[Primrose Talks]เมืองออสโล, ประเทศนอร์เวย์ เมื่อคืนเราเดินทางมาถึงออสโลเกือบสี่ทุ่ม เนื่องจากสภาพอากาศทำให้เครื่องบินดีเลย์ เราประเดิมให้นอร์เวย์เป็นประเทศแรกสำหรับทัวร์ฮันนีมูนในแถบสแกนดิเนเวียตลอดหนึ่งเดือนเต็ม ที่นี่ค่อนข้างสงบ ร้านอาหารในเวลากลางดึกมีน้อย เราเลยซื้ออาหารกลับมาทานที่โรงแรมง่ายๆ แล้วหลับไปด้วยความเพลีย ใช่แล้ว เรามาฮันนีมูนกันสองคน ไร้ผู้ติดตาม ไร้บอดี้การ์ด และไม่ต้องนั่งเครื่องบินส่วนตัวตามที่ฉันต้องการ แต่การเดินทางก็ไม่ได้ยากลำบากอะไรเลย เพราะพี่เซนเลือกจองชั้นเฟิร์สคลาส ที่มีพนักงานบนเครื่องคอยดูแลตลอดการเดินทาง เช้านี้ฉันเป็นคนแรกที่ตื่นขึ้นมา แน่นอนว่าตื่นเพื่อมาแอบถ่ายรูปสามีที่กำลังหลับปุ๋ยในห้วงนิทราด้วยกล้องที่พกติดตัวมา เราเคยเถียงกันเรื่องที่ฉันบอกว่าเขานอนแล้วเหมือนเด็ก ไร้พิษสง แพขนตาสวยรับจมูกโด่งได้รูป ราวกับเด็กฝรั่งในจิตรกรรมตามพิพิธภัณฑ์ เขาไม่เชื่อว่าตัวเองแสดงสีหน้าแบบนั้นออกมาตอนนอน ทีนี้แหละฉันจะมีหลักฐานไปเรียกค่าไถ่ หาเงินซื้อขนมให้โซลกับลูอาเมื่อสามีสุดหล่อของฉันตื่นขึ
หนึ่งปีต่อมา พริมโรสในชุดเจ้าสาวสีขาวอวดไหล่มนสวยกับดีไซน์ช่วงเอวแคบอวดรูปร่างสวยสมบูรณ์แบบ เดรสฟูฟ่องทรงเจ้าหญิงแบบหน้าสั้นหลังยาว สะดวกต่อการเดินในงานที่จัดบนพื้นที่ชายหาดส่วนตัวของโรงแรม บอดี้การ์ดนับสิบยืนปะปนกับผู้คนในงาน แต่วันนี้ไม่ได้ใส่สูทดำล้วนที่เป็นยูนิฟอร์มของสมาคม ทุกนายสวมไปรเวทด้วยสูทสีสุภาพแปลกตา แต่ทว่ายังมีหูฟังบลูทูธไว้คอยสื่อสารกัน งานแต่งริมหาดส่วนตัวในยามพระอาทิตย์กำลังเลียบขอบทะเลดูโรแมนติกอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฟประดับจากโรงแรมสีส้มไม่ได้ทำลายบรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติแม้แต่น้อย "อยากไปฮันนีมูนที่ไหน" เขาถามเธอจากด้านหลัง ปลายคางหล่อเหลาเกยที่ไหล่น้อยของภรรยาในยามที่เธอนั่งหันหน้าออกทะเล มองแสงอาทิตย์กระทบน้ำ เพราะช่วงเช้าห้องบอลรูมใหญ่ของโรงแรม ถูกเนรมิตเป็นพิธีแบบพุทธตามความสบายใจของบิดามารดาฝ่ายเจ้าสาว และเข้าก็ไม่ติดขัดอะไร ช่วงเย็นจึงเป็นงานเลี้ยงที่ไม่มีพิธีกร ไม่มีพิธีการ มีแค่อาหารเครื่องดื่ม และดนตรีคลอเบาๆ อย่างที
[Primrose Talk] ฉันก้าวเท้าลงจากรถที่เซนเป็นคนเปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับให้ รั้งชายกระโปรงยาวฟูฟ่องสีชมพูขึ้นเพื่อปรับตำแหน่งให้เดินได้สะดวกขึ้น ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมแค่การมาฉลองวันเกิดตัวเองที่บ้านอย่างที่เคยทำทุกปี ทำไมปีนี้จะต้องใส่ชุดเว่อร์วังขนาดนี้ด้วย แต่แฟนฉันเป็นคนเลือกให้ และนานๆ ทีจะใส่ชุดบาร์บี้ขนาดนี้ก็ยอมเขาหน่อยละกัน "ทำไมต้องจัดงานใหญ่ขนาดนี้ด้วยคะเนี่ย" อดถามเขาไม่ได้ เพราะปีนี้แฟนฉันให้ลูกน้องเขามาช่วยจัดสถานที่เอง ไล่สายตามองซุ้มลูกโป่งสีขาว ชมพู และทองประดับไปตลอดทางเดินเข้าบ้าน แถมไฟมินิมอลที่ระโยงระยางไปตลอดทาง ปีก่อนๆ แค่ให้คุณแม่ทำอาหารและเป่าเค้กวันเกิด แถมปกติก็มีแค่ครอบครัวฉัน เพราะใบเตยกับพะแพงเคยบ่นว่าบ้านฉันไกล ขอแยกเลี้ยงกันเองต่างหาก แต่ปีนี่ทุกคนมากันครบเลย แม้กระทั่งพี่ดีนส์ที่มักจะถูกใช้ให้ไปทำงานแทนเขาก็ยังมาร่วมงานด้วย "ไม่ได้ใหญ่อะไร" เขาก็ยังตอบแบบก
กลิ่นหอมที่คุ้นเคยกับจูบละมุนปลุกมาเฟียหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นมาในยามเช้า เขาลืมตาขึ้นและหรี่ตาลงเล็กน้อย เมื่อหันไปเจอกับแสงจ้าจากดวงอาทิตย์ยามเช้าสาดเข้ามาในห้องนอนใหญ่ "แฮปปี้เบิร์ธเดย์ครับ ขอให้มีความสุขไปด้วยกันตลอดไป" ยกศีรษะจูบที่แก้มนวลหลังจากทักทายยามเช้าของวันด้วยการอวยพรวันเกิดเธอ ขอให้มีความสุขด้วยกันตลอดไป คือปรารถนาของเขาที่มีแด่เธอ เพราะทุกครั้งที่อยู่กับคนตรงหน้า เซนมีความสุขเสมอ เธอคือคนเปลี่ยนโลกของเขา นับตั้งแต่เจอกันในวันนั้น เป็นคนที่ทำให้การกลับมาจากที่ทำงานของเขามีความหมาย และทำให้เราเริ่มกลัวความตาย กลัวจะไม่ได้บอกลา "ขอบคุณค่ะ ขอให้โรสตื่นมาเจอเซนคนแรกทุกวันนะคะ" ยกมือลูบกลุ่มผมหนาอย่างเคยชิน และเขาก็ทิ้งตัวลงบนตักของเธออย่างรู้สึกดี "วันนี้ต้องไปวัดใช่ไหม" "ค่ะ คุณแม่ให้ไปทำบุญ" พริมโรสทำบุญกับศาสนาแค่ปีละครั้ง สวดมนต์อย่างอื่นไม่ได้นอกจาก 'นะโมตัสสะ' แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเข
หลายเดือนต่อมา เจ้าของร่างกำยำนั่งตรวจเอกสารการยื่นภาษีปลายปีของธุรกิจที่พักและโรงแรมเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเซ็นรับรองเพื่อส่งตรวจสรรพากร ประตูห้องทำงานหรูถูกเปิดออกโดยมือขวาคนสนิท ดีนส์ถือซองจดหมายสีขาวที่มีตราตระกูลเดินเข้ามาก่อนจะยื่นมันให้เขา “จดหมายปิดผนึกถึงนายครับ” เขารับจดหมายขึ้นมาเปิดด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไร้ซึ่งความตื่นเต้น ไร้ซึ่งความหวาดกลัว นิ้วเรียวคลี่กระดาษกางออก มองเห็นลายมือของบิดาเป็นผู้เขียนจดหมายฉบับนี้ ตราประทับของตระกูลอยู่เหนือสุด ด้านล่างรับรองด้วยลายเซ็นของผู้นำคนปัจจุบัน ซึ่งก็คือริคคาโน่ และผู้นำคนต่อไป...ราฟาเอล . . ‘ตามที่ได้ปรากฏการกระทำที่ไม่เหมาะสมหลายประการ และได้ละเมิดคำสั่งสูงสุดของผู้นำ โดยมิได้สำนึกและเกรงกลัวในความผิด สภาสูงสุดของรูซโซ่จะมีมติพิจารณาบทลงโทษ เพื่อมิให้สมาชิกอื่นในตระกูลเอาเป็นเยี่ยงอย่าง และป้องกันมิให้ไปก่อความเดือดร้อนแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องสืบไป จึงขอพิจารณาลงโทษตามความเหมาะสม ดังนี้ 1. ขับไล่ออกจากตระกูลรูซโซ่ มิให้
กว่าสองสัปดาห์ที่โซลและลูอาเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของบ้าน นอกจากทั้งคู่จะเป็นลูกรักของเธอและเซน ยังเป็นขวัญใจบรรดาบอดี้การ์ดที่อาศัยร่วมกันในตึกสูงแห่งนี้ ซึ่งสาเหตุก็เริ่มจากอาทิตย์ที่แล้ว ที่โซลกับลูอามีอาการไอแห้ง มาเฟียหนุ่มจึงหยุดงานเพื่อพาเด็กทั้งสองไปหาหมอ เนื่องจากในวันเดียวกันพริมโรสมีพรีเซนต์รายงานจากการฝึกงานตั้งแต่เติมที่หนึ่ง กระเป๋าแมวสีดำทรงครึ่งวงกลมถูกเขาถือลงมาจากเพนท์เฮ้าส์ด้วยตัวเอง ตลอดเวลาที่เดินผ่านบรรดาบอดี้การ์ดนับสิบนาย ทั้งโซลและลูอาต่างตะโกนแหกปากร้องไปตลอดทาง เพราะอาจจะได้กลิ่นสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ประกอบกับอาการเจ็บป่วยจนไม่สบายตัว "นายครับ ผมถือให้ครับ" บอดี้การ์ดนายหนึ่งเสนอตัวถือกรงสีดำนั้นให้ "ไม่ต้อง กูถือเอง" เขายกมือโบกปฏิเสธ ระหว่างทางที่เดินไปขึ้นรถ "ลูกกู กูดูแลได้" เขาใช้สรรพนามที่เรียกลูกแมวสองตัวว่าลูก เพราะติดมาจากคนตัวเล็ก ที่มักจะคุยกับลูกแมวทั้งสองว่า 'แม่อย่างนั้น ลูกอย่างนี้' ประตูรถยนต์ถูปิดลง บอดี้การ์ดส