Share

บทที่ 14

Author: เซียงปู้อี๋
ผู้หญิงคนนี้เป็นบรรณาธิการของนิตยสารแห่งหนึ่ง “ฉันได้ยินมาว่าคุณมีแฟน แต่ทำไมไม่เคยเห็นเขาเลยล่ะคะ ฉันอยากเห็นเขาจริง ๆ”

ลู่ม่านเซิงจับผมแล้วพูดอย่างมีชั้นเชิง “ฉันไม่ชอบให้เขาปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนน่ะค่ะ ก็เลยไม่เคยให้เขาออกงานด้วย ไว้เมื่อเราแต่งงานกัน ฉันจะเชิญคุณอย่างแน่นอนค่ะ”

“ลึกลับจังเลยนะคะ งั้นฉันจะรอติดตามต่อไปค่ะ”

บรรณาธิการหันหน้าไปและเห็นเวินหนี่อยู่ข้าง ๆ จึงพยักหน้าให้เธออย่างสุภาพ “คุณเวิน พบกันอีกแล้วนะคะ”

เวินหนี่เองก็รู้จักเธอ ครั้งก่อนเธอต้องการสัมภาษณ์พิเศษกับเย่หนานโจว และพวกเธอก็ได้พบกัน

และเธอก็ประสบความสำเร็จได้เพราะผ่านการช่วยประสานงานโดยเวินหนี่

เธอตอบกลับอย่างสงบนิ่ง “สวัสดีค่ะบรรณาธิการเฉิน”

“พวกคุณรู้จักกันด้วยเหรอคะ?” บรรณาธิการเฉินมองพวกเธอสองคนสลับกันไปมา

ลู่ม่านเซิงพูดขึ้นว่า “รู้จัก แต่ไม่ได้สนิทกันมากค่ะ”

เธอจงใจตีตัวออกห่างจากเวินหนี่

เวินหนี่ก็พูดต่อเธอว่า “พอกลับมาคุณลู่ก็พาดหัวข่าวเกี่ยวกับคู่หมั้นซะใหญ่โต ไม่แปลกใจที่บรรณาธิการเฉินจะอยากรู้ ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันค่ะ คิดว่าจะพากลับมาจากต่างประเทศเสียอีก แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่”

บรรณาธิการเฉินตกตะลึงและถามขึ้นอีกว่า “ไม่ใช่หรอกเหรอคะ?”

“อ่า สื่อรายงานมั่วน่ะสิคะ” ลู่ม่านเซิงกล่าวอย่างใจเย็น

เธอจงใจปล่อยข่าวนั้นเองเพื่อทดสอบว่าเย่หนานโจวจะสนใจว่าเธอมีคู่หมั้นหรือไม่

แต่เธอได้ยินมาว่าเย่หนานโจวดื่มหนักในคืนนั้น ซึ่งหมายความว่าเขายังคงสนใจเธออยู่

“แฟนของฉันอยู่ในจีนและรอฉันมาหลายปี ความสัมพันธ์ของเรามั่นคงมาก เป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะตกหลุมรักชาวต่างชาติค่ะ”

ลู่ม่านเซิงมองไปที่เวินหนี่ เห็นได้ชัดว่าจงใจพูดให้เวินหนี่ฟัง

นอกจากนี้ยังเป็นการบอกเธอด้วยว่า ไม่ว่าพวกเธอจะแต่งงานแล้วหรือไม่ก็ตาม แต่ความสัมพันธ์ระหว่าง ลู่ม่านเซิงและเย่หนานโจวก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

เวินหนี่รู้สึกแย่ในใจ เธอเป็นภรรยาตามกฎหมายของเย่หนานโจว แล้วทำไมถึงไม่ใช่เธอที่จะเป็นฝ่ายยั่วยุล่ะ?

“คบกันมาตั้งนานหลายปีแล้วทำไมยังไม่ได้แต่งงานกันสักทีล่ะคะ มัวรออะไรอยู่?” เวินหนี่มองลู่ม่านเซิงอย่างตรงไปตรงมา “สื่อข่าวก็มีพลังมาก แถมคุณลู่ก็ยังโด่งดังมากขนาดนี้ อย่างน้อยก็ต้องมีเบาะแสอะไรบ้าง เป็นเพราะคุณลู่ปกปิดข่าวได้ดีงั้นเหรอคะ? ฉันมักจะอ่านข่าวซุบซิบอยู่บ่อย ๆ คราวก่อนดาราหญิงที่อยู่ในสถานการณ์นี้ก็ดูเหมือนว่าจะตกหลุมรักชายที่แต่งงานแล้วด้วยนะคะ”

ขณะที่พวกเธอกำลังพูดคุยกัน ก็มีคนที่เดินผ่านไปผ่านมา ซึ่งพวกเขาต่างก็รู้จักลู่ม่านเซิง

คำพูดของเวินหนี่ ทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองลู่ม่านเซิง ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะรับรู้ถึงสายตาแปลก ๆ

บรรณาธิการก็รอคำอธิบายเช่นกัน เมื่อเห็นว่าลู่ม่านเซิงเงียบไม่ตอบ เธอจึงพูดขึ้นอย่างลังเล “ม่านเซิง คงไม่เป็นแบบนั้นหรอกใช่ไหม?”

ลู่ม่านเซิงที่พวกเขารู้จักนั้นสูงส่งแค่ไหน ทุกคนต่างก็รู้ดี จึงไม่เคยมีใครคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน

แต่ในฐานะที่เธอเป็นบุคคลสาธารณะ กลับได้ยินแต่เพียงเรื่องการมีอยู่ของคู่หมั้นของเธอ แต่ไม่เคยพูดถึงมันเลย ซึ่งมันก็ทำให้แปลกมากขึ้น

คำว่า “ชายที่แต่งงานแล้ว” เป็นเหมือนหนามแหลมในหัวใจของลู่ม่านเซิงที่กระแทกเกราะป้องกันภายในของเธอ เธอกำมือแน่น “จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะคะ อย่าพูดมั่วกันไปเลยค่ะ”

เธอไม่ต้องการให้ผู้คนหัวเราะเยาะในงานนี้

เวินหนี่มองดูชุดของเธอแล้วกล่าวเสริมขึ้นอีกว่า “ชุดราคาห้าล้านมันก็นั้นคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปจริง ๆ แต่ฉันไม่รู้ว่ามันบังเอิญหรือเปล่า”

ทันทีที่เธอพูดจบ บรรณาธิการเฉินก็ถามขึ้นว่า “บังเอิญเรื่องอะไรเหรอคะ?”

เวินหนี่มองไปที่ลู่ม่านเซิงด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า แต่คำพูดของเธอนั้นเหมือนหนามแหลมที่ทิ่มแทงหัวใจของลู่ม่านเซิง “เมื่อวานนี้ไม่รู้ว่าฉันได้ยินใครพูดมา ว่ามีประธานคนหนึ่งที่นอกใจภรรยาให้บัตรเครดิตมือที่สามไปรูดเป็นล้าน สุดท้ายถูกภรรยาจับได้ทะเลาะกันใหญ่โตเลยล่ะค่ะ”

หน้าของลู่ม่านเซิงซีดเผือดและบิดเบี้ยว

เวินหนี่รู้ดี ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างลู่ม่านเซิงและเย่หนานโจวจะลึกซึ้งแค่ไหน ตราบใดที่การแต่งงานของเธอยังอยู่ ลู่ม่านเซิงก็จะไม่มีวันออกแสงได้

เธอเป็นบุคคลสาธารณะและไม่มีทางที่จะเอาอนาคตของตัวเองเข้ามาเสี่ยง

แม้ว่าเธอจะแต่งงานอย่างลับ ๆ กับเย่หนานโจว แต่เธอก็ยังคงกลัวว่า เวินหนี่จะเผลอพูดอะไรออกไปแล้วกลายเป็นเรื่องใหญ่

เมื่อเห็นว่าเธอดูเหมือนจะร้องไห้และไม่พูดอะไร เวินหนี่จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “แน่นอนว่าฉันไม่ได้หมายถึงคุณนะคะคุณลู่ ฉันแค่คิดว่ามันบังเอิญก็เท่านั้น ฉันเชื่อว่าคุณคงไม่แย่งสามีของใคร”

บรรณาธิการเฉินเป็นคนฉลาดและไม่ต้องการให้สถานการณ์ตึงเครียดไปมากกว่านี้ เธอจึงกล่าวต่อว่า “ฉันรู้จักม่านเซิงดี คุณไม่มีทางชอบผู้ชายที่มีเจ้าของแล้วแน่นอน”

ลู่ม่านเซิงกำหมัดจนแทบแหลก ดวงตาของเธอแดงเล็กน้อย แต่ก็ทำได้เพียงฝืนยิ้ม “พวกคุณนี่พูดล้อเล่นเก่งกันจริง ๆ เลยนะคะ”

เวินหนี่รู้สึกหิวนิดหน่อยจึงเดินไปหาอะไรกิน ผู้คนกำลังดูนิทรรศการอยู่ข้างนอก และข้างในก็มีคนไม่มากนัก

ลู่ม่านเซิงไม่พอใจ ความภาคภูมิใจของเธอจะถูกเวินหนี่ทำลายไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงไล่ตามเวินหนี่ไปและเรียกเธออย่างรุนแรง “เวินหนี่!”

เวินหนี่ไม่ได้สนใจเธอ

“เธอหมายความว่ายังไง” ลู่ม่านเซิงพูดด้วยดวงตาสีแดง “เมื่อกี้เธอคิดจะทำลายฉันจริง ๆ ใช่ไหม?”

เวินหนี่หยิบเครื่องดื่มขึ้นมาและจิบ “ถ้าฉันมีความคิดแบบนั้น เธอคิดว่าจะยังมายืนต่อหน้าฉันได้อยู่ไหม?”

ลู่ม่านเซิงพูดขึ้น “เธอต่างหากที่คือมือที่สาม เย่หนานโจวกับฉันรักกันมาหลายปีแล้ว เธอทำให้เราต้องแยกจากกัน ถ้าไม่มีเธอ คนที่แต่งงานกับเขาก็ต้องเป็นฉัน เย่หนานโจวรักฉันมาตลอด และเขาก็รอให้ฉันกลับมา ในเมื่อฉันกลับมาแล้วเธอกับเขาก็ควรหย่ากันได้แล้ว!”

คำพูดของเธอแทงทะลุหัวใจของเวินหนี่

เธอแต่งงานกับเย่หนานโจวแค่ระยะเวลาสามปีเท่านั้น นี่เพียงเพื่อรอให้ลู่ม่านเซิงกลับมาใช่ไหม?

เวินหนี่มองย้อนกลับไปที่ลู่ม่านเซิง และน้ำเสียงของเธอก็เย็นชาขึ้นมาก “คุณลู่คะ คุณพูดจาไร้สาระอะไรกัน? ฉันจดทะเบียนสมรสกับเย่หนานโจว และฉันก็เป็นภรรยาของเขา แล้วตัวตนของคุณคืออะไร? อยากให้คนอื่นรู้ว่าคุณล่อลวงสามีของคนอื่นเหรอคะ?”

น้ำตาไหลลงมาอย่างเงียบ ๆ จากหางตาของลู่ม่านเซิง เธอเช็ดมันอย่างสงบแล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “มีใครรู้บ้างว่าเธอเป็นภรรยาของเย่หนานโจว? อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ เธอแต่งงานกับเขาเพราะเงินห้าสิบล้าน เธอมันเห็นแก่เงิน! เย่หนานโจวไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่าเขาแต่งงานแล้วเพราะเขาไม่อยากทำให้ชื่อเสียงของฉันต้องเสียหายในอนาคต เป็นเพราะเธอใช่เล่ห์เหลี่ยมถึงได้แต่งงานกับเขาไงล่ะ!”

เวินหนี่เม้มริมฝีปาก หนามแหลมคมทิ่มแทงหัวใจของเธอรุนแรงยิ่งขึ้น

เป็นอย่างนี้เองสินะ

ปกปิดการแต่งงานเพื่อปกป้องชื่อเสียงของลู่ม่านเซิง

และเธอก็ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ทั้งหมดอย่างเชื่อฟัง

เมื่อเห็นสีหน้าของเวินหนี่เปลี่ยนไป ลู่ม่านเซิงจึงกล่าวต่อ “เวินหนี่ ภูมิหลังของเธอแต่งงานก็เพื่อเงิน ตระกูลเย่จะชื่นชอบเธอได้ยังไง อย่างนั้นก็เลยไม่มีใครเห็นความสำคัญของเธอไงล่ะ ถ้าเธอต้องการเงิน ฉันเองก็ให้เธอได้นะ เธออยากได้เท่าไหร่ล่ะ ถึงจะยอมปล่อยเย่หนานโจวไป?”

เวินหนี่พูดขึ้นว่า “ชุดที่คุณใส่ก็ยังต้องใช้เงินของเย่หนานโจว คุณจะให้เงินฉันได้เท่าไหร่กัน?”

ลู่ม่านเซิงหัวเราะขึ้น “นี่คือของขวัญที่เขามอบให้ฉัน เกรงว่าเขาคงไม่เคยให้ชุดสวย ๆ แบบนี้กับเธอสินะ”

เวินหนี่หายใจเข้าลึก กลัวว่าคนที่พ่ายแพ้จะเป็นเธอเสียเอง จึงเดินผ่านเธอและเตรียมที่จะออกไป

แต่ลู่ม่านเซิงคว้าแขนของเธอเอาไว้ “จะไปไหน ฉันพูดกับแทงใจดำเธอหรือไงกัน เย่หนานโจวไม่เคยเลือกชุดให้เธอเลยใช่ไหม?”

เล็บของเธอแทบจะแทงเข้าไปในเนื้อของเวินหนี่ เวินหนี่ขมวดคิ้วและพูดขึ้นเสียงเย็น “ปล่อย!”

เสียงของลู่ม่านเซิงดังขึ้น “เวินหนี่ ยอมรับความจริงซะ เธอไม่เคยถูกรัก ชื่อเสียงของเธอเป็นเพียงเครื่องประดับ ทำไมเธอถึงไม่ละอายใจ และยึดครองผู้ชายที่ไม่ใช่ของตัวเอง…”

“เพียะ!”

เวินหนี่โบกมือและตบหน้าเธอเสียงดัง

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Mga Comments (1)
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
ต้องให้ได้อย่างนี้สิ
Tignan lahat ng Komento

Pinakabagong kabanata

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 520

    อาจ้านตอบว่า “ช้าอีกหน่อยแล้วกัน สถานที่เดิม”หญิงผมแดงยิ้มอย่างมีเลศนัย “ได้เลย ฉันจะรอคุณตรงเวลานะ”พูดจบหญิงผมแดงก็รีบเดินออกจากบริเวณของเขาไป พอเธอจากไปแล้ว อาจ้านก็ค่อย ๆ เอาหัวใจของสัตว์กลับใส่ที่เดิม จากนั้นเขาก็เย็บปิดแผลอย่างประณีต แม้ว่าเมื่อครู่จะดูโหดร้ายเลือดสาดสักแค่ไหน แต่ในตอนนี้หัวใจของสัตว์นั้นก็ยังสามารถเต้นได้อีกครั้งเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว อาจ้านถอดถุงมือที่เปื้อนเลือดออก ล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและสบู่หลายรอบ จนกระทั่งไม่เหลือกลิ่นใด ๆ แล้วจึงออกไป เขาขับรถมุ่งหน้าไปยังฟาร์มที่หน้าประตูมีคนยืนเฝ้าอยู่ พอเห็นรถของอาจ้านเข้ามาก็รีบเปิดประตูให้เข้าไป ด้านในฟาร์มมีการปลูกดอกไม้บางชนิดตกแต่งไว้ แต่มีเพียงสตรอเบอร์รีเท่านั้นที่เป็นพืชหลักของฟาร์มสตรอเบอร์รีในแปลงไม่ได้ถูกเก็บไปขาย หลายลูกปล่อยให้เน่าอยู่บนพื้น อาจ้านลงจากรถ สายตาเขาเหลือบมองทุ่งสตรอเบอร์รีที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีอย่างพอใจ บนใบหน้าจึงเผยรอยยิ้มจาง ๆผู้คุมหน้าประตูส่งตะกร้าให้ อาจ้านรับตะกร้ามาแล้วเดินตรงเข้าสู่แปลงสตรอเบอร์รี ทุ่งเบื้องหน้าเต็มไปด้วยผลสตรอเบอร์รีที่สุกงอมจนเป็นส

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 519

    [ฉันว่าคุณพูดถูกนะ เทียบกันแล้วฉันชอบคลิปสั้นของจางจื่อฉีมากกว่า ชอบบทของเธอในละครเรื่องนั้นจริงๆ!]ใบหน้าของลู่ม่านเซิงแทบเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธคนพวกนี้พูดบ้าอะไรกัน! บอกว่าจางจื่อฉีถ่ายได้ดีกว่าเธออย่างนั้นหรือ? เป็นไปได้ยังไง! เธอหน้าตาสวยกว่าจางจื่อฉีตั้งเยอะผู้ช่วยของเธอที่อยู่ข้าง ๆ เห็นยอดไลค์ในคลิปสั้นของจางจื่อฉีพุ่งทะลุสิบล้านแล้ว จึงพูดจาดูถูกขึ้นมาทันที “พวกชาวเน็ตเขียนอะไรกัน เห็น ๆ อยู่ว่าคุณเซิงสวยกว่า จางจื่อฉีน่ะอาศัยแค่กระแสความทรงจำ ไม่ได้มีความสามารถจริงจังอะไรเลย แถมดันไปถ่ายคลิปสั้นแบบนี้อีก มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาเขาเล่นกันทั้งนั้น ดาราจะไปโพสต์คลิปบนแอปแบบนี้ได้ยังไง ไร้เกียรติมาก!”ผู้ช่วยของเธอดูถูกวิธีการนี้มาก เพราะส่วนใหญ่ดาราที่โพสต์บนแอปสั้นมักจะเป็นพวกที่ไม่ค่อยดัง พยายามหารายได้จากตรงนี้ เธอจึงไม่สนใจสิ่งนี้เลย“อ๊า!” ลู่ม่านเซิงโมโหถึงกับปามือถือลงพื้น!ผู้ช่วยที่ตอนแรกตั้งใจจะปลอบเธอ ถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นลู่ม่านเซิงปามือถือด้วยความโกรธ “คุณเซิง…”ลู่ม่านเซิงโกรธจนตาแดงก่ำ “ทำไมยอดไลค์ของจางจื่อฉีถึงได้ถึงสิบล้าน มีคนชอบเธอตั้งมา

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 518

    ทางด้านลู่ม่านเซิงก็กำลังถ่ายทำเช่นกันเธอแต่งกายสไตล์ย้อนยุคแบบเดียวกับจางจื่อฉี“ดีมากเลย เซิงเซิง สวยมาก!” ช่างภาพกล่าวพลางถ่ายจากหลายมุม“มุมนี้ดูดีมาก ได้ภาพสวยเลย!”ช่างภาพชมเธอไม่หยุดระหว่างถ่ายทำลู่ม่านเซิงเองก็มั่นใจในตัวเองสูง เธอตั้งใจถ่ายมาก เพราะรู้ดีว่าเสน่ห์และความงามของเธอเหนือกว่าจางจื่อฉี ซึ่งในวงการบันเทิงแล้ว ความงามถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง หลายคนดังได้จากเพียงรูปลักษณ์เธอเองก็แสดงละครได้ดี แถมยังมีหน้าตาที่โดดเด่น จึงมั่นใจว่าจะเอาชนะจางจื่อฉีได้แน่นอนจริง ๆ แล้วเป้าหมายของเธอไม่ใช่จางจื่อฉี แต่เป็นเวินหนี่เธอจงใจไม่ให้ความร่วมมือกับจางจื่อฉีเพื่อโค่นล้มเวินหนี่ หากเธอชนะจางจื่อฉีได้ ก็จะถือว่าชนะเวินหนี่ด้วยและหากชนะครั้งนี้ก็จะมีครั้งต่อไปเมื่อดูภาพถ่ายของตัวเอง เธอก็พึงพอใจมาก เชื่อมั่นว่าจะขึ้นเทรนด์ในโลกออนไลน์ได้“รีบปล่อยภาพนี้ไปให้เร็วที่สุดนะ ใช้ความร้อนแรงของงานในวันนี้ให้เต็มที่” ลู่ม่านเซิงสั่ง“แน่นอนครับ คาดว่าค่ำนี้น่าจะได้เห็นกันแล้ว!”ริมฝีปากของลู่ม่านเซิงเผยรอยยิ้มมั่นใจ คิดว่าความสำเร็จอยู่ในมือเธอแล้วค่ำวันนั้น สื่อ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 517

    เธอยังคงเป็นคนของบริษัทเย่หนานโจว หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น บริษัทก็ย่อมต้องคุ้มครองเธออยู่แล้ว ช่วงนี้ยังมีข่าวมากมายที่ออกมาช่วยลบล้างข่าวเสียของลู่ม่านเซิงอีกด้วยเวินหนี่มองลู่ม่านเซิงในชุดนี้อย่างเย้ยหยัน “เลียนแบบจนได้ดี มันสนุกมากไหม?”คำพูดนี้จี้จุดของลู่ม่านเซิง แต่คราวนี้เธอไม่สนใจ เธอต้องการชนะเสียครั้งหนึ่ง จึงยิ้มตอบอย่างมั่นใจ “เวินหนี่ เธอไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง จะไปรู้ได้ยังไงว่าอะไรที่คนดูชอบ คนที่สวยก็ย่อมมีคนติดตามมากกว่า หรือเธอว่าไม่จริง?”ความหมายก็คือเธอเชื่อว่าตัวเองสวยกว่าจางจื่อฉี แต่แม้ว่าลู่ม่านเซิงจะพูดอย่างนั้น จางจื่อฉีก็มีฝีมือการแสดงที่เหนือกว่า ความเป็นนักแสดงมืออาชีพทำให้ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันเรื่องความสวยจางจื่อฉียืนอยู่อย่างสงบ สีหน้าเยือกเย็น ไม่คิดจะโต้เถียงใด ๆ กับลู่ม่านเซิง ราวกับไม่อยากเสียเวลาถกเถียงกับเธอเลยเวินหนี่ก็ไม่ได้สนใจจะโต้แย้งอะไรในเรื่องนี้ เธอเอ่ยขึ้นเพื่อให้ลู่ม่านเซิงเข้าใจอย่างชัดเจนว่า การพึ่งพาคนอื่นนั้นไม่ได้ยั่งยืน “ในเมื่อเธอชอบนัก ก็เอาไปเถอะ จางจื่อฉีไม่ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้ใช้ที่นี่”พอเห็นเวินหนี่รู

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 516

    เวินหนี่ถ่ายรูปให้จางจื่อฉีไปหลายรูป แม้เธอจะไม่ใช่คนที่โดดเด่นเพราะความสวยงาม แต่ด้วยฝีมือการแสดงของเธอที่ยอดเยี่ยม ก็ทำให้นักแสดงชายหลายคนมีชื่อเสียงได้เช่นกัน ความไม่ถือตัวและความเป็นกันเองของจางจื่อฉีเป็นสิ่งที่เวินหนี่ชื่นชมเมื่อการแสดงแฟชั่นโชว์เกือบสิ้นสุดลง เวินหนี่เดินหาช่างภาพเพื่อนำไปถ่ายภาพเสร็จสมบูรณ์พอเสี่ยวอิ่งเห็นจางจื่อฉี เธอก็ร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตื่นเต้น “จางจื่อฉี! ฉันได้เจอตัวจริงแล้ว!”เวินหนี่เห็นเสี่ยวอิ่งมีปฏิกิริยาขนาดนี้ก็อดแซวไม่ได้ “ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ?”เสี่ยวอิ่งตอบอย่างไม่ลังเล “แน่นอนสิ! ฉันดูละครที่เธอเล่นมาตั้งหลายเรื่อง นี่มันเหมือนฝันไปเลย ฉันได้เจอไอดอลของฉัน ฉันชอบเธอมาก ๆ เลยล่ะ!”จางจื่อฉียิ้มแล้วเดินเข้ามาทักทาย “สวัสดี ฉันคือจางจื่อฉีค่ะ” เธอเอื้อมมือออกไปจับมือกับเสี่ยวอิ่งเสี่ยวอิ่งมองมือของจางจื่อฉีด้วยความตื่นเต้น ราวกับอยู่ในความฝัน เธอจับมือจางจื่อฉีแล้วพูดอย่างซาบซึ้งจนแทบร้องไห้ “นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า? ฉันดูละครที่คุณแสดงมาทุกเรื่องเลยนะคะ ฉันรู้ประวัติของคุณด้วย คุณมาจากต่างจังหวัดแล้วต่อสู้ในวงการบันเทิงตั้งนาน ฉ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 515

    เมื่อเปรียบเทียบความสามารถของลู่ม่านเซิงในการสร้างกระแสดังในทางลบ กับความหยิ่งในศักดิ์ศรีของจางจื่อฉีที่ปฏิเสธไม่รับเล่นบทละครที่ไม่ได้คุณภาพแล้ว เวินหนี่ก็รู้สึกได้ถึงความจริงที่ว่าในวงการบันเทิงยุคนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นและดับลงอย่างรวดเร็ว นักแสดงหน้าใหม่ผลัดเปลี่ยนมาแทนที่อย่างรวดเร็ว ขณะที่คนเก่าก็ถูกลืมไปได้ง่ายบางคนอาจโด่งดังจากละครเรื่องเดียว แต่ถ้าไม่มีผลงานต่อไปคอยสนับสนุนจากคนดังแถวหน้าก็อาจตกไปเป็นระดับล่างได้ในพริบตา การแข่งขันในวงการนี้โหดร้ายและไร้ปรานี ต่อให้เวินหนี่ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงเอง เธอก็ยังเห็นความเป็นจริงเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนแม้การเล่นละครที่ด้อยคุณภาพจะทำให้ชื่อเสียงไม่ดี แต่ถ้ามันสามารถเรียกความสนใจจากผู้คนได้ นักแสดงคนนั้นก็สามารถนับเป็น ‘สินค้าทางการตลาด’ ที่ประสบความสำเร็จแล้วเวินหนี่มองจางจื่อฉีและพูดว่า “คุณเป็นนักแสดงที่ดีค่ะ ไม่ใช่แค่ฝีมือการแสดงที่ดี แต่ยังไม่ยอมตามกระแสแบบทั่วไป คนที่เป็นแบบนี้หาได้ยากมาก ขอให้เชื่อเถอะค่ะว่าสักวันคุณจะต้องโด่งดังแน่นอน”จางจื่อฉีรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินคำชมจากเวินหนี่ เธอจึงยิ้มและพูดด้วยความขอบคุณ “ตอนน

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status