공유

Chapter 10. น้องชาย

last update 최신 업데이트: 2024-11-16 13:18:49

            “น้องชาย?” ชุนเอ๋อร์ทำหน้าประหลาดใจกับคำถามที่ได้ยิน “คุณหนูเป็นลูกคนเดียว บิดาแท้ๆ ของนางปกป้องท่านแม่ทัพจนตัวเองตาย ท่านแม่ทัพจึงรับคุณหนูเป็นลูกบุญธรรม ไม่มีพี่น้องที่ไหน ยกเว้นคุณชายจ้าวจิ่นสือที่เจ้าเจอเมื่อครู่ คุณชายเป็นบุตรคนเดียวของแม่ทัพจ้าวกับฮูหยินอี้ซิ่ว เมื่อท่านแม่ทัพรับคุณหนูมาเป็นลูก ทั้งสองก็เปรียบเสมือนพี่น้องกัน คอยดูแลซึ่งกันและกันมาตลอด”

            “เปรียบเสมือนพี่น้อง...คนผู้นั้นคงไม่ใช่น้องชายของ...” นางเริ่มทำหน้าไม่ถูก หวังว่าการคาดเดาของนางจะผิดพลาด

            “เรื่องนี้มีแต่คนในจวนเท่านั้นที่รู้ คุณชายพลั้งเผลอยอมให้คุณหนูเป็นพี่สาว ทั้งที่อายุห่างกันเพียงแค่ห้าเดือนเท่านั้น”

พูดแล้วชุนเอ๋อร์ก็ป้องปากหัวเราะเบาๆ นางติดตามรับใช้คุณหนูมานาน เรื่องราวของนายนินทาไม่ได้ แต่ไม่ถึงกับห้ามพูดถึง นางเพิ่งรู้สึกว่าคนที่เดินตามมาหยุดเดินจึงหันไปดู เห็นสีหน้าตกใจของมู่ฟางเหนียงแล้วก็อดถามไม่ได้

“มีอะไรรึ”

“มะ..ไม่...ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ”

นางยิ้มฝืดออกมาแล้วเดินตามชุนเอ๋อร์ ในใจว้าวุ่นยิ่งนัก อย่าบอกนะว่า...ชายผู้นั้นคือ ‘น้องชาย’ ของพี่สาวคนดีของนาง.

            เจ้าของร่างบางนั่งก้มหน้าก้มตาตวัดพู่กันคัดลอกตำราอย่างไม่สนใจว่ามีคนเดินเข้ามาหยุดมองอยู่ครู่ใหญ่ เมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่เงยหน้าขึ้นมาง่ายๆ จึงกระแอมไอเรียกลูกสาวของตนเอง

            “เหนียงเอ๋อร์”

            “ท่านพ่อ” มู่ฟางเหนียงเงยหน้าขึ้น ดวงตากลมเป็นประกายมีแววประหลาดใจที่เห็นบิดายืนจ้องหน้านางอยู่

“ท่านพ่อกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ เอ...นี่เวลาใดกัน ลูกยังไม่ได้เตรียมอาหารเลย”

            “สองวันมานี้ พ่อเห็นเจ้าตั้งหน้าตั้งตาคัดลอกตำราแทบทั้งคืนทั้งวัน เจ้าอยากได้ตำราแพทย์เล่มนี้จริงๆ รึ” 

ผู้เป็นพ่อได้แต่ส่ายหน้าไปมา จริงอยู่ว่าฐานะของสองพ่อลูกจะซื้อหนังสือแต่ละเล่มนั้นเป็นเรื่องที่ต้องคิดหนัก แต่ก็มิได้หมายความว่าจะไม่สามารถซื้อมาครอบครองได้ สองสามวันก่อน ลูกสาวไปดูอาการเคอหลิ่งหลินที่จวนแม่ทัพจ้าว ได้ตำราแพทย์มาสามเล่ม ได้ยินว่าฮูหยินอี้ซิ่วให้ยืมอ่าน จะคืนเมื่อใดก็ได้ แต่ลูกสาวของเขาก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านและคัดลอกบางส่วนที่นางไม่เคยรู้มาก่อน

            “ที่ผ่านมาเราสองคนพ่อลูกอยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง สองปีมานี้เราอยู่ติดที่ไม่ได้โยกย้ายไปไหน ลูกก็เลยอยากสะสมตำราแพทย์เหล่านี้ ทั้งความรู้ที่ท่านพ่อมี ข้าก็คัดลอกไว้เป็นตำราศึกษาทบทวนความรู้ แต่ท่านพ่อไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ ถ้าถึงเวลาที่เราต้องเดินทาง ลูกจะเป็นคนแบกหนังสือเหล่านี้เอง”

            มู่หยางซัวมองลูกสาวที่แย้มยิ้มราวกับไม่น้อยเนื้อต่ำใจที่ตนเองต้องระหกระเหินติดตามบิดาไม่ได้ความอย่างเขา  เขานั่งลงใกล้ๆ ลูกสาว ปีนี้นางอายุสิบหกแล้ว เป็นสาวสวยงดงามแต่ยังสวมเสื้อผ้าเก่าๆ เต็มไปด้วยรอยปะชุน มือทั้งสองก็หยาบกระด้างเพราะต้องช่วยงานเขาอยู่เสมอ

            “ลูกขอโทษ” นางเอ่ยเสียงแผ่ว แล้ววางพู่กันในมือลง

            “ขอโทษเรื่องอันใดกัน” ผู้เป็นพ่อขมวดคิ้วอย่างงุนงง

            “ลูกควรจะขึ้นเขาไปหาสมุนไพรกับท่าน ไม่ควรเอาแต่ขลุกอยู่กับการคัดลอกตำราเหล่านี้”

            “พ่อไม่ได้คิดเรื่องนั้น” มู่หยางซัวส่ายหน้าไปมา “ลูกอยากอยู่ที่นี่ไหม”

            “อยู่ที่นี่?” นางทวนคำ ทำหน้างุนงงกับสิ่งที่ได้ยิน “ท่านพ่อหมายถึงอะไรเจ้าคะ”

            “เราเดินทางกันมานานแล้ว ถ้า...ถ้าลูกอยากอยู่ที่นี่ พ่อจะลองปรึกษากับเศรษฐีกู่หลิน ขอผ่อนซื้อบ้านหลังนี้ให้เจ้าอยู่”

            “ซื้อบ้านให้ลูกอยู่? แล้วท่านพ่อล่ะเจ้าคะ”

            “พ่อก็อยู่กับเจ้านั่นแหละ” ผู้เป็นพ่อหัวเราะออกมา

            “ก็ท่านพูดเหมือนจะให้ลูกอยู่คนเดียวนี่เจ้าคะ” นางเบ้ปากน้อยๆ “ท่านอยู่ไหน ลูกอยู่นั่น ยกเว้นท่านพ่อจะมีภรรยาใหม่แล้วไม่ให้ลูกอยู่ด้วย”

            “เจ้านี่ก็ชอบผลักไสให้พ่อมีภรรยาเสียจริง”

            “ก็ลูกเป็นห่วงท่านนี่นะ” นางหัวเราะออกมา ยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อ เสียงร้องเรียกอยู่หน้าบ้านก็ดังขึ้น ครู่ต่อมาเจ้าของเสียงก็วิ่งถลาเข้ามาด้วยท่าทางกระหืดกระหอบ

            “พี่ฟางเหนียง”

            “มีอะไรรึเสี่ยวจิง” มู่ฟางเหนียงถามเด็กชายวัยสิบขวบที่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา

            “วัว...วัวของข้ามันเจ็บท้องตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้มันยังไม่ออกลูกมาให้ข้าเลย” 

            “เจ้าตัวนั้นนะเหรอ” นางถามอย่างนึกได้ บ้านของเสี่ยวจิงอยู่ไม่ไกลนัก นางจำได้เพราะว่าเด็กชายมักมาคุยเล่นกับนางบ่อยๆ บางทีก็จูงมือนางไปดูวัวที่พ่อยกให้เขาเป็นของขวัญ

            “วัวของข้า วัวของข้า” เด็กน้อยได้แต่พูดซ้ำๆ ยกแขนขึ้นปาดน้ำตาจนแก้มเปื้อนเปรอะมอมแมมไปหมด

            “ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวข้าจะไปดูเอง” นางจับมือเด็กน้อยแล้วลุกขึ้น “ท่านพ่อ เดี๋ยวข้ามานะ ท่านหิวก็อุ่นกับข้าวกินไปก่อนนะเจ้าคะ”

            มู่หยางซัวโบกมือไล่ให้นางรีบออกไป ไม่เช่นนั้นเด็กชายคงร้องไห้จนตาบวมปูดเป็นแน่ มู่ฟางเหนียงถูกเด็กชายจูงมือแล้วลากให้นางวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว และตามประสาเด็กที่มักจะใช้เส้นทางลัดมุดรั้วบ้านผู้อื่น แม้ต้องคลานสี่เท้าคล้ายสุนัขก็ตามที หญิงสาวก็ยอมทำตามด้วยรู้ว่าเด็กน้อยร้อนใจนัก เขาหมายมั่นจะเป็นคนเลี้ยงวัว ตั้งแต่รู้ว่าวัวของตัวเองตั้งท้อง เขาก็ดูแลมันอย่างดีมาตลอด เห็นวัวท่าทางไม่สบายก็มาตามนางไปดู ทั้งที่ก็รู้ว่าเป็นหมอรักษาคน ไม่ใช่หมอรักษาวัว แต่เอาเถิด เด็กก็คือเด็ก เขามีความตั้งใจมุ่งมั่นดี นางก็ต้องสนับสนุนแม้ต้องคลานจนเจ็บเข่าอย่างนี้ พอพ้นรั้วก็แหวกกอหญ้าสูงท่วมศีรษะ แล้วก็ถึงเขตบ้านของเสี่ยวจิง เขาจูงมือนาง กำมือของนางแน่นราวกับกลัวว่านางจะหนีไปเสียก่อน

            แม่วัวกระสับกระส่าย ส่งเสียงร้องตลอดเวลา เสี่ยวจิงหาหญ้าหรือฟางข้าวปูรองไว้ก่อนแล้ว นางเห็นคนอื่นเฝ้ายืนมองอย่างจนปัญญา ทำอย่างไรแม่วัวก็ไม่อาจเบ่งลูกออกมาได้เสียที หรือจะต้องเสียทั้งแม่และลูกไปพร้อมกัน

            “มาเถอะ ช่วยกันเอาเชือกมัดมันไว้ก่อน เดี๋ยวมันจะถีบผู้อื่นเข้า” นางร้องสั่งให้พ่อของเสี่ยวจิงผูกเชือกล่ามแม่วัวไว้ นางเดินอ้อมไปด้านหลังยกหางวัว เพ่งมองอย่างพิจารณา ปกติลูกวัวจะยื่นขาหน้าออกมาก่อน แต่นี่...

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter  136.  จบ

    องค์ชายไท่หยางมักมีรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าซีดเซียวเสมอ ซึ่งมองเพียงผิวเผินจะเข้าใจว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ใครเลยจะรู้ว่าเบื้องหลังใบหน้าและร่างกายอ่อนแอนี้กุมความลับที่ใช้ต่อรองกับเขาได้ดียิ่งนัก เขาเองก็ได้สัญญาการซื้อขายกับทางการหลายรายการเพราะการแนะนำของคุณชายเฉิน“แล้วนี่คุณชายเฉิน อ้อ! ไม่สิ! องค์ชายไท่หยางนึกสนุกอย่างไรถึงอยากได้หน้ากากอสูรที่ดูน่ากลัวเช่นนี้”“ก็คงไม่ต่างจากเจ้าที่เบื้องหน้าเป็นคุณชายเจ้าสำราญเช่นกัน”“พระองค์กล่าวเช่นนี้ เห็นทีว่ากระหม่อมคงไม่มีทางหลีกเลี่ยงแล้วกระมัง” เหวินเฮ่าหลันกลับรู้สึกพอใจกับท่าทางเปิดเผยขององค์ชายไท่หยาง“ร่างกายของข้าไม่ค่อยแข็งแรงนัก จึงมีเรื่องที่ต้องทำให้เรียบร้อยก่อน... แต่การเคลื่อนไหวในฐานะขององค์ชายไท่หยางทำได้ลำบากนัก จึงอยากจะรบกวนเจ้าหาช่างดีๆ ทำหน้ากากอสูรนี่ให้ข้า”“พระองค์จะเอาไว้ใช้เอง?”เหวินเฮ่าหลันได้คำตอบเป็นรอยยิ้มที่มุมปาก หลังจากนั้นเขาหาช่างที่ไว้ใจได้สั่งทำหน้ากากอสูร แต่ไม่รู้สิ่งใดดลใจเขาให้ช่างทำสองอัน เมื่อส่งมอบหน้ากากอสูรนั่นให้องค์ชายไท่หยาง ไม่นานนักก็ได้ยินข่าวว่ามีบุรุษลึกลับภายใต้หน้ากากอสูรออกอาละวาดเล่น

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter  135.  บุปผาพยศรัก

    ปีศาจน้อย! จ้าวจิ่นสือขบกรามแน่น นางเรียนรู้ที่จะหยอกล้อเขาเช่นเดียวกับที่เขาทำกับนาง เขาไม่อาจทานทนไฟปรารถนาที่เผาไหม้อยู่นี้ได้อีก ขยับร่างกายรวดเร็วรุนแรงและลึกล้ำ เป็นนางที่พาเขาให้เตลิดโบยบินไปในค่ำคืนวิวาห์ที่อุ่นร้อน ราวกับวิหคคู่ที่โบยบินในเวิ้งฟ้า หยอกล้อราวกับทั้งโลกมีเพียงแค่เขากับนางเท่านั้น ร่างสองร่างสอดประสานแทบเป็นหนึ่งเดียว ชายหนุ่มส่งเสียงคำราม ในขณะที่หญิงสาวหวีดร้องออกมาอย่างสุขสม แล้วเขาจึงผ่อนร่างนางลงนอนกอดอย่างรักใคร่นางปิดเปลือกตาหอบใจแรงแล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจตัวเองจนเกือบจะเป็นปกติจ้าวจิ่นสือมองหญิงคนในรักในวงแขน ยกมือขึ้นเกลี่ยเส้นผมของนางให้พ้นใบหน้า หนึ่งชีวิตได้พานพบผู้คนมากมาย แต่มีเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นเจ้าของเสียงในหัวใจ เขาก้มหน้าสูดกลิ่นหอมของนางให้กลิ่นกายของนางไหลเวียนในตัวเขา นางคือหญิงสาวของเขาแต่เพียงผู้เดียว“ฟางเหนียง ข้ารักเจ้า”ผ่านเรื่องราวมากมายฟันฝ่ามาด้วยกันจนมีวันนี้ แต่แท้จริงแล้วทุกอย่างมันเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น นางคิดถึงกลองป๋องแป๋งอันนั้น นางจะเก็บรักษาเอาไว้ให้ลูกๆ ได้ดู ของขวัญล้ำค่าที่เชื่อมโยงหัวใจของคนสองคนให้ได้มาใกล้ชิดกั

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter  134.  บทส่งท้าย2. 

    “ท่าน...” นางถูกดวงตาร้อนแรงของเขาจ้องมองจนลืมคำพูดตัวเองไปเสียสิ้น “อืม”เขาจ้องมองนาง ไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่ายที่ได้มองใบหน้านี้เลยสักคราเดียว คิดไม่ออกเลยว่าหากไม่มีนางเคียงข้างแล้ว เขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร เห็นทีเรื่องนี้คงต้องเก็บเป็นความลับไว้ให้ลึกที่สุด ไม่เช่นนั้นนางจะเอาแต่ใจตัวเองเกินไป รู้ว่าอย่างไรเขาก็ต้องจำนนยอมแพ้พ่ายต่อสายตาคู่นี้ของนาง “ข้า... ข้าต้องปรนนิบัติท่าน... พี่” คืนนี้นางเป็นภรรยาของเขาอย่างถูกต้องแล้ว ควรทำหน้าที่ของตนเองถึงจะถูก แต่มือเล็กก็สั่นเทา ยื่นไปหมายจะช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่อาการเงอะงะของนางเรียกเสียงหัวเราะเบาๆ ออกมา ทำให้นางฉุนกึกขึ้นมา แล้วเงยหน้าขึงตาใส่อย่างดุดัน “ใช่สิ! ข้าทำไม่เก่งนี้ เรื่องแบบนี้ข้าคุ้นเคยเสียเมื่อไหร่ล่ะ” นางหงุดหงิดโมโห อารมณ์นางช่วงนี้ขึ้นๆ ลงๆ แปรปรวนชอบกล “ไม่เป็นไร น้องหญิงอยากทำอะไรก็ตามใจเจ้าเถิด” เขากลั้นหัวเราะแต่กลายเป็นยิ้มกรุ้มกริ่มแทน ปล่อยให้มือเล็กช่วยถอดเสื้อตัวนอก พอนางลุกขึ้นจะเอาเสื้อของเขาไปแขวน ตัวเองก็เสียหลักเพราะนั่งตัวเกร็งอยู่ตั้งนา

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter   133.  บทส่งท้าย 1.

    หญิงสาวนั่งก้มหน้า มองปลายเท้าที่สวมรองเท้าสีแดงสดสวยปักรูปหงส์อย่างงดงามประณีต เสียงครื้นเครงด้านนอกไม่ได้ช่วยให้นางลดอาการตื่นเต้นลงได้เลย ยามมองผ่านผ้าคลุมหน้าสีแดงสดนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องหอราวกับถูกย้อมด้วยสีแดง นางจึงหลุบตาลงก้มมองปลายเท้าของตนแทน เพียงหนึ่งเดือนหลังเสร็จภารกิจลับของจ้าวจิ่นสือ ด้วยความช่วยเหลือขององค์ชายไท่หยาง ทำให้ทั้งสองได้รับราชโองการพระราชทานสมรส แม้มู่ฟางเหนียงจะเป็นเพียงหญิงสาวสามัญชน แต่ด้วยความรักใคร่ที่รองแม่ทัพจ้าวจิ่นสือมีให้นางนั้นเป็นที่เลื่องลือกันไปทั่ว นางทั้งเขินทั้งอาย แต่ก็ดีใจที่ฮูหยินอี้ซิ่วรักและเอ็นดูนางราวกับเป็นลูกสาวแท้ๆ ท่านพ่อของนางก็พลอยวางใจว่านางจะอยู่ที่จวนแม่ทัพจ้าวได้อย่างไม่ทุกข์ร้อนใจอันใด “เจ้าไม่ใช่เด็กแล้ว ต่อไปนี้ทำอะไรก็เชื่อฟังพ่อแม่สามีของเจ้าให้ดี” “ท่านพ่อ” นางกลั้นน้ำตา คราวนี้ได้แยกกันอยู่แล้วจริงๆ ท่านพ่อของนางมีใจรักใคร่น้าเสี่ยวหลิว เสร็จงานแต่งงานของนางแล้วก็จะกลับไปเมืองหลวง ช่วยน้าเสี่ยวหลิวดูแลโรงเตี๊ยมหมื่นบุปผาและรักษาคนเจ็บป่วยเช่นเคย ส่วนนางเองก็ได้รั

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 132. ไม่อยากเชื่อ

    “ท่าน... ระ.. รักข้า..” นางแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเขาหัวเราะเบาๆ อาศัยจังหวะที่นางไม่เป็นตัวของตัวเองลอกคราบเสื้อผ้าออกเหลือเพียงเอี๊ยมปิดบังทรวงอกที่สะท้อนหอบหายใจแรงกับกางเกงชั้นในตัวน้อย มือกร้านลูบไล้เรียวขาของนาง ไอร้อนจากกายของเขาทำให้นางแทบไม่รู้สึกว่าตัวเองเกือบจะเปลือยเปล่าอยู่แล้ว“ข้า... เข้าใจว่า... ท่าน ระ รัก พี่หลิ่งหลิน” นางรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีพูดออกไปเขาผงกศีรษะรับแล้วกลับยิ้มให้นาง “ก่อนนั้นข้าคิดเช่นนั้น แต่เมื่อเจอเจ้า ข้าก็รู้ว่าความรักที่แท้จริงเป็นเช่นไร”หัวใจของนางแทบหยุดเต้นไป แต่กระนั้นก็ยังหวาดหวั่นอยู่ “แต่ท่านเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ ท่านจะรับข้าไว้ในฐานะใดเล่า”“ข้าย่อมให้เจ้าเป็นภรรยา” มือใหญ่เลื่อนขึ้นจากต้นขาด้านในสู่กลีบบุปผาอ่อนบาง “ข้าจ้าวจิ่นสือจะมีภรรยาเพียงผู้เดียวก็คือเจ้า”“ท่านจะไม่มีหญิงอื่นอีกหรือ?” นางกะพริบตามองหน้าเขา ค้นหาความจริงใจในทุกถ้อยคำ “ข้าไม่ได้หวังตำแหน่งใด ข้าเพียงไม่อาจแบ่งสามีกับผู้อื่นได้”“เจ้าทำให้ข้ารักเจ้าจนไม่มีที่ว่างให้ผู้อื่นแล้ว” แตะกลีบดอกไม้เบาๆ แล้วกระซิบเสียงพร่า แท่งศิลาใต้ตักของนางเริ่มร้อนระอุ“อย

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 131. อย่ามายุ่งกับข้า 

    “นึกแล้วเชียว” นางพึมพำ ไม่รอถามอะไรเขาทั้งนั้น ขยับเสื้อของเขาออกกว้างเพื่อจะได้จัดการล้างแผลและใส่ยาให้ใหม่ ขณะนั้นเอง เสียงเรียกชื่อนางอย่างเกรงใจก่อนที่จะเปิดประตูเข้ามา เสี่ยวเอ้อที่รอพานางไปส่งที่พักก็ต้องตกใจเพราะเห็นมู่ฟางเหนียงกำลังเปลื้องผ้าชายหนุ่มอยู่ แต่เขามองไม่เห็นบาดแผลจึงคิดไปเองว่าทั้งสองกำลัง...“ข้าจะรอข้างนอก แม่นางมู่เสร็จธุระแล้วโปรดเรียก”นางเพียงหันไปพยักหน้ารับ เพราะใจจดจ่อกับบาดแผล พอเหลือบตาขึ้นมองก็เห็นสายตาของเขาก้มมองนางอยู่ก่อนแล้วผู้หญิงคนนี้ วุ่นวายกับเขานัก! จ้าวจิ่นสือได้แต่บ่นในใจ แต่ก็ยอมให้นางแกะผ้าพันแผลและทำความสะอาดที่บริเวณชายโครงซ้ายของเขา“โรคทางใจรักษายากนัก” นางรำพึง“อย่ามาทำเป็นรู้ดี” เขาแค่นเสียงในลำคอ รินสุราใส่จอกให้ตนเอง แต่นางกลับยื่นมือไปคว้าแย่งไว้“ระหว่างที่รักษาแผลนี้อยู่ งดดื่มสุราทุกชนิด” นางถลึงตาสั่งเขา “ข้ารักษาให้ท่านได้เพียงบาดแผลภายนอก แต่ในใจที่เจ็บปวดของท่านนั้น ท่านคงต้องใช้เวลาเยียวยารักษาเอง”“ข้าจะดื่ม” เขาท้าทายนาง“ถือว่าข้าเตือนแล้ว ท่านอยากให้แผลเน่าอยู่ภายในก็ตามใจท่านเถิด” นางปิดบาดแผลให้เขาเรียบร้อย “ท่าน

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status