“เฉินหว่านฉือ ข้อตกลงการหย่า หมายความว่ายังไง?”
เฉินหว่านฉือหลังจากได้ยินเสียงทุ้มต่ำปนความเศร้าโศกของป๋อจิงโจว ก็มีสติขึ้นมาทันควัน
“ก็ความหมายตามตัวหนังสือนั่นล่ะ”
ป๋อจิงโจวยิ้มหยัน ”ก่อนเริ่มงาน มาที่ห้องทำงานของผมแล้วเอาขยะนี่กลับไปซะ สองทุ่ม ผมต้องเจอคุณที่คฤหาสน์หยูถิงและก็……สัมภาระ”
เฉินหว่านฉือก็ยิ้มหยันตอบเขาเช่นกัน ”ป๋อจิงโจว นี่นาย……”
เป็นบ้าหรือไง?
เสียงของเธอชะงักไปชั่วคราว และทันใดนั้นเธอก็ตระหนักถึงจุดประสงค์ที่เขาโทรมา
“คุณไม่ต้องกังวลว่าเจียนเหวยหนิงจะได้ขึ้นแท่นว่าเป็นเมียน้อยหรอกนะ คนที่รู้ว่าเราแต่งงานกันมีแต่พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายและเพื่อนอีกไม่กี่คน ในสายตาคนอื่น คุณยังเป็นคนที่ช่วยเหลือสนับสนุนการทำงานของแฟนสาว เต็มใจเป็นหวังเปาช่วนที่ทนทุกข์ในถ้ำเย็นๆมืดๆ ตอนนี้เมฆเปิดเห็นเดือนเห็นตะวันแล้ว ทุกคนต่างยินดีกับคุณ”
ภาพถ่ายป๋อจิงโจวที่กำลังส่งเจียนเหวยหนิงไปโรงพยาบาลเมื่อคืนนี้ วันนี้เธอกำลังยื่นฟ้องหย่า ข้อตกลงนี้ถ้าถูกเปิดเผยล่ะก็ เจียนเหวยหนิงจะต้องถูกตราหน้าว่าเป็นเมียน้อยแน่ ๆ
เฉินหว่านฉือพูดจบ เพิ่งจะรู้สึกได้ว่าป๋อจิงโจววางโทรศัพท์ไปนานแล้ว
ไอ้หมานี่……
ตอนนี้โรงแรมที่เธอพักอยู่ใกล้กับตระกูลป๋อ เฉินหว่านฉือก็เลยไม่รีบนัก ละเมียดละไมทานอาหารเช้าแล้วถึงได้นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปหา
ตอนแรกหลังจากที่แต่งงานกับป๋อจิงโจว เธอตบปากรับคำข้อเสนอของแม่สามีรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยตระกูลป๋อ
ปากบอกว่าเป็นผู้ช่วย แต่แท้จริงแล้วก็คือแม่บ้านดีๆนี่แหล่ะ
ยามปกติก็รับผิดชอบอาหารสามมื้อในหนึ่งวันของจิงโจวและก็เรื่องจุกจิกภายในบ้าน เอาเงินเดือนประทังชีวิตรอความตายไปวัน ๆ ทำนองนั้น
ในบริษัทไม่มีรู้ว่าเธอคือภรรยาของป๋อจิงโจว หรือก็คือเถ้าแก่เนี้ยของตระกูลป๋อ
ลองคิดดูแล้วก็เศร้าใจ มือที่สามทุกคนต่างรู้ดี เธอเป็นเมียที่แท้จริงแต่กลับเปรียบเหมือนเป็นสายลับซะมากกว่า บางทีนั่งรถของป๋อจิงโจวไปบริษัท ยังต้องลงก่อนถึงที่หมายตั้งสองทางแยก
เฉินหว่านฉือหลังจากถึงบริษัท ก็เปิดคอมประเดิมเหน็บแนมด้วยรายงานการลาออก ไหนๆก็จะหย่ากันแล้ว แม่บ้านนี่ใครอยากจะเป็นก็เป็นไปเถอะ!
มีคนเดินผ่านเธอไป และเสียงลั่นมาทีนึง‘เอ๊ะ’ “ผู้ช่วยเฉิน คุณจะลาออกหรอคะ หรือว่าแฟนหนุ่มเศรษฐีขอคุณแต่งงานแล้ว?”
เฉินหว่านฉือนิ่งไปพักหนึ่ง มีครั้งหนึ่งตอนที่เธอลงจากรถของป๋อจิงโจวมีคนเห็นเข้า ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความตกใจถามเธอว่าได้มารถของประธานป๋อหรือเปล่า
ตอนนั้นเธอไม่อยากให้ใครๆรู้ถึงความสัมพันธ์พรรค์นั้น เลยอ้างว่าเป็นแฟนหนุ่มของตน เป็นรถของแฟนหนุ่ม
ดังนั้นวันต่อมา ที่บริษัทเจ้านายลูกน้องทั้งบริษัทต่างเล่าขานว่าเธอมีแฟนหนุ่มมีฐานะ ขับรถหรูรุ่นเดียวกันกับท่านประธานป๋อเลย
ดังนั้นไม่มีใครคาดคิดถึงว่าเป็นป๋อจิงโจว เพราะคนทั้งตึกสามสิบหกชั้นต่างทราบว่า อาหารที่ผู้ช่วยเฉินจัดนั้น ประธานป๋อไม่เคยทานเลยแม้แต่น้อย ทุกครั้งได้แต่เขี่ยทิ้งลงถังขยะ
เฉินหว่านฉือโง่จริงๆ หนึ่งวันมีสามมื้อ จัดเตรียมอาหารอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
แต่ตอนนี้ เฉินหว่านฉือกล่าวปฏิเสธ ”เปล่า เราเลิกกันแล้ว”
“เขยผู้ดีสูงส่งขนาดนี้เธอยอมที่จะเสียไปหรอ ถ้าเป็นฉัน คงร้องไห้ตายไปนานแล้ว!”มีคนเสียดายแทนเธอ ก็แค่เป็นหนึ่งในหลายคนที่ยินดียินร้ายไปกับความเฮ็งซวยที่มิอาจรู้ได้
เฉินหว่านฉือนึกถึงเขยผู้ดีสูงส่งของเธอ เสียงแผ่วเบา แฝงไปด้วยความเฉียบคม “ผู้ชายที่ทั้งเนื้อทั้งตัวก็มีแค่ปากที่แข็งที่สุดแล้ว ไม่แบ่งไปฉลองปีใหม่เหรอคะ?”
“ที่อื่นไม่แข็งเหรอ?”
“อะแฮ่ม!”
เสียงกระแอมเก้อเขินขัดจังหวะวงสนทนา ทุกคนหันมา เห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตูสำนักงานชัดเจน ตกใจจนอกสั่นขวัญหายกันในทันทีทันใด!
“ประธานป๋อ…….”
คนที่กระแอมคือเฉินสวี่ ผู้ช่วยพิเศษท่านประธาน เขาเหลือบมองท่านประธานที่อยู่ข้างๆ แล้วพูดว่า “ห้ามพูดเรื่องส่วนตัวในเวลางาน โดยเฉพาะหัวข้อที่ส่อล่อแหลมแบบนี้”
สายตาของป๋อจิงโจวกวาดมองทุกคน จนไปตกที่เฉินหว่านฉือ นัยน์ตาเข้มและหนักแน่น “ผู้ช่วยเฉินมาหาผมที่ห้องทำงาน วันนี้คนที่ร่วมวงสนทนาหักหนึ่งพัน ไปแผนกการเงินเพื่อลงนามใบค่าปรับด้วยครับ”
ผู้อยู่ในเหตุการณ์แตกตื่นเตลิดเปิดเปิง มีแต่เฉินหว่านฉือที่ยังพิมพ์ต่อ หน้าไม่เปลี่ยนสี……
ห้องทำงานของป๋อจิงโจวเป็นแบบสไลต์มินิมอล ตอนที่เฉินหว่านฉือเดินเข้าไปนั้น ท่านประธานก็ใช้นิ้วมือเล่นกับเอกสารฉบับหนึ่งแบบสบาย ๆ
เธอจำได้เลย นั่นคือข้อตกลงการหย่าที่เธอไหว้วานคนให้เอาไปไว้ที่คฤหาสน์เมื่อเช้านี้
เฉินหว่านฉือเดินถึงหน้าโต๊ะทำงานยืนนิ่ง “ประธานป๋อคะ”
ผู้ชายกรอกตาขึ้นมอง สีหน้าไร้ซึ่งความรู้สึกแยกไม่ออกว่าดีใจหรือโมโห แต่น้ำเสียงกลับเคร่งขรึมหนักอึ้ง ”ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่ปากที่แข็งที่สุด ผู้ช่วยเฉินเอาข้อพิสูจน์นี้มาจากไหนครับ?”
เฉินหว่านฉือเม้มริมฝีปาก สมองเธอมีปัญหาแน่ๆถึงไปพูดต่อประเด็นนี้
บรรยากาศชะงักไปนานกว่าสิบวินาที ป๋อจิงโจวก็เลยละประเด็นนี้ เขาโยนข้อตกลงการหย่าลงบนโต๊ะ——
“อธิบายมาซิ เหตุผลของการหย่าหมายความว่ายังไง?”
เฉินหว่านฉือเงียบไปสองสามวินาที ตอบเขาแบบเย่อหยิ่งไปว่า “ก็ความหมายตามตัวหนังสือนั่นแหละค่ะ”
เธอเขียนไว้ชัดเจนมาก คนที่เข้าใจก็เข้าใจ
“หลังจากแต่งงานแล้วไม่มีเพศสัมพันธ์มาเป็นเวลาสามปีแล้ว ไม่สามารถตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานที่สุดของผู้หญิงได้ คาดว่าฝ่ายชายจะมีความบกพร่องความต้องการทางเพศ”
ทุกครั้งที่ป๋อจิงโจวอ่านทีละตัว เฉินหว่านฉือรู้สึกตึงชาที่หนังศีรษะ เกรงว่าชายคนนี้จะโกรธจนเสียการควบคุมลุกขึ้นมาบีบคอเธอ
แต่เธอก็มองตามความเป็นจริง แต่งงานมาสามปี เขาไม่เคยแตะต้องตัวเธอเลย
ตอนที่อ่านถึงการแบ่งทรัพย์สินบรรทัดนั้น แววตาชายผู้นั้นมีเสี้ยวแว๊บของความเย็นยะเยือก”ดูเหมือนว่า สามปีนี้ก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์นี่ รู้ทรัพย์สินของผมเหมือนหลับตาเห็น แต่ว่าเฉินหว่านฉือ คุณคิดว่าคุณมีความสามารถอะไรที่จะเอาเงินผมไป?”
เฉินหว่านฉือวางแผนไว้นานแล้วว่าจะออกไปแบบใสสะอาด ไม่ติดใจเรื่องนี้
แต่ว่าท่าทางเย็นชาจะเป็นการยั่วยุป๋อจิงโจว กระดูกนิ้วมือเขายื่นออกมา บีบที่คางของเธอ “เลิกกับผม คุณจะเอาอะไรกิน?หวังกับอิแค่เงินเดือนสองหมื่นห้าพันบาทเหรอ? อย่าว่าแต่เช่าห้องเลย พอซื้อสร้อยที่ห้อยบนคอคุณรึเปล่า?”
คำพูดเหน็บแนมพวกนั้น ไม่พูดก็เข้าใจได้
เฉินหว่านฉือเอียงหัว ขัดขืนเพื่อพ้นจากเงื้อมมือเขา แต่ก็ไม่เป็นดั่งใจ กลับถูกบีบให้เจ็บปวดมากขึ้นไปอีก
เธอทนต่อความเจ็บปวด “นี่มันเป็นเรื่องของฉัน นายไม่ต้องมาสนใจ”
“เหอะ” ป๋อจิงโจวยิ้มเยาะ ด้วยโทสะที่แผ่ออกมาทั้งตัวเกือบจะทำให้เธอนั้นแตกเป็นเสี่ยงๆ “หาคนรับช่วงต่อได้แล้วเหรอ?”
“……”
เห็นเธอไม่พูด ป๋อจิงโจวก็ถือว่าเธอยอมรับแล้ว
เขาจู่ๆก็หัวเราะขึ้นมา และฉีกยกริมฝีปากเย้าหยอก ปล่อยมือที่บีบคางของเธอ “มีเรื่องนึงที่คุณยังไม่เข้าใจ หย่าหรือไม่หย่า คุณไม่มีสิทธิ์มาตัดสินใจ ข้อตกลงการหย่ายังเหลือเวลาอีกสามเดือน”
แต่ว่าเฉินหว่านฉือมองแล้วมันก็ไม่ต่างอะไร ยังไงเสียสามปีมานี้เขาก็ไม่เคยเห็นเธอเป็นภรรยาอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสามเดือนสุดท้ายเลย?
ท่าทีของเขา มันก็แค่เรื่องยื่นฟ้องหย่า เหมือนไปหักหน้าเขา ทำลายชื่อเสียงของเจียนเหวยหนิง
สันดานของผู้ชายเลว!
ดูเหมือนว่าเรื่องการหย่าวันนี้จะคุยไม่ลงตัว เฉินหว่านฉือเลยแสดงท่าทีที่จัดเจนของตัวเอง——
“ไม่ว่าเวลาจะนานแค่ไหน ฉันก็จะไม่ย้ายกลับไปหรอก”
ป๋อจิงโจวมองต่ำมาที่เธอ “คุณจะบอกผมว่า จะแยกกันอยู่ใช่ไหม หืม?”