แชร์

๑ เผชิญดาวร้าย / 5

ผู้เขียน: LIttlelion
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-07 21:48:56

แต่ถึงกระนั้นสาวใช้ตัวน้อยก็ลอบยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ เพราะแผนการของนางมิใช่มีเพียงเท่านั้น ก็ต้องมาดูว่าจะดึงให้นายหญิงของตนเองเข้าใกล้บุรุษผู้นั้นได้มากน้อยเพียงใด

เสี่ยวเมิ่งเดินเข้าไปยังห้องของไป๋ซิงหนี่ว์ เลือกหยิบอาภรณ์มาสามชุดสามสีตามที่นายหญิงของนางสั่งการเอาไว้ และรีบรุดเดินกลับไปยังกระโจมตระกูลหลิงอย่างเร่งร้อน

“มาแล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวเมิ่งส่งเสียงขึ้นทันทีเมื่อวิ่งเข้าไปในห้องของหลิงจู

“จะเสียงดังไปไยกัน รีบนำวางเร็วเข้าเถิด” ข้าหันไปกล่าวดุเล็กน้อยที่นางเสียงดังเกินเหตุ เสี่ยวเมิ่งนั้นมักมีนิสัยร่าเริงเกินคนทั่วไป บางคราก็แอบอิจฉาในความสดใสของนางอยู่เหมือนกัน ดูเหมือนเป็นเด็กสาวที่มีความสุขอยู่ตลอดยาม

ข้าหยิบอาภรณ์ฟูฟ่องของตนเองที่เลือกมาแบบพิเศษโดยเฉพาะ จะว่าไปสีเขียวอ่อนนี้ก็ละมุนตา ไม่เยอะกำลังดี จึงหันไปถามความเห็นจากหลิงจูดูก่อนว่าเข้ากับทรงผมในตอนนี้หรือไม่

“จูจู เจ้าว่าชุดนี้เข้ากับข้าไหม” ข้าเอ่ยถามนาง

“หลิงจู อาจู จูจู มีแต่เจ้าที่เรียกข้าไม่ซ้ำกันเลยสักครา อืม...จะว่าไปสีนี้ก็ดูเหมาะยิ่งนัก” หลิงจูบ่นเล็กน้อยก่อนจะตอบคำถามไป

“เช่นนั้นข้าเลือกชุดนี้ละกัน” ว่าแล้วก็หอบอาภรณ์ไปแต่งหลังฉากกั้น ก้าวเท้าออกไปเพียงสองก้าวเท่านั้นเสียงหลิงจูก็ดังขึ้น

“ก็เปลี่ยนตรงนี้เลย มิเห็นต้องให้มากความ แต่ก่อนก็แก้ผ้าต่อหน้ากันออกจะปล่อยครั้ง” หลิงจูเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นทีท่าของสหายที่ผิดแปลกไป

“อ่า...” ข้าครางเสียงในคอไม่รู้จะกล่าวอันใดในยามนี้ และเม้มปากเข้าอยู่ครู่เดียว สบดวงตาของหลิงจูที่มองมาอย่างสงสัย

“คุณหนูรองมีระดูเจ้าค่ะ คงจะไม่เหมาะเท่าใดนัก” เสี่ยวเมิ่งเดินเข้ามาประคองนายหญิงตนเอง และเอ่ยแก้สถานการณ์นี้ออกไป

“ที่แท้ก็เป็นระดูนี่เอง...รีบเข้าไปเปลี่ยนเถิด ประเดี๋ยวจะร่วมงานมิทันเอาได้” หลิงจูฉีกยิ้มอย่างเข้าใจ รีบเร่งสหายต่อ

“อืม” ข้ารับคำนาง กอดอาภรณ์เอาไว้ในมือแน่น สูดลมหายใจเข้าจมูกเรียกสติกลับมาให้ครบครัน และเข้าไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์โดยมีเสี่ยวเมิ่งคอยช่วยเหลือ

ยามซวี

ท้องฟ้าดับแสง มีเสียงดนตรีบรรเลงให้ความบันเทิงในงานประเพณีล่าสัตว์ปีนี้ มีท้องทุ่งสีเขียวกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา มายามนี้ถูกตั้งด้วยโต๊ะน้ำชาขนาดย่อมเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ผู้คนครึกครื้นร่วมสนทนาดื่มสุรา และเพลิดเพลินกับงานในคืนนี้

ข้าแต่งกายเสร็จก็เดินออกมาจากกระโจมตระกูลหลิง ตรงไปยังงานเลี้ยงที่จัดขึ้นพร้อมกับหลิงจู เพื่อจะพานางไปร่วมนั่งกระโจมขนาดย่อมของตระกูลไป๋ข้างงานเลี้ยงในคืนนี้ มันเป็นกระโจมสำหรับกันลมกันน้ำค้าง มิใช่กระโจมใหญ่ที่ใช้พักพิง จึงมิมีปัญหาอันใด

ข้าสอดส่ายสายตามองสำรวจงานรื่นเริงไปด้วยใจที่เริ่มรู้สึกเบ่งบาน ออกมาข้างนอกเช่นนี้ก็รู้สึกสนุกอยู่ไม่น้อย ได้เจอผู้คน ได้เจอสหาย ค่อยสบายใจขึ้นมามากกว่าก่อนหน้านี้หน่อย

“เจี่ยเจีย ข้าพาคุณหนูหลิงมาร่วมนั่งกระโจมได้ไหมเจ้าคะ” ข้าเดินเข้าไปกล่าวกับเจี่ยเจียที่นั่งตัวเอียงบนตั่งด้านใน

ไป๋มี่อิงเหลือบตาไปมองสตรีรุ่นราวคราวเดียวกับไป๋ซิงหนี่ว์เล็กน้อย ก่อนจะกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร “ตามสบายเถิดคุณหนูหลิง”

“ขอบคุณเจ้าค่ะ” หลิงจูยอบกายคำนับลงเล็กน้อย แล้วช้อนสายตาไปมองคุณชายจิ้น ที่นั่งยกสุราขึ้นดื่มขณะกำลังทอดสายตามองไปยังเวทีขนาดย่อมด้านหน้า

จิ้นฝานนั่งดูสาวงามที่กำลังร่ายรำตามเสียงเพลง พลางยกสุราขึ้นดื่มอยู่ด้านข้างไป๋มี่อิง โดยไม่สนใจแขกที่เดินเข้ามาใหม่สองคนแม้แต่น้อย

“คำนับคุณชายจิ้นเจ้าค่ะ” หลิงจูเบือนหน้าจากไป๋มี่อิงไปทางจิ้นฝาน และยอบกายลงเหมือนเดิม

“เช่นกัน…” เสียงคลุมเครือเบาๆ ดังลอดออกจากริมฝีปากหนาที่กำลังจรดปากลงปลายจอกสุราที่ยกขึ้นดื่ม เขาไม่แม้แต่จะปรายตามามองนางเลยสักนิดเดียว

การแสดงออกเช่นนั้นของเขานับว่าเป็นเรื่องปกติ เป็นอันรู้กันอยู่แล้วในหมู่สังคม ว่าเขาเป็นบุรุษสันโดษ คบหาสหายน้อยคน สงวนท่าทีต่อหน้าผู้อื่นและเงียบขรึม แต่ผิดกันยามอยู่กับสหายจะแสดงออกไปอีกมุมหนึ่งที่ดูนุ่มนวลลงมาหลายส่วน

“เม่ยเหม่ย มาทานมื้อเย็นเถิด เลยเวลาทานยาบำรุงแล้ว” ไป๋มี่อิงหันไปเอ่ยกับน้องสาวต่างมารดาด้วยความรักและความเป็นห่วง

“ขอบคุณเจ้าค่ะ” ข้าตอบรับเจี่ยเจียไปด้วยรอยยิ้ม และเดินเข้าไปร่วมวงกับพวกเขาทั้งหมด

ยามนี้บนโต๊ะมีไป๋มี่อิง จิ้นฝาน ไป๋จิวเซียน ฮูหยินรองตระกูลไป๋ และไป๋ซิงหนี่ว์กับสหายของนางอีกหนึ่งคน สุดท้ายเป็นซิ่นสือที่ตามเข้ามาทีหลังพร้อมกับพระชายาของเขา เป็นกระโจมที่ค่อนข้างเงียบสงบ ค่อนไปทางเงียบเหงาซะส่วนใหญ่ เพราะมีคนนอกมาร่วมโต๊ะด้วย ดังนั้น สามสหายสุดซี้จึงนั่งสงวนท่าที เบนสายตาไปมองการแสดงหย่อนใจเบื้องหน้าแทน

ส่วนจิ้นฝานที่นั่งทอดสายตามองนางรำเบื้องหน้า มีความรู้สึกอึดอัดใจมากเป็นพิเศษ ด้วยนิสัยที่ไม่ค่อยสุงสิงกับผู้อื่น ได้อยู่กับสหายทั้งสองกลับไม่ได้สนทนาก็ว่าแย่แล้ว แต่เขายังต้องพยายามเบี่ยงหน้าหลบสายตาของหลิงจู สหายของไป๋ซิงหนี่ว์ที่มักลอบมองมาทางเขาอยู่ตลอดนี่น่ะสิ

เขาขบกรามแน่นผ่อนลมหายใจออกทางจมูก และเหลือบไปมองคุณหนูหลิงจูที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขาอย่างนิ่งงัน และกดคิ้วต่ำลงเป็นเชิงตำหนิเล็กน้อย ว่ายามนี้เขากำลังไม่พอใจกับพฤติกรรมของนาง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๕ แผนการของคนซื่อ / 2

    รอดในเมืองหลวง คอยส่งข่าวให้พวกที่หนีรอดไป นับว่าเป็นอีกหนึ่งแผนการที่อาจจะบรรลุผลได้เช่นกัน“สั่งงานเช่นนี้หมายความว่าวันพรุ่งท่านจะไม่เข้าวังหลวงหรือขอรับ” ผู้ช่วยเขาเอ่ยถามอย่างสงสัยจิ้นฝานปรายตาไปมองผู้ช่วยของเขาก่อนจะพยักหน้ารับ แล้วกล่าวออกไปเสียงเนือยๆ“เข้าไปยามบ่าย แต่ก็จัดการตามที่ข้าบอกเอาไว้ก่อน คัดคนของเราที่พอจะคล้ายพวกมันมา”ตอนเช้าเขาต้องไปดูความคืบหน้าของเรื่องโรคระบาด ที่คฤหาสน์อวี้เป็นสถานที่เอาไว้สำหรับกลุ่มคนที่เขาจัดขึ้นโดยเฉพาะ จากนั้นตอนบ่ายก็ต้องเข้าไปดูงานในวังหลวงต่อนับว่าเป็นปีที่เขาเหน็ดเหนื่อยเอาการ แต่ดีหน่อยพอกลับเรือนซือซือ ความเหนื่อยล้าทั้งหมดก็ได้หายไปหมดสิ้น ที่นั่นคล้ายกับยาชูกำลังอย่างไรอย่างนั้น“ได้เลยขอรับ” ผู้ช่วยเขากล่าว และเข้าไปจัดการงานเบื้องหน้าต่อ ต้องเก็บกวาดสถานที่นี้ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ทำเหมือนว่าก่อนหน้านี้ไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้นจิ้นฝานมองรถม้าที่เขานั่งมาตอนเย็น สภาพดูไม่จืด ล้อหลุดออกหนึ่งข้าง ด้านข้างมีรอยดาบฟันเข้าไปลึกอยู่มาก ไม่อยากนึกเลยว่าถ้าเขาไม่เอะใจขึ้นมาก่อน ยามนี้ไม่เป็นเขาก็เป็นคุณหนูรองที่ได้รับบาดเจ็บแทน ดีที่

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๕ แผนการของคนซื่อ / 1

    ๑๕แผนการของคนซื่อม้าสีดำตัวใหญ่ก้าวเดินเป็นจังหวะไม่ช้า และไม่เร็วเกินไป เดินผ่านม่านหมอกเย็นๆ ไปตามเส้นทางของถนนที่ทอดยาว สายลมที่พัดทำให้หมอกลอยคลุ้งกระจาย คนทั้งสองไม่อาจคาดเดาว่าเป็นหมอกที่เกิดจากอะไรอาจจะเกิดจากอากาศที่เย็นลง หรือไอร้อนระเหยของพื้นถนน มันอาจจะลอยมาจากการเผาฝืนแก้หนาวของชาวบ้านก็ได้ คนทั้งสองจมูกเย็นเกินกว่าจะได้กลิ่นควันเหล่านี้ อากาศเย็นๆ หมอกขาวๆ นั่งกอดกันบนหลังม้าคงจะอุ่นกายอุ่นใจไม่น้อยช่วงเวลาแห่งการสร้างสายใยความสัมพันธ์นี้ที่ได้ถักทอขึ้นมาอย่างเงียบๆ ได้เดินทางมาถึงหน้าจวนตระกูลจิ้นจิ้นฝานลงจากหลังม้า และไม่ลืมที่จะยื่นแขนขึ้นไปรับฮูหยินของเขาลงมาด้านล่าง จัดแจงจับเสื้อคลุมที่บิดเบี้ยวไปด้านข้างของนางให้เข้าที่เรียบร้อย“จมูกไม่หายแดงเสียที” เขากล่าวบ่นขึ้น หลุบตามองปลายจมูกของนาง “ก็อากาศมันหนาวนี่เจ้าคะ” ข้าเบี่ยงตาไปมองทางอื่น บอกตามตรงทำตัวไม่ถูกจริงๆ ก่อนหน้านี้ก็พึ่งถูกขโมยจูบ ตลอดทางพวกเราทั้งสองก็นั่งเงียบมาตลอดไม่มีการสนทนาใดๆ หลังจากเหตุการณ์นั้นอีกทั้งข้ายังใจง่ายยอมให้เขากอดเช่นนั้นโดยไม่บ่น โดยไม่ว่าเลยสักคำเดียว น่าโมโหตัวข้าเองยิ่งนั

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๔ นํ้าผึ้งพระจันทร์ / 13

    “มีอันใดรึเจ้าคะ”“มี ลองแหงนหน้าขึ้นไปมองด้านบน” จิ้นฝามก้มหน้าลงตอบนาง“แหงนหน้าหรือ” ข้าเอ่ย แล้วทำตามที่เขาบอกมองภาพด้านบนนี้ มีริ้วสีขาวพร่างพราวลงมา ท่ามกลางพระจันทร์สีนวล นับว่าแปลกนัก วันใดที่หิมะตกไม่มีทางที่จะมองเห็นพระจันทร์ได้ มันช่างน่าอัศจรรย์มากยิ่งเงาดำเริ่มคืบคลานบดบังสายตาของข้า แทนที่ด้วยใบหน้าคุณชายจิ้น ไออุ่นสีขาวที่พ่นออกมาทางจมูก รดลงมาที่หน้าของข้า ความรู้สึกนี้เหมือนทุกสิ่งหยุดนิ่ง มีเพียงแค่พวกเราทั้งสองคนเท่านั้น ที่ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของกันและกันเมื่อหายใจเข้ารอบที่สามในขณะที่เราทั้งสองสบตากันนั้น ริมฝีปากของเขาก็ประทับลงมาอย่างนุ่มนวล และแผ่วเบามันรู้สึกอุ่นๆ ร้อนๆ ตรงริมฝีปากข้าเอง หนวดที่ขึ้นตอสีเขียวถูลงที่คาง และมือของเขาประคองที่หัวข้าเอาไว้เป็นการจูบที่แตะลงมาเท่านั้น และนิ่งค้าง พอๆ กับความรู้สึกที่ตกใจ และตกตะลึงกับสัมผัสนี้จิ้นฝานวางปากประทับลงอยู่นานหนึ่งอึดใจ แล้วดึงหน้ากลับมาเลียริมฝีปากด้วยเอง พลางขมวดคิ้วเข้าอย่างสงสัย“ทำไมปากท่านถึงหวาน”“ข้า... ข้าดื่มข้าวหมักนํ้าผึ้งมา” ข้าตอบพลางหายใจหอบ แต่ทว่ามือของคุณชายจิ้นยังประคองเอาไว้ที

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๔ นํ้าผึ้งพระจันทร์ / 12

    อี๋เสี่ยวควนคั่วได้ยินล่ามแปลประโยคที่จิ้นฝานกล่าวก็ยิ่งขบขันเข้าไปใหญ่ แบบนี้ในเผ่าของเขาเรียกว่ากลัวภรรยา แต่ถ้าเสนาบดีจิ้นเอ่ยออกมาเช่นนี้เขาก็จะเชื่อว่าแค่เกรงใจนางเท่านั้นเมื่อคิดเช่นนั้นก็หันไปมองโต้วตู่จื่อที่นั่งอยู่ เห็นตัวเล็กบอบบางคงจะร้ายไม่น้อยตอนอยู่ที่บ้าน ถึงกับทำให้บุรุษที่ขึ้นชื่อเป็นพยัคฆ์คู่ฝ่ายขวาของแคว้นซิ่นหมอบลงได้งานเลี้ยงดำเนินไปจนจบลง จิ้นฝานสั่งการลูกน้องตัวเองสองสามประโยค จากนั้นถึงจะเดินไปรับฮูหยินน้อยที่ยืนรํ่าลาเหล่าฮูหยินทั้งสามคน ก่อนจะหมุนกายกลับมาหาเขาสีหน้าของนางเรียบเฉยไม่มีรอยยิ้มใดๆ ปรากฏให้เห็นมีเพียงคิ้วได้รูปที่กดตํ่าลงเหมือนไม่ชอบใจอะไรในตัวเขาขณะนี้“ฮูหยินน้อยมานี่มา” จิ้นฝานเอ่ยเรียกนาง ยื่นมือออกไปด้านหน้ารอให้นางจับ“…….” ข้ามองหน้าคุณชายจิ้น เหตุใดต้องให้สาวงามใช้ซาลาเปาคู่มานั่งถูไถได้หน้าตาเฉย เขามียางอายบ้างหรือไม่!ดูท่าโต้วตู่จื่อนี้จะดื้อเอาเรื่อง จิ้นฝานมองไป๋ซิงหนี่ว์อย่างอ่อนใจ และเดินเข้าไปใกล้ก้มหน้าลงกล่าวเสียงแผ่ว“ขากลับจะควบม้ากลับกัน แต่ว่าข้าขอเสื้อคลุมของท่านได้หรือไม่ เอาไว้จะหาซื้อตัวใหม่มาคืนให้”“ข้าไม่เข้าใจ..

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๔ นํ้าผึ้งพระจันทร์ / 11

    “นํ้าข้าวหมักนํ้าผึ้งนี้ ได้ยินขันทีกล่าวว่าเผ่าอิงคาขนมา” ฮูหยินหลันกล่าว พลางยกขึ้นจิบรสชาติหวานปลายลิ้นของมันในแก้ว“รสชาติเป็นเช่นไรบ้างฮูหยินหลัน” ฮูหยินที่นั่งด้านทางขวาเอ่ยถาม“รสชาติดี กินง่ายเจ้าค่ะ” ฮูหยินหลันเอ่ยตอบ“นํ้าข้าวหมักนี้กินแล้วเมาหรือไม่” ถึงตาข้าเอ่ยถามบ้าง อยากจะลองกิน แต่กลัวจะเมาเหมือนครั้งที่แล้ว“ไม่เมาเจ้าค่ะ” ฮูหยินหลันหันไปตอบอย่างมั่นใจข้ามองสีหน้าของฮูหยินหลันอย่างชั่งใจอยู่มาก อะไรหมักๆ ไม่อยากกินเข้าปากเลย แต่กลิ่นมันหอมข้าวอ่อนๆ จะไม่ลองก็กระไรอยู่ ประเดี๋ยวจะเสียเที่ยวเอาได้ มิใช่ว่าจะหาดื่มของแปลกต่างถิ่นได้เช่นนี้ ว่าแล้วก็ค่อยๆ จิบตามที่คุณชายจิ้นบอกเอาไว้ละกันเสียงกลองแผ่วลง พวกนางรำของเผ่าอิงคาก็เข้าไปนั่งลงตามโต๊ะขุนนาง และบุรุษในงานเลี้ยง ข้ามองตามสะโพกงอนงาม ตามจังหวะการก้าวเท้าเดินไปด้วยของพวกนางแต่คิดไม่ถึงว่าจะมีสาวงามหนึ่งในนั้นดวงหน้าคมเข้ม เดินเข้าไปนั่งลงด้านข้างคุณชายจิ้นจากนั้นนางก็เอื้อมมือไปหยิบจอกสุราขนาดใหญ่รินลงไปให้เขา แล้วยื่นขึ้นไปป้อนถึงปาก ข้าหรี่ตาลงมองให้ชัดเจน อยากรู้ว่าเขาจะทำอย่างไรต่อจิ้นฝานหลุบตาลงมองจอกสุราส

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๔ นํ้าผึ้งพระจันทร์ / 10

    “ฟางซายจือ เหลียงเหลง หวู่ต้าตั๋ว ดานตรง ซีจงจึ่ย ฮ่างซี” อี๋เสี่ยวควนคั่วตอบออกไป พร้อมกับชูจอกสุราสีทองให้จิ้นฝาน“ท่านอี๋เสี่ยวกล่าวว่า ดีมาก แต่ขาดการระบำ และสาวงาม แต่สุรานี้อร่อยถูกปากเขานัก” ล่ามภาษาได้แปลออกมาให้ท่านเสนาบดีจิ้นฟัง“บอกเขาว่าไม่นานเกินรอ” จิ้นฝานเอ่ยขึ้นต่อ“จางไจ่ บู่ลู่” ล่ามหันไปแปลให้อี๋เสี่ยวควนคั่วฟังอย่างรวดเร็วอี๋เสี่ยวควนคั่วที่ได้ยินก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ตบหน้าตักตัวเองไปหนึ่งที แล้วกล่าวออกมาเป็นภาษาถิ่นของแผ่นดินหยวนโปวที่เขาพอจะรู้มาบ้าง แต่ก็ไม่เก่งจนสนทนากันได้อย่างเข้าใจ และฉะฉาน“เยี่ยม เยี่ยม!”จิ้นฝานพยักหน้ารับอี๋เสี่ยวควนคั่ว หันไปมองกลุ่มคนพิเศษ ที่เขาจัดขึ้นมาเพื่อหาวิธียุติโรคระบาดชายแดน หนึ่งในนั้นก็มีเจิ้งหรินอี้ด้วยเช่นกัน กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่อีกมุมหนึ่ง จากนั้นก็กวาดตามองฮูหยินน้อยของเขาว่ายามนี้นางอยู่ที่ไหนเขามองเห็นสาวงามเด่นสะดุดตา เพราะเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาวที่ฟูฟ่อง กำลังยืนสนทนากับสตรีนางอื่นอีกสี่คน แล้วยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะน้อยๆ ออกมา“ยินดีด้วยนะเจ้าค่ะ ที่ได้เป็นฮูหยินขั้นหนึ่งแล้ว งานเลี้ยงในวังหลวงครั้งที่แล้วข้า

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status