Share

๑ เผชิญดาวร้าย / 3

Penulis: LIttlelion
last update Terakhir Diperbarui: 2025-06-07 21:48:28

“ก่อนหน้านี้คุณหนูรองกับคุณชายจิ้นเคยทะเลาะกันมาก่อนหรือเจ้าคะ” เสี่ยวเมิ่งถามอย่างคับข้องใจ เหตุใดคนทั้งสองจึงทำราวกับไม่ชอบหน้ากันมาก่อน

“ก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่อง...ข้าแทบไม่เคยสนทนากับเขาเกินสองประโยคเสียด้วยซ้ำ อยากจะรู้เช่นกันว่าข้าไปทำอันใดให้เขาเกลียดเข้า” ข้าตอบเสี่ยวเมิ่งไปตามจริง นึกเช่นไรก็นึกไม่ออก ว่าไปทำให้เขาไม่ชอบหน้าตอนไหน

เขาถึงได้มีทีท่าเหมือนรังเกียจ และไม่ชอบหน้าถึงขนาดนี้ แต่มาบัดนี้ข้าก็ไม่ชอบหน้าเขาด้วยเช่นกัน ขี้คร้านจะมาขบคิดเรื่องบุรุษเลวผู้นั้นให้เสียเวลาต่ออีก

ว่าแล้วก็ไปล้างหน้าบ้วนปาก นั่งปักรองเท้าน้อยๆ ให้ลูกก่อนนอน น่าจะดูเข้าท่ากว่าการเอ่ยถึงเขาให้เสียอารมณ์

และแล้วการเดินทางหกวันเต็มก็สิ้นสุดลง บรรยากาศในเรือค่อนข้างจะแปลกพิกลอยู่มาก ดูเหมือนความสัมพันธ์ที่ชื่นมื่นของเจี่ยเจียและพี่เขยจะมีปัญหาระหว่างกัน

แต่ถึงกระนั้น ข้าก็มิอาจเข้าไปสอดเรื่องชีวิตคู่ของพวกเขาทั้งสองได้ ทำได้เพียงส่งใจช่วยอยู่ห่างๆ เท่านั้น

ข้าก้าวเท้าลงเรือมาเพียงหนึ่งก้าวก็เจอสหายยืนคอยอยู่ด้านหน้าหนึ่งคน คือคุณหนูหลิงจู

“ซิงหนี่ว์ทางนี้ๆ!” หลิงจูโบกมือทักทายสหายที่ก้าวย่างช้าๆ ลงมาจากเรือ

“มิคิดว่าจะมาเจอเจ้าที่งานได้” ข้าเอ่ยทักทายนาง

“ติดตามท่านพ่อและท่านแม่ด้วยน่ะ อีกอย่างประเพณีล่าสัตว์ก็ขึ้นชื่อเลื่องลือ เรียกอีกอย่างว่าเป็นประเพณีจับคู่” หลิงจูยกมือป้องปาก เขยิบเข้าไปกล่าวกระซิบ

สำหรับสตรีถึงวัยออกเรือน สิ่งคำคัญคือต้องหาบุรุษที่เพลาแต่งงานออกไปแล้วนั้น จะได้เป็นหน้าเป็นตาให้แก่ตระกูล อุ้มชูสถานะไม่ให้อายพี่น้องและเครือญาติ

“เป็นเช่นนี้เอง” ข้าเอ่ยขึ้นอย่างเข้าใจ ยามนี้ไม่มีทางจะมองหาบุรุษที่ดีได้แล้ว สตรีมีมลทินยากจะแต่งเข้าไปในตระกูลดีๆ ได้

“ไฉนถึงกล่าวเช่นนี้…เจ้ามิดีใจรึ พวกเราก็เลยวัยปักปิ่นมาแล้วเกือบสองปี ถ้าผ่านไปอีกปีมีหวังท่านพ่อท่านแม่จับข้าแต่งงานกับบุรุษที่ไม่ได้รักเป็นแน่” หลิงจูกล่าวเสียงเคร่งเครียด

“ดีใจ” ข้าตอบกลับสั้นๆ รักไม่รักไม่สำคัญอันใดสำหรับข้าแล้วในตอนนี้

“รีบเดินกันเถิด พวกเรามาช่วยกันแต่งกาย ยามค่ำมีงานเลี้ยง” หลิงจูคล้องแขนไป๋ซิงหนี่ว์ และพาเดินไปทางกระโจมตนเอง

ส่วนเสี่ยวเมิ่งได้แต่วิ่งตามคอยประคองคุณหนูรองอยู่ห่างๆ เกรงว่านางจะสะดุดล้มลงไป เพราะแรงฉุดลากของหลิงจู

“นี่ซิงหนี่ว์ เจ้าว่าคุณชายจิ้นสหายพี่สาวเจ้าเหมาะกับข้าหรือไม่ เมื่อหลายวันก่อนหน้านั้นท่านพ่อมาเล่าให้ฟังว่าเขาเพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นซือจื๋อเชียวแหละ ยังหนุ่มอนาคตไกล และมิเคยมีเรื่องเสียๆ หายๆ ข้ามาลองคิดดู กลุ่มสี่บุรุษเจ้าสำราญก็ดี แต่ว่ามีแต่เรื่องอิสตรีให้ปวดหัวมากไปหน่อย” หลิงจูเอ่ยพลางประทินโฉมแต่งหน้าใหม่

กลุ่มสี่บุรุษเจ้าสำราญที่หลิงจูเอ่ยถึง คือกลุ่มสหายของพี่เขยข้านั่นเอง

“ซือจื๋อคือตำแหน่งอันใดรึ” ข้าเอ่ยถาม เพราะมิค่อยรู้นักว่าหน้าที่ราชการของขุนนางมีอันใดบ้าง และมิได้สนใจที่นางกล่าวมาเนิบยาว

“ซือจื๋อมียศเป็นปี้เอ้อเซี่ยนต้าน เป็นผู้ช่วยเสนาบดีดูแลเรื่องละเมิดกฎหมาย มีหน้าที่ตรวจสอบขุนนางตามที่ได้รับมอบหมาย ประมาณนั้น” หลิงจูจ้อขึ้นเสียงใสอย่างอารมณ์ดี

“หน้าที่การงานดูดีมีคุณธรรม ไฉนถึงขัดกับสันดอนของเขาไปได้” ข้าพึมพำขึ้นมาเบาๆ อย่างแปลกใจ นิสัยเลวทรามเช่นนั้นจะไปตรวจสอบผู้ใดได้

“เจ้าว่าอย่างไรนะ” หลิงจูที่ได้ยินไม่ค่อยชัดเอ่ยขึ้น

“ข้าว่าเขาไม่น่าเหมาะกับเจ้า บุรุษดุดันเช่นนั้นมีแต่จะน่าเบื่อและอึดอัดเสียเปล่าๆ” ข้าเอ่ยตอบไปอีกทาง

“ดูมีเสน่ห์ดีออก อีกทั้งในภายภาคหน้าเขาจะขึ้นเป็นขุนนางชั้นหนึ่ง หรือไม่ก็เสนาบดีฝ่ายขวา เมื่อไท่จื่อขึ้นเป็นฮ่องเต้ พอถึงครานั้น สตรีที่แต่งกับเขาก็จะได้ยศเป็นฮูหยินขั้นหนึ่งไปด้วย” หลิงจูตาเป็นประกายยามกล่าวถึงลาภยศในภายภาคหน้าของจิ้นฝาน ที่เป็นสหายคนสนิทซิ่นสือผู้เป็นไท่จื่อแคว้นซิ่น

มีหรือจะไม่ปูนบำเหน็จเลื่อนยศให้สหายตนเอง หากเทียบจิ้นฝานในแง่หน้าที่การงานและความก้าวหน้า ย่อมมองเห็นแสงสว่างมากกว่าสี่บุรุษเจ้าสำราญแห่งเมืองหลวงมากนัก

“จะดูอย่างไร ก็ไม่เห็นน่ามองตรงไหน เหตุใดเจ้าถึงมองเนื้อแท้คนมิออกกัน” ข้าเอ่ยขึ้น

“ลืมไปเสียเลยว่าเจ้าชอบบุรุษรูปงาม ผิวพรรณขาวเหมือนพี่เขยเจ้า คุณชายจิ้นที่คมเข้ม มีผิวสองสีจะเอาอันใดไปสู้ได้” หลิงจูตอบ

“ยามนี้ให้งามมากเพียงใด แต่มีนิสัยต่ำช้าข้าก็มิปรายตามองให้เสียสายตาหรอก” ข้าเชิดหน้าขึ้นโต้นางกลับ

มีที่ใดหลงบุรุษอื่นไม่เข้าข้างสหายตนเอง ข้าสู้อุตส่าห์เตือนนางทางอ้อม

“เจ้ากล่าวเหมือนรู้จักเขาดี” หลิงจูปรายตามองไป๋ซิงหนี่ว์เล็กน้อยก่อนจะพูดประโยคนี้ออกมา

“กล่าวมากไปแล้ว มา ข้าจะทำผมให้” ข้าเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง เดินไปด้านหลังของนาง แล้วรับหวีจากเสี่ยวเมิ่งสางผมให้นาง

“กล่าวมากอันใด ข้าว่าเขาก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่มิน้อย อีกทั้งยังเป็นสหายคนสนิทของพี่สาวเจ้ากับไท่จื่อ ถึงแม้ว่าจะไม่รูปงาม แต่ความสามารถและหน้าที่การงานก็ชดเชยได้มิใช่รึ” หลิงจูสาธยายออกมาใหม่อีกรอบ

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๕ แผนการของคนซื่อ / 2

    รอดในเมืองหลวง คอยส่งข่าวให้พวกที่หนีรอดไป นับว่าเป็นอีกหนึ่งแผนการที่อาจจะบรรลุผลได้เช่นกัน“สั่งงานเช่นนี้หมายความว่าวันพรุ่งท่านจะไม่เข้าวังหลวงหรือขอรับ” ผู้ช่วยเขาเอ่ยถามอย่างสงสัยจิ้นฝานปรายตาไปมองผู้ช่วยของเขาก่อนจะพยักหน้ารับ แล้วกล่าวออกไปเสียงเนือยๆ“เข้าไปยามบ่าย แต่ก็จัดการตามที่ข้าบอกเอาไว้ก่อน คัดคนของเราที่พอจะคล้ายพวกมันมา”ตอนเช้าเขาต้องไปดูความคืบหน้าของเรื่องโรคระบาด ที่คฤหาสน์อวี้เป็นสถานที่เอาไว้สำหรับกลุ่มคนที่เขาจัดขึ้นโดยเฉพาะ จากนั้นตอนบ่ายก็ต้องเข้าไปดูงานในวังหลวงต่อนับว่าเป็นปีที่เขาเหน็ดเหนื่อยเอาการ แต่ดีหน่อยพอกลับเรือนซือซือ ความเหนื่อยล้าทั้งหมดก็ได้หายไปหมดสิ้น ที่นั่นคล้ายกับยาชูกำลังอย่างไรอย่างนั้น“ได้เลยขอรับ” ผู้ช่วยเขากล่าว และเข้าไปจัดการงานเบื้องหน้าต่อ ต้องเก็บกวาดสถานที่นี้ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ทำเหมือนว่าก่อนหน้านี้ไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้นจิ้นฝานมองรถม้าที่เขานั่งมาตอนเย็น สภาพดูไม่จืด ล้อหลุดออกหนึ่งข้าง ด้านข้างมีรอยดาบฟันเข้าไปลึกอยู่มาก ไม่อยากนึกเลยว่าถ้าเขาไม่เอะใจขึ้นมาก่อน ยามนี้ไม่เป็นเขาก็เป็นคุณหนูรองที่ได้รับบาดเจ็บแทน ดีที่

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๕ แผนการของคนซื่อ / 1

    ๑๕แผนการของคนซื่อม้าสีดำตัวใหญ่ก้าวเดินเป็นจังหวะไม่ช้า และไม่เร็วเกินไป เดินผ่านม่านหมอกเย็นๆ ไปตามเส้นทางของถนนที่ทอดยาว สายลมที่พัดทำให้หมอกลอยคลุ้งกระจาย คนทั้งสองไม่อาจคาดเดาว่าเป็นหมอกที่เกิดจากอะไรอาจจะเกิดจากอากาศที่เย็นลง หรือไอร้อนระเหยของพื้นถนน มันอาจจะลอยมาจากการเผาฝืนแก้หนาวของชาวบ้านก็ได้ คนทั้งสองจมูกเย็นเกินกว่าจะได้กลิ่นควันเหล่านี้ อากาศเย็นๆ หมอกขาวๆ นั่งกอดกันบนหลังม้าคงจะอุ่นกายอุ่นใจไม่น้อยช่วงเวลาแห่งการสร้างสายใยความสัมพันธ์นี้ที่ได้ถักทอขึ้นมาอย่างเงียบๆ ได้เดินทางมาถึงหน้าจวนตระกูลจิ้นจิ้นฝานลงจากหลังม้า และไม่ลืมที่จะยื่นแขนขึ้นไปรับฮูหยินของเขาลงมาด้านล่าง จัดแจงจับเสื้อคลุมที่บิดเบี้ยวไปด้านข้างของนางให้เข้าที่เรียบร้อย“จมูกไม่หายแดงเสียที” เขากล่าวบ่นขึ้น หลุบตามองปลายจมูกของนาง “ก็อากาศมันหนาวนี่เจ้าคะ” ข้าเบี่ยงตาไปมองทางอื่น บอกตามตรงทำตัวไม่ถูกจริงๆ ก่อนหน้านี้ก็พึ่งถูกขโมยจูบ ตลอดทางพวกเราทั้งสองก็นั่งเงียบมาตลอดไม่มีการสนทนาใดๆ หลังจากเหตุการณ์นั้นอีกทั้งข้ายังใจง่ายยอมให้เขากอดเช่นนั้นโดยไม่บ่น โดยไม่ว่าเลยสักคำเดียว น่าโมโหตัวข้าเองยิ่งนั

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๔ นํ้าผึ้งพระจันทร์ / 13

    “มีอันใดรึเจ้าคะ”“มี ลองแหงนหน้าขึ้นไปมองด้านบน” จิ้นฝามก้มหน้าลงตอบนาง“แหงนหน้าหรือ” ข้าเอ่ย แล้วทำตามที่เขาบอกมองภาพด้านบนนี้ มีริ้วสีขาวพร่างพราวลงมา ท่ามกลางพระจันทร์สีนวล นับว่าแปลกนัก วันใดที่หิมะตกไม่มีทางที่จะมองเห็นพระจันทร์ได้ มันช่างน่าอัศจรรย์มากยิ่งเงาดำเริ่มคืบคลานบดบังสายตาของข้า แทนที่ด้วยใบหน้าคุณชายจิ้น ไออุ่นสีขาวที่พ่นออกมาทางจมูก รดลงมาที่หน้าของข้า ความรู้สึกนี้เหมือนทุกสิ่งหยุดนิ่ง มีเพียงแค่พวกเราทั้งสองคนเท่านั้น ที่ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของกันและกันเมื่อหายใจเข้ารอบที่สามในขณะที่เราทั้งสองสบตากันนั้น ริมฝีปากของเขาก็ประทับลงมาอย่างนุ่มนวล และแผ่วเบามันรู้สึกอุ่นๆ ร้อนๆ ตรงริมฝีปากข้าเอง หนวดที่ขึ้นตอสีเขียวถูลงที่คาง และมือของเขาประคองที่หัวข้าเอาไว้เป็นการจูบที่แตะลงมาเท่านั้น และนิ่งค้าง พอๆ กับความรู้สึกที่ตกใจ และตกตะลึงกับสัมผัสนี้จิ้นฝานวางปากประทับลงอยู่นานหนึ่งอึดใจ แล้วดึงหน้ากลับมาเลียริมฝีปากด้วยเอง พลางขมวดคิ้วเข้าอย่างสงสัย“ทำไมปากท่านถึงหวาน”“ข้า... ข้าดื่มข้าวหมักนํ้าผึ้งมา” ข้าตอบพลางหายใจหอบ แต่ทว่ามือของคุณชายจิ้นยังประคองเอาไว้ที

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๔ นํ้าผึ้งพระจันทร์ / 12

    อี๋เสี่ยวควนคั่วได้ยินล่ามแปลประโยคที่จิ้นฝานกล่าวก็ยิ่งขบขันเข้าไปใหญ่ แบบนี้ในเผ่าของเขาเรียกว่ากลัวภรรยา แต่ถ้าเสนาบดีจิ้นเอ่ยออกมาเช่นนี้เขาก็จะเชื่อว่าแค่เกรงใจนางเท่านั้นเมื่อคิดเช่นนั้นก็หันไปมองโต้วตู่จื่อที่นั่งอยู่ เห็นตัวเล็กบอบบางคงจะร้ายไม่น้อยตอนอยู่ที่บ้าน ถึงกับทำให้บุรุษที่ขึ้นชื่อเป็นพยัคฆ์คู่ฝ่ายขวาของแคว้นซิ่นหมอบลงได้งานเลี้ยงดำเนินไปจนจบลง จิ้นฝานสั่งการลูกน้องตัวเองสองสามประโยค จากนั้นถึงจะเดินไปรับฮูหยินน้อยที่ยืนรํ่าลาเหล่าฮูหยินทั้งสามคน ก่อนจะหมุนกายกลับมาหาเขาสีหน้าของนางเรียบเฉยไม่มีรอยยิ้มใดๆ ปรากฏให้เห็นมีเพียงคิ้วได้รูปที่กดตํ่าลงเหมือนไม่ชอบใจอะไรในตัวเขาขณะนี้“ฮูหยินน้อยมานี่มา” จิ้นฝานเอ่ยเรียกนาง ยื่นมือออกไปด้านหน้ารอให้นางจับ“…….” ข้ามองหน้าคุณชายจิ้น เหตุใดต้องให้สาวงามใช้ซาลาเปาคู่มานั่งถูไถได้หน้าตาเฉย เขามียางอายบ้างหรือไม่!ดูท่าโต้วตู่จื่อนี้จะดื้อเอาเรื่อง จิ้นฝานมองไป๋ซิงหนี่ว์อย่างอ่อนใจ และเดินเข้าไปใกล้ก้มหน้าลงกล่าวเสียงแผ่ว“ขากลับจะควบม้ากลับกัน แต่ว่าข้าขอเสื้อคลุมของท่านได้หรือไม่ เอาไว้จะหาซื้อตัวใหม่มาคืนให้”“ข้าไม่เข้าใจ..

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๔ นํ้าผึ้งพระจันทร์ / 11

    “นํ้าข้าวหมักนํ้าผึ้งนี้ ได้ยินขันทีกล่าวว่าเผ่าอิงคาขนมา” ฮูหยินหลันกล่าว พลางยกขึ้นจิบรสชาติหวานปลายลิ้นของมันในแก้ว“รสชาติเป็นเช่นไรบ้างฮูหยินหลัน” ฮูหยินที่นั่งด้านทางขวาเอ่ยถาม“รสชาติดี กินง่ายเจ้าค่ะ” ฮูหยินหลันเอ่ยตอบ“นํ้าข้าวหมักนี้กินแล้วเมาหรือไม่” ถึงตาข้าเอ่ยถามบ้าง อยากจะลองกิน แต่กลัวจะเมาเหมือนครั้งที่แล้ว“ไม่เมาเจ้าค่ะ” ฮูหยินหลันหันไปตอบอย่างมั่นใจข้ามองสีหน้าของฮูหยินหลันอย่างชั่งใจอยู่มาก อะไรหมักๆ ไม่อยากกินเข้าปากเลย แต่กลิ่นมันหอมข้าวอ่อนๆ จะไม่ลองก็กระไรอยู่ ประเดี๋ยวจะเสียเที่ยวเอาได้ มิใช่ว่าจะหาดื่มของแปลกต่างถิ่นได้เช่นนี้ ว่าแล้วก็ค่อยๆ จิบตามที่คุณชายจิ้นบอกเอาไว้ละกันเสียงกลองแผ่วลง พวกนางรำของเผ่าอิงคาก็เข้าไปนั่งลงตามโต๊ะขุนนาง และบุรุษในงานเลี้ยง ข้ามองตามสะโพกงอนงาม ตามจังหวะการก้าวเท้าเดินไปด้วยของพวกนางแต่คิดไม่ถึงว่าจะมีสาวงามหนึ่งในนั้นดวงหน้าคมเข้ม เดินเข้าไปนั่งลงด้านข้างคุณชายจิ้นจากนั้นนางก็เอื้อมมือไปหยิบจอกสุราขนาดใหญ่รินลงไปให้เขา แล้วยื่นขึ้นไปป้อนถึงปาก ข้าหรี่ตาลงมองให้ชัดเจน อยากรู้ว่าเขาจะทำอย่างไรต่อจิ้นฝานหลุบตาลงมองจอกสุราส

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๔ นํ้าผึ้งพระจันทร์ / 10

    “ฟางซายจือ เหลียงเหลง หวู่ต้าตั๋ว ดานตรง ซีจงจึ่ย ฮ่างซี” อี๋เสี่ยวควนคั่วตอบออกไป พร้อมกับชูจอกสุราสีทองให้จิ้นฝาน“ท่านอี๋เสี่ยวกล่าวว่า ดีมาก แต่ขาดการระบำ และสาวงาม แต่สุรานี้อร่อยถูกปากเขานัก” ล่ามภาษาได้แปลออกมาให้ท่านเสนาบดีจิ้นฟัง“บอกเขาว่าไม่นานเกินรอ” จิ้นฝานเอ่ยขึ้นต่อ“จางไจ่ บู่ลู่” ล่ามหันไปแปลให้อี๋เสี่ยวควนคั่วฟังอย่างรวดเร็วอี๋เสี่ยวควนคั่วที่ได้ยินก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ตบหน้าตักตัวเองไปหนึ่งที แล้วกล่าวออกมาเป็นภาษาถิ่นของแผ่นดินหยวนโปวที่เขาพอจะรู้มาบ้าง แต่ก็ไม่เก่งจนสนทนากันได้อย่างเข้าใจ และฉะฉาน“เยี่ยม เยี่ยม!”จิ้นฝานพยักหน้ารับอี๋เสี่ยวควนคั่ว หันไปมองกลุ่มคนพิเศษ ที่เขาจัดขึ้นมาเพื่อหาวิธียุติโรคระบาดชายแดน หนึ่งในนั้นก็มีเจิ้งหรินอี้ด้วยเช่นกัน กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่อีกมุมหนึ่ง จากนั้นก็กวาดตามองฮูหยินน้อยของเขาว่ายามนี้นางอยู่ที่ไหนเขามองเห็นสาวงามเด่นสะดุดตา เพราะเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาวที่ฟูฟ่อง กำลังยืนสนทนากับสตรีนางอื่นอีกสี่คน แล้วยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะน้อยๆ ออกมา“ยินดีด้วยนะเจ้าค่ะ ที่ได้เป็นฮูหยินขั้นหนึ่งแล้ว งานเลี้ยงในวังหลวงครั้งที่แล้วข้า

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status