공유

Chapter 9. จนปัญญา

last update 최신 업데이트: 2024-11-16 13:18:31

            เขากอดอกมองหญิงสาว นี่คงจนปัญญาจะหาคำแก้ตัวเลยละสิ เขาได้แต่เค้นเสียงหัวเราะในลำคอ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย

            “เลือกหนังสือได้แล้วก็ออกไปสิ ข้าต้องใช้ห้องนี้”

            “ข้าน้อยยังเลือกหนังสือไม่เสร็จ” พูดจาถ่อมตนแต่กลับกล้าถลึงตาใส่อย่างไม่กลัว แม้เขาจะสูงใหญ่กว่านางนัก

“แล้วท่านเข้ามาใช้ห้องนี้ ได้รับอนุญาตจากจ้าวฮูหยินแล้วรึ”

            “ข้า...” คราวนี้เป็นเขาที่พูดไม่ออก เรื่องต่อปากต่อคำกับสตรีเขาไม่ถนัดนัก ผู้หญิงสองคนที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงปกติและไม่ต้องระวังอะไรนักก็คือท่านแม่และเคอหลิ่งหลิน ครั้นจะโต้เถียงกับนางก็ใช่เรื่อง ซ้ำร้ายดูท่าทางนางจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เขากัดริมฝีปากกลั้นหัวเราะแสร้งทำดุดันไปอย่างนั้น

            “เช่นนั้นเจ้าก็เลือกเร็วๆ แล้วรีบๆ ออกไปเสียสิ” 

            “แล้วตกลงท่านได้รับอนุญาตแล้วรึ” นางยังอยากเอาชนะเขาอยู่ด้วยการโต้เถียงแบบเด็กๆ

            “เอาเป็นว่าข้าได้รับคำสั่งจากท่าน...แม่ทัพให้มาที่นี่ก็แล้วกัน” เกือบจะหลุดปากเรียกท่านพ่อออกมาแล้ว

            “คงโดนลงโทษละสิ” นางพึมพำแล้วหมุนตัวเลือกหยิบตำราแพทย์อีกสองเล่มมาไว้ในอ้อมแขน

            “อะไรนะ” เขาได้ยินชัดแต่ก็ยังแสร้งทำเป็นได้ยินไม่ชัด

            “ได้ยินหรือเจ้าคะ” นางหันมาทำตาโตด้วยความประหลาดใจ  แต่พอเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเขาแล้วนางก็กลั้นหัวเราะ “หน้าตาไม่เต็มใจมาแบบนี้ ต้องโดนลงโทษมาแน่ๆ”

            “เจ้านี่มัน!” จะพูดว่าสู่รู้เกินไปแต่ก็ไม่อยากพูด จะกลายเป็นผู้ชายปากร้ายต่อว่าผู้หญิงที่ไม่รู้ฐานะของเขาได้

            “เอาเถอะ ท่านโชคดีนักที่ได้มีโอกาสเล่าเรียนและได้มีหนังสือดีๆ มากมายให้เลือกอ่านเช่นนี้”

            “แล้วเจ้าล่ะ อ่านหนังสือออกด้วยรึ” 

            “ถึงข้าไม่ได้เข้าเรียนในสำนักศึกษาแต่ท่านพ่อก็สอนอ่านเขียนนะเจ้าคะ” นางพูดด้วยความภูมิใจ อย่างน้อยนางก็รู้หนังสือเพราะบิดาของตน 

            จ้าวจิ่นสือมองนางอย่างประเมินแล้วลองสอบถาม “เจ้ารู้จักหลิ่งหลินได้อย่างไร”

            “หลิ่งหลิน?” นางทวนคำแล้วก็นึกได้ “ท่านหมายถึงเคอหลิ่งหลินใช่หรือไม่”

            “อืม...” อยู่ข้างนอก พี่สาวซุกซนคนนี้คงใช้แซ่เดิมของนาง

            “ตอนนั้นข้าแอบหลบท่านพ่อขึ้นเขาไปหาสมุนไพร หลงป่าอยู่สามวันสามคืน บังเอิญพี่หลิ่งหลินมาพบข้าเข้าได้ช่วยชีวิตข้าไว้และพาข้าไปส่งที่บ้านอย่างปลอดภัย นับแต่นั้นก็ได้พบพี่สาวบ่อยๆ เจ้าค่ะ แต่มิรู้ว่านางเป็นลูกบุญธรรมแม่ทัพจ้าว”

            “พี่สาว? ท่าทางเจ้าสนิทสนมกับนางนะ”

            “ก็...” นางอึกอักคิดคำตอบ จะบอกว่าสนิทสนมก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะนางเองก็เพิ่งรู้ว่าเคอหลิ่งหลินเป็นลูกบุญธรรมแม่ทัพจ้าว แต่ถ้าพูดไม่ว่าสนิทนางก็พลั้งปากเรียก ‘พี่สาว’ อยู่หลายครั้ง

            “เจ้าเรียกนางว่าพี่สาว คงสนิทสนมในระดับหนึ่ง” เขาหรี่ตามองอย่างประเมิน “ทำไมนางถึงบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้”

            “เรื่องนั้น” นางเม้มริมฝีปากแน่นจนเรียบตึง จำได้ว่าก่อนที่เคอหลิ่งหลินจะออกไปนำไข่มุกหมื่นราตรีมารักษาคุณชายเฉิน นางถึงกับบังคับให้ผู้อารักขาคุณชายให้คำสัตย์สัญญาว่าจะไม่บอกใคร แล้วนางก็ยืนอยู่ตรงนั้น จะให้นางพูดได้อย่างไรกัน       

            “ขออภัย ข้าน้อยไม่ทราบเรื่องนั้นจริงๆ”

            “ไม่ทราบหรือไม่พูด” เขายกมือขึ้นกอดอก ปรายตามองหนังสือในอ้อมอกของนางที่กอดไว้อย่างหวงแหน

            “ไม่ทราบเจ้าค่ะ” นางยืดตัวขึ้นพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้แววซุกซน จ้องมองเขากลับไม่มีท่าทางหวาดกลัว

“ข้าน้อยเข้าใจว่าท่านชอบพี่สาวมาก คงจะทรมานใจมิน้อยที่เห็นนางบาดเจ็บขนาดนี้ แต่ท่านเค้นถามข้าน้อยอย่างไร คำตอบของข้าน้อยก็เป็นเช่นเดิม”

            ชายหนุ่มถลึงตามอง ไม่คิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ จะใจกล้า! กล้าพูดแบบนี้กับเขาได้ ยิ่งท่าทางไม่ยอมใครของนางด้วยแล้ว ยิ่งทำให้นางไม่เหมือนหญิงชาวบ้านทั่วไป

            เห็นเขากัดฟันข่มโทสะ นางก็ไม่อยากก่อกวนเขาเกินความจำเป็นนัก อย่างไรนางก็ไม่รู้จักเขาและคงไม่มีทางข้องเกี่ยวกับคนผู้นี้เป็นแน่ หญิงสาวจึงเป็นฝ่ายยอมถอยให้ครึ่งก้าว นางได้หนังสือที่ต้องการแล้ว รอเพียงแค่ชุนเอ๋อร์มารับนางซึ่งป่านนี้ก็คงเช็ดตัวให้เคอหลิ่งหลินเสร็จแล้ว นางจะได้กลับเสียที

            “แม่นางมู่ อุ๊ย! คุณชายจ้าว”

            แค่คิด คนที่นึกถึงก็เดินเข้ามาตามพอดี ชุนเอ๋อร์เห็นคุณชายของบ้านก็ย่อตัวคารวะ ท่าทางนอบน้อมของชุนเอ๋อร์ทำให้มู่ฟางเหนียงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นางกวาดสายตามองบุรุษร่างสูงและเค้าโครงหน้าคมคายที่ถอดแบบมาจากแม่ทัพจ้าวซื่อก่วง ทว่ามีดวงตาอ่อนโยนดุจเดียวกับฮูหยินอี้ซิ่ว นางสูดลมหายใจลึกแต่ไม่แสดงท่าทางอะไร นางติดตามบิดารอนแรมรักษาคนไปทั่ว เจอทั้งยาจกและเศรษฐี คหบดีหรือราชนิกุล เรื่องกระตุกหนวดเสือนางก็ทำมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว หากแต่ไม่เคยสังเกตใบหน้าของเขาจึงไม่สนใจจะคาดเดาฐานะของคนผู้นี้

            แทนที่นางรู้ฐานะของเขาแล้วจะแสดงอาการนอบน้อมหรือตื่นตระหนก เขากลับเห็นเพียงแววตาสงบนิ่งและชินชา ราวกับเขาไม่ใช่บุคคลสำคัญให้ใส่ใจ โทสะที่สงบกรุ่นขึ้นมาอีก แต่ก็ต้องข่มไว้เพราะนางเป็นเพียงสตรี เขาไม่อยากได้ชื่อว่ารังแกแม้กระทั่งผู้หญิงตัวเล็กๆ

            “ข้าน้อยขอตัวเจ้าค่ะ”

            นางแนบหนังสือไว้กับอก ย่อตัวคารวะแล้วมองทางชุนเอ๋อร์ที่มายืนรอรับนางแล้ว เพียงเท้าของนางก้าวพ้นธรณีประตู เสียงเรียกด้านหลังก็ทำให้นางชะงัก

            “หนังสือนั่นท่านแม่ข้าให้เจ้ายืม เจ้าต้องเอามาคืนบนชั้นตามตำแหน่งเดิมและไม่ขาดหรือชำรุดแม้แต่แผ่นเดียว”

            “ข้าน้อยทราบแล้วเจ้าค่ะ”

            นางตอบแล้วก็เดินตามชุนเอ๋อร์ออกไป พอพ้นประตูได้หลายก้าวแล้ว นางก็เบ้ปากนิดๆ ผู้ชายอะไร คิดเล็กคิดน้อยอย่างกับผู้หญิง เอาแต่ใจตนเองเหมือนพวกลูกคนเดียว เอ๊ะ! นิสัยนี้คุ้นๆ แฮะ เหมือนที่พี่สาวเคยพูดถึงน้องชายอยู่บ่อยๆ แต่คนผู้นั้นตัวโตออกปานนั้น อายุก็คงพอๆ กับพี่หลิ่งหลิน คงไม่ใช่น้องชายที่นางมักเล่าให้ฟังบ่อยๆ หรอกนะ

            “พี่ชุนเอ๋อร์” นางเรียกอย่างเกรงใจ ขณะเดินกลับไปที่ห้องพักของเคอหลิ่งหลินเพื่อหยิบล่วมยาเตรียมกลับบ้านพร้อมหนังสือในอ้อมอก

            “มีอะไรรึ” ชุนเอ๋อร์หันมาถามด้วยรอยยิ้ม นางรู้สึกเอ็นดูหญิงสาวอายุน้อยคนนี้เหมือนกัน

            “พี่สาว เอ๊ย! ท่านหญิงมีน้องชายหรือไม่เจ้าคะ”

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter  136.  จบ

    องค์ชายไท่หยางมักมีรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าซีดเซียวเสมอ ซึ่งมองเพียงผิวเผินจะเข้าใจว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ใครเลยจะรู้ว่าเบื้องหลังใบหน้าและร่างกายอ่อนแอนี้กุมความลับที่ใช้ต่อรองกับเขาได้ดียิ่งนัก เขาเองก็ได้สัญญาการซื้อขายกับทางการหลายรายการเพราะการแนะนำของคุณชายเฉิน“แล้วนี่คุณชายเฉิน อ้อ! ไม่สิ! องค์ชายไท่หยางนึกสนุกอย่างไรถึงอยากได้หน้ากากอสูรที่ดูน่ากลัวเช่นนี้”“ก็คงไม่ต่างจากเจ้าที่เบื้องหน้าเป็นคุณชายเจ้าสำราญเช่นกัน”“พระองค์กล่าวเช่นนี้ เห็นทีว่ากระหม่อมคงไม่มีทางหลีกเลี่ยงแล้วกระมัง” เหวินเฮ่าหลันกลับรู้สึกพอใจกับท่าทางเปิดเผยขององค์ชายไท่หยาง“ร่างกายของข้าไม่ค่อยแข็งแรงนัก จึงมีเรื่องที่ต้องทำให้เรียบร้อยก่อน... แต่การเคลื่อนไหวในฐานะขององค์ชายไท่หยางทำได้ลำบากนัก จึงอยากจะรบกวนเจ้าหาช่างดีๆ ทำหน้ากากอสูรนี่ให้ข้า”“พระองค์จะเอาไว้ใช้เอง?”เหวินเฮ่าหลันได้คำตอบเป็นรอยยิ้มที่มุมปาก หลังจากนั้นเขาหาช่างที่ไว้ใจได้สั่งทำหน้ากากอสูร แต่ไม่รู้สิ่งใดดลใจเขาให้ช่างทำสองอัน เมื่อส่งมอบหน้ากากอสูรนั่นให้องค์ชายไท่หยาง ไม่นานนักก็ได้ยินข่าวว่ามีบุรุษลึกลับภายใต้หน้ากากอสูรออกอาละวาดเล่น

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter  135.  บุปผาพยศรัก

    ปีศาจน้อย! จ้าวจิ่นสือขบกรามแน่น นางเรียนรู้ที่จะหยอกล้อเขาเช่นเดียวกับที่เขาทำกับนาง เขาไม่อาจทานทนไฟปรารถนาที่เผาไหม้อยู่นี้ได้อีก ขยับร่างกายรวดเร็วรุนแรงและลึกล้ำ เป็นนางที่พาเขาให้เตลิดโบยบินไปในค่ำคืนวิวาห์ที่อุ่นร้อน ราวกับวิหคคู่ที่โบยบินในเวิ้งฟ้า หยอกล้อราวกับทั้งโลกมีเพียงแค่เขากับนางเท่านั้น ร่างสองร่างสอดประสานแทบเป็นหนึ่งเดียว ชายหนุ่มส่งเสียงคำราม ในขณะที่หญิงสาวหวีดร้องออกมาอย่างสุขสม แล้วเขาจึงผ่อนร่างนางลงนอนกอดอย่างรักใคร่นางปิดเปลือกตาหอบใจแรงแล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจตัวเองจนเกือบจะเป็นปกติจ้าวจิ่นสือมองหญิงคนในรักในวงแขน ยกมือขึ้นเกลี่ยเส้นผมของนางให้พ้นใบหน้า หนึ่งชีวิตได้พานพบผู้คนมากมาย แต่มีเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นเจ้าของเสียงในหัวใจ เขาก้มหน้าสูดกลิ่นหอมของนางให้กลิ่นกายของนางไหลเวียนในตัวเขา นางคือหญิงสาวของเขาแต่เพียงผู้เดียว“ฟางเหนียง ข้ารักเจ้า”ผ่านเรื่องราวมากมายฟันฝ่ามาด้วยกันจนมีวันนี้ แต่แท้จริงแล้วทุกอย่างมันเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น นางคิดถึงกลองป๋องแป๋งอันนั้น นางจะเก็บรักษาเอาไว้ให้ลูกๆ ได้ดู ของขวัญล้ำค่าที่เชื่อมโยงหัวใจของคนสองคนให้ได้มาใกล้ชิดกั

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter  134.  บทส่งท้าย2. 

    “ท่าน...” นางถูกดวงตาร้อนแรงของเขาจ้องมองจนลืมคำพูดตัวเองไปเสียสิ้น “อืม”เขาจ้องมองนาง ไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่ายที่ได้มองใบหน้านี้เลยสักคราเดียว คิดไม่ออกเลยว่าหากไม่มีนางเคียงข้างแล้ว เขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร เห็นทีเรื่องนี้คงต้องเก็บเป็นความลับไว้ให้ลึกที่สุด ไม่เช่นนั้นนางจะเอาแต่ใจตัวเองเกินไป รู้ว่าอย่างไรเขาก็ต้องจำนนยอมแพ้พ่ายต่อสายตาคู่นี้ของนาง “ข้า... ข้าต้องปรนนิบัติท่าน... พี่” คืนนี้นางเป็นภรรยาของเขาอย่างถูกต้องแล้ว ควรทำหน้าที่ของตนเองถึงจะถูก แต่มือเล็กก็สั่นเทา ยื่นไปหมายจะช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่อาการเงอะงะของนางเรียกเสียงหัวเราะเบาๆ ออกมา ทำให้นางฉุนกึกขึ้นมา แล้วเงยหน้าขึงตาใส่อย่างดุดัน “ใช่สิ! ข้าทำไม่เก่งนี้ เรื่องแบบนี้ข้าคุ้นเคยเสียเมื่อไหร่ล่ะ” นางหงุดหงิดโมโห อารมณ์นางช่วงนี้ขึ้นๆ ลงๆ แปรปรวนชอบกล “ไม่เป็นไร น้องหญิงอยากทำอะไรก็ตามใจเจ้าเถิด” เขากลั้นหัวเราะแต่กลายเป็นยิ้มกรุ้มกริ่มแทน ปล่อยให้มือเล็กช่วยถอดเสื้อตัวนอก พอนางลุกขึ้นจะเอาเสื้อของเขาไปแขวน ตัวเองก็เสียหลักเพราะนั่งตัวเกร็งอยู่ตั้งนา

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter   133.  บทส่งท้าย 1.

    หญิงสาวนั่งก้มหน้า มองปลายเท้าที่สวมรองเท้าสีแดงสดสวยปักรูปหงส์อย่างงดงามประณีต เสียงครื้นเครงด้านนอกไม่ได้ช่วยให้นางลดอาการตื่นเต้นลงได้เลย ยามมองผ่านผ้าคลุมหน้าสีแดงสดนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องหอราวกับถูกย้อมด้วยสีแดง นางจึงหลุบตาลงก้มมองปลายเท้าของตนแทน เพียงหนึ่งเดือนหลังเสร็จภารกิจลับของจ้าวจิ่นสือ ด้วยความช่วยเหลือขององค์ชายไท่หยาง ทำให้ทั้งสองได้รับราชโองการพระราชทานสมรส แม้มู่ฟางเหนียงจะเป็นเพียงหญิงสาวสามัญชน แต่ด้วยความรักใคร่ที่รองแม่ทัพจ้าวจิ่นสือมีให้นางนั้นเป็นที่เลื่องลือกันไปทั่ว นางทั้งเขินทั้งอาย แต่ก็ดีใจที่ฮูหยินอี้ซิ่วรักและเอ็นดูนางราวกับเป็นลูกสาวแท้ๆ ท่านพ่อของนางก็พลอยวางใจว่านางจะอยู่ที่จวนแม่ทัพจ้าวได้อย่างไม่ทุกข์ร้อนใจอันใด “เจ้าไม่ใช่เด็กแล้ว ต่อไปนี้ทำอะไรก็เชื่อฟังพ่อแม่สามีของเจ้าให้ดี” “ท่านพ่อ” นางกลั้นน้ำตา คราวนี้ได้แยกกันอยู่แล้วจริงๆ ท่านพ่อของนางมีใจรักใคร่น้าเสี่ยวหลิว เสร็จงานแต่งงานของนางแล้วก็จะกลับไปเมืองหลวง ช่วยน้าเสี่ยวหลิวดูแลโรงเตี๊ยมหมื่นบุปผาและรักษาคนเจ็บป่วยเช่นเคย ส่วนนางเองก็ได้รั

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 132. ไม่อยากเชื่อ

    “ท่าน... ระ.. รักข้า..” นางแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเขาหัวเราะเบาๆ อาศัยจังหวะที่นางไม่เป็นตัวของตัวเองลอกคราบเสื้อผ้าออกเหลือเพียงเอี๊ยมปิดบังทรวงอกที่สะท้อนหอบหายใจแรงกับกางเกงชั้นในตัวน้อย มือกร้านลูบไล้เรียวขาของนาง ไอร้อนจากกายของเขาทำให้นางแทบไม่รู้สึกว่าตัวเองเกือบจะเปลือยเปล่าอยู่แล้ว“ข้า... เข้าใจว่า... ท่าน ระ รัก พี่หลิ่งหลิน” นางรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีพูดออกไปเขาผงกศีรษะรับแล้วกลับยิ้มให้นาง “ก่อนนั้นข้าคิดเช่นนั้น แต่เมื่อเจอเจ้า ข้าก็รู้ว่าความรักที่แท้จริงเป็นเช่นไร”หัวใจของนางแทบหยุดเต้นไป แต่กระนั้นก็ยังหวาดหวั่นอยู่ “แต่ท่านเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ ท่านจะรับข้าไว้ในฐานะใดเล่า”“ข้าย่อมให้เจ้าเป็นภรรยา” มือใหญ่เลื่อนขึ้นจากต้นขาด้านในสู่กลีบบุปผาอ่อนบาง “ข้าจ้าวจิ่นสือจะมีภรรยาเพียงผู้เดียวก็คือเจ้า”“ท่านจะไม่มีหญิงอื่นอีกหรือ?” นางกะพริบตามองหน้าเขา ค้นหาความจริงใจในทุกถ้อยคำ “ข้าไม่ได้หวังตำแหน่งใด ข้าเพียงไม่อาจแบ่งสามีกับผู้อื่นได้”“เจ้าทำให้ข้ารักเจ้าจนไม่มีที่ว่างให้ผู้อื่นแล้ว” แตะกลีบดอกไม้เบาๆ แล้วกระซิบเสียงพร่า แท่งศิลาใต้ตักของนางเริ่มร้อนระอุ“อย

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 131. อย่ามายุ่งกับข้า 

    “นึกแล้วเชียว” นางพึมพำ ไม่รอถามอะไรเขาทั้งนั้น ขยับเสื้อของเขาออกกว้างเพื่อจะได้จัดการล้างแผลและใส่ยาให้ใหม่ ขณะนั้นเอง เสียงเรียกชื่อนางอย่างเกรงใจก่อนที่จะเปิดประตูเข้ามา เสี่ยวเอ้อที่รอพานางไปส่งที่พักก็ต้องตกใจเพราะเห็นมู่ฟางเหนียงกำลังเปลื้องผ้าชายหนุ่มอยู่ แต่เขามองไม่เห็นบาดแผลจึงคิดไปเองว่าทั้งสองกำลัง...“ข้าจะรอข้างนอก แม่นางมู่เสร็จธุระแล้วโปรดเรียก”นางเพียงหันไปพยักหน้ารับ เพราะใจจดจ่อกับบาดแผล พอเหลือบตาขึ้นมองก็เห็นสายตาของเขาก้มมองนางอยู่ก่อนแล้วผู้หญิงคนนี้ วุ่นวายกับเขานัก! จ้าวจิ่นสือได้แต่บ่นในใจ แต่ก็ยอมให้นางแกะผ้าพันแผลและทำความสะอาดที่บริเวณชายโครงซ้ายของเขา“โรคทางใจรักษายากนัก” นางรำพึง“อย่ามาทำเป็นรู้ดี” เขาแค่นเสียงในลำคอ รินสุราใส่จอกให้ตนเอง แต่นางกลับยื่นมือไปคว้าแย่งไว้“ระหว่างที่รักษาแผลนี้อยู่ งดดื่มสุราทุกชนิด” นางถลึงตาสั่งเขา “ข้ารักษาให้ท่านได้เพียงบาดแผลภายนอก แต่ในใจที่เจ็บปวดของท่านนั้น ท่านคงต้องใช้เวลาเยียวยารักษาเอง”“ข้าจะดื่ม” เขาท้าทายนาง“ถือว่าข้าเตือนแล้ว ท่านอยากให้แผลเน่าอยู่ภายในก็ตามใจท่านเถิด” นางปิดบาดแผลให้เขาเรียบร้อย “ท่าน

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status