LOGINนายหัวหิรัญมองดูยุวดาเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยไม่ละสายตาเลยสักนิด ยุวดาหงุดหงิด นี่เขาจะมองอะไรกันนักกันหนา ตาแทบถลนออกมาแล้วนะ
"มองอะไร!"หล่อนแหวใส่..หิรัญไม่สนใจทำเพียงไหวไหล่น้อยๆ เท่านั้น แต่ตายังคงจ้องมองเธอไม่ลดละ"ทำไม..ผมมองเมียตัวเองไม่ได้หรือไง ผิดตรงไหนไม่ทราบ""คุณหิรัญ!" หล่อนตาขวางเขาจ้องมองเธอตั้งแต่บนลงล่าง ล่างขึ้นบนอยู่อย่างนั้น "แต่งตัวเสร็จก็ไปล้างจานซะ อย่าให้ผมต้องผลักคุณลงน้ำอีกครั้งยุวดา"ยุวดาได้ยินอย่างนั้นหล่อนทำหน้างอง้ำ เบะปากสะบัดบ๊อบใส่นายหัวหิรัญเดินกระแทกเท้าตึงตังอย่างคนเอาแต่ใจ หญิงสาวเดินไปหยิบจานแล้วเดินลงไปข้างล่างแพ นี่เป็นการล้างจานครั้งแรกในชีวิตของเธอ เกิดมาเธอไม่เคยต้องทำอะไร หล่อนเกิดมาสุขสบายมีเงินใช้ มีสาวใช้ไว้คอยปรนนิบัติพัดวี หล่อนมีหน้าที่แค่สั่งเท่านั้น บรรดาสาวใช้ก็พร้อมจะทำตามคำสั่งของเธอทุกอย่าง หล่อนไม่เคยหุงข้าวล้างจาน พวกงานบ้านหล่อนไม่เคยหยิบจับอะไร แถมถูกเลี้ยงอย่างตามใจ ไม่ว่าหล่อนต้องการอะไรครอบครัวก็ประเคนให้ทุกอย่าง หล่อนไม่เคยต้องลำบากหญิงสาวล้างจานในกะละมังจนส"หนูยิ้มกินยาแก้เมาเรือให้เรียบร้อยก่อนนะคะ เพราะวันนี้เราจะเดินทางกลับฝั่ง"หิรัญยื่นยาเม็ดเล็กสีขาวพร้อมด้วยน้ำสะอาดส่งให้ภรรยาตัวน้อยก่อนจะขนสัมภาระออกไปวางที่หน้าแพ หล่อนส่งยิ้มให้คนแก่กว่า กรอกเม็ดยากลืนลงท้องอย่างว่าง่าย"ให้ยิ้มช่วยยกไหมคะ""ไม่ต้องหรอกจ้ะ กระเป๋ามันหนักยิ้มเดินเฉยๆ จะสบายกว่า ส่วนของพวกนี้พี่ยกคนเดียวได้"สามีของเธอน่ารักจังเลย ยุวดาแอบคิดในใจ"พี่ว่าจะไปทานกาแฟกับไอ้ทับไอ้ทีสักหน่อย ยิ้มจะไปทานด้วยกันไหมคะ""เป็นกาแฟแบบไหนเหรอคะ กาแฟสดคั่วบดหรือเปล่า""เปล่าหรอกจ้ะ แค่กาแฟซองทรีอินวันธรรมดา นี่มันเกาะกลางทะเลไม่มีของดีๆ แบบที่หนูยิ้มอยากกินหรอกค่ะ"นายหัวหนุ่มโยกศีรษะของเธอไปมาด้วยความรักและเอ็นดูจับใจ ไม่ได้คิดว่าเรื่องมากวุ่นวายเหมือนก่อนหน้า อะไรธรรมดากระแดะกินไม่ได้อยากกินแต่ของหรูๆ แพงๆ ตอนนี้เขาเข้าใจเธอมากขึ้น อยากปรับตัวเข้าหาเธอมากขึ้น และให้เวลาเธอปรับตัวเข้าหาเขามากขึ้นเช่นกัน"ยิ้มอยากทานเอสเปรสโซหอมๆ ที่ชงในน้ำร้อน 90 องศา ยิ้มไม่ได้ทานมาหลายวันแล้วนะคะ"เ
"ฮั่นแหน่.วันนี้มีอะไรดีๆ เหรอครับ เห็นยิ้มทั้งวัน ปากแทบจะฉีกถึงรูหูแล้วนั่นน่ะ"ทับเอ่ยแซวเจ้านายที่ยืนคุมคนงานไป ปากก็ฉีกยิ้มไป แถมแววตาก็หวานเชื่อมเป็นประกายแปลกตา แต่แทนที่หิรัญจะโกรธกลับฉีกยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม ทับคิดว่าเจ้านายเขาเริ่มจะอาการหนักเข้าทุกวัน"พี่ทับ..ทำไมพี่ไปแซวนายหัวอย่างนั้นล่ะ เดี๋ยวก็โดนเตะผ่าหมากหรอกพี่ ไม่กลัวหรือไง"ทับส่ายหน้าแล้วหันไปยิ้มกับน้องชาย "จะกลัวทำไม มึงเชื่อกูดิไอ้ที วันนี้ต้องมีอะไรดีๆ แน่ๆ ต่อให้กูแซวหนักกว่านี้ก็ไม่โดนเตะหรอก"น้องชายไม่อยากจะเชื่อคำพี่ชายหรอก แต่เห็นหิรัญนิ่งเขาก็แอบดีใจ วันนี้เขาก็จับสังเกตได้ว่าเจ้านายอารมณ์ดีแหมไอ้นี่ทำมาเป็นรู้ดี หิรัญแอบคิดในใจ สักพักคนที่ยืนเกาะอกยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก็หันมาด้วยประกายตาบางอย่าง ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างพลางเดินเข้าไปใกล้ๆ ทับกับทีทำท่าจะถอย"นั่นพวกมึงจะถอยไปไหนเข้ามาใกล้ๆ กูนี่!"สองพี่น้องรีบเดินเข้ามาใกล้ๆ เจ้านายทันทีอย่างกล้าๆ กลัวๆ"ทีเมื่อกี้มึงยังไม่เห็นกลัวกูเลย" หิรัญเอ่ยแซว"แต่ตอนนี้กลัวแล้วครับเจ้านา
เช้าวันถัดมา.....นายหัวหิรัญลุกขึ้นมาตั้งแต่ตีห้าเพื่อไปวิ่งออกกำลังกายเหมือนทุกวัน เขาจะทำแบบนี้เป็นประจำเพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงเพราะเขาไม่อยากเป็นตาแก่ที่อ้วนลงพุง ก่อนมาก็ไม่ลืมหุงข้าวเอาไว้ด้วย วันนี้ไม่รู้ว่าภรรยาคนสวยจะอยากกินอะไร เมื่อวานตอนไปเดินห้างเขาซื้อปลาแซลมอนติดไม้ติดมือกลับมาเผื่อว่าเธอจะอยากทาน หิรัญเดินมายังบ้านพักที่ริมหาดเพื่อมาหาป้าแก้ว"ป้าแก้วครับบอกสูตรน้ำยำรสเด็ดให้หน่อยสิครับ""นายหัวจะยำอะไรเหรอคะ เดี๋ยวป้าทำให้ก็ได้ นายหัวจะได้ไม่ต้องเหนื่อย""ไม่เหนื่อยหรอกครับป้า ผมจะทำยำแซลมอนให้ยุวดาน่ะ""น่าอิจฉานายหญิงจังค่ะ นายหัวตามใจขนาดนี้ เดี๋ยวป้าจดสูตรให้นะคะ รับรองอร่อยแน่นอนค่ะ""ขอบคุณครับ"นายหัวหิรัญเดินกำกระดาษแผ่นนั้นกลับมายังแพ จัดการแล่เนื้อปลากะขนาดให้พอดีคำ ปรุงน้ำยำรสเด็ดตามสูตรของแม่ครัวหัวป่า ทำเสร็จก็เดินไปปลุกภรรยาที่นอนอุตุอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา"หนูยิ้มตื่นได้แล้วค่ะ ลุกขึ้นมาทานข้าวทานยาได้แล้ว"เขาก้มลงจูบหอมแก้มเธอไปฟอดใหญ่ๆ เพราะ หนวดเคราสากระคา
หิรัญพายุวดามาเดินห้างที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หล่อนตาพร่า เพราะของในห้างละลานตาไปหมดไม่ต่างจากห้างดังในกรุงเทพมหานครสักเท่าไหร่ เกือบหนึ่งอาทิตย์ที่หล่อนไม่ได้ช้อปปิ้งและสั่งของออนไลน์ตอนนี้หล่อนแทบจะลงแดงตายอยู่แล้ว วันนี้หล่อนจะปลดปล่อยให้เต็มที่ หญิงสาวเริ่มเดินไปที่เคาน์เตอร์เครื่องสำอางค์ โดยมีหิรัญคอยเดินตามอยู่ห่างๆ เหมือนหมาหงอยเดินตามตูดเมียต้อยๆ มีหน้าที่คอยจ่ายตังค์ค่าสินค้าที่เธอต้องการยุวดาเริ่มหยิบลิปสติกสีชมพูหวานขนาดทดลองมาลองแต้มบนริมฝีปาก"สวยมาก!"หล่อนแทบจะกรี๊ดกร๊าดออกมา เมื่อเจอสินค้าที่ตัวเองถูกใจ เธอเลือกลิปสติกสีสวยออกมาอีกสามสี่แท่งแล้วลองแต้มบนริมฝีปากบาง สรุปทุกสีมันสวยมากเมื่อทาลงบนริมฝีปากของเธอ ยุวดาเลือกลิปสติกอยู่สักพักพนักงานจึงเดินเข้ามา"สีนี้ก็สวยนะคะคุณลูกค้า จะรับกี่สีดีคะ"พนักงานประจำเคาน์เตอร์เครื่องสำอางค์ออกมาต้อนรับลูกค้าสุภาพสตรีที่มาคู่กับนายหัวหิรัญ"นายหัวสวัสดีค่ะ"พนักงานหญิงคนนั้นยกมือขึ้นไหว้นายหัวหิรัญคนดังของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ทันที ภายในจ
นายหัวหิรัญมองดูยุวดาเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยไม่ละสายตาเลยสักนิด ยุวดาหงุดหงิด นี่เขาจะมองอะไรกันนักกันหนา ตาแทบถลนออกมาแล้วนะ"มองอะไร!"หล่อนแหวใส่..หิรัญไม่สนใจทำเพียงไหวไหล่น้อยๆ เท่านั้น แต่ตายังคงจ้องมองเธอไม่ลดละ"ทำไม..ผมมองเมียตัวเองไม่ได้หรือไง ผิดตรงไหนไม่ทราบ""คุณหิรัญ!" หล่อนตาขวางเขาจ้องมองเธอตั้งแต่บนลงล่าง ล่างขึ้นบนอยู่อย่างนั้น "แต่งตัวเสร็จก็ไปล้างจานซะ อย่าให้ผมต้องผลักคุณลงน้ำอีกครั้งยุวดา"ยุวดาได้ยินอย่างนั้นหล่อนทำหน้างอง้ำ เบะปากสะบัดบ๊อบใส่นายหัวหิรัญเดินกระแทกเท้าตึงตังอย่างคนเอาแต่ใจ หญิงสาวเดินไปหยิบจานแล้วเดินลงไปข้างล่างแพ นี่เป็นการล้างจานครั้งแรกในชีวิตของเธอ เกิดมาเธอไม่เคยต้องทำอะไร หล่อนเกิดมาสุขสบายมีเงินใช้ มีสาวใช้ไว้คอยปรนนิบัติพัดวี หล่อนมีหน้าที่แค่สั่งเท่านั้น บรรดาสาวใช้ก็พร้อมจะทำตามคำสั่งของเธอทุกอย่าง หล่อนไม่เคยหุงข้าวล้างจาน พวกงานบ้านหล่อนไม่เคยหยิบจับอะไร แถมถูกเลี้ยงอย่างตามใจ ไม่ว่าหล่อนต้องการอะไรครอบครัวก็ประเคนให้ทุกอย่าง หล่อนไม่เคยต้องลำบาก หญิงสาวล้างจานในกะละมังจนส
หิรัญนอนมองแผ่นหลังเปลือยเปล่าที่สะท้อนขึ้นลงเบาๆ ตามแรงหายใจ เขาเอื้อมฝ่ามือไปจับบนหัวไหล่ลูบไล้ขึ้นลงช้าๆ รั้งร่างแน่งน้อยเข้ามาโอบกอดเอาไว้แนบอกอีกครั้ง"หนูหิวหรือยัง"เขาถามในขณะที่ฝ่ามือหนาข้างนั้นยังคงลูบไล้ไปทั่วสรรพางค์กาย ขยำตรงนั้นนิด บีบตรงนี้หน่อยก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นมาลูบไล้ตรงไหล่มนนั่นอีกครั้ง เขาจูบไปตรงแผ่นหลังบอบบางจนเจ้าตัวห่อไหล่สาวน้อยไม่ตอบอะไร หล่อนยังคงนอนนิ่งๆ ทำตัวเหมือนท่อนไม้ต่อไปแถมยังหันหลังให้คนตัวโต นี่หล่อนคงโมโหเขาสินะ ที่กระทำกับเธอเยี่ยงนั้น ก็หล่อนอยากยั่วโมโหเขาก่อนทำไมกัน เขาไม่จัดให้คลานก็บุญเท่าไหร่แล้ว แค่นี้เขาเรียกว่าสั่งสอน หิรัญตระกองกอดร่างแน่งน้อยเอาไว้ สักพักเสียงท้องร้องของหล่อนก็ดังโครกครากขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ เจ้าตัวได้ยินเสียงท้องของตัวเองร้องพลันทำให้ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาเพราะความอาย คนตัวโตไม่กล่าวอะไรเขาก้มหน้าลงฝังจมูกโด่งลงไปบนเนื้อแก้มขาวเนียน ก่อนจะลุกขึ้นเดินโทงโทงทั้งอย่างนั้นหิรัญลุกขึ้นมาหุงหาอาหารให้ภรรยาตัวน้อย ยุวดาค่อยๆ ชำเลืองมองแผ่นหลังหนาที่ก้าวออกไปนอกชาน นุ่งผ้าขนหนูปกปิดแค่ท







