ไอรักวางซองเอกสารสีน้ำตาลไว้ที่โต๊ะไม้ภายในบ้าน หญิงสาวตัดสินใจแล้วว่าเธอจะไม่ยอมอยู่ที่นี่อีกต่อไป และคงถึงเวลาที่เธอจะทำอะไรจริงจังเสียที ธีร์ภาณุไม่ให้เกียรติไม่ไว้ใจในตัวเธอ เธอก็จะไม่ให้เกียรติใครหน้าไหนอีกแล้ว เมื่อไม่มีใครช่วยเหลือเธอได้ เธอก็จะหาวิธีกลับบ้านด้วยตัวเธอเอง
รถจี๊ปเลือกนายที่ลุงมิ่งซ่อมเสร็จแล้วถูกสตาร์ทเสียงดังกระหึ่ม ก่อนจะค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากโกดัง โดยไม่มีใครทันสังเกต เพราะคนงานมัวแต่วุ่นวายกันอยู่ในไร่ ไอรักขับรถไปตามทางรอบๆไร่แสงตะวัน เมื่อมาถึงปากทางของไร่ หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารถคันที่ขับอยู่จะพาตนเองไปได้ถึงไหน ไอรักเลี้ยวรถออกจากไร่แล่นออกสู่เส้นทางหลัก
“จะกลับแล้วหรือตาธีร์” เสียงคุณกานดาเอ่ยถาม เมื่อเห็นลูกชายเดินออกมาจากห้องทำงาน ธีร์ภาณุถูกพี่ชายโทรตามตัวเนื่องจากมีเอกสารด่วนที่ต้องเซ็น เขาจึงต้องรีบมา ทั้งๆที่ใจอยากจะอยู่กับคนตัวเล็กที่เขานอนกอดมาทั้งคืนมากกว่า
“เจ้าธีร์มันรีบครับแม่ มันกลัวว่าที่เจ้าสาวของมันจะหนีกลับบ้านไปเสียก่อน” ไทธรณ์ที่ก้าวออกมาจากห้องทีหลังต
“แล้วเอ่อ...คุณ...”“ไอรักค่ะ เรียกหนูไอก็ได้นะคะ คือว่าหนูไอว่าจะเข้าไปในเมืองน่ะค่ะ” ไอรักแนะนำตัวเอง“ครับ คุณหนูไอ เอ่อ...คือว่าคุณหนูไอไม่ใช่คนแถวนี้หรือครับ ทำไมผมไม่เคยเห็นหน้าหรือรู้จักมาก่อนเลย” ภูชิตถามเพราะเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า ผู้หญิงสาวร่างบางหน้าตาจิ้มลิ้ม มาขับรถคันจี๊ปประจำตัวของเจ้าของไร่แสงตะวันได้อย่างไร“อ๋อ!..เอ่อ...หนูไอเป็นหลานของลุงธงน่ะค่ะ บังเอิญขับรถมากินลมชมวิวมาเรื่อยๆ แล้วก็บังเอิญกำลังจะกลับ แต่บังเอิญรถมาน้ำมันหมด แล้วก็บังเอิญมาเจอคุณภูชิตนี่ล่ะค่ะ” ภูชิตยิ้มเล็กน้อยกับคำบอกเล่าของหญิงสาว“ถ้าอย่างนั้นก็บังเอิญที่มาเจอคนใจดีอย่างผมนะครับ” ไอรักมองหน้าภูชิต ทั้งสองหัวเราะเบาๆพร้อมกัน“ลุงธงนี่...ใช่เสี่ยธงชัยเจ้าของกิจการท่าข้าว และเป็นพ่อของเจ้าของไร่แสงตะวันใช่ไหมครับ” ภูชิตถามต่อ“เอ่อ...ค่ะ” ไอรักตอบเบาๆ“คนกันเองนะครับ เอาอย่างนี้ไหมครับ ผมจะไปส่งคุณหนูไอที่บ้านของเสี่ยธงชัย อืม...แต่ผมขออนุญาตกลับเข้าไร่ก่อนได้ไหมครับ มีงานด่วนต้องเคลียร์นิดหน่อย” ไอรักทำท่าลังเลถึงแม้จะดูน่าไว้ใจ แต่เธอก็ยั
“เพิ่งมาถึงนี่แหละครับ ต้องขอบคุณคุณภูชิตนะครับ ที่อุตส่าห์ช่วยดูแลหลานสาวคุณพ่อเป็นอย่างดี” ภูชิตยิ้มให้เล็กน้อย“ไม่เป็นไรครับคนกันเอง”“หนูไอเป็นหลานของคุณพ่อครับ และอยู่ในฐานะเป็นภรรยาของผม เราจดทะเบียนสมรสกัน และรับรู้กันในเครือญาติแล้ว งานฉลองสมรสเราจะจัดในเดือนหน้า เรียนเชิญคุณภูชิตล่วงหน้าเลยนะครับ” ธีร์ภาณุพูดพร้อมกับดึงไอรักให้ลุกขึ้นแล้วโอบเอวไว้หลวมๆภูชิตยิ้มบางๆที่ริมฝีปาก ไอรักเงยหน้าสบตาธีร์ภาณุ ก่อนจะส่งยิ้มแบบเจื่อนๆให้ภูชิต“เอ่อ...ผมขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ ที่ไร่แสงตะวันมีนายหญิงน่ารักแบบคุณหนูไอ”คนที่ถูกเอ่ยถึงสะดุ้งตัวเล็กน้อย เพราะรู้ตัวว่าตัวเองก็โกหกอะไรไว้ ไม่ได้โกหกนี่นา แค่พูดไม่หมดเท่านั้นเอง“นานๆครั้งคุณธีร์จะให้เกียรติมาที่ไร่ ผมขออนุญาตเป็นเจ้ามืออาหารกลางวันนะครับ” ธีร์ภาณุนิ่งตัดสินใจสักครู่“ก็ดีเหมือนกันครับ ผมมีธุระอยากปรึกษาคุณภูชิตอยู่พอดี”“เรื่องไฟไหม้ที่ท้ายไร่แสงตะวันใช่ไหมครับ”ภูชิตพูดน้ำเสียงจริงจัง“ครับ” ธีร์ภาณุเองอยากหาเวลามาคุยกับภูชิตเรื่องนี
คนตัวเล็กรู้สึกทั้งโกรธทั้งอับอาย ที่ถูกจับลอกคราบจนร่างเปล่าเปลือย หากแต่ไม่สามารถต่อต้านคนรุกรานได้เลย มือใหญ่ลูบไล้เนื้อเนียนตั้งแต่ลำคอระหงเรื่อยมาจนถึงอกอวบ เขาบีบเคล้นเบาๆและไล้วนตุ่มไตที่หดเกร็งบนยอดอกทั้งสองข้าง ก่อนที่จะแวะเวียนลูบไล้หน้าท้องแบนราบ สมองของไอรักเริ่มสับสนเมื่อความวาบหวามก่อตัวขึ้น แขนขาเริ่มอ่อนแรง หัวใจเต้นโครมครามจนน่ากลัวธีร์ภาณุปล่อยริมฝีปากนุ่มให้เป็นอิสระ แล้วลากไล้ลิ้นร้อนร้ายกาจลงมาตามลำคอระหง เรื่อยลงมายังอกอวบที่กำลังกระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรงตามความตื่นเต้นและวาบหวิวของเจ้าของ ชายหนุ่มขบเม้มอกอวบเบาๆทิ้งรอยปื้นแดงไว้หลายจุด อย่างต้องการลงโทษคนดื้อรั้น ก่อนจะดูดดึงตุ่มไตที่หดเกร็งและขบเม้ม สลับกันไปมาทั้งสองข้าง“ปละ...ปล่อยนะพี่ธีร์”“อื้ม” ธีร์ภาณุกำลังสูญเสียการควบคุมตัวเอง เขาถูกความหอมหวนของร่างบางดึงเข้าสู่วังวนของอารมณ์รักรุนแรงจนน่าตกใจ เมื่อทั้งเนื้อตัวของไอรักถูกผู้ชำนาญการสัมผัส และกระตุ้นดึงดูดเข้าสู่วังวนเดียวกัน ร่างเล็กที่ไม่ทันตั้งรับจึงต้องเงยหน้าครางเสียงหวาน และบิดร่างไปมาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ธีร์ภาณุปล
เมื่อใกล้ปลายทางแห่งความสุข ไอรักส่งเสียงอู้อี้ในลำคอ ธีร์ภาณุจึงละจากริมฝีปากบางแล้วก้มลงดูดกลืนอกอวบ หญิงสาวแอ่นกายเข้าหาริมฝีปากหนา และแหงนเงยหน้าขึ้นพร้อมกับขยับสะโพกตามแรงดึงรั้งของมือใหญ่เร็วรัวอีกไม่กี่ครั้ง ร่างบางก็เกร็งกระตุกและครางเสียงหวานออกมา“อ๊า...พี่ธีร์” ธีร์ภาณุจับสะโพกเต่งตึงแน่นเพื่อเร่งจังหวะบดเบียดและถูครูดไปตามลำรักแกร่งของเขา สะโพกสอบยกขึ้นสวนรับทุกจังหวะอย่างหนักแน่น ที่สุดแล้วเสียงห้าวทุ้มต่ำก็ครางออกมา กายแกร่งกระตุกแรงสายธารแห่งความสุขหลั่งรินเปรอะเปื้อนสองร่างที่นั่งกอดก่ายแนบแน่นไอรักไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว หญิงสาวยังคงกอดคอหนาไว้และซบหน้าลงบนบ่าแกร่ง ลมหายใจกระชั้นถี่ของเธอและธีร์ภาณุเริ่มปรับเป็นจังหวะปกติ ชายหนุ่มยิ้มอย่างมีความสุขมือหนาลูบเรือนผมนุ่มอย่างแสนรัก เพียงแค่สัมผัสภายนอก เขาก็แทบจะสำลักความสุขที่ร่างกายนุ่มนิ่มมอบให้แล้ว จะรอถึงวันแต่งงานได้ไหมหนอ ชายหนุ่มตั้งคำถามกับตัวเอง“พี่อาบน้ำให้นะครับ” พูดจบก็ยังไม่รอคำตอบใดๆ ธีร์ภาณุก็อุ้มร่างบางทั้งที่ขายังเกี่ยวรัดสะโพกของตนเองไว้เข้าห้องน้ำจัดการเปิดฝักบัว แล้วลูบไล้ทำคว
“ก็ได้ครับ หรือหนูไอจะให้พี่แต่งตัวให้ก็ได้นะครับ” ไอรักจิกตามองธีร์ภาณุอย่างรู้ทัน“คนลามก”“ครับๆ พี่ออกไปรอข้างนอกก่อนก็ได้ครับ” พูดจบก็ยังไม่วายฉกวูบมาตรงแก้มนวล แล้วสูดดมฟอดใหญ่ ก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วออกจากห้องไป ทิ้งให้คนโดยขโมยจูบค้อนขวับด้วยรอยยิ้มเขินๆอย่างไม่รู้ตัวเมื่อประตูห้องนอนถูกปิดลง ธีร์ภาณุหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายหาคนที่เพิ่งถูกดึงมาเกี่ยวข้องในบทสนทนาเมื่อสักครู่“สวัสดีครับป๊า...” ถ้าเพียงคนที่อยู่ในห้องแอบมาได้ยินบทสนทนาของจอมวางแผนขั้นเทพ อาจจะเกิดปรากฏการณ์ระเบิดปรมาณูลูกใหญ่ตกกระทบไร่แสงตะวันก็เป็นได้ เพราะธีร์ภาณุเพิ่งจะรายงานเรื่องราวต่างๆให้เสี่ยอินฟัง รวมถึงเรื่องข้อมูลเอกสารและรูปถ่ายเจ้าปัญหา ที่เกือบจะทำให้ไอรักใช้เป็นข้ออ้างในการออกจากชีวิตเขาไปได้แล้วเชียวหลังจากกดวางสายโทรศัพท์ธีร์ภาณุยิ้มกว้างถอนหายใจเฮือกใหญ่ ชายหนุ่มยิ้มกรุ้มกริ่มกับตัวเอง ก่อนจะพูดเสียงดังให้คนในห้องได้ยิน“หนูไอครับเย็นนี้เรามีนัดทานข้าวเย็นกับคุณพ่อคุณแม่นะครับ”“เจ้าค่ะ รับทราบค่ะนายเล็ก” ธีร์ภาณุยิ้มกับคำพูดประชดประชันขอ
เธอรู้ดีว่าในค่ำคืนที่แสนเร่าร้อนนั้น ชายหนุ่มไม่ได้ฉวยโอกาส หากแต่พยายามอย่างที่สุดที่จะหักห้ามใจตนเอง เพื่อช่วยเหลือเธอจากความทรมานนั้น และรสิตาก็รู้ตัวดีว่าตนเองเป็นคนทำให้เรื่องราวต่างๆมันวุ่นวายเอง หญิงสาวพ่นลมหายใจออกเบาๆ เธอจะไม่วิ่งหนีความรู้สึกตัวเองหรอกนะ“ค่ะ พี่ไท” รสิตาฉีกยิ้มกว้าง เปิดใจรับความจริงใจของไทธรณ์“ปล่อยมือแนนได้แล้วค่ะ แล้วก็ลงมือทำขนมช่วยแนนด้วย เดี๋ยวคุณย่าตื่นขึ้นมาขนมยังไม่เสร็จจะโดนว่าเอาได้” ไทธรณ์ปล่อยมือจากมือบาง“อ้อ! เย็นนี้พี่จะมารับแนนไปทานข้าวที่บ้านนะครับ แม่สั่งให้มาเชิญสะใภ้ใหญ่ไปหาหน่อย แม่คิดถึง”“ใครเขาไปตกลงเป็นสะใภ้ใหญ่ตั้งแต่เมื่อไร”“ไม่รู้ล่ะ แม่ส่งมอบตำแหน่งนี้ให้แนนแล้ว และพี่ก็ยินดีรับตำแหน่งเป็นลูกเขยบ้านนี้ให้ด้วยนะ ไม่เกี่ยงงอนสักนิด”“ขี้ตู่”“ไม่ได้ขี้ตู่ เขารักจริงหวังแต่งต่างหาก”“ไม่เถียงกับพี่ไทแล้ว”“ถ้าอย่างนั้นถือว่าเรายอมรับซึ่งกันและกันนะครับ”รสิตาไม่ตอบก้มหน้าอมยิ้มปั้นสาคูในมืออย่างตั้งอกตั้งใจ ไทธรณ์มองท่าทางของหญิงสาวก็พลอยยิ้มไปทำขนมไปด้วยท่
“ไม่ต้องเลยนะ ห้ามพี่ธีร์ขึ้นมานอนบนเตียงไม่อย่างนั้นหนูไอจะร้องให้บ้านแตกเลย”“ครับๆ พี่นอนข้างล่างก็ได้ คนใจร้าย” ไอรักโยนหมอนกับผ้าห่มลงข้างเตียง ธีร์ภาณุยิ้มก่อนจะนั่งลงจัดที่นอนสำหรับตัวเองยังมีเวลาอีกทั้งคืน หึๆ“ขอบคุณมานะคะพี่ไท แล้วก็อย่าลืมสัญญาว่าจะมารับแนนไปทานข้าวกลางวันพรุ่งนี้ เป็นการไถ่โทษนะคะ” รสิตาพูดเสียงใสขณะที่ไทธรณ์ลดความเร็วของรถลง แล้วจอดอยู่ริมรั้วสูง“แต่วันนี้พี่เหนื่อยเหลือเกิน ไม่รู้พรุ่งนี้จะมีแรงขับรถมาหาแนนหรือเปล่า?” ไทธรณ์พูดพร้อมกับตีหน้าเศร้าเล็กน้อย“วันนี้พี่ไทไม่ได้ทำงานทั้งวันไม่ใช่หรือคะแล้วจะเหนื่อยอะไร แล้วนี่ทำไมไม่เรียกเด็กๆมาเปิดประตูสักทีล่ะคะ แนนง่วงแล้วค่ะ ฮ้าว!” ไทธรณ์ขยับตัวทำท่าฮึดฮัด“แนนจะไม่ให้รางวัลพี่หน่อยหรือครับ ที่พี่มาส่งเนี่ย” ไทธรณ์ถามสีหน้าจริงจัง จนรสิตาอดขำไม่ได้ หญิงสาวหัวเราะคิก ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าหาคนขับรถแสนงอน แล้วจุมพิตเบาๆบนแก้มสากของชายหนุ่ม“กู๊ดไนท์ค่ะ”“แค่นี้เองหรือ” คนขับรถตัวโตยังประท้วง“แค่นี้ล่ะค่ะ
ธีร์ภาณุนอนยิ้มกับท่าทีที่ไม่ดิ้นรนขัดขืนของไอรัก เขาเองก็นอนไม่หลับเหมือนกัน ก็ในเมื่อต้องนอนร่วมห้องกับร่างบางนุ่มนิ่ม แต่กลับไม่ได้ใกล้ชิด มันทำให้เขารู้สึกกระสับกระส่ายนอนไม่หลับ นอนคิดมาตั้งนานจะหาเหตุผลอะไรปีนขึ้นไปบนเตียงดี ที่สุดแล้วเขาก็หาเหตุผลแบบข้างๆคูๆ และอาศัยวิชาพญามารแถไปเรื่อยขึ้นมานอนบนเตียงได้สำเร็จหลังจากที่นอนกอดได้สักพักคนกอดชักได้ใจ แปลงร่างเป็นปลาหมึก ราวกับว่ามีสักสิบมือลูบไล้ไปทั่วร่างบาง ไอรักตีแรงๆที่มือทั้งสองข้าง แล้วเงยหน้าขึ้นสบตาคนตัวโตในความมืดที่มีแสงสลัว ที่พอให้เห็นกันได้ในระยะใกล้ หญิงสาววางมือนุ่มไปที่แก้มสากของชายหนุ่มทั้งสองข้าง แล้วออกแรงบีบหน้าที่แสนจะเจ้าเล่ห์แรงๆ ดึงหน้าโน้มลงมาหาตนเองให้สบตากันในระยะใกล้“นอนเฉยๆไม่เป็นหรือไงคะ เอามือออกไปไกลๆเลย ถ้าไม่อยากให้หนูไอหยิกจนแก้มขาด”ไอรักขู่พร้อมกับหยิกแก้มสากเต็มแรง“โอ๊ย! ใจร้าย” ธีร์ภาณุใช้มือลูบแก้มที่โดนหยิกเบาๆ ไอรักทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะพลิกตัวหันหลังให้คนตัวโต“ใจร้ายอย่างนี้ต้องโดนทำโทษ” มือหนาจับร่างบางพลิกกลับมานอนทาบทับร่างแกร่งของตนเอง แล้วก
มือเล็กค่อนข้างสั่นเล็กน้อยขณะที่หยิบสิ่งของที่ต้องการออกจากกระเป๋า เธอเลือกใช้อันที่แกะออกจากซองแล้ว แต่พอหยิบอกมาดูก็เกิดอาการงง แล้วเขาใส่กันยังไง พลิกไปพลิกมาขยี้ขยำจนถุงยางอนามัยคลายตัวออกมา นั่นแหละใบหน้านวลถึงยิ้มออกมาได้เออ...อย่างนี้หน่อย ถึงพอจะคิดออกว่าใส่ยังไงน่านน้ำมองสิ่งของที่ถืออยู่ในมือสลับกับกลางกายของคนที่นอนนิ่งอยู่ หญิงสาวเลือกที่จะหลับตาก่อนจะยื่นมือออกไปเปิดผ้าขนหนู เพื่อเปิดเผยบางสิ่งที่เร้นลับเหลือเกินในความคิดของตัวเอง เกิดมาไม่เคยเจอไม่เคยเห็นมันจะเป็นยังไงหนอ ตาที่ปิดอยู่ค่อยๆหรี่ขึ้นมองช้าๆ“อุ๊ย!” น่านน้ำสะดุ้งสุดตัว เมื่อขณะที่กำลังจะชักมือกลับพร้อมกับลืมตาขึ้นทีละน้อยนั้น มือใหญ่ก็กำข้อมือเล็กของเธอไว้หมับ“ขอกอดหน่อย” อยู่ดีๆภูชิตก็ตวัดวงแขนเกี่ยวเอาร่า
หญิงสาวใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กรองน้ำจากก๊อกน้ำอุ่นที่อ่างล้างหน้า ขณะที่ขยำและพลิกผ้าไปมาเพื่อให้เปียกทั่วทั้งผืน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำเล็กๆวางอยู่ในกระจาดเล็กรวมกับของใช้จำพวกแชมพูครีมอาบน้ำในขวดเล็กๆ น่านน้ำโผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำ เห็นคนตัวโตยังนอนหลับอยู่ที่โซฟาจึงตัดสินใจวางผ้าผืนเล็กลงในอ่างล้างหน้า แล้วหยิบกล่องเล็กนั้นขึ้นพลิกไปพลิกมา ไม่ใช่ไม่รู้ว่ามันคือกล่องถุงยางอนามัย แต่ที่อยากรู้คือมันใช้ยังไง“อยากรู้ก็ต้องเปิดดูสิ” เมื่อบอกตัวเองดังนั้น น่านน้ำจึงจัดแจงแกะพลาสติกที่หุ้มกล่องอยู่ออก แล้วเอากล่องมาจ่อที่จมูก“ไม่มีกลิ่นแฮะ!” มือเล็กเปิดฝากล่องออกแล้วเทของที่อยู่ในกล่องออกมาเทบนเคาเตอร์“ตั้งสามอันแน่ะ เขาใส่กันทีเดียวสามอันเลยเหรอ” คนอยากรู้อยากเห็นจับของที่อยู่ในซองพลิกไปพลิกมาสำรวจทีละอัน ก่อนจะตัดสินใจฉีกซองแล้วจีบมือจับบางสิ่งบางอย่างออกจากซอง บางส
“ไปสิ คุณก็ควรจะพักผ่อนเหมือนกันนะ” ขายาวก้าวนำก่อน ขาเล็กจึงลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเดินตาม หัวใจเต้นโครมคราม สมองกำลังคิดไตร่ตรองว่าสิ่งที่ตัดสินใจถูกแล้วหรือนี่เรากำลังจะเต็มใจสูญเสียพรหมจรรย์ทิ้งไว้ที่นี่เหรอ เอาจริงใช่ไหม ถอยตอนนี้ทันไหม เอายังไงดีในขณะที่สมองทำงานอย่างหนัก น่านน้ำไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าประตูถูกปิดลงแล้ว และเธอก็ถูกจูงมานั่งบนเตียงกว้างกลางห้อง ภูชิตปล่อยมือบางแล้วเอนตัวลงนอนทันที ปล่อยหญิงสาวที่นั่งหลับตาปี๋รอคอยอย่างคาดหวัง เมื่อรอจนนานแล้วยังไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติกับร่างกาย ตากลมโตจึงเปิดขึ้น แล้วหันไปมองคนที่นอนหลับตาพริ้ม น่านน้ำไม่รู้ว่าจะเสียใจหรือโล่งใจดี หญิงสาวหันรีหันขวาง ความเงียบรอบกายและอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ทำให้คนที่นอนน้อยตัดสินใจเดินตรงไปที่โซฟาตัวใหญ่ ร่างบางนั่งลงบนโซฟาตัวนุ่มแล้วเอนตัวลงนอน ไม่ถึงห้านาทีน่านน้ำก็เข้าสู่ห้วงนิทรา หลับสนิททันที&nbs
จริงจัง?“ผมหมายความว่ามันดูสมเหตุสมผลที่จะเอาคุณไปอ้าง” น่านน้ำถอนหายใจแรง ใจเต้นกับคำว่าจริงจังนี่สินะพรหมลิขิต เราต่างก็จริงจังต่อกัน“ก็ได้ค่ะคุณภูชิต น้ำถือว่ายังอยู่ในเนื้องาน” จะให้ตอบตกลงใบหน้ายิ้มแป้นก็กระไรอยู่ เป็นผู้หญิงมันต้องมีชั้นเชิง น้ำเสียงที่ใช้จึงค่อนข้างราบเรียบ“ไหน...เรียกใหม่ซิ”“ค่ะ...คุณภูขา” คนถูกเรียกกลั้นยิ้มไว้ภายใต้หน้าตานิ่งเฉย คนที่เอ่ยเรียกใจเต้นโครมคราม เมื่อคิดว่าสิ่งที่หวังใกล้ความจริงไปทุกขณะ“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าคุณภูชิตจะมีคู่หมั้นแล้ว” กำนันช้างผู้
น่านน้ำมองตามแผ่นหลังกว้างหายเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมกับประตูห้องน้ำที่ปิดตามมา ประโยคที่เธอได้ยินก่อนที่ประตูห้องน้ำจะปิดสนิท ทำให้หญิงสาวรีบกระโจนลงจากเตียงกว้างทันที“ถ้าจะอาบน้ำพร้อมผมก็ตามเข้ามาได้เลยนะ ประตูไม่ได้ล็อก”ขาเรียวเล็กรีบพาเจ้าของร่างออกจากห้องกว้างทันที ภูชิตยื่นหน้าออกมาจากห้องน้ำ ทันเห็นหลังไวๆออกจากห้องไป เขาส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้มกับตัวเอง“คนอะไรเนื้อนุ่มเนียนน่าฟัดไปทั้งตัว หึๆ”เมื่อคืนกว่าน่านน้ำจะข่มตานอนได้ก็ย่างเข้าสู่วันใหม่แล้ว เธอนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง คิดทบทวนเรื่องราวตอนหัวค่ำ ทั้งๆที่แอบปลื้มเจ้านายหนุ่ม แต่ทำไมเมื่อเขารุกประชิดร่าง เธอกลับรู้สึกหวาดกลัว อย่างนี้อาจจะทำให้สิ่งที่เธอหวังไม่สำเร็จ เอาล่ะ...ต่อนี้ไปเธอต้อง
“เอ่อ...น้ำยอมแล้วค่ะ คุณภูชิตลุกขึ้นก่อนนะคะ” เสียงหวานอ้อมแอ้มบอกอย่างยอมจำนน คนที่ได้สัมผัสความนุ่มนิ่มถอนหายใจยาว เขายังไม่อยากลุก กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆทำให้ใจเต้นแรง และรู้สึกดีอย่างประหลาด“ลุกสิคะ” คิ้วเข้มเลิกสูง ไม่เข้าใจว่าเธอจะทำอะไร น่านน้ำเหมือนจะเดาใจออกว่าชายหนุ่มสงสัย“ก็เดี๋ยวน้ำจะถอดชุดออกให้คุณภูชิตตรวจดูไง คุณภูชิตไม่ต้องลำบากมาถอดให้น้ำหรอกน่า” พูดอย่างใจกล้าแต่หัวใจแทบจะวายอยู่แล้ว ภูชิตยิ้มราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่หญิงสาวพูด แต่ก็ยอมลุกขึ้นนั่งคุกเข่าอยู่ข้างร่างบาง รอดูว่าคนใจกล้าจะถอดเสื้อผ้าให้เขาตรวจสอบจริงๆไหมน่านน้ำยันกายลุกขึ้นนั่งคุกเข่า แววตาไม่มั่นใจฉายชัด หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกแล้วผ่อนออกช้าๆ อย่างยากลำบาก มือเล็กค่อยๆแกะกระดุมเสื้อเม็ดแรก ภูชิตมองตามใจเต้นรัว เขาเคยเห็นมาแล้ว และรู้ดีว่าภายใต้เสื้อผ้าที่บดบังร่างกายนี้อยู่
“ทำอะไรอยู่นะ” ภูชิตพูดเบาๆ เดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องของคนที่ทำให้เขาหมดอารมณ์ไปต่อกับสาวสวยไฟแรงหุ่นอวบอั๋น มือใหญ่ยกค้าง ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าจะเคาะประตูดีไหม แต่เนื่องจากสมองยังคิดหาเรื่องราวจะคุยกับคนในห้องไม่ได้ ภูชิตจึงตัดสินใจลดมือลงหันหลังกลับ ไปเปิดประตูห้องของตนแทนเสียงเปิดปิดประตูห้องไม่ได้ทำให้คนที่ยืนอยู่ระเบียงกว้างตกใจ เพราะน่านน้ำไม่ได้ยิน เธอยังคงดื่มด่ำอยู่กับภาพบรรยากาศตรงหน้า ภูชิตจัดการถอดเสื้อผ้าโยนลงตะกร้าเตรียมตัวอาบน้ำทันที ร่างแกร่งกำยำเปลือยเปล่ากำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ หากแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มหันหลังเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะมุมห้อง“ว่าไงสิน” เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์และเสียงทุ้มที่ได้ยินตามมาทีหลัง ทำให้คนที่แอบย่องเข้าห้องนอนอื่นสะดุ้งสุดตัว“คุณภูชิตกลับมาแล้ว เอาไงล่ะทีนี้” น่านน้ำเหลียวซ้ายแลขวา ชะโง
“สวัสดีค่ะคุณศศิพิมล” น่านน้ำยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร หากแต่คนที่ต้องรับไหว้กลับชักสีหน้าไม่พอใจเท่าไร“สวัสดีค่ะคุณน่านน้ำ” ร่างสมส่วนอวบอัดเดินเข้าใกล้ภูชิต มือเรียวจับจองคล้องแขนล่ำอย่างต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ริมฝีปากสีสดแสนเซ็กซี่แย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ภูชิตก้มลงมองแขนเรียวที่คล้องแขนตัวเอง แล้วสบตาเจ้าของมือเรียว ใบหน้านิ่งขรึมไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกใดๆออกมา เขาหันไปสบตาน่านน้ำอยู่ครู่เดียวก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงาน พร้อมกับร่างเย้ายวนที่พยายามเบียดกระแซะร่างของเขาจนแทบจะสิงกันอยู่แล้วเมื่อประตูห้องทำงานปิดลงหลังจากที่สองคนนั้นออกไปแล้ว น่านน้ำก้มลงมองหน้าอกตัวเอง มือเล็กกอดอกจับสองเต้าตัวเองแล้วถอนหายใจ“จะสู้เขาไหวไหมน่านน้ำ ซะบะละฮึ่มขนาดนั้น” น่านน้ำทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง และเริ่มคิดเป็นจริงเป็นจังว่า หากต้องเพิ่
“พอทานได้ไหมครับ” คำถามจากภูชิต ทำให้น่านน้ำตื่นจากภวังค์ เพิ่งรู้ตัวว่าสายตาของตัวเองจ้องมองอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม หญิงสาวยิ้มแก้เก้อ เพราะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินมานั่งอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร“เอ่อ...ได้ค่ะ” ตอบแล้วก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะก้มลงรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างจริงจัง เพราะหิวหรือเพราะเขินอายที่แอบมองแล้วถูกจับได้ก็ไม่รู้“นายคะ วันนี้ของหวานมีลอดช่องน้ำกะทิ กับบัวลอยไข่หวาน นายจะรับอะไรดีคะ” ภูชิตกับน่านน้ำเงยหน้ามองหญิงสาวในชุดผ้าถุงและเสื้อยืดสีขาวรัดรูปเน้นทรวดทรง ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างโต๊ะอาหารที่ทั้งสองนั่งทานอยู่ ภูชิตพ่นลมหายใจออกเบาๆ นั่นเป็นสิ่งที่น่านน้ำสังเกตเห็นแวบเดียวเท่านั้น“คุณน้ำทานอะไรดีครับ” ภูชิตไม่ตอบคำถามของหญิงสาวที่ยืนยิ้มส่งสายตาวิบวับให้ตนเอง แต่กลับหันมาถามผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าแทน