Share

บทที่ 0004

เมื่อลู่จิ่งโม่กลับถึงบ้าน มันก็เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว

ภายในวิลล่าเงียบสงบอย่างน่าประหลาด ในห้องรับแขกก็เปิดไฟกลางคืนไว้แค่เพียงดวงเดียว

เย่เจียเหอนั่งอยู่บนโซฟา ดูเหมือนจะรอเขาอยู่

ลู่จิ่งโม่ถอดเสื้อโค้ตออก คลายเนกไท และพูดด้วยน้ำเสียงที่หมดความอดทนเล็กน้อย

"หย่ากัน เราตกลงกันตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้วไม่ใช่เหรอ? ปัญหาเรื่องทรัพย์สิน ผมไม่ให้คุณขาดทุนแน่นอน เรื่องนี้ คุณวางใจได้"

เขาคิดว่า เธออยากจะแบ่งทรัพย์สินให้มากหน่อยก็เท่านั้นเอง

เย่เจียเหอพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งว่า "ลู่จิ่งโม่ เพราะผู้หญิงคนนั้น คุณถึงจะหย่าร้างกับฉันไม่ใช่เหรอ?"

สีหน้าของลู่จิ่งโม่เปลี่ยนไปเล็กน้อย และในไม่ช้าก็กลับมาสงบอีกครั้ง

เขาไม่อยากจะปิดบังเธออีกต่อไป และก็ไม่จำเป็นที่จะต้องปิดบังอีกต่อไปด้วย

"ใช่ ผมต้องรับผิดชอบต่อเธอ นี่เป็นสิ่งที่ผมติดค้างเธอเอาไว้"

ลู่จิ่งโม่ยอมรับอย่างใจเย็น

เย่เจียเหอหัวเราะเยาะตัวเอง "วันนี้ฉันเพิ่งจะพบว่า คุณเป็นคนหน้าซื่อใจคดได้ขนาดนั้น ตอนเที่ยงคุณยังทำตัวว่าเป็นเหยื่อ ทำให้ฉันรู้สึกผิด และบีบบังคับฉันให้หย่าอยู่เลย น่ากลัวว่าตอนนั้นคุณคงจะแอบดีใจอยู่ใช่ไหมล่ะ? ในที่สุดคุณก็จับจุดอ่อนของฉันได้ บีบให้ฉันทำตามเพื่อยอมรับคุณและเธอ"

ลู่จิ่งโม่ขมวดเล็กน้อย แล้วพูดน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกเอาเสียมากๆ "เย่เจียเหอ งั้นวันนี้ผมจะบอกกับคุณให้ชัดเจนแบบหมดเปลือกไปเลยนะ หากจะพูดการมาก่อนมาหลัง ก็เป็นวังโหรวที่อยู่กับผมก่อน คุณได้แต่งงานกับผมอย่างไร คุณรู้อยู่เต็มอก ตอนนี้ คุณมีคนอื่นอยู่ข้างนอกแล้ว งั้นพวกเราก็ถือว่าเสมอกัน ปลดปล่อยซึ่งกันและกัน ยอมรับกับทุกสิ่ง ดีหรือเปล่า?"

"ไม่ดี!"

น้ำเสียงของเย่เจียเหอเบามาก แต่ทุกคำนั้นเจาะลึกเข้าไปในใจ "สิ่งที่ฉันเกลียดมากที่สุดก็คือการถูกหลอก สองปีมานี้ คุณกับเธอเห็นฉันเป็นคนโง่และเล่นตลกกับฉัน คุณคิดว่า ฉันจะปล่อยพวกคุณไปอย่างนั้นเหรอ?"

ลู่จิ่งโม่ลูบหัวคิ้ว กลั้นไฟในใจ กัดฟันแล้วพูดว่า "แล้วคุณจะเอาอย่างไรล่ะ?"

"ฉันจะไม่หย่า"

เย่เจียเหอทิ้งประโยคนี้ไว้ และเดินไปที่ทิศทางของห้องนอน

แทบจะทันทีที่หันหลังให้กับเขา น้ำตาของเธอก็ไหลออกมาทันที

สองปีเต็ม เธอรอให้เขาหันกลับมามองเธออยู่ตลอด

ก่อนแม่ของเธอจะจากโลกนี้ไปเคยบอกเอาไว้ว่า ชีวิตการแต่งงานส่วนใหญ่ในโลกนี้ ล้วนเป็นความสัมพันธ์ที่ก่อขึ้นมาในทีหลังเสียทั้งนั้น

การตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบคือความรัก ซึ่งก็เหมือนกับความรักของเธอที่มีต่อลู่จิ่งโม่นั่นเอง

แต่ยังไงเสียชีวิตการแต่งงานก็ยังต้องอาศัยความเข้าใจและความอดทน

เธอคิดว่า จิตใจที่แน่วแน่ของเธอ สามารถทำให้หัวใจของเขาอ่อนลงได้

แต่ตอนนี้ เธอเพิ่งพบว่าความคิดของเธอนั้นมันผิดมหันต์แค่ไหน

การมีอยู่ของผู้หญิงคนนั้น ได้ทำลายความพยายามและความแน่วแน่ของเธอทั้งหมดไปตั้งนานแล้ว

……

ตลอดเวลาครึ่งเดือนติดต่อกัน ลู่จิ่งโม่ก็ไม่เคยกลับไปที่วิลล่าหลังนั้นอีกเลย

แม้แต่ห้องรับแขก เขาก็ไม่ได้พักอยู่

โดยที่เย่เจียเหอก็จัดการแช่ตัวเองอยู่ในห้องทดลองของมหาลัย และตั้งใจทำการวิจัยไปอย่างสิ้นเชิง

ปีนี้เธออยู่ปีสี่แล้ว และเธอกำลังจะเตรียมสอบปริญญาโทรอยู่

เธอไม่อยากติดอยู่กับชีวิตคู่ที่มองไม่เห็นอนาคตอีกต่อไปแล้ว

เพราะต่อให้ความรักจะไม่มีเหลืออยู่แล้ว อย่างน้อยก็ยังมีอาชีพการงานอยู่นี่นา!

ตอนนี้มีเพียงจิตใจที่เป็นสมาธิเท่านั้น ถึงจะสามารถทำให้ตัวเองไม่คิดถึงคำว่า ‘ลู่จิ่งโม่’ สามคำนี้ไปได้

ในตอนเย็น เธอเพิ่งทําการทดลองในวันนี้เสร็จ และกำลังจะออกจากห้องทดลอง

"คุณคือคุณเย่ใช่หรือเปล่า?"

วังโหรวยืนอยู่ใต้อาคารทดลอง และดูเหมือนจะรอเธออยู่

แค่มองแวบเดียวเย่เจียเหอก็จำเธอได้ นักเต้นที่เซี่ยหลิงสัมภาษณ์คนนั้น

"ใช่ค่ะ แล้วคุณเป็นใครหรือคะ?"

เย่เจียเหอแกล้งทําเป็นไม่รู้จักเธอ และพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

วังโหรวยิ้มๆ และพูดด้วยท่าทางที่อ่อนโยนเหมือนเช่นเคย "คุณเย่คะ ถือสาหรือไม่คะที่เราจะนั่งคุยกัน? ฉันเป็น...เพื่อนของจิ่งโม่ค่ะ ฉันชื่อวังโหรว"

"เพื่อน?"

เย่เจียเหอกระตุกริมฝีปากอย่างเย้ยหยัน "เพื่อนของลู่จิ่งโม่เยอะออกจะตายไปค่ะ ฉันไม่เคยได้ยินเขาพูดถึงคุณเลย ขอโทษนะคะ ตอนนี้ฉันไม่มีเวลาค่ะ"

แต่วังโหรวกลับขวางหน้าเธอเอาไว้ และยังคงยิ้มอยู่เหมือนเช่นเคย "คุณเย่คะ ไม่ทำให้คุณเสียเวลานานหรอกนะคะ"

จริงๆ แล้วเย่เจียเหอก็ไม่พอใจผู้หญิงคนนี้มานานแล้ว

ในเมื่อเธอยืนกรานอยู่แบบนี้ งั้นเธอก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า วังโหรวนั้นคิดที่จะทำอะไรกันแน่?

ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองก็ได้เดินไปที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆกับมหาลัยไห่เฉิง

"คุณเย่คะ..."

ทันทีที่วังโหรวพูดขึ้น ก็ถูกเย่เจียเหอพูดตัดบททันทีว่า "คุณวังคะ ในเมื่อคุณเป็นเพื่อนของจิ่งโม่ งั้นก็น่าจะรู้สถานะของฉันอยู่นะคะ? กรุณาเรียกฉันว่า คุณนายลู่!"

สามคําสุดท้าย เย่เจียเหอพูดเน้นเป็นพิเศษ

วังโหรวแสดงสีหน้าที่อึดอัดออกมา พยักหน้าแล้วพูดว่า "ได้ค่ะ งั้นฉันจะเรียกคุณว่าคุณนายลู่ชั่วคราวไปก่อนนะคะ วันนี้ที่ฉันมาพบคุณ ก็เพราะอยากจะขอโทษค่ะ เพราะยังไงเสีย ก็เป็นเพราะฉัน จิ่งโม่ถึงทำให้คุณต้องน้อยเนื้อต่ำใจได้ขนาดนั้น"

"จริงหรือคะ?"

เย่เจียเหอแสร้งทําเป็นหัวเราะเบาๆ "เขาไปทำให้ฉันน้อยใจอะไรหรือคะ? ทำไมฉันไม่รู้มาก่อนเลย? คุณวังคะ คุณอย่าสำคัญตัวผิดไปให้มาก ลู่จิ่งโม่ดีต่อฉันมาก ดีจริงๆนะคะ"

รอยยิ้มของวังโหรวค่อยๆลึกลง และใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุดมาเปิดโปงเธอ "จริงหรือคะ? แต่จิ่งโม่บอกกับฉันว่า คุณนายลู่ไม่ยอมหย่า สำหรับเรื่องนี้ เขารู้สึกปวดหัวมาก เพราะท้ายที่สุดแล้ว ฉันก็เป็นเพื่อนร่วมมหาลัยเดียวกับจิ่งโม่ และพวกเราก็ได้คบหากันมานานแล้ว จริงด้วยสิ ในตอนที่ฉันอายุเท่ากับคุณ เราก็คบหาดูใจกันแล้วนะคะ"

แม้ว่าเย่เจียเหอพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมือที่สาม แต่เมื่อใครคนนั้นมาถึงประตูจริงๆ เธอเพิ่งจะรู้ว่าตัวตนของเธอและวังโหรวแตกต่างกันมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเธออยู่ต่อหน้าเย่เจียเหอ เธอมักจะพูดเรื่องราวที่ผ่านมาเกี่ยวกับลู่จิ่งโม่

"จิ่งโม่เล่าเรื่องของพวกคุณให้ฉันฟังหมดแล้ว ในตอนนั้นการผ่าตัดหัวใจของคุณปู่ลู่นั้นซับซ้อนมาก แม่ของคุณช่วยเขาไว้ นี่ทําให้คุณปู่ลู่รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณพวกคุณมาตลอด ดังนั้น เมื่อแม่ของคุณฝากคุณไว้กับคุณปู่ลู่ก่อนตาย คนแก่คงยากที่จะปฏิเสธ แน่นอนว่าคุณก็เป็นเหยื่อของผู้ใหญ่คนนี้ที่จัดการแต่งงานและคุณก็น่าสงสารมากด้วยเช่นกัน"

น้ำเสียงของวังโหรวละเอียดอ่อน ไม่รีบร้อน ไม่กระวนกระวายใจ แต่กลับมากพอที่จะเหยียบใบหน้าและศักดิ์ศรีของเย่เจียเหอลงไปที่พื้นและลากไปมา

ดังนั้นก็หมายความว่า ลู่จิ่งโม่บอกทุกสิ่งกับผู้หญิงคนนี้โดยไม่ปิดบังแต่อย่างใดเลย

และเธอที่เขาพูดถึง คงจะดูน่าตลกเอาเสียมากๆใช่ไหม?

เย่เจียเหอก็เลยพูดตามน้ำออกมาว่า "ในเมื่อคุณวังสงสารฉัน งั้นก็เป็นคนดีสักครั้งเถอะค่ะ อย่ามารบกวนชีวิตของฉันและลู่จิ่งโม่อีก ได้หรือเปล่าคะ?"

สีหน้าของวังโหรวแข็งทื่อ ตอนแรกเธอคิดว่าเย่เจียเหอจะโกรธจนเต้นหยับๆเสียอีก

แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวคนนี้จะสงบได้ถึงเพียงนี้

วังโหรวยิ้มๆ แล้วพูดว่า "ฉันก็ไม่อยากจะทำแบบนี้หรอกนะ แต่จิ่งโม่ยืนกรานที่จะรับผิดชอบต่อฉัน เพราะสุดท้ายแล้ว แม้พวกเราจะไม่ได้ชื่อว่าเป็นสามีภรรยากัน แต่ก็มีเรื่องแบบสามีภรรยากันแล้ว คุณเย่ คุณยังอายุน้อย คงไม่เข้าใจหรอกนะ"

มือของเย่เจียเหอที่วางอยู่ใต้โต๊ะกําแน่น ทุกคําพูดของวังโหรวราวกับมีดที่กรีดลงกลางใจของเธออย่างจัง

และเธอก็คิดว่า พวกเขาก็คงอยู่ด้วยกันแล้ว เพราะสุดท้ายแล้ว ผู้ชายที่อยู่กับผู้หญิงที่ตัวเองรัก จะควบคุมอยู่ได้อย่างไรกัน?

แต่เมื่อวังโหรวพูดคําเหล่านี้และบอกเธออย่างโจ่งแจ้ง เย่เจียเหอก็รู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก

เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า "ดังนั้นวันนี้ที่คุณมาหาฉัน ก็เพื่อต้องการที่ฉันจะหลีกทางให้พวกคุณได้อยู่ด้วยกัน?"

"หากเป็นไปได้ ฉันจะให้จิ่งโม่ให้การรับประกันความเป็นอยู่ของคุณ และจะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน"

วังโหรวคิดว่าเย่เจียเหอพ่ายแพ้แล้ว จึงถือโอกาสเสนอเงื่อนไขที่น่าดึงดูดและใช้เงินมาล่อแบบนี้

เย่เจียเหอหัวเราะเบาๆ และพูดว่า "ต้องขอโทษจริงๆนะคะ หากฉันเป็นคุณนายลู่ต่อไป สิ่งที่ฉันจะได้รับนั้น มันมากกว่าสิ่งที่อยู่ในสัญญาการหย่าร้างเสียอีกนะคะ"

"แต่ความรัก ต้องมีคนมาก่อนหลังนะคะ"

เมื่อวังโหรวเห็นว่าเธอยังคงดื้อดึงอยู่ รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไปทันที โดยที่น้ำเสียงแฝงไปด้วยความร้อนใจเล็กน้อย "คุณเย่คะ ต่อให้คุณจะยืนกรานแบบนี้ แต่มันก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะคะ เพราะยังไงเสีย ฉันก็เป็นคนที่มาอยู่ข้างกายของจิ่งโม่ก่อน ฉันและเขาต่างหากที่เรียกว่าความรัก"

เย่เจียเหอพยักหน้า "ใช่ค่ะ พวกคุณเรียกว่าความรัก แต่เราเรียกว่าการแต่งงาน ความรักสามารถแบ่งการมาก่อนมาหลังได้ แต่กฎหมาย ไม่ได้ปกป้องคนมาก่อนหรือหลัง ทะเบียนสมรสใบนั้นได้กำหนดให้ชื่อเสียงของคุณวังไม่ดีและไม่สามารถอยู่ในความสง่างามได้นะคะ"

ในเวลานี้ โทรศัพท์ของเย่เจียเหอก็ดังขึ้น

เมื่อเห็นสายเรียกเข้าระบุว่าเป็นลู่จิ่งโม่ เย่เจียเหอก็นึกถึงวันที่สิบห้าของทุกเดือนทันที ซึ่งเป็นวันที่เธอจะต้องกลับไปที่วิลล่าเก่าเพื่อรับประทานอาหารกับคุณปู่ลู่

เธอจงใจกดปุ่มแฮนด์ฟรีต่อหน้าวังโหรว

ตรงนั้นมีเสียงลู่จิ่งโม่พูดขึ้นมาว่า "คุณอยู่ที่ไหน? วันนี้เราจะกลับวิลล่าเก่าด้วยกันนะ"

"ที่รัก ฉันอยู่ที่มหาลัยค่ะ เพิ่งทำการวิจัยเสร็จ คุณมารับฉันหน่อยสิ"

เสียงของเย่เจียเหอนุ่มและออดอ้อนเอาเสียมากๆ

ลู่จิ่งโม่ตกตะลึงอยู่เป็นเวลานาน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคําสองคําเมื่อกี้จะถูกเย่เจียเหอพูดออกมาได้

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status