะตั้งครรภ์ได้เพียงสองเดือนเศษก็ตามแต่กลับผูกพันกับสายเลือดในอุทรตนเองอย่างยิ่งซึ่งผิดกับบิดาของเขาโดยชิ้นเชิง เพราะนอกจากไป๋อี้เฉินจะไม่รักลูกเขายังคิดสังหารไปพร้อมกับนางอีกด้วยเขามันไม่ใช่คน!“เป็นเพราะนางหรือ เจ้าจึงวางแผนป้ายสีข้า
ลมฝนห่าใหญ่พัดเกรียวกราว เปลวคบเพลิงที่ทหารองครักษ์นับสิบถืออยู่ไหวเอนแทบจะมอดดับ ทว่าแม้ไฟจะอ่อนแรงริบหรี่ สายตาของผู้คนในบริเวณนี้ก็ยังเห็นโลงศพไม้เนื้อดีตั้งตระหง่านกลางลานกว้าง ของเขตสุสานไร้ญาตินอกเมืองหลวงของต้าหรงราวเจ็ดสิบลี้อันรกร้างอยู่ดีนอกจากองครักษ์ยังมีทหารในเกราะดำเรียงแถวรอบข้าง พลางจับด้ามดาบแน่น แต่พวกเขาล้วนเงียบงันจนได้ยินเสียงหายใจสั่นระคนสะอื้นของสตรีสูงศักดิ์ผู้หนึ่งสตรีสูงศักดิ์นาม‘สวีเจียงหลัว’ถูกบังคับให้นั่งคุกเข่า ชุดอาภรณ์สีแดงดุจโลหิตถูกดึงทึ้งจนหลุดลุ่ย ผมยาวสลวยพันกันยุ่งเหยิง แต่กลับมิอาจกลบฝังความสง่างามที่นางมีติดกายมาแต่กำเนิด นางเงยหน้ามองบุรุษผู้เคยเป็นสวามีนาม ไป๋อี้เฉิน ที่ยืนตรงหน้าขณะนี้ สายตาของเขาที่ทอดมองลงมายังนางเย็นเยียบประดุจธารน้ำแข็ง“เจียงหลัว...” เสียงของเขาเอื้อนเอ่ยอย่างแผ่วเบา หากแฝงความเด็ดขาดและอำมหิตยิ่งนัก“เจ้าทำให้เจิ้นอับอายทั้งใต้หล้าไม่พอยังคิดลอบสังหารฮองเฮาที่กำลังอุ้มครรภ์มังกร เจ้าคิดว่าเจิ้นจะให้โอกาสเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่าอีกหรือ”“ฝ่าบาทกล่าวอันใดเพคะ หม่อมฉันไม่เข้าใจ” สวีเจียงหลัวกล่าวออกมาอย่างไม่รู้จริงๆ ว่าส