Share

๑ เผชิญดาวร้าย / 2

Author: LIttlelion
last update Last Updated: 2025-06-07 21:48:16

“เสี่ยวเมิ่ง ยามปกติเจ้ามักฉลาดช่างจ้อ เรื่องแค่นี้มิต้องให้ข้าลุกไปจัดการเองกระมัง” ข้าเอ่ยกับนาง หลุบตาลงมองท่าทางบิดไปบิดมาของเสี่ยวเมิ่งที่นั่งด้านข้างด้วยความรู้สึกแปลกพิกล

“คุณหนูรองไปจัดเองเถิดเจ้าค่ะ ถ้าผู้ใดลือผิดๆ คุณหนูใหญ่จะมิได้มาโทษข้าเอาได้ ท่านก็รู้ว่ายามนางโกรธน่ากลัวมากแค่ไหน” เสี่ยวเมิ่งเอ่ยขอร้องอีก

ครั้งล่าสุดในคืนงานแต่ง บ่าวทั้งเรือนเหมยถูกคุณหนูใหญ่สะบั้นคอขาดไปทั้งหมด สาเหตุมาจากการละเลยหน้าที่บ่าว จนทำให้จิ้นฝานตีนเบาผู้เมามายย่องเข้าเรือนไป๋ซิงหนี่ว์จนลงมือทำร้ายนางได้

“เฮ้อ เสี่ยวเมิ่ง” ข้ากล่าวเสียงเนือยๆ ส่ายหน้าเบาๆ อย่างหน่ายใจในความคิดของนาง และกล่าวขึ้นต่อ

“เข้ามาพยุงข้าลุกขึ้น ข้าจะลุกไปจัดการเอง” สุดท้ายก็ต้องไปทำตามที่นางขอร้อง มิเช่นนั้นนางคงจะไม่ไปไหนนอกจากมานั่งทำหน้าเศร้าให้รำคาญใจอยู่เช่นนี้

“จริงหรือเจ้าคะ!” เสี่ยวเมิ่งกล่าวขึ้นอย่างดีใจ ดวงตาเล็กเปล่งประกายขึ้นมา เพราะนี่คือแผนการที่คุณหนูใหญ่ได้สั่งให้นางจัดฉากขึ้นมานั่นเอง

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้หนึ่งวัน...

ไป๋มี่อิงนั่งหาวอยู่ในสวนเรียกอดีตสาวใช้ประจำตัวอย่างเสี่ยวเมิ่งให้เข้าไปหานางที่เรือนหลิ่งเพื่อจะสั่งการบางสิ่ง

“คารวะคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ” เสี่ยวเมิ่งเอ่ยอย่างนอบน้อม

“อืม เสี่ยวเมิ่งน้อย วันพรุ่งเจ้าช่วยข้าสักเรื่องได้หรือไม่” ไป๋มี่อิงเอ่ยเสียงเนิบช้า ตามแบบฉบับความขี้คร้านของนาง

“สั่งบ่าวมาได้เลยเจ้าค่ะ มิว่าเป็นอันใดบ่าวทำให้คุณหนูได้หมด” เสี่ยวเมิ่งเอาใจ ฉีกยิ้มกว้างจนตาปิด

“ฮ่าๆ เจ้านี่น้า ตั้งใจฟังให้ดี จะมีคนขนหีบของคุณชายจิ้นไปยังห้องนอนในเรือซิงหนี่ว์ เจ้าเพียงรอให้ฟ้ามืด แล้วเอ่ยบอกนางว่ามีหีบของบุรุษหลงมา จากนั้นคงจะรู้ใช่หรือไม่ว่าต้องทำอย่างไร” ไป๋มี่อิงร่ายแผนการออกมาช้าๆ ให้บ่าวน้อยได้ฟัง

“บ่าวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูต้องการให้คุณชายจิ้นและคุณหนูรองได้ใกล้ชิดกันใช่ไหมเจ้าคะ วันพรุ่งบ่าวจะทำให้งานนี้สำเร็จ” เสี่ยวเมิ่งตอบเสียงหนักแน่น

เพราะประการฉะนี้ เป็นเหตุให้ไป๋ซิงหนี่ว์ต้องลุกขึ้นมาแก้ปัญหาที่ถูกจัดขึ้นของผู้อื่น หารู้ไม่ว่าสิ่งที่นางพยายามหลบเลี่ยงมาตลอด จะได้เผชิญหน้าในอีกไม่ช้านี้

ข้าเดินขึ้นมายังชั้นสอง ตรงไปยังห้องนอนตนเอง และเรียกบ่าวอีกสองคนให้มาขนหีบที่หลงเข้ามาด้วยออกจากห้อง เพื่อจะส่งมอบคืนให้แก่เจ้าของ

หีบไม้สีน้ำตาลวางเด่นสง่ากลางห้อง ลวดลายหีบนี้ดูแล้วมิน่าใช่หีบของบ่าวหรือขันที เพราะทำมาจากไม้สนแกะสลักอย่างดี คาดว่าน่าจะเป็นของคนชั้นสูงที่มีเบี้ยมากพอจับจ่ายซื้อได้

“ไปถามไท่จื่อ คุณชายเยี่ย คุณชายไป๋ และคุณชายจิ้น ว่าหีบข้าวของพวกเขาหายไปหรือไม่ ถ้าหายบอกว่ามันหลงติดเข้ามาในห้องคุณหนูรองตอนขนหีบเข้ามา” ข้ากำลังยืนสั่งการบ่าวในห้อง ก่อนที่จะให้พวกเขาลากมันออกมาจากห้องนอน

“ขอรับ” บ่าวทั้งสองรับคำ ก้มหน้าก้มตาลากหีบใหญ่ออกมาจากห้องอยู่นาน พลันพอลากออกมาได้ก็รีบรุดออกไปทำตามที่ไป๋ซิงหนี่ว์สั่งการเอาไว้ก่อนหน้านี้

ข้ายืนคอยท่าอยู่นานราวๆ หนึ่งเค่อ คุณชายจิ้นก็เดินนำบ่าวทั้งสองคนตรงมายังทางที่ข้ายืนอยู่ ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือสวรรค์จงใจ หีบอาภรณ์นี้กลับเป็นของบุรุษผู้นี้ไปได้

“เหตุใดหีบข้าถึงมาอยู่...” จิ้นฝานเดินมาหยุดตรงหน้า และเอ่ยถามไป๋ซิงหนี่ว์ด้วยความขุ่นเคืองเล็กน้อย

สาเหตุมาจากในยามบ่าย เขาประกาศหาหีบที่หายไปของตนเองในเรือ กลับไม่มีผู้ใดตอบ แต่ตอนนี้มันกลับมาอยู่ที่ห้องของไป๋ซิงหนี่ว์เสียอย่างงั้น

ข้าสบเข้ากับดวงตาดุที่มองอย่างไม่สบอารมณ์ จึงคร้านจะกล่าวแก้ต่างใดๆ เพราะสั่งการบ่าวไปแจ้งแล้ว ยังจะมามองด้วยสายเช่นนี้อีก ก็ไม่มีสิ่งใดที่ต้องปรับความเข้าใจกันต่อ

“ถ้าเป็นของท่านก็เอาไปเสีย ถ้ายกไปไม่ไหวก็ให้บ่าวช่วยขนเจ้าค่ะ” ข้าตอบเขา

“เหตุใดถึงไม่ตอบที่ข้าถาม...” จิ้นฝานกดคิ้วต่ำในขณะที่กล่าวกับนาง

“ตอบอันใด” ข้าเอ่ยถามอย่างสงสัย

จิ้นฝานยืนจ้องนางเพียงครู่เดียว ตวัดตากลับมาหมุนกายหันหลังกลับ และเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ

“พวกเจ้าขนไปไว้ในห้องให้ข้าด้วย” พอกล่าวจบก็ก้าวเดินออกไป

ข้ามองท่าทีนั้นอย่างขุ่นใจ เป็นอันใดของเขากัน ข้าจะเอาหีบอาภรณ์ของเขาเก็บเอาไว้ทำไมกัน การแสดงออกทางสีหน้าเช่นนั้น คงจะคิดหลงตัวเองไปแล้วเป็นแน่  และมันเป็นความผิดของข้าตรงไหนกัน

เฮ้อ...ข้าผ่อนลมออกจากจมูก ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องไป มิวายบ่นเขาไปอีกสองสามประโยค

ส่วนเสี่ยวเมิ่งที่ยืนมองดูเหตุการณ์ทั้งหมด ได้แต่ส่ายหน้าไปมา ดูท่าความสัมพันธ์ของคนทั้งสองยากจะปลูกต้นไม้ร่วมต้นกันได้

“ทำหน้าเช่นนั้นเจ้าปวดท้องรึ” ข้าเอ่ยถามเสี่ยวเมิ่งที่ยืนหน้างออยู่ด้านหลัง

“เปล่าเจ้าค่ะ...บ่าวถามอันใดจากคุณหนูได้ไหมเจ้าคะ” เสี่ยวเมิ่งอึกอักก้มหน้ากลั้นใจเอ่ยถาม

ข้ามองท่าทางของนางอยู่ครู่หนึ่งถึงจะกล่าวออกไป

“ถามมา”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๕ แผนการของคนซื่อ / 2

    รอดในเมืองหลวง คอยส่งข่าวให้พวกที่หนีรอดไป นับว่าเป็นอีกหนึ่งแผนการที่อาจจะบรรลุผลได้เช่นกัน“สั่งงานเช่นนี้หมายความว่าวันพรุ่งท่านจะไม่เข้าวังหลวงหรือขอรับ” ผู้ช่วยเขาเอ่ยถามอย่างสงสัยจิ้นฝานปรายตาไปมองผู้ช่วยของเขาก่อนจะพยักหน้ารับ แล้วกล่าวออกไปเสียงเนือยๆ“เข้าไปยามบ่าย แต่ก็จัดการตามที่ข้าบอกเอาไว้ก่อน คัดคนของเราที่พอจะคล้ายพวกมันมา”ตอนเช้าเขาต้องไปดูความคืบหน้าของเรื่องโรคระบาด ที่คฤหาสน์อวี้เป็นสถานที่เอาไว้สำหรับกลุ่มคนที่เขาจัดขึ้นโดยเฉพาะ จากนั้นตอนบ่ายก็ต้องเข้าไปดูงานในวังหลวงต่อนับว่าเป็นปีที่เขาเหน็ดเหนื่อยเอาการ แต่ดีหน่อยพอกลับเรือนซือซือ ความเหนื่อยล้าทั้งหมดก็ได้หายไปหมดสิ้น ที่นั่นคล้ายกับยาชูกำลังอย่างไรอย่างนั้น“ได้เลยขอรับ” ผู้ช่วยเขากล่าว และเข้าไปจัดการงานเบื้องหน้าต่อ ต้องเก็บกวาดสถานที่นี้ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ทำเหมือนว่าก่อนหน้านี้ไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้นจิ้นฝานมองรถม้าที่เขานั่งมาตอนเย็น สภาพดูไม่จืด ล้อหลุดออกหนึ่งข้าง ด้านข้างมีรอยดาบฟันเข้าไปลึกอยู่มาก ไม่อยากนึกเลยว่าถ้าเขาไม่เอะใจขึ้นมาก่อน ยามนี้ไม่เป็นเขาก็เป็นคุณหนูรองที่ได้รับบาดเจ็บแทน ดีที่

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๕ แผนการของคนซื่อ / 1

    ๑๕แผนการของคนซื่อม้าสีดำตัวใหญ่ก้าวเดินเป็นจังหวะไม่ช้า และไม่เร็วเกินไป เดินผ่านม่านหมอกเย็นๆ ไปตามเส้นทางของถนนที่ทอดยาว สายลมที่พัดทำให้หมอกลอยคลุ้งกระจาย คนทั้งสองไม่อาจคาดเดาว่าเป็นหมอกที่เกิดจากอะไรอาจจะเกิดจากอากาศที่เย็นลง หรือไอร้อนระเหยของพื้นถนน มันอาจจะลอยมาจากการเผาฝืนแก้หนาวของชาวบ้านก็ได้ คนทั้งสองจมูกเย็นเกินกว่าจะได้กลิ่นควันเหล่านี้ อากาศเย็นๆ หมอกขาวๆ นั่งกอดกันบนหลังม้าคงจะอุ่นกายอุ่นใจไม่น้อยช่วงเวลาแห่งการสร้างสายใยความสัมพันธ์นี้ที่ได้ถักทอขึ้นมาอย่างเงียบๆ ได้เดินทางมาถึงหน้าจวนตระกูลจิ้นจิ้นฝานลงจากหลังม้า และไม่ลืมที่จะยื่นแขนขึ้นไปรับฮูหยินของเขาลงมาด้านล่าง จัดแจงจับเสื้อคลุมที่บิดเบี้ยวไปด้านข้างของนางให้เข้าที่เรียบร้อย“จมูกไม่หายแดงเสียที” เขากล่าวบ่นขึ้น หลุบตามองปลายจมูกของนาง “ก็อากาศมันหนาวนี่เจ้าคะ” ข้าเบี่ยงตาไปมองทางอื่น บอกตามตรงทำตัวไม่ถูกจริงๆ ก่อนหน้านี้ก็พึ่งถูกขโมยจูบ ตลอดทางพวกเราทั้งสองก็นั่งเงียบมาตลอดไม่มีการสนทนาใดๆ หลังจากเหตุการณ์นั้นอีกทั้งข้ายังใจง่ายยอมให้เขากอดเช่นนั้นโดยไม่บ่น โดยไม่ว่าเลยสักคำเดียว น่าโมโหตัวข้าเองยิ่งนั

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๔ นํ้าผึ้งพระจันทร์ / 13

    “มีอันใดรึเจ้าคะ”“มี ลองแหงนหน้าขึ้นไปมองด้านบน” จิ้นฝามก้มหน้าลงตอบนาง“แหงนหน้าหรือ” ข้าเอ่ย แล้วทำตามที่เขาบอกมองภาพด้านบนนี้ มีริ้วสีขาวพร่างพราวลงมา ท่ามกลางพระจันทร์สีนวล นับว่าแปลกนัก วันใดที่หิมะตกไม่มีทางที่จะมองเห็นพระจันทร์ได้ มันช่างน่าอัศจรรย์มากยิ่งเงาดำเริ่มคืบคลานบดบังสายตาของข้า แทนที่ด้วยใบหน้าคุณชายจิ้น ไออุ่นสีขาวที่พ่นออกมาทางจมูก รดลงมาที่หน้าของข้า ความรู้สึกนี้เหมือนทุกสิ่งหยุดนิ่ง มีเพียงแค่พวกเราทั้งสองคนเท่านั้น ที่ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของกันและกันเมื่อหายใจเข้ารอบที่สามในขณะที่เราทั้งสองสบตากันนั้น ริมฝีปากของเขาก็ประทับลงมาอย่างนุ่มนวล และแผ่วเบามันรู้สึกอุ่นๆ ร้อนๆ ตรงริมฝีปากข้าเอง หนวดที่ขึ้นตอสีเขียวถูลงที่คาง และมือของเขาประคองที่หัวข้าเอาไว้เป็นการจูบที่แตะลงมาเท่านั้น และนิ่งค้าง พอๆ กับความรู้สึกที่ตกใจ และตกตะลึงกับสัมผัสนี้จิ้นฝานวางปากประทับลงอยู่นานหนึ่งอึดใจ แล้วดึงหน้ากลับมาเลียริมฝีปากด้วยเอง พลางขมวดคิ้วเข้าอย่างสงสัย“ทำไมปากท่านถึงหวาน”“ข้า... ข้าดื่มข้าวหมักนํ้าผึ้งมา” ข้าตอบพลางหายใจหอบ แต่ทว่ามือของคุณชายจิ้นยังประคองเอาไว้ที

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๔ นํ้าผึ้งพระจันทร์ / 12

    อี๋เสี่ยวควนคั่วได้ยินล่ามแปลประโยคที่จิ้นฝานกล่าวก็ยิ่งขบขันเข้าไปใหญ่ แบบนี้ในเผ่าของเขาเรียกว่ากลัวภรรยา แต่ถ้าเสนาบดีจิ้นเอ่ยออกมาเช่นนี้เขาก็จะเชื่อว่าแค่เกรงใจนางเท่านั้นเมื่อคิดเช่นนั้นก็หันไปมองโต้วตู่จื่อที่นั่งอยู่ เห็นตัวเล็กบอบบางคงจะร้ายไม่น้อยตอนอยู่ที่บ้าน ถึงกับทำให้บุรุษที่ขึ้นชื่อเป็นพยัคฆ์คู่ฝ่ายขวาของแคว้นซิ่นหมอบลงได้งานเลี้ยงดำเนินไปจนจบลง จิ้นฝานสั่งการลูกน้องตัวเองสองสามประโยค จากนั้นถึงจะเดินไปรับฮูหยินน้อยที่ยืนรํ่าลาเหล่าฮูหยินทั้งสามคน ก่อนจะหมุนกายกลับมาหาเขาสีหน้าของนางเรียบเฉยไม่มีรอยยิ้มใดๆ ปรากฏให้เห็นมีเพียงคิ้วได้รูปที่กดตํ่าลงเหมือนไม่ชอบใจอะไรในตัวเขาขณะนี้“ฮูหยินน้อยมานี่มา” จิ้นฝานเอ่ยเรียกนาง ยื่นมือออกไปด้านหน้ารอให้นางจับ“…….” ข้ามองหน้าคุณชายจิ้น เหตุใดต้องให้สาวงามใช้ซาลาเปาคู่มานั่งถูไถได้หน้าตาเฉย เขามียางอายบ้างหรือไม่!ดูท่าโต้วตู่จื่อนี้จะดื้อเอาเรื่อง จิ้นฝานมองไป๋ซิงหนี่ว์อย่างอ่อนใจ และเดินเข้าไปใกล้ก้มหน้าลงกล่าวเสียงแผ่ว“ขากลับจะควบม้ากลับกัน แต่ว่าข้าขอเสื้อคลุมของท่านได้หรือไม่ เอาไว้จะหาซื้อตัวใหม่มาคืนให้”“ข้าไม่เข้าใจ..

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๔ นํ้าผึ้งพระจันทร์ / 11

    “นํ้าข้าวหมักนํ้าผึ้งนี้ ได้ยินขันทีกล่าวว่าเผ่าอิงคาขนมา” ฮูหยินหลันกล่าว พลางยกขึ้นจิบรสชาติหวานปลายลิ้นของมันในแก้ว“รสชาติเป็นเช่นไรบ้างฮูหยินหลัน” ฮูหยินที่นั่งด้านทางขวาเอ่ยถาม“รสชาติดี กินง่ายเจ้าค่ะ” ฮูหยินหลันเอ่ยตอบ“นํ้าข้าวหมักนี้กินแล้วเมาหรือไม่” ถึงตาข้าเอ่ยถามบ้าง อยากจะลองกิน แต่กลัวจะเมาเหมือนครั้งที่แล้ว“ไม่เมาเจ้าค่ะ” ฮูหยินหลันหันไปตอบอย่างมั่นใจข้ามองสีหน้าของฮูหยินหลันอย่างชั่งใจอยู่มาก อะไรหมักๆ ไม่อยากกินเข้าปากเลย แต่กลิ่นมันหอมข้าวอ่อนๆ จะไม่ลองก็กระไรอยู่ ประเดี๋ยวจะเสียเที่ยวเอาได้ มิใช่ว่าจะหาดื่มของแปลกต่างถิ่นได้เช่นนี้ ว่าแล้วก็ค่อยๆ จิบตามที่คุณชายจิ้นบอกเอาไว้ละกันเสียงกลองแผ่วลง พวกนางรำของเผ่าอิงคาก็เข้าไปนั่งลงตามโต๊ะขุนนาง และบุรุษในงานเลี้ยง ข้ามองตามสะโพกงอนงาม ตามจังหวะการก้าวเท้าเดินไปด้วยของพวกนางแต่คิดไม่ถึงว่าจะมีสาวงามหนึ่งในนั้นดวงหน้าคมเข้ม เดินเข้าไปนั่งลงด้านข้างคุณชายจิ้นจากนั้นนางก็เอื้อมมือไปหยิบจอกสุราขนาดใหญ่รินลงไปให้เขา แล้วยื่นขึ้นไปป้อนถึงปาก ข้าหรี่ตาลงมองให้ชัดเจน อยากรู้ว่าเขาจะทำอย่างไรต่อจิ้นฝานหลุบตาลงมองจอกสุราส

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๔ นํ้าผึ้งพระจันทร์ / 10

    “ฟางซายจือ เหลียงเหลง หวู่ต้าตั๋ว ดานตรง ซีจงจึ่ย ฮ่างซี” อี๋เสี่ยวควนคั่วตอบออกไป พร้อมกับชูจอกสุราสีทองให้จิ้นฝาน“ท่านอี๋เสี่ยวกล่าวว่า ดีมาก แต่ขาดการระบำ และสาวงาม แต่สุรานี้อร่อยถูกปากเขานัก” ล่ามภาษาได้แปลออกมาให้ท่านเสนาบดีจิ้นฟัง“บอกเขาว่าไม่นานเกินรอ” จิ้นฝานเอ่ยขึ้นต่อ“จางไจ่ บู่ลู่” ล่ามหันไปแปลให้อี๋เสี่ยวควนคั่วฟังอย่างรวดเร็วอี๋เสี่ยวควนคั่วที่ได้ยินก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ตบหน้าตักตัวเองไปหนึ่งที แล้วกล่าวออกมาเป็นภาษาถิ่นของแผ่นดินหยวนโปวที่เขาพอจะรู้มาบ้าง แต่ก็ไม่เก่งจนสนทนากันได้อย่างเข้าใจ และฉะฉาน“เยี่ยม เยี่ยม!”จิ้นฝานพยักหน้ารับอี๋เสี่ยวควนคั่ว หันไปมองกลุ่มคนพิเศษ ที่เขาจัดขึ้นมาเพื่อหาวิธียุติโรคระบาดชายแดน หนึ่งในนั้นก็มีเจิ้งหรินอี้ด้วยเช่นกัน กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่อีกมุมหนึ่ง จากนั้นก็กวาดตามองฮูหยินน้อยของเขาว่ายามนี้นางอยู่ที่ไหนเขามองเห็นสาวงามเด่นสะดุดตา เพราะเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาวที่ฟูฟ่อง กำลังยืนสนทนากับสตรีนางอื่นอีกสี่คน แล้วยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะน้อยๆ ออกมา“ยินดีด้วยนะเจ้าค่ะ ที่ได้เป็นฮูหยินขั้นหนึ่งแล้ว งานเลี้ยงในวังหลวงครั้งที่แล้วข้า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status